ททท.จัดเต็ม“เทศกาลเที่ยวเมืองไทย”ปี’68จ่อโกย200+500ล้าน
เชิญ“นายกฯอิ๊งค์”ประธานเปิดใหญ่บูม5ภูมิภาค9โซน5Must Do
เจาะคนกรุง-รอบกทม.-Expat/ปูพรมต่อยอดเที่ยวมหาสงกรานต์
ช้อปคิงเพาเวอร์ครบหมื่นลด 2 พัน-AIS Sim2Fly ลด100 บาท
คิงเพาเวอร์แจกบิ๊กโปรผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ลดสูงสุด 20%
ททท.ฉลองสัมพันธ์ภูฎาณ36ปีรุกตลาดท่องเที่ยว Two Way
บางจากเปิดคลินิก “ปันรักษ์”ในปั๊มทั่วไทยปี68นำร่อง 5 แห่ง
TCEBกอดคอ UFI-พันธมิตร4ชาตินำไทยศูนย์กลางไมซ์เอเชีย
สุขทันทีที่“น่าน”เมืองน่าเที่ยวเสน่ห์งดงามสู่เมืองมรดกโลก
5 อาหารบำรุงกระดูกหาง่ายใกล้ตัวทั้งปลา/ผัก/เต้าหู้/นม/ไข่
AOT-ททท.นำสนามบินหนุนเที่ยวไทยเพิ่มเส้นสู่ฮับบินเอเชีย
บางกอกแอร์เทโปรตั๋วสงกรานต์เที่ยวสมุย4ไฟลต์ลดสูงสุด30%
วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #น่านเมืองน่าเที่ยว
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/15wyvYseMH/
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! นิธี สีแพร
รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล่นใหญ่เชิญนายกฯ
“แพทองธาร ชินวัตร” เปิดเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 26-30 มี.ค.68
ยกทั้งประเทศ 5 ภูมิภาค 77 จังหวัด มาไว้ในศูนย์สิริกิติ์
5 วัน หวังเงินสะพัดสูงสุด 200 ล้าน หวังเพิ่มรายได้ต่อเนื่องตลอดปี
500 ล้านบาท จัดเต็ม 9 โซน มหกรรม 5
Must Do ลุยสื่อสารเจาะกำลังซื้อ 3 กลุ่ม
คนกรุง ปริมณฑล ต่างชาติพำนักในไทย ปูพรมโปรโมทต่อ “มหาสงกรานต์” 11-20 เม.ย.นี้ ผลิตลายแทงเที่ยวสงกรานต์ทั่วไทย ปิดท้ายด้วยควันหลง ITB
Berlin 2025 กระแสโลกตอบรับไทยดี เมืองน่าเที่ยวคว้ารางวัลอินเตอร์
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เตรียมแผนสื่อสารตลาดการท่องเที่ยวไตรมาส 2 ปี 2568 จัดอีเวนต์ใหญ่ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ระหว่างวันที่ 26-30 มีนาคม 2568 โดยจะยกเมืองไทยทั้ง 5 ภูมิภาค มาไว้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งเรียนเชิญ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันที่ 26 มีนาคม 2568 เพื่อกระตุ้นการออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่องถึงธันวาคมนี้
“งานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ปี 2568
เป็นมหกรรมแห่งปีที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากรอคอย
คาดตลอดการจัดงานจะมีผู้เข้างานกว่า 200,000 คน
เพราะเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า
ผนวกกับมีงานมหกรรมสัปดาห์หนังสือหมุนเวียนมาเดินชมงานท่องเที่ยวผนึกกำลังกันสร้างแรงบันดาลใจให้ออกเดินทางเที่ยวเมืองไทย
โดยมีแรงจูงใจใช้จ่ายเงินภายในงานเฉลี่ย 1,000-2,000 บาท/คน
จึงสร้างสามารถสร้างเงินสะพัดจากงานประมาณ 100-200 ล้านบาท
และขยายผลทางเศรษฐกิจทางอ้อมที่เกิดขึ้นจากขายต่อเนื่องให้คนไปเที่ยวตลอดทั้งปีได้ไม่ต่ำกว่า
500 ล้านบาท
ภายในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2568 นักท่องเที่ยวจะได้พบกับจุดขายเด่นของแต่ละภาคเด่น ๆ 5 ไฮไลต์ นำมาไว้ใน 9 โซน ได้แก่
โซนที่ 1-5 เสน่ห์ท้องถิ่น 5 ภูมิภาค ได้นำแลนด์มาร์ค และสินค้าครบวงจรกมาไว้ใน “หมู่บ้านรายภาค” แบ่งเป็น 5 โซน ได้แก่
• หมู่บ้านภาคกลาง เที่ยวหรูพรีเมียมกับ SRT Royal Blossom ตามด้วย 5 Must do in Central เช่น อาหารมิชลิน งานคราฟต์ DIY แลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยวจำลองให้เช็คอิน
• หมู่บ้านภาคเหนือ นำเสนอ Season of North 2025 ควบคู่มหกรรม ฟู้ด แอนด์ เฟสติวัล The North LED Show ขบวนแห่วัฒนธรรม ขันโตกพรีเมียม
• หมู่บ้านภาคตะวันออก ดีไซน์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ 9 จังหวัด ในธีม 5 Must do in the East โดยมีเทคโนโลยีเสมือนจริง และกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว
• หมู่บ้านภาคใต้ นำเสนอธีม GO SOUTH แลต๊ะแหล่งใต้ พร้อมแลนด์มาร์คให้เช็คอินอย่าง หลาดลองแล อาหารใต้รสเด็ด กิจกรรมมากมาย
• หมู่บ้านอีสาน ยก 20 จังหวัดผ่านเรื่องราวครบทุกอย่างผ่าน 5 Must Do in Isan สัมผัสประเพณีอีสานสุดอลังการ นำต้นกระธูปยักษ์มาเป็นแลนด์มาร์ค สัมผัสงานประเพณี ตลาดโหวกเหวก และผลิตภัณฑ์สินค้ามากมาย
“โซนที่ 6” สุขทันที 65 ปี ททท.ภายใต้ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ความเป็นองค์กรชั้นนำด้านการท่องเที่ยว นิทรรศการ TeamLab สุดล้ำ ร้านกาแฟ Amazing Coffee กับเมล็ดพันธุ์ไทยแท้ ลุ้นรับ Art Toy คอลเลคชั่นพิเศษ
“โซนที่ 7” รวบรวมหน่วยงานพันธมิตรท่องเที่ยวมานำเสนอสินค้าดี ๆ จากทั่วประเทศ
“โซนที่ 8” เวทีกลาง พบความสนุกสนานบันเทิง เสน่ห์ไทย ซอฟท์ พาวเวอร์ ชมการเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย 5 ภูมิภาค โชว์ศิลปวัฒนธรรม การแสดงร่วมสมัย จับรางวัล สร้างมีส่วนร่วมกับนักท่องเที่ยว
“โซนที่ 9” การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน Sustainable Tourism Goals :STGs ตามคอนเซ็ปต์ ททท. แนะนำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่เชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทย
นายนิธี กล่าวว่า ททท.ได้ใช้“กลยุทธ์การสื่อสารตลาด” เผยแพร่ประชาสัมพันธ์จะเน้นเจาะตลาดที่มาเยี่ยมชมงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 กรุงเทพฯ และปริมณฑล กลุ่มที่ 2 นักท่องเที่ยวต่างชาติที่พำนักในเมืองไทย (expat) กลุ่มที่ 3 ครอบครัว จะเลือกใช้สื่อเข้าถึงเป้าหมายทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ โทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย อินฟลูเอนเซอร์ มีผู้ติดตามตั้งแต่ 1-3 แสนคน เพิ่มความน่าสนใจให้ฮือฮาตลอดงาน พร้อมไลฟ์สดบางช่วงเวลา เพื่อแนะนำให้คนมาเลือกช้อป ชิม แชะแชร์ อย่างเต็มที่
ทั้ง 5 ภูมิภาค พร้อมจะนำสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นแลนด์มาร์คของภูมิภาคมาไว้ในหมู่บ้านของตนเอง เช่น ต้นกระธูปยักษ์ จ.ชัยภูมิ ในหมู่บ้านภาคอีสาน คาเฟ่เก๋ ๆ หมู่บ้านภาคเหนือ แลต๊ะแหล่งใต้ ในหมู่บ้านภาคใต้ รวมทั้งมีอาหารการกิน ผลิตภัณฑ์ชุมชนพรีเมี่ยม และอื่น ๆ
ส่วนเทศกาล “สงกรานต์” 11-15 เมษายน 2568 ก็จะเดินหน้าโปรโมทต่อเนื่องพื้นที่จัดยิ่งใหญ่ “สงกรานต์ท้องสนามหลวง” นำศิลปิน ดารา นักร้อง ดนตรี EDM เปิดแผ่น การแสดงเทศกาลดนตรี งานแสดง แสง สี เสียง โชว์โดรนอย่างงดงาม
สำหรับขบวนแห่มหาสงกรานต์ท้องสนามหลวง ปี 2568 จะยิ่งใหญ่กว่าพลิกโฉมแตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมาบริเวณถนนราชดำเนินกลางถึงท้องสนามหลวง เป็นการคัดสรร “ซอฟท์ พาวเวอร์” นางสงกรานต์ แฟชั่น ภาพยนตร์
ขณะที่สงกรานต์ภาคอื่น ๆ ททท.ได้จัดทำ “ลายแทง” มีพื้นที่อัตลักษณ์อย่าง “ภาคเหนือ” จัดสงกรานต์ สลุงหลวง จ.ลำปาง “ภาคอีสาน” จัดใหญ่แห่กระธูปยักษ์ จ.ชัยภูมิ และเล่นสาดน้ำคลื่นมนุษย์ จ.ขอนแก่น “ภาคกลาง” เล่นสงกรานต์กับช้าง จ.พระนครศรีอยุธยา สงกรานต์มอญปากลัด ทอยสะบ้า จ.สมุทรปราการ “ภาคใต้” ประเพณีแห่นางดาน จ.นครศรีธรรมราช มิดไนท์ สงกรานต์หาดใหญ่ จ.สงขลา และสงกรานต์ตามพื้นที่เสริมอื่น ๆ ซึ่งพร้อมจะโปรโมททุกช่องทาง
แนวโน้มการท่องเที่ยว “มหาสงกรานต์ 2568 ” จะเป็นงานเทศกาลประเพณีที่อยู่ในใจของนักท่องเที่ยวสร้างอัตราการเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา 11-20 เมษายน 2568 น่าจะมีมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 10 %
นายนิธี กล่าวว่า ททท.ยังมีควันหลงความสำเร็จจากงาน ITB Berlin 2025 ส่วนที่ 1 ได้ขยายพื้นที่ใหญ่กว่าเดิม 4 เท่า จาก 500 เป็น 1,820 ตารางเมตร ส่วนที่ 2 นำเมืองน่าเที่ยว Hidden Gem Cities เข้าร่วมขายเป็นครั้งแรกจาก 18 จังหวัด ส่วนที่ 3 กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว SMEs ตอกย้ำถึงผู้นำความพร้อมของไทยที่ประกาศก้าวขึ้นเป็นผู้นำท่องเที่ยวโลก รวมทั้งไทยยังได้รับรางวัล เป็นประเทศจุดหมายปลายทาง LGBTQ และรางวัลแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนของเมืองน่าน และเชียงคาน จ.เลย
ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมเป็นประธานเปิดโครงการ Amazing Thailand Grand Tourism and Sport Year 2025 ขับเคลื่อนนโยบายการท่องเที่ยวไทยเป็นจุดหมายปลางทางระดับโลก Worldclass Tourism Destination เพื่อผนึกกำลังกับทุกภาคส่วนที่จะนำการท่องเที่ยวเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากที่สุด
งาน ITB Berlin 2025 ทุกประเทศซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวหลักในยุโรป ยังคงเหนียวแน่นที่เลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากสายการบินนานาชาติเพิ่มจำนวนที่นั่ง และเส้นทางบินให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดต่าง ๆ
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ช้อปคิงเพาเวอร์ครบหมื่นลด2พัน-AIS Sim2Flyลด100บาท
ตลุยช้อปได้ตลอดเดือนมีนาคม 2568
ที่ “คิง เพาเวอร์” สาขาในเมือง 3 แห่ง คือ
รางน้ำ ศรีวารี และภูเก็ต
สำหรับ “คนมีไฟลต์” เตรียมออกเดินทางต่างประเทศ อย่าให้ไฟลต์ในมือต้องสูญเปล่า! รับคูปองส่วนลดมูลค่า 2,000 บาท
เมื่อช้อปสินค้า 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ รับได้เลยส่วนลด 2 ใบ ให้สิทธิคนละ 2 ใบ / วัน หรือ ส่วนลดไม่เกิน 4,000 บาท
สมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY สมัครฟรี! พร้อมรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ทุกการช้อปรับทันที ส่วนลด 5%
ใครยังไม่มีซิมใช้ที่ต่างประเทศ ต้องกดช้อปด่วนๆ AIS SIM2FLY แจกFree! ส่วนลดซื้อซิมมูลค่า 100 บาท เมื่อช้อปปิ้งที่คิง เพาเวอร์ ออนไลน์
เลือกช้อปผ่านเว็บไซต์หรือ App ก็สะดวกสบายมาก แค่มีไฟลต์บินอยู่ในมือ!! กดช้อปไอเทมฮิตแบรนด์ดังด่วน และรอรับของที่สนามบินขาออกนอกประเทศ
พิเศษ! รับโค้ดส่วนลด 100 บาท สำหรับสั่งซื้อ Sim2Fly ช้อปได้เลยตั้งแต่วันนี้
- 31 มีนาคม 2568
เมื่อสั่งซื้อสำเร็จรับโค้ดส่วนลดจะถูกจัดส่งทาง
SMS ใช้โค้ดส่วนลดได้ตั้งแต่วันนี้-
30 เมษายน นี้
ข่าวที่
2
-คิงเพาเวอร์แจกบิ๊กโปรผ่านบัตรเครดิต/เดบิตลดสูงสุด20%
คิง เพาเวอร์ จัดบิ๊กโปรโมชั่น “GET READY WITH PRE-TRIP OFFERS” มอบความพิเศษให้ผู้ถือบัตรเครดิต หรือเดบิต ของธนาคารที่ร่วมรายการ
เมื่อช้อปปิ้งกับ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ไม่ว่าจะผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือ Application
ก็สะดวกสบายมาก แค่มีไฟลต์บินอยู่ในมือ!! กดช้อปไอเทมฮิตแบรนด์ดัง ๆ
ด่วนได้ตลอดทุกวัน แล้วรอรับของที่สนามบินขาออกนอกประเทศ
ช้อปคุ้มต้องกดใช้ 2 CODE ซึ่งแต่ละโค้ดให้สิทธิจะขึ้นอยู่กับบัตรเครดิต
หรือ เดบิต แต่ละธนาคารที่ร่วมรายการ เป็นลดสูงสุด 20% CODE คือ
20MAR25
พิเศษ! บัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
ลดเพิ่มทันที 400 บาท
1.สินค้า Duty
Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน
2.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน
3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด
16,500 บาท
ข่าวที่ 3
-ททท.ฉลองสัมพันธ์ภูฎาณ36ปีรุกตลาดท่องเที่ยวTwo
Way
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปภูฎานพร้อมนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเยือนภูฏานอย่างเป็นทางการ
และร่วมหารือแนวทางส่งเสริมการตลาดคุณภาพแบบ Two Ways Marketing กับแนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน
ฉลองโอกาสครบรอบ 36
ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับภูฏาน ต่อจากเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ททท.กับกรมการท่องเที่ยวภูฎานได้ลงนามความร่วมมือกันไว้
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2568 จึงได้หารือถึงการขยายผลร่วมมือกันส่งเสริมการขายในรูปแบบ
Bundle Package - Two Kingdoms, One Destination มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป
อเมริกาและตะวันออกกลางที่นิยมท่องเที่ยวภูฏาน 5-10 วัน ให้เดินทางต่อมายังไทยอีก
5-15 วัน ภายใต้การพัฒนามาตรฐานสินค้าและบริการ ซึ่งมีผลการศึกษาแนวทางและกระบวนการจัดเก็บภาษีการพัฒนาอย่างยั่งยืน
(Sustainable Development Fee: SDF) ระบุนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายเงินเฉลี่ย
100 เหรียญสหรัฐ/วัน ซึ่งทางรัฐบาลภูฎานมีนโยบายการท่องเที่ยว High Value,
Low Volume และการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยว (Tourism
Fee) ของนักเดินทางไทย
การเดินทางครั้งนี้ H.E. Dasho Tshering Tobgay นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรภูฏาน
มีคำเชิญเป็นทางการให้ นายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์
ผู้ว่าการ ททท. พร้อมด้วยนางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงธากา
ผู้บริหาร ผู้ประกอบการและสื่อมวลชนไทย เดินทางเยือนราชอาณาจักรภูฏาน
แล้วก็มีโอกาสได้เข้าหารือแนวทางการส่งเสริมการตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพแบบ Two
Ways Marketing ดังกล่าว
จากนั้นรัฐมนตรีฯ นำคณะผู้บริหารเข้าพบ H.E. Lyonpo Namgyal Dorji รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
พาณิชยกรรม และการจ้างงานเพื่อร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
ระหว่าง 2 ประเทศเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะ 1.การผลักดันด้านการเดินทางท่องเที่ยว 2.ความร่วมกันสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จะมาร่วมในงาน
Thailand Travel Mart Plus 2025 ของไทยเตรียมจัดกิจกรรมเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมแบบ
B2C การนำคณะสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว
และนำคณะนักแสดงเผยแพร่วัฒนธรรมสร้างการรับรู้ตลาดเมืองไทย
ปี 2568 ครบ36 ปี ที่ประเทศไทยและภูฏานสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับพระราชวงศ์
รัฐบาลและประชาชน เมื่อปี 2554 ททท. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการท่องเที่ยวไทย-ภูฏาน
ฉบับแรกจนถึงเมื่อ 26 มิถุนายน 2567 และเดินหน้าผนึกความร่วมมือต่อเนื่องจากจนถึงปี
2568
ครั้งนี้ยังได้การหารือกับผู้บริหาร “ดรุ๊คแอร์”
เร่งเพิ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่เดินมาภูฏานปีละกว่า 200,000 คน ให้มาเที่ยวเมืองไทยไทยทั้งก่อนหรือหลังภูฏานด้วย
โดยมีผู้แทนไทยร่วมเดินทางไปด้วยคือ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผู้แทนจาก
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) และสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) จะได้ขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวภาครัฐและเอกชนต่อไป
ข่าวที่ 4-บางจากเปิดคลินิก “ปันรักษ์”ในปั๊มทั่วไทยปี68นำร่อง5แห่ง
นายเสรี อนุพันธนันท์
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมมือกันจัดตั้งคลินิกนวัตกรรม
"ปันรักษ์" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
หรือ "30
บาทรักษาทุกที่" เปิดบริการคลินิกแห่งแรกใน “ปั๊มน้ำมันบางจาก อ่อนนุช 55” ภายในปี 2568 จะขยายให้ครบ 5 สาขา เพื่อรองรับประชาชนในพื้นที่บางศรีเมือง
บางซื่อ ทุ่งครุ และพระประแดง
เปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสุขภาพ ซึ่งเดิมค่าใช้จ่ายแฝงที่เกิดขึ้นจากการเดินทางไปพบแพทย์
ถึงแม้ผู้ป่วยจำนวนมากจะได้รับสิทธิ์รักษาพยาบาลฟรีตามสิทธิ์บัตรทอง
แต่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ตามมา ทั้งค่าพาหนะ ค่าอาหาร
และค่าเสียโอกาสจากการต้องลางาน บางจากฯ จึงได้นำพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมันตามพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศ เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว ช่วยลดอุปสรรคด้านการเดินทางและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้
นายเสรี กล่าวว่า
ต้องการให้ปั๊มน้ำมันบางจากเป็นมากกว่าสถานีเติมพลังงาน
ซึ่งสามารถช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตคนในชุมชน
แล้วคลินิกปันรักษ์จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
และเพิ่มโอกาสให้ผู้คนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองได้ง่ายขึ้น เพราะการเข้าถึงบริการสุขภาพไม่ควรเป็นเรื่องยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูงเกินจำเป็น
คลินิกปันรักษ์คือตัวอย่างของการนำแนวคิด "ย้ายคลินิกไปหาชุมชน"
มาใช้จริง ซึ่งช่วยลดอุปสรรคด้านการเดินทางและค่าใช้จ่ายแฝง
ส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้ารับการรักษาได้เร็วขึ้นก่อนที่อาการจะรุนแรง
ภายใน คลินิก “ปันรักษ์” ได้นำเทคโนโลยีด้านสุขภาพเข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการ
ประกอบด้วย
• Health-Screening
Kiosk สามารถวัดค่าพื้นฐานทางสุขภาพ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง อุณหภูมิร่างกาย
ความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ
• เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ที่ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินภาวะหัวใจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
• Hyperbaric
Oxygen Therapy เป็นนวัตกรรมการบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูงช่วยฟื้นฟูอาการอ่อนล้า
ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ให้แต่ละคนได้ด้วย
ข่าวที่ 5-TCEBกอดคอ UFI-พันธมิตร4ชาตินำไทยศูนย์กลางไมซ์เอเชีย
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผย ว่าทีเส็บพร้อมจับมือกับทางสมาคมการแสดงสินค้าโลก (UFI) ดึงงานไมซ์ขนาดใหญ่ระดับโลกมาจัดในไทยเบื้องต้น 2 งาน
ได้แก่ งานที่ 1 Health Show ตัวแทนผู้จัดงานจากยุโรปจะเดินทางมาไทยช่วงเดือนเมษายน 2568 โดยทีเส็บจะได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาร่วมด้วย ผลักดันอุตสาหกรรมสุขภาพและเวลเนสของไทยขณะนี้ตลาดโลกให้ความสนใจอย่างมากแล้วไทยเองเคยจัด
Health Expo 2022 จึงสามารถต่อยอดให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจเมดิคัล
และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานไทยมีทั้ง โรงพยาบาล
สถานบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐานสากล พร้อมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตอบโจทย์ผู้จัดงาน
รวมทั้งผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าเฮลท์และเวลเนสในไทยติดอันดับ 6 ของโลกด้วย และงานที่ 2 งานแสดงสินค้าเกมส์
กำลังเจรจาเพื่อย้ายสถานที่จัดมาไทยจากเดิมอยู่ในสิงคโปร์
แล้วทีเส็บพร้อมเดินหน้าไทยผนึกกับ
“ซาอุดิอาระเบีย” ขยายฐานไมซ์นานาชาติ ด้วยการใช้จุดแข็งด้าน “การฝึกอบรมบุคลากรไมซ์”
ซึ่งได้สั่งสมประสบการณ์มากว่า 15 ปี
เป็นองค์กรบุกเบิกและผู้นำจัดทำมาตรฐานสถานที่จัดประชุมทั้ง TMVS :Thailand
MICE Venue Standards และ AMVS :ASEAN MICE Venue Standards จึงสามารถพูดคุยกับสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมอยู่ในโครงการนี้ได้ จับมือกันพัฒนานักศึกษาสร้างความพร้อมเสริมศักยภาพผลิตบุคลากรป้อนให้ซาอุดิอาระเบียได้ในอนาคต
รองรับตลาดไมซ์ปี
2568-2570 จะมีงานแสดงสินค้านานาชาติจำนวนงานมากมายเลือกจุดหมายปลายทางเพิ่มขึ้นในไทยและภูมิภาคเอเชียมาแรง
4 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ไทย และซาอุดิอาระเบีย
ซึ่งมีแผนลงทุนสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติพื้นที่จัดประชุมขนาดใหญ่มาก เตรียมเป็นเจ้าภาพจัด
World Expo 2030
ผอ.จิรุตถ์
กล่าวว่าทีเส็บพร้อมจะขยายความร่วมมือต่อเนื่องกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและฮ่องกงตั้งเป้าจะริเริ่มจัด
MICE SHOW ASIA ขึ้นตามรูปแบบเดียวกันกับทางยุโรป
อเมริกา ซึ่งทีเส็บได้รับโอกาสจากจีนให้เข้าไปร่วมด้วย
สอดคล้องกับข้อมูลจาก
UFI 2025 ได้นำเสนอผลวิจัยถึงทิศทางตลาดไมซ์ในอนาคตมุ่งสู่
“เอเชีย” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจีนสามารถทำจีดีพีเติบโตเฉลี่ยปีละ 7 % และขยายตลาดจัดงานเอ็กซิบิชั่นเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของไทยจะได้ร่วมขบวนไมซ์เอเชียสร้างพลังทางเศรษฐกิจด้วยการใช้ศักยภาพของบุคลากรที่ผ่านการอบรมขั้นสูงเป็นจำนวนมาก
ปี 2568
ทีเส็บเร่งเดินหน้าแผนส่งเสริมการตลาดขานรับไมซ์ 2 ประเทศ มีแนวโน้มเติบโตเกิน 5 % ได้แก่
สาธารณรัฐประชาชนจีน และอินเดีย เพิ่มขึ้นจากปี 2567 มีนักเดินทางกลุ่มไมซ์มาไทย
2.4 แสนคน คิดเป็น 10% ของทั้งหมด ส่วนปีนี้จะใช้กลยุทธ์สร้างไมซ์ให้เติบโตด้วย
3 S ได้แก่ 1.Spend More :
ใช้จ่ายเงินเพิ่ม 2.Stay Longer : พำนักอยู่ในไทยนานวันขึ้น และ3.See
You Again กลับมาจัดงานไมซ์ในไทยด้วยความถี่และจำนวนซ้ำปีละหลายครั้ง
กระจายจากกรุงเทพฯ ไปยังภาคอื่นทั้ง ภาคเหนือ เชียงใหม่ ภาคใต้ ภาคอื่น ๆ
ปี 2569 ไทยจะมีงานไมซ์นานาชาติขนาดใหญ่เข้ามาจัดเด่น ๆ จะทำให้ไทยมีโอกาสต้อนรับบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจโลกจำนวนมาก
เบื้องต้นมี 2 งานหลักคือ
• งานประชุม World
Bank 2026 มีผู้เกี่ยวข้องทางการเงินทั่วโลกมารวมตัวกันในไทย
• งานพืชสวนโลกอุดรธานี
2569 และงานประชุมสมาคมการแสดงสินค้าโลก
ประจำภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิกปี 2569 หรือ UFI Asia-Pacific Conference 2026
ช่วงที่ 2 มาชวนไปแอ่วเหนือ
“น่าน” เพิ่งคว้ารางวัลระดับโลก Green Tourism Awards มาหมาด
ๆ 1
ในเมืองน่าเที่ยวที่มีเสน่ห์ครบเตรียมเสนอเป็นเมืองมรดกโลก ตอนนี้ลองเช็คอินได้ 5 พิกัด แล้วลองกิน “5อาหารบำรุงกระดูก”หาง่ายใกล้ตัว
และข่าวเด่น ๆ ข่าวแรก “AOTควงททท.”
นำสนามบินหนุนท่องเที่ยวขึ้นฮับเอเชีย ข่าวที่สอง “บางกอกแอร์”
แจกโปรบินสงกรานต์ไป-กลับ สมุย ลด 30%
ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่“น่าน”เมืองน่าเที่ยวเสน่ห์งดงามสู่เมืองมรดกโลก
เมืองน่าเที่ยว “น่าน” เพิ่งจะสร้างชื่อระดับโลกได้รับรางวัลโกลด์ หนึ่งเดียวในเอเชียจากเวที Green Destinations Award ในงาน ITB Berlin 2025 ตัดสินให้น่านเป็นเมืองที่โดดเด่นด้านการพัฒนาเมืองเก่าอย่างยั่งยืน
ผสมผสานวัฒนธรรม วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล
จึงน่าจะได้ปักหมุดไปสุขทันทีที่เที่ยวตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป 4 พิกัด ดังนี้
พิกัดที่ 1 “ตักบาตรเติมบุญ หน้าคุ้มหลวงนครน่าน” สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดน่าน
เปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมได้ทุกเช้าวันศุกร์และเสาร์ของสัปดาห์
เวลา 07.00 น. เป็นต้นไปบริเวณถนนหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
สร้างอัตลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ขับเคลื่อนเมืองเก่าน่านสู่เมืองมรดกโลกต่อไป
พิกัดที่ 2 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน
ชมฟรีนิทรรศการหมุนเวียนนักษัตรปีมะเส็ง เรื่อง "นาคี นาคา ในงานศิลปกรรมนครน่าน" วันนี้ไปจนถึงเดือนเมษายน 2568 เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับงานศิลปกรรมของเมืองน่านที่เกี่ยวข้องกับพญานาค
และโบราณวัตถุที่เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ อย่าง
“คัมภีร์ใบลาน” ส่วนประกอบสถาปัตยกรรม ตุง เรือจำลองเมืองน่าน
ร่วมสนุกกับกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้มรดกศิลปวัฒนธรรมในเมืองน่าน
"ตามรอยนาคีในหอคำนครน่าน" แลกรับโปสการ์ดที่ระลึก น่านเมืองงาช้างดำ
ร่วมกิจกรรมเพียงเข้าชมนิทรรศการ แลกรับของที่ระลึกสายมูพญานาค “นาคเกี้ยวเหนี่ยวทรัพย์”
(ผ้ายันต์นาคเกี้ยว แผ่นทองนาคเกี้ยว และธูปเลขพญานาค พร้อมคาถาบูชา) 100 ชุด
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกวันพุธ-อาทิตย์
ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น. นำเสนอ
อัพเดทข้อมูลทาง https://www.facebook.com/NanNationalMuseum1987 หรือโทร. 054 772 777 และ 054 710
561
พิกัดที่ 3 เช็คอิน “หาดห้วยโป้ง" ต.ตาลชุม อ.ท่าวังผา เปิดรับซัมเมอร์เล่นน้ำคลายร้อนได้ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ในหุบเขา ลำห้วย กลางป่ากว่า 50 หลัง
มีเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านเชื่อมต่ออำเภอตอนกลางป็นแหล่งต้นน้ำลำธารสำคัญตอนนี้ชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่น
ร่วมใจกันพัฒนาแหล่งน้ำและแหล่งท่องเที่ยว
บริการซุ้มแคร่แช่น้ำยาว 30 ซุ้ม, ชั่วโมงละ 50 บาท, เหมาๆ 200 บาท โดยมีเสื่อ
ห่วงยาง 20 บาท และเสื้อชูชีพให้เช่า
แล้วก็มีชาวบ้านในชุมชนนำอาหาร เครื่องดื่ม มาขายเพิ่มรายได้ในครอบครัว
พิกัดที่ 4 “มนต์รัก รำวงน่าน 2568” สนุกสุดม่วนกับรำวงน่านสุดคลาสสิกกับคณะหงษ์หยก
วันที่21-22 มีนาคม 2568 เวลา 18.00 -24.00 น. ในห้างนราไฮเปอร์มาร์ท อ.เมือง สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวน่าน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยศิลปินนักร้องและนางรำ นายรำ และร่วมรำวงในบรรยากาศบ้านเฮา
และลิ้มชิมรสอาหารถิ่นต้นตำรับกว่า 15 ร้านค้า
สุขภาพ –5 อาหารบำรุงกระดูกหาง่ายใกล้ตัวปลา/ผัก/เต้าหู้/นม/ไข่
การรับประทานอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการเป็นวิธีดูแลร่างกายง่าย
ๆ ที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการสร้างกระดูกให้แข็งแรงเป็นอย่างมาก มาดูตัวอย่างอาหารบำรุงกระดูกที่เหมาะสำหรับคนทุกช่วงวัย ดังนี้
1.ปลาที่มีกรดไขมันจำเป็น : แหล่งวิตามินดีที่มีส่วนช่วยดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย
โดยเฉพาะปลาที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ปลาทู ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแซลมอน แล้วกรดไขมันจำเป็นอย่างโอเมก้า 3 ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกอีกด้วย
2.ผักใบเขียว : ที่มีใบสีเขียวเข้มหลายชนิดอุดมไปด้วยแคลเซียม
ได้แก่ คะน้า บร็อคโคลี่ ผักกะเฉด
ใบยอ ใบชะพลู บ็อกฉ่อย ยังมีวิตามินเคเป็นแร่ธาตุช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุนด้วย
ผักแต่ละชนิดจะให้แคลเซียมในปริมาณที่มากน้อยต่างกันไป
ผู้บริโภคควรคำนึงถึงชนิดของผักและปริมาณการรับประทานที่พอเหมาะร่วมด้วย เช่น
ใบยอและใบชะพลูไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป
เพราะอาจทำให้เกิดนิ่วในไตหรือในกระเพาะปัสสาวะได้
3.ผลิตภัณฑ์จากนม : เมื่อพูดถึงแคลเซียมคงจะเป็นนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม
อย่างชีสหรือโยเกิร์ต แต่จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังให้โปรตีน โพแทสเซียม
ฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพกระดูกเช่นกัน
ปัจจุบันมีการเติมสารอาหารที่ร่างกายต้องการเพิ่มมากขึ้นลงไปในนม เราจึงเห็นนมสูตรเพิ่มวิตามินดีหรือแร่ธาตุอื่น ๆ
เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้บริโภค
4.ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง : เต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองล้วนเป็นผลผลิตที่มีโปรตีนอยู่ปริมาณมาก
แต่อาจไม่เพียงพอ นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มจึงเพิ่มเติมวิตามินดี แคลเซียม
และสารอาหารอื่น ๆ ลงไป ซึ่งสามารถนำมารับประทานแทนนมกับผู้ที่ไม่ชอบดื่มนมหรือผู้ที่รับประทานมังสวิรัติได้
5.ไข่ : คนอาจจะคุ้ยเคยกับการรับประทานไข่เมนูต่าง ๆ ในไข่แดง
1 ฟองนั้นมีวิตามินดีโดยประมาณถึง 40 IU ส่วนไข่ขาวอุดมไปด้วยโปรตีนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน สามารถรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง หากต้องกินมากขึ้น ควรพิจารณาอาหารชนิดอื่น ๆ มากินร่วมในวันนั้น
เนื่องจากไขมันบางประเภทอาจส่งผลต่อสุขภาพได้
สุขภาพกระดูกและสุขภาพโดยรวมจะแข็งแรงไปพร้อมกันได้
หากรับประทานอาหารครบทุกหมู่ในปริมาณที่พอเหมาะ
เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากการรับประทานอาหารบำรุงกระดูกแล้ว
ที่สำคัญต้องไม่ลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ
และเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายสุขภาพร่วมด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
– AOT-ททท.นำสนามบินหนุนเที่ยวไทยเพิ่มเส้นสู่ฮับบินเอเชีย
ดร.กีรติ
กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท
ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า ร่วมกับนางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานเปิดโครงการ “สร้างการรับรู้และพัฒนาเส้นทางการบิน
:Familiarization Trip : Fam Trip” ภายใต้ชื่องาน Discover
Amazing Thailand Through The Skies Fam Trip ที่โรงแรม เดอะ
ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย
โครงการนี้ได้เชิญผู้แทนสายการบินและตัวแทนการท่องเที่ยวชั้นนำประเทศต่างๆ
ในเอเชียมาร่วมงาน ได้แก่ อินเดีย จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เพื่อตอกย้ำเชียงรายมีความพร้อมครอบคลุมทุกมิติทั้ง
สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปะวัฒนธรรม และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) สามารถรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ
และขยายเส้นทางการบิน (Route Development) เชื่อมโยงเส้นทางบินใหม่กับเมืองต่าง
ๆ ทั่วโลกได้
รวมทั้ง
AOT ได้สนับสนุนนโยบายรัฐบาลมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของไทยให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
จึงได้จัดทำโครงการสนับสนุนการตลาด (Marketing Fund) กระตุ้นการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศมายัง
2 ท่าอากาศยานคือ เชียงรายและหาดใหญ่ เป็นกลไกเชิงรุกที่จะผลักดันให้เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งทางอากาศของภูมิภาค
(Regional Hub) อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การจัดงานครั้งนี้มีผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วยคือ
นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด)
นายสมภพ ภาคสวรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานท่าอากาศยานภูมิภาค)
และนาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจพาณิชย์และการบินที่เกี่ยวข้องมาร่วมมือกัน
ข่าวที่สอง –บางกอกแอร์เทโปรตั๋วสงกรานต์เที่ยวสมุย4ไฟลต์ลดสูงสุด30%
บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ตอบสนองนโยบายภาครัฐ
เตรียมรับการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ บริการบินเพิ่มพิเศษ 4 เที่ยว เส้นทาง
ไป-กลับ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – สมุย ด้วยราคาโปรโมชั่นตั๋วโดยสารลดสูงสุดถึง 30%
เปิดจองวันนี้ถึง 20 มีนาคม 2568 ทางเว็บไซต์ www.bangkokair.com หรือ
โทร 1771 นำไปใช้เดินทางวันที่ 11, 12, 16,17
เมษายน 2568
กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – สมุย ขาออกจากกรุงเทพฯ PG5109 เวลา
05.50 น.
และ PG 5139 เวลา
12.25 น.ในวันที่
11, 12, 16, 17
เม.ย.68
สมุย – กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)
ขาอออกจากสมุย PG5110 เวลา07:55 น. และ PG5140 เวลา 14:25 น.ในวันที่ 11,
12, 16, 17 เม.ย.68
ผู้โดยสารสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส
จะได้รับบริการแบบฟลูเซอร์วิส เช่น โหลดสัมภาระได้ 20 กิโลกรัมต่อท่าน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย, บริการห้องรับรองผู้โดยสาร บูทีคเลาจน์ ณ
สนามบินที่ให้บริการ บริการเสิร์ฟอาหาร-เครื่องดื่มบนเที่ยวบิน
และสามารถสะสมคะแนนฟลายเออร์โบนัสเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย
สอบถามเพิ่มหรือสำรองที่นั่งได้ที่
โทร. 1771 หรือ 02-270-6699 ตั้งแต่ 08.00 น.-20.00 น. PGLiveChat: https://bit.ly/PGLiveChatTH เว็บไซต์
www.bangkokair.com อีเมล reservation@bangkokair.com และอัปเดตโปรโมชั่นพิเศษทางเฟซบุ๊กhttps://www.facebook.com/FlyBangkokAir
หรือ Line Official Account:@flybangkokair
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น