TCEBเปิดโมเดลศบค.ไฟเขียวCEOไมซ์ต่างชาติเข้าไทยไม่กักตัว14วัน ต้นแบบความสำเร็จ2พันล้านไมซ์อินเตอร์วิถีใหม่เจาะกลุ่มนักลงทุน

 TCEBเปิดโมเดลศบค.ไฟเขียวCEOไมซ์ต่างชาติเข้าไทยไม่กักตัว14วัน

ต้นแบบความสำเร็จ2พันล้านไมซ์อินเตอร์วิถีใหม่รุกเอ็กซ์คลูซีฟมิตติ้ง

คิงเพาเวอร์จัดมหกรรมช้อป12.12ลด30%ลดเพิ่ม5%ผ่อน0%10เดือน

ช้อปคิงเพาเวอร์ฉลองส่งท้ายปีแจกทันที 14,500บาท ถึง 13 ธ.ค.63

โรงแรมพูลแมนคิงเพาเวอร์จัดแพกเกจห้องพักเคาน์ดาวน์แค่3,333บาท

ททท.เน้นมาตรฐานSHAหนุนจัด“All Good Food Truck17-19ธ.ค.นี้

กรมการค้าภายในชวนชมชิมช้อปตลาดอินทรีย์เทศกาลกินที่อิมแพคฯ

“TCEB”กอดคอเอกชนเปิดไฮบริดออนไลน์IBTM2020เจาะไมซ์ยุโรป

เที่ยววิถีใหม่กางเต็นท์ริมทางเขาค้อจัดพักผ่อนแหล่งใหม่ในเพชรบูรณ์

วิธีกินป้องกันกระดูกไม่ให้พรุนโดยเลือกกินสม่ำเสมอกับ3เมนูพื้นบ้าน

นายกฯสนธยาทุ่ม775ล้านปั้น“นีโอเกาะล้าน-นาเกลือ”เพิ่มรายได้15%

การบินไทยหันบินในประเทศสุวรรณภูมิสู่เชียงใหม่/ภูเก็ตเริ่ม1ม.ค.64

ทอท.จัดฟรี“AOTรวมของดีย่านดอนเมือง”ทุกศุกร์สิ้นเดือนถึงก.ย.64

จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) 

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  ฟังLiveสดจากลิงค์นี้https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1520468094813910&id=100005522016696

ช่วงที่ 1 เปิดไมซ์มิติใหม่กับ “จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” งัดโมเดลครั้งแรกที่ ศบค.ส่งสัญญาณนำร่องให้นำซีอีโอนักลงทุนญี่ปุ่น เข้าไทย 8-10 ธันวาคม 2563 โดยไม่ต้อง STATE QUALANTINE 14 วัน ลุยปฏิบัติภารกิจฉลุยลงนามก่อสร้างโรงงานสร้างการลงทุนในอีอีซีภายในข้ามคืนมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยใช้มาตรการเข้มความปลอดภัยสุขอนามัยต้นทางจากญี่ปุ่น เครื่องบินโดยสารส่วนตัว-ทีมDMC-ที่พัก-สถานที่ตรวจโรงงานชลบุรี ทุกอย่างราบรื่นไร้โควิด เล็งใช้เป็นต้นแบบขยายผลนำเข้านักลงทุนต่างชาติแบบไม่ต้องกักตัว ควบคู่เร่งอบรม DMC รองรับตลาด Exclusive meeting ต่างชาติ และงานใหญ่ประชุมกรรมการโอลิมปิกสากล ปูพรมทยอยดึงไมซ์อินเตอร์เข้าไทย

                นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า จากการทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) “ศบค.” และศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 (ศบศ.) ที่มีพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นประธาน โดยมีความเข้าใจเรื่องธุรกิจไมซ์มากจึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม 2563 มีกรณีศึกษาครั้งแรก ซึ่งจะสามารถนำมาเป็นโมเดลต้นแบบนำเข้านักธุรกิจต่างชาติเข้าเมืองไทย

โมเดลนี้เป็นกลุ่มซีอีโอจากบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นประสานตรงมาทางหน่วยงานหลักด้านการลงทุนคือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นำเสนอที่ประชุม ศบศ.และศบค. กระทั่งเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องทำ State Qualantine (SQ) 14 วัน เพื่อมาทำภารกิจลงนามการเปิดโรงงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท

               

การอนุญาตให้ซีอีโอต่างชาติชาวญี่ปุ่นคณะนี้เดินทางเข้าเมืองไทยโดยไม่ต้องทำ State Qualantine (SQ) 14 วัน แต่ใช้มาตรการคุมเข้มตั้งแต่ต้นทางจากญี่ปุ่นเข้าไทยและการดำเนินชีวิตอยู่ในประเทศเพื่อทำภารกิจจนลุล่วงสำเร็จแล้วเดินทางกลับทันทีนั้น เริ่มจากซีอีโอคณะนี้ร่วมมือเป็นอย่างดีโดยผ่านการตรวจโควิด-19 ที่ญี่ปุ่น จากนั้นก็ลงทุนใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวโดยสารเข้ามา พร้อมกับตรวจโควิดรอบสองในไทย เลือกเข้าพักโรงแรมเฉพาะที่ทางชมรม State Qualantineคัดเลือกไว้เลือกไว้ให้ใช้บริการ แล้วบินเฮลิคอปเตอร์ของบริษัทเดินทางไปตรวจโรงงานพื้นที่เฉพาะในจังหวัดชลบุรี จากนั้นก็เดินทางกลับญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว

ถือเป็นโมเดลต้นแบบที่สะท้อนให้เห็นถึง “ศักยภาพ” การควบคุมดูแลด้านบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพของประเทศไทย แบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นกรณี ๆ ในการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาทำภารกิจโดยไม่ต้องกักกันตัวหรือเข้า State Qualantine 14 วัน

ขณะเดียวกันทางทีเส็บก็ทำงานอย่างหนักร่วมกับพันธมิตร สมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ(ไทย) “ทิก้า” และสมาคมโรงแรมไทย จัดอบรมบุคคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ในกลุ่มหลักคือ “ผู้จัดงาน : Destination Management Company :DMC” ไว้รองรับตลาดไมซ์ต่างประเทศในอนาคต แต่ยังคงต้องดำเนินการภายใต้การกักตัว 14 วัน ซึ่งมีการลงทุนสูงพอสมควร

 

โมเดลนำนักธุรกิจต่างชาติเข้าไทยโดยไม่ต้องทำ State Qualantine 14 วัน มีแนวโน้มที่จะนำไปใช้กับกลุ่มซีอีโอในอนาคตได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการของไทยอย่างเคร่งครัด ตลอดการอยู่ในไทยก็มีทีมที่ทีเส็บจัดอบรมมาเป็นอย่างดี ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดูแลแต่ละกลุ่มอย่างใกล้ชิด ซีอีโอจากญี่ปุ่นจึงถือเป็นมิติใหม่ของการบริหารจัดการโดยมีขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบชัดเจน

สำหรับการเตรียมการณ์รับซีอีโอจากญี่ปุ่นกลุ่มนี้ ทุกฝ่ายที่ทำงานร่วมกันต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ที่จะเดินทางเข้ามาไทย เพราะทาง ศบค.เองตระหนักถึงเรื่องสุขภาพของคนในประเทศเป็นหลักก่อน ต่อไปหากทีเส็บจะต้องนำกลุ่มไมซ์ต่างชาติเข้ามาก็จะต้องทำทุกอย่างเป็นขั้นตอนอย่างเคร่งครัด เพราะผู้ให้บริการเองเมื่อเสร็จสิ้นงานก็ต้องเข้ากักตัวตามมมาตรฐานปกติ 14 วัน

นายจิรุตถ์กล่าวว่ากรณีการไม่กักตัวต่างชาติที่เข้ามา 14 วัน ตามโมเดลตัวอย่างครั้งนี้ สามารถอธิบายสังคมได้ถึงเรื่องที่คนไทยอาจจะกังวลใจนั้น ขอย้ำว่าการอนุญาตครั้งนี้ทั้งผู้ที่เดินทางเข้ามาและทางทีมงาน DMC กับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค สาธารณสุข ปฏิบัติเข้มทุกขั้นตอนจนถึงส่งขึ้นเครื่องบินส่วนตัวกลับไปญี่ปุ่น ได้ใช้เครื่องมือและระบบการแพทย์ตรวจละเอียดปลอดโรคปลอดเชื้อแน่นอน เพราะซีอีโอกลุ่มดังกล่าวทำข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพื่อปฏิบัติภารกิจจนแล้วเสร็จ ไม่ได้ออกนอกเส้นทางแต่อย่างใด

 

สำหรับอนาคตทาง ศบศ.และ ศบค.เองได้เพิ่มการพิจารณากลุ่มอื่น ๆ เข้ามาเป็นคณะต่อไป เช่น คณะประชุมโอลิมปิก ภายใต้เงื่อนไขคือจะต้องไม่มีการติดเชื้ออย่างเด็ดขาด ทุกคนต้องอยู่ในมาตรฐานที่กำหนดไว้ โมเดลนี้จะเริ่มทำได้ในกลุ่มนำร่องเฉพาะผู้บริหารระดับสูง Execlutive Meeting ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่หวังผลในเชิงปริมาณยังไม่ได้ รวมถึงเป็นการขยายไปยังกลุ่มได้รับรางวัลการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว (incentive) ก็ยังไม่สามารถทำได้เช่นกัน

ตอนนี้ทีเส็บเน้นการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ทีม DMC เพื่อบริการคณะของไมซ์ต่างชาติ เพราะนับจากนี้เป็นต้นไปการรับไมซ์เข้ามาจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะขั้นตอนการเตรียมพร้อมรองรับต่างชาติแต่ละกลุ่มนั้นอาจจะต้องใช้เวลาเตรียมงานเพื่อนำเข้าล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน เพราะต้องตรวจรายละเอียดทุกขั้นตอนความปลอดภัยด้านสุขอนามัย จะทำได้เร็วขึ้นก็ต่อเมื่อทางผู้เดินทางมีข้อมูลครบถ้วนส่งให้หน่วยงานตรง แล้วทีเส็บประสานนำเสนอที่ประชุม ศบค.พิจารณา

ส่วนกลุ่มหรือคณะของไมซ์ต่างชาติที่จะได้รับการพิจารณาอันดับแรก น่าจะเป็นกลุ่มที่ประสงค์ได้รับการส่งเสริมให้เข้ามาลงทุนกับบีโอไอ หรือมาประชุมกรรมการบริษัท องค์กร เพื่อสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ไทยมากกว่าจะเป็นกลุ่มมาเพื่อการท่องเที่ยว

ทั้งหมดนี้เป็น “มิติใหม่” และ “สัญญาณที่ดี” เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้ทีเส็บและอุตสาหกรรมไมซ์ สามารถใช้โมเดลดังกล่าวเป็นต้นแบบ เพื่อขยายผลนำเข้ากลุ่มไมซ์ระดับบริหารเข้ามาสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการลงทุนในไทยต่อไปได้มากขึ้น

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดมหกรรมช้อป12เดือน12ลดสุดๆ 30%แถมลดเพิ่ม5%ผ่อน0%10เดือน

 

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรมช้อป 12.12 LET’S SMILE GET GREAT DEAL ลดสูงสุด 30% + ลดเพิ่ม! 5%

ข้อกำหนดและเงื่อนไข รับรหัสส่วนลดเพื่อนำไปใช้ได้ที่ www.kingpower.com และ แอปพลิเคชัน KING POWER เท่านั้น วันนี้-13 ธันวาคม 2563 เท่านั้น

1.ส่วนลดสูงสุด 30% เมื่อช้อปตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป 2.ลดเพิ่ม! 5% เมื่อช้อปตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป 3.รายการส่งเสริมการขายนี้เฉพาะสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในแคมเปญนี้เท่านั้น 4.สินค้าร่วมจัดรายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ลูกค้าต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ kingpower.com และทำการล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลดนี้ สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุกรายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์สามารถสะสมกะรัตได้

สามารถแแบ่งชำระ 0% ดังนี้ เมื่อช้อปครบ 15,000.- (สุทธิ)/รายการสั่งซื้อ ผ่อนนานสูงสุด 10 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ ผ่อนได้นาน 6 เดือน  ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563

สำหรับรหัสส่วนลด ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday Celebration, บัตรส่วนลดอื่นๆ E-Purse, E-Cash, Gift Voucher, Cash Voucher ทุกประเภท และโปรโมชั่นอื่นๆไม่สามารถใช้ส่วนลดร่วมกับชุดคูปองเงินสด OBS บัตรสมาชิกทุกประเภทและรายการส่งเสริมการขายอื่นๆ รหัสนี้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนหรือทอนเป็นเงินสดได้

ข่าวที่ 2 ช้อปคิงเพาเวอร์ฉลองส่งท้ายแจกทันที 14,500บาท ถึง 13 ธ.ค.นี้

 

คิง เพาเวอร์ มอบของขวัญเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี แจกใหญ่ 5 วัน รับทุกวัน ได้ทุกคน วันละ 14,500 บาท / คน กับคูปองส่วนลดให้คุณช้อปเพลินขั้นสุดกับสินค้าไทยและสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์ดัง ตั้งแต่วันนี้ – 13 ธันวาคม 2563 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร พัทยา และภูเก็ต

ลงทะเบียนรับสิทธิ์ก่อนช้อป สาขารางน้ำ สาขามหานคร สาขาพัทยา และ สาขาภูเก็ต

รับฟรีทันที คูปองส่วนลด จำนวน 3 ใบ ประกอบไปด้วย   1.คูปองส่วนลด 3,000 บาท เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ 2.คูปองส่วนลด 10,000 บาท เมื่อช้อปครบ 30,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ 3.คูปองส่วนลด 1,500 บาท เมื่อช้อปครบ 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ (สำหรับช้อปที่แผนกสินค้าไทย)

เงื่อนไข จำกัด 1 สิทธิ์ /คน/ วัน (นับรวมสิทธิ์ทุกสาขา) 1.เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ กรุณาตรวจสอบเพิ่มเติม ณ จุดขาย 2.ใบเสร็จรับเงินที่ร่วมรายการส่งเสริมการขายดังกล่าว ไม่สามารถนำมาใช้กับรายการส่งเสริมการขายอื่นๆ ได้-3.คูปองส่วนลด ไม่สามารถเปลี่ยนมือให้ลูกค้าท่านอื่นนำมาใช้แทนได้ 4.คูปองส่วนลด ไม่สามารถใช้ร่วมกับส่วนลดสมาชิกคิง เพาเวอร์ และส่วนลดสินค้า Home Delivery 5.คูปองส่วนลด 3,000 บาท และ 10,000 บาท สามารถใช้ซื้อสินค้าดิวตี้ ฟรี สินค้าป้ายฟ้า และสินค้า Home Delivery 6.คูปองส่วนลด 1,500 บาท สามารถใช้ซื้อสินค้าที่แผนกสินค้าไทย

 

ทุกยอดการช้อปที่จะนำมาใช้ร่วมกับโปรโมชั่นนี้ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์ Birthday Celebration, ยอดเงินในบัญชีสมาชิก, E- Cash, Cash Card, Gift Card, Gift Voucher, Cash Voucher รวมถึงคูปองส่วนลดอื่นๆ ยกเว้นยอดเงินในบัญชีสมาชิกที่ได้รับจากการสมัครบัตรสมาชิก สามารถใช้ร่วมรายการได้

ข่าวที่ 3 ททท.เน้นมาตรฐานSHAหนุนจัด“All Good Food Truck17-19ธ.ค.นี้

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สนับสนุนการจัดงาน “All Good Food Truck” มหกรรมรวมสินค้าและอาหารบนรถทรัคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2563 บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานี ถนนป๊อปปูล่า ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยเน้นส่งเสริมผู้ประกอบการภัตตาคาร ร้านอาหาร ภายในงานปฏิบัติตามมาตรฐานคยวามปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety and Health Administration : SHA

งานนี้จะนำเสนอในรูปแบบการรวมตัวของฟู้ดทรัคจากทุกภาคของประเทศไทย นำเสนอจานเด็ด ของดี ของอร่อย ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชิมอาหารวิถีชีวิตคนไทยผสมผสาน 3 แนวเป็นหนึ่งเดียว ได้แก่ ฟู้ดทรัค-สตรีทฟู้ด-ริมทาง โดยนำรถมาดัดแปลงเป็น “ครัวเคลื่อนที่” เพิ่มมูลค่าการตลาด สร้างสรรอาหารแปรรูปผลิตภัณฑ์ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และตอบโจทย์เรื่องความสะดวก คล่องตัว สามารถย้ายทำเลขายได้ง่าย ทำอีเว้นท์ทั้งงานกลางแจ้งและงานในฮอลล์ขนาดใหญ่ ผนวกเข้ากับเทศกาลงานประเพณี งานดนตรีต่าง ๆ ได้ด้วย   

สำหรับการเข้าร่วมงาน “All Good Food Truck” ตลอด 3 วัน 17-19 ธันวาคม นี้ นักท่องเที่ยวได้สัมผัสแต่ละโซนต่อไป นี้

โซนที่ 1 เชฟ พบกับ Celebrity Chef ทั้ง 5 คน คือ 1. เชฟบอส พัฒนพงศ์  วงศ์สุวรรณ 2. เชฟโอม ธนบดี  พูลเจริญ 3. เชฟปาร์ค ภัทรวิทย์  จันทร์ไทย 4. เชฟกอล์ฟ ไพสิษฐ์  จันทร์โคตร 5. เชฟซัน ธนวัฒน์  อิทาคูระ

 

เชฟแต่ละคนพร้อมนำเสนออาหาร 5 ภาค ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคตะวันออก และกิจกรรมโชว์ปรุงอาหารเมนูใหม่จากวัตถุดิบเด่นพร้อมกับการแลกเปลี่ยนการทำเมนูแต่ละภาค  โดยมีLive ทางเพจ Facebook All Good Food Truck

               

โซนที่ 2 Food Truck ดีไซน์ขบวนรถฟู้ดทรัคจากทั่วทุกภาคนำอาหารจานเด็ด ของดี ของอร่อย มาให้ช็อปชิมกว่า 250 ร้านค้า

โซนที่ 3 ชมคอนเสิร์ต New Normal  ฟรีมินิคอนเสิร์ตสุดชีลริมทะเลสาบโดยศิลปินชื่อดังตลอด วันที่ 17 ธันวาคม วง Paradox วันที่ 18 ธันวาคม วง Slot Machine วันที่ 19 ธันวาคม วง โคตรยิ้ม

           โซนที่ 4 จุดถ่ายรูป บริเวณริมทะเลสาบเมืองทองธานีได้ตกแต่งจุดถ่ายรูปกระจายรอบพื้นที่ถึง 5 จุด

นางสาวฐาปนีย์ ย้ำว่า จะขอความร่วมมือจากผู้เข้าร่วมชมงานตลอด 3 วัน อย่าการ์ดตกเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยขอให้สวมหน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิ เช็คอิน-เช็คเอาท์ แอพลิเคชั่นไทยชนะ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รักษาระยะห่างภายในงาน

 

ข่าวที่ 4 กรมการค้าภายในชวนชมชิมช้อปตลาดอินทรีย์เทศกาลกินที่อิมแพคเมืองทองธานี

กรมการค้าภายใน เชิญชวนไปชม ช้อป แชร์ เดินเที่ยวงาน “เทศกาลงานกิน 2020 (FOODTIVAL 2020)” ระหว่างวันที่ 9-13 ธันวาคม 2563 ณ ฮอล์ล 7 และ ฮอล์ล 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี แวะมาเดินเล่น “ตลาดอินทรีย์ชุมชน” โซนกินดี อยู่ดี ที่เหล่าผู้ประกอบการยกทัพเหล่าผู้ประกอบการสินค้าอินทรีย์และธรรมชาติกว่า 80 บูธ มีสินค้าทั้งของกินของใช้มากมายอย่างครบครัน พร้อมทำกิจกรรม Workshop อินเทรนด์ เอาใจคนรักสุขภาพ ทุกวัน เช่น การสอนทำ Bath Bomb การสอนทำสลัดโรลเพื่อสุขภาพ สอนตกแต่งหน้าคัพเค้กจากผลไม้สด สอนทำคอนเฟลคจากครีมผลไม้

ตลอดการงานจัด 5 วัน ตั้งแต่วันนี้-อาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม ส่วนใครที่มาไม่ได้ แต่สนใจอยากจะสั่งซื้อสินค้าในงาน สามารถเข้าไปดูสินค้าและสั่งซื้อสินค้า Online ได้ง่ายๆ โดยสามารถ Add Friend ผ่านไลน์ ไอดี @communitymarket สามารถมารับที่งานได้ หรือจะจัดส่งทางไปรษณีย์ แล้วแต่สะดวก

งานดีๆ ที่คอสายกิน สายคลีน สายเฮลท์ตี้ ไม่ควรพลาด มากันได้ทั้งครอบครัว เพราะร่างกายที่ดีเริ่มจากการ "กินดี อยู่ดี" รวมถึงผู้ที่มาเที่ยวชมงาน Motor Expo อย่าลืม แวะเวียน มา ชิม ช้อป ใช้ “ตลาดอินทรีย์ชุมชน” ก่อนกลับบ้านกันได้

ข่าวที่ 5 “TCEB”กอดคอเอกชนเปิดไฮบริดออนไลน์IBTM2020เจาะไมซ์ไฮเอนด์ยุโรป

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า TCEB นำผู้ประกอบการไทย 32 รายเข้าร่วมงานการตลาดไมซ์ระดับโลก IBTM World Virtual 2020 ปีนี้จัดขึ้นอังกฤษ ทำกิจกรรมเจรจาซื้อขายผ่านทางออนไลน์เมื่อ 8-10 ธันวาคม 2563  ซึ่งยุโรปเป็นตลาดไมซ์ที่ต้องให้ความสำคัญมาก ก่อนสถานการณ์โควิด 19 นำนักเดินทางไมซ์มาไทยสูงถึง 1.2 ล้านคน สร้างมูลค่าตลาด 4,700 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์หลังเข้าร่วมงานซึ่งตั้งเป้าให้ข้อมูลอย่างชัดเจนเพื่อสื่อสารให้ตลาดรับรู้และสร้างความมั่นใจถึงกลุ่มคู่ค้าครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ 1.ไทยมีมาตรการควบคุมโควิด 19 อย่างเข้มข้น 2.ทีเส็บส่งเสริมการตลาดเชิงรุก และ 3.ผู้ประกอบการไทยพร้อมให้บริการคู่ค้ายุโรปในอนาคตเมื่อเปิดประเทศ

ระหว่างร่วมงาน IBTM World Virtual 2020 ทีเส็บให้รายละเอียดคู่ค้าตลาดยุโรป 3 เรื่อง ประกอบด้วย เรื่องที่ 1 สื่อสารให้ตลาดยุโรปรับรู้ถึงความสำเร็จของประเทศไทยเรื่องควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด 19 ความคืบหน้าของวัคซีนพร้อมใช้กลางเดือนมิถุนายน 2564 รวมทั้งเป็นฐานการผลิตวัคซีนของอาเซียน จนได้การยอมรับและยกย่องให้เป็นแบบอย่างจากองค์การอนามัยโลก รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรฐานสุขอนามัยอย่างเข้มงวดจนทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศสามารถเปิดเต็มรูปแบบได้อีกครั้ง

เรื่องที่ 2 อัพเดทการดำเนินของทีเส็บด้านการฝึกอบรมบุคลากรไมซ์เป็น Medical Control Team สำหรับกลุ่มนักเดินทางจากต่างประเทศในอนาคต ช่วยตอกย้ำให้ตลาดยุโรปตระหนักเรื่องพร้อมรองรับการจัดงานวิถีใหม่ New Normal ของไทย

เรื่องที่ 3 เตรียมประชาสัมพันธ์แคมเปญสนับสนุน Ease Up ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างทีเส็บกับผู้ประกอบการไมซ์ไทย 64 ราย เพื่อรองรับกลุ่มนักเดินทางไมซ์ในอนาคตต่อไป

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ทีเส็บได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่โรงแรมแลนด์มาร์ค เป็นศูนย์อำนวยความสะดวก ควบคู่การจัดกิจกรรมไฮบริดเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไมซ์ให้เกิดความชำนาญในการใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มต่างๆ ดำเนินธุรกิจก่อนเข้าร่วมงานช่วง 8-10 ธันวาคม  2563 

ส่วนผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงาน ITBM World Virtual 2020 หลัก ๆ ได้แก่ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) บริษัทรับจัดงาน 1 ราย บริษัทให้บริการจัดการเดินทาง (Destination Management Company - DMC) 6 ราย โรงแรม 20 แห่ง และสถานที่จัดงานไมซ์ 3 แห่ง 

                ช่วงที่ 2 ลองเลือกท่องเที่ยวแนวใหม่ ๆ กางเต็นท์นอนริมทางที่ “ทางหลวงเขาค้อ” จังหวัดเพชรบูรณ์ กับ Rest Stop นอนชมทะเลหมอก ดอกไม้ วิวน้ำตก เขามีบริการพื้นที่ฟรี พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก น้ำ ไฟ วิวสวย ๆ ส่วนเรื่องสุขภาพฟังดี ๆ  “สูงวัยป้องกันกระดูกพรุน” เลือกกิน3เมนูพื้นบ้าน ส่วนข่าวต้อง “นายกสนธยา คุณปลื้ม” นำทีมสำรวจแผนลงทุน 775 ล้านบาท “NEO เกาะล้าน-Old Townนาเกลือ” 32 โครงการ โฉมใหม่กระตุ้นรายได้ท่องเที่ยวถึงมือชุมชนเพิ่มอีกปีละ 15 % จากปัจจุบัน 1,200 ล้านบาท จะขยับไปแตะปีละ 1,500 ล้านบาท “การบินไทย” หันเปิดบินในประเทศ นำร่อง ไป-กลับ สุวรรณภูมิ สู่เชียงใหม่ ภูเก็ต เริ่ม 1 มกราคม 2564 และ ทอท.เปิดพื้นที่ฟรีขายสินค้าโอท็อปชุมชนทุกศุกร์สิ้นเดือน เริ่ม ปลาย ธ.ค.63-ก.ย.64

 

เที่ยววิถีใหม่กางเต็นท์ริมทางเขาค้อจัดพักผ่อนแหล่งใหม่ในเพชรบูรณ์

ตลอดการท่องเที่ยววันหยุดยาว มีสถานที่ท่องเที่ยวริมทางมาแนะนำ เมื่อ แขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1 หมวดทางหลวงเขาค้อ   ชวนนักเดินทางลองไปใช้บริการจุดพักรถ หรือ REST STOP กับ ลานกางเต็นท์ CAMPING AREA พักผ่อนค้างคืน เป็นจุดชมวิว 180 องศา ชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า  หรือพระจันทร์สว่างใสยามค่ำคืน สนุกกับกิจกรรมกางเต็นท์ และพักผ่อนในบรรยากาศวิวน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี    ทั้งช่วงวันหยุดธันวาคมนี้และทุกเทศกาลท่องเที่ยว

 

จุดพักรถและบริเวณกางเต็นท์ อยู่ภายในพื้นที่ “หมวดทางหลวงเขาค้อ” ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 2196 ตอน นางั่ว – ทุ่งสมอ ที่ กม.23+600 (ใกล้แยกรื่นฤดี  )  ปีนี้มีจุดกางเต็นท์ได้ถึง 130 หลัง ปี 2564 กำลังเตรียมลงทุนเพิ่มให้สามารถกางเต็นท์ได้ทั้งหมด 180 หลัง เตรียมขยายเฟสที่ 2 ก่อสร้างบันไดสูง  ศาลาที่พักผ่อน ห้องน้ำสำหรับคนพิการ ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อความปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

 

ตอนนี้ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกฟรีครบครัน ทั้งลานจอดรถกว้างขวางร่มรื่น ห้องน้ำสำหรับประชาชนทั่วไป ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง  ตู้น้ำดื่ม ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้าการเกษตรด้วย

ช่วงวันหยุดพิเศษ ช่วงวันที่ 10 - 13 ธันวาคม 2563 ได้จัดโครงการ" บริการด้วยใจ ในวันหยุดพิเศษ เพื่อคนพิเศษ " มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก พร้อมบริการ ตลอด 24 ชม. แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว  

นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลและการบริการได้ที่โทร. 080 - 283 1146 ตลอด 24 ชั่วโมง และ    ติดตามรายงานสภาพการจราจรได้อีก 1 ช่องทาง ที่แฟนเพจของแขวงทางหลวงเพชรบูรณ์ที่ 1  https //www.facebook.com / Phetchabunhighway 1

วิธีกินป้องกันกระดูกไม่ให้พรุนด้วยการเลือกกินสม่ำเสมอ3เมนูพื้นบ้าน

โรคกระดูกพรุนส่วนใหญ่ ยังพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงจะมีการลดลงของเนื้อกระดูกอย่างมากในช่วง 5 ปีแรกหลังหมดประจำเดือน นอกจากนี้ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุนยังพบได้ในภาวะผู้ป่วยที่ได้รับการตัดรังไข่ 2 ข้าง   ผู้ป่วยโรคทางเดินอาหารที่มีความผิดปกติในการดูดซึมสารแคลเซียม  ผู้ป่วยที่รับประทานยาบางชนิด เช่น สารสเตียรอยด์ หรือยากันชัก  รวมถึงผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์ หรือตับอักเสบเรื้อรังก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากขึ้น

โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุนจะไม่มีอาการใด ๆ  จนกว่าจะแสดงอาการ กระดูกหัก  ตำแหน่งที่พบบ่อยในโรคกระดูกพรุน ได้แก่ บริเวณข้อมือ ข้อสะโพก หรือกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น อาการปวดหลังเรื้อรัง รูปร่างผิดปกติ เสียสมดุลการเดิน  และการทำงานของอวัยวะภายในช่องท้องและทรวงอกผิดปกติ

สำหรับการรักษาโรคกระดูกพรุนด้วยยาในปัจจุบันมีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ยากลุ่มที่ลดอัตราการสลายกระดูก และยากลุ่มที่เสริมสร้างมวลกระดูก ทั้งนี้การใช้ยารักษาโรคกระดูกพรุนควรจะอยู่ภายใต้คำแนะนำที่เหมาะสมจากแพทย์ เนื่องจากยาแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน

ฉะนั้น การป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดคือรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม ได้แก่ โยเกิร์ต ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ปลาตัวเล็กที่รับประทานได้ทั้งกระดูก รวมถึงการรับวิตามินดีจากแสงแดด  และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน ๆ ละประมาณ 15-20 นาที

เลือก 3 เมนูอาหารพื้นบ้าน กินเพื่อป้องกันกระดูกพรุน ดังนี้

เมนูที่1 ไข่ตุ๋นเต้าหู้อ่อน อาหารอ่อน ๆ เหมาะกับผู้สูงวัย - ร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องมีสารโภชนาการ 7 ประเภท ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เซลลูโรส แร่ธาตุ ไขมัน และน้ำ ไข่ไก่มีประโยชน์เกือบทุกอย่าง ยกเว้นเซลลูโรส แต่ถ้ารับประทานไข่ไก่มากเกินควรอาจจะทำให้กระเพาะและลำไส้ทำงานหนักขึ้น และต้องกินไข่ไก่สุกเต็มที่

เมนูที่2 แกงส้มดอกแค ปกติดอกแคอาจเป็นเครื่องเคียงจิ้มน้ำพริกอร่อยถูกปาก มีรสเย็นที่ช่วยดับความเผ็ดร้อน และความหอมของมัน แต่ก็มีข้อควรพึงระวังอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการนำมากินทั้งดอกจะต้องเอาเกสรของดอกแคออกเสียก่อน ส่วนวิธีการเลือกก็ไม่ยาก ยอดอ่อน รวมไปถึงใบอ่อนของดอกแคจะมีคุณภาพมากๆ ในช่วงหน้าฝน ส่วนการเลือกดอกแคจะหน้าไหนก็ได้แต่ดีที่สุดคือหน้าหนาว ดอกจะอวบอูมเต็มที่

เมนูที่3 ของว่าง ขนมงาดำน้ำเต้าหู้ เพราะงาดำอุดมด้วยสารอาหารมากมาย แต่ที่โดดเด่นจริง ๆ สามารถได้รับจากอาหารโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านการสกัดใดๆ จากห้องปฏิบัติการก็คือแคลเซียมนั่นเอง

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

นายกฯสนธยาทุ่ม775ล้านปั้นนีโอเกาะล้าน-นาเกลือเพิ่มรายได้15% 

นายสนธยา  คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา  เปิดเผยว่า เมืองพัทยาจะผลักดันแผนงานโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว การดำเนินธุรกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิต ครอบคลุมทั้งมิติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มิติของการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนมิติด้านการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เกิดผลเป็นรูปธรรมผ่านโครงการนีโอเกาะล้าน และโอลด์ทาวน์นาเกลือ วงเงินงบประมาณกว่า 775 ล้านบาท รวม 32 โครงการ 3 ปี เริ่มปี2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 และปี 2566 รวมทั้งหวังผลสำเร็จนำรายได้ท่องเที่ยวกระจายสู่เกาะล้านเพิ่มขึ้นอีก 10-15 % ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป จากเมื่อปี 2562 มีรายได้ 1,200 ล้านบาท จากนักท่องเที่ยวหมุนเวียนปีละ 5 ล้านคน

แผนการลงทุนพัฒนาประกอบด้วย 1.นีโอเกาะล้าน 21 โครงการ กว่า 350 ล้านบาท ยกระดับความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของเกาะล้าน และ 2.โอลด์ทาวน์นาเกลือ 11 โครงการ 425 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชุมชนเก่าแก่ย่านนาเกลือ

นายสนธยากล่าวว่าเกาะล้านเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองพัทยา และ ได้รับการบรรจุเป็น 1 ใน 3 เกาะ ในแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของ EEC จำเป็นต้องวางแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับบริบทความเจริญเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างเหมาะสม พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และการขยายตัวของ EEC ที่กำลังจะเปิดแบบครบวงจรในอนาคตอันใกล้นี้

เมกะโปรเจ็กต์ “นีโอเกาะล้าน : เกาะล้านโฉมใหม่”  ทั้ง 21 โครงการ จะยกระดับการพัฒนาและแก้ปัญหาเกาะล้าน ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและชุมชน โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเกาะล้าน และโครงการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม  ได้แก่

1.การปรับปรุงพัฒนาท่าเทียบเรือท่าหน้าบ้าน-ท่าเทียบเรือหาดตาแหวน-สะพานทางเดินหาดเทียน ไปจนกระทั่งถึงการก่อสร้างจุดชมวิวหาดตาแหวน 2.การปรับปรุงภูมิทัศน์หาดตาแหวน และจุดชมวิวลานกีฬาร่มร่อนหาดตาแหวน-การก่อสร้างอาคารจอดรถจอดเรือ และ 3.ศูนย์ซ่อมรถซ่อมเรือ พร้อมทางขึ้นลงเรือหาดเทียน-การปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนเรียบชายหาดตาแหวน-หาดทองหลาง-การติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยรอบเกาะล้าน รวมทั้ง 4.จัดสร้างศูนย์กำจัดขยะและสิ่งปฏิกูล-การปรับปรุงพัฒนาระบบประปา-การปรับปรุงพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียชุมชน

เมกะโปรเจ็กต์ “โอลด์ทาวน์นาเกลือ” จะพัฒนาพื้นที่ มีการต่อยอดสร้างมูลค่าให้กับการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต นำจุดเด่นของท้องถิ่นด้วยวิถีประมงพื้นบ้านผสมผสานให้สอดรับกับกิจกรรมการท่องเที่ยว สร้างเส้นทางเชื่อมโยงภายในพื้นที่ชุมชน และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในพื้นที่นาเกลือ ประกอบด้วยโครงการหลัก ๆ ได้แก่

1.โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถพร้อมสวนพฤกษศาสตร์ลอยฟ้าและจุดชมวิวอ่าวนาเกลือ 2.โครงการพัฒนาตลาดขายอาหารทะเลสด 3.โครงการปรับปรุงสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ 4.โครงการก่อสร้างทางเดินชมธรรมชาติและจุดชมทัศนียภาพปากคลองนาเกลือและคลองนกยาง 5.โครงการปรับปรุงจุดชมทัศนียภาพปากคลองนาเกลือและคลองนกยาง 6.โครงการก่อสร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าโกงกางคลองนกยาง 7.โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองนกยางและคลองนาเกลือ 8.โครงการท่าเทียบเรือประมงชุมชนนาเกลือ 9.โครงการประตูน้ำคลองนาเกลือ 10.โครงการพัฒนาศูนย์บริการชุมชนนาเกลือ 11.โครงการอนุรักษ์อาคารไปรษณีย์

นายสนธยายืนยันว่าภายใน 3 ปีนับจากนี้เป็นต้นไป จะทำให้พัทยาเป็นมหานครแห่งความสุขของการท่องเที่ยว-การพักอาศัย และการดำเนินธุรกิจที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่มีรายได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่ สร้างความอยู่ดี กินดี ให้ชาวพัทยาได้เป็นอย่างดี

 

ข่าวที่สอง การบินไทยหันบินในประเทศสุวรรณภูมิสู่เชียงใหม่/ภูเก็ตเริ่ม1ม.ค.64

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินในประเทศอีกครั้งจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่ปลายทาง 2 จังหวัด คือ เชียงใหม่และภูเก็ต สนับสนุนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้งสร้างรายได้สู่ภูมิภาคในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะใช้เครื่องโบอิ้ง 777-200ER พร้อมบริการแบบ Premium Full Service ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2564 ตามรายละเอียดตารางบินดังนี้ 

1. เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่  3 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ได้แก่ TG108 ออกจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 12.10 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 13.30 น. TG109 ออกจากเชียงใหม่ เวลา 14.30 น. ถึงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 15.55 น.

2. เส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ให้บริการ 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ได้แก่ TG205 ออกจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 12.05 น. ถึง ภูเก็ต เวลา 13.30 น. และ TG206 ออกจากภูเก็ต เวลา 14.20 น. ถึงกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) เวลา 15.45 น.

ผู้โดยสารสามารถใช้บัตรโดยสารเดิม บัตรโดยสารรางวัล ROP และ Travel Voucher ได้ โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด รวมทั้งสามารถรับไมล์สะสม ROP ในเที่ยวบินนี้ และสามารถใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาลได้ สำรองที่นั่ง และออกตั๋วได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปที่ THAI Contact Center โทร. 0-2356-1111 กด 8 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. หรือที่สำนักงานขายตั๋วการบินไทย วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.00 น. เว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และที่เว็บไซต์ thaiairways.com 

ทอท..ให้พื้นที่ฟรีจัด“AOTรวมของดีย่านดอนเมือง”ทุกศุกร์สิ้นเดือนธ.ค.63-ก.ย.64

นางปาณิศา ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท./AOT” กล่าวว่า นำผู้บริหาร พนักงาน ผู้แทนสำนักงานเขตดอนเมือง ร่วมเยี่ยมชมและสนับสนุนสินค้าโอท็อปตามที่ ทอท.ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมโอท็อปชุมชน ภายใต้ชื่อ  “AOT รวมของดี ย่านดอนเมือง” จะจัดขึ้นทุกวันศุกร์ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน (เดือนละ 1 ครั้ง) ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 - กันยายน 2564

 

โดย ทอท.ให้ผู้ประกอบการนำสินค้า OTOP ของตนเองมาออกร้านจำหน่าย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งมีผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม  20 ราย จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ กระเป๋าผ้าเพ้นท์ ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า แชมพูสมุนไพร สินค้าออร์แกนิค แหนมสุนิสา อาหารเกาหลี ขนมไทย

 

สำหรับกิจกรรมนี้จัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ COVID-19 และสนับสนุนการสร้างรายได้ของผู้พิการและชุมชนโดยรอบสำนักงานใหญ่ AOT และท่าอากาศยานดอนเมือง  นำสินค้ามาจำหน่ายโดยให้พื้นที่ฟรี บริเวณลานด้านนอก อาคารสโมสรท่าอากาศยาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับชุมชน

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.