ททท.ผ่าอนาคต“จีนเที่ยวไทย”พลิกเกมรุก3ตลาด”Bleisure+ไมซ์+นักลงทุน5สนง.ผนึกแอร์ไลน์/เอเย่นต์กู้ตลาดคืน
ททท.ผ่าอนาคต“จีนเที่ยวไทย”หลังผู้นำจีนเปิดแผน4ปีหน้า
ไทยพลิกเกมรุก3ตลาด”Bleisure+ไมซ์+นักลงทุนอีลิตการ์ด
ททท.จีน5สนง.ผนึกแอร์ไลน์/เอเย่นต์กู้ตลาดคืนทุกช่องทาง
คิงเพาเวอร์แจกใหญ่พิเศษลดแห่งปีสูงสุด30%ถึง 24ต.ค.65
ฉลองคิงเพาเวอร์33ปียังแจ๋วเครื่องสำอางค์10 แบรนด์โลก
ททท.ชูWTM2022เปิด3โปรเจกต์Thailand Always Warm
TCEBแนะเลือกเชียงใหม่เมืองท็อปเดสนิเนชั่นจัดไมซ์ทุกมิติ
บางจาก+BAFSดึงแอร์ไลน์ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ปี’93
เที่ยว“กลอเซโล”แม่ฮ่องสอนวิวปังสองแผ่นดินไทย-เมียนมา
airasiaSuperAppแจก6โปรรร./เดินทางโค้ดใช้ได้ถึงมี.ค.66
IATAดึงแอร์ไลน์โลกร่วมWPS2022ถกเลิกปล่อยคาร์บอน
วันอาทิตย์ที่ 23
ตุลาคม 2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #จีนเที่ยวไทยปี66
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/gkv0euOc-G/
ช่วงที่ 1 เจาะลึก ตลาดจีนกับ “ชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หลังผู้นำจีนแถลงแผนอนาคต4ปีหน้า ไทยปรับแผนใหม่รับสถานการณ์ เจาะ 3 ตลาดหลัก
“Bleisure+สมาชิกนักลงทุนอีลิตการ์ด+อินเซนทีฟไมซ์”
หนุน 5 สำนักงาน ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู
เซียะเหมินติดอาวุธการตลาดเชิงรุก 2 กลยุทธ์
“กู้ตลาดกลับคืน-ผนึกความร่วมมือใกล้ชิดพันธมิตรแอร์ไลน์ บริษัททัวร์”
เพิ่มนักท่องเที่ยวทุกช่องทาง
นายชูวิทย์
ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า หลังจาก ประธานาธิบดี “สี เจิ้นผิง ประธานาธิบดี” ผู้นำสูงสุดของจีน
ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครบรอบ 100 ปี เมื่อวันที่ 16
ตุลาคม 2565 โดยมีวาระแถลงแผนอนาคตประเทศ
4
ปีข้างหน้า
ทุกคนคาดจะมีข่าวดีเรื่องการผ่อนคลายมาตรการให้จีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้บ้าง
ซึ่งผ่อนลงบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้สามารถทำได้ทั้งหมด
ถ้อยแถลงครั้งนี้รัฐบาลยังคงมาตรการไว้เหมือนเดิมเรื่องโควิดเป็นศูนย์ Zero Covid ในสาธารณรัฐประชาชนจีน
พร้อมกับเน้นเรื่องความมั่นคงทางการทหารเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี
การให้ความรู้แก่เยาวชน
ส่วนเรื่อง
“เศรษฐกิจ” ซึ่งรวมการท่องเที่ยวอยู่ด้วยนั้นจะอยู่ในลำดับท้าย ๆ
ขณะนี้สภาพเศรษฐกิจของจีนอยู่ในภาวะถดถอยโดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ GDP :Gross Domestic Product เติบโตค่อนข้างต่ำ
ซึ่งเราต้องเคารพการตัดสินใจของผู้นำจีนตามเงื่อนไขที่แถลงสู่สาธารณะทั่วโลก
ขณะเดียวกัน
“นักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน” มาเมืองไทยผ่านแดนต่างช่องทางต่าง ๆระหว่างมกราคม-กันยายน 2565 มีจำนวนรวมกว่า
202,000 คน
แต่ตัวเลขของทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาอาจจะตัดจีนที่ถือ work permit บางส่วนออกไปบ้าง
ปี 2566 ททท.ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนคาดการณ์จำนวนไว้ประมาณ
4.2 ล้านคน
ส่วน เป้าหมาย “รายได้” ตอนนี้การใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนแปลงไป
เพราะพำนักอยู่นานวันขึ้น ปัจจุบันพักเฉลี่ยมากกว่าเดิม 8 วัน/คน/ทริป
บวกกับจำนวนกลุ่มนักเดินทางแต่ละครั้งขนาดไม่ได้ใหญ่เหมือนอดีต
และจากการพูดคุยกับบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ของจีน อย่าง CTRIP, ALITRIP,UNIONPAY แต่ละแห่งประเมินนักท่องเที่ยวจะเป็นขนาดกลุ่มละ
10 คน
สำหรับภารกิจของ
ททท.ซึ่งมีสำนักงานกระจายอยู่ตามเมืองต่าง ๆ ในสาธารณรัฐประชาชนจีน 5 เมืองหลัก
ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เฉินตู คุนหมิง ภายใต้การดูแลของ
ททท.ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคาดการณ์ไว้ 2 กรณี
คือ กรณีที่ 1 จีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
ทุกกลุ่มทุกวัยสามารถเดินทาง กรณีที่ 2 จีนยังไม่เปิดประเทศ
สถานการณ์ตอนนี้อยู่ในกรณีที่
2 ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ
แต่ผ่อนคลายเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ต้นปี 2565 ตลาดจีนเข้าไทย
“เริ่มเห็นแสงสว่างแล้ว”
มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นรัฐบาลจีนไม่ได้ให้ปิดกั้นการเดินทาง
ยังคงอนุญาตให้ “นักลงทุน” เดินทางเข้าออกได้ และคนจีนก็เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน
สำคัญ ช่วง 3
เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่กรกฎาคม 2565 รัฐบาลจีนผ่อนคลายแบบเงียบ ๆ
ดังนั้นจึงมีนักเดินทางมาไทย
5 กลุ่ม
ได้แก่ กลุ่มแรก นักลงทุน ธุรกิจ ประชุมสัมมนา กลุ่มที่ 2 นักเรียน
เดินทางมาอยู่เมืองไทยพร้อมครอบครัวที่ กลุ่มที่ 3 รักษาพยาบาล
ทำทรีตเมนต์ รักษาโรคต่าง ๆ กลุ่มที่ 4 กลุ่มสมาชิกผู้ถือบัตรไทยแลนด์
พริวิเลจ การ์ด TPC
:Thailand Privillage Card
ซึ่งคนจีนนิยมสมัครเป็นสมาชิกค่อนข้างมาก เพื่อเดินทางมาทำธุรกิจ กลุ่มที่ 5 กลุ่มพำนักระยะยาว
(longstay) บางส่วนต้องการมาอยู่เมืองไทย
6 เดือน –
1 ปี
หรือบางส่วนต้องการย้ายถิ่นฐานมาไทย
ต่อมาเดือนสิงหาคม
2565 จีนเริ่มผ่อนคลายเรื่อง
“การบิน” ตอนนี้ขยายเพิ่มให้มีสายการบินของไทยและสายการบินของจีน
บินได้ประเทศละ 15
เที่ยว/สัปาดห์ รวมเป็น 30
เที่ยว/สัปดาห์
จากเดิมอนุญาตเพียง 3 เที่ยว/สัปดาห์
รวม 6
เที่ยว/สัปดาห์ และ
“ลดจำนวนการตรวจหาเชื้อโควิด-19” ด้วยวิธี RT-PCRเมื่อจีนเดินทางกลับเข้าประเทศเหลือการตรวจเพียง
2 ครั้ง
จากเดิม 5 ครั้ง
เป็นการตรวจล่วงหน้า 24 กับ 48
ชั่วโมง
ล่าสุดช่วงต้นเดือนตุลาคม
2565 รัฐบาลจีนประกาศให้
“บริษัทนำเที่ยว” สามารถทำธุรกิจนำนักท่องเที่ยวจีนออกเดินทางต่างประเทศได้แล้ว
นำร่องจาก 2 เมืองหลัก
ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ กับ ฉงชิ่ง ตามวัตถุประสงค์หลักต้องการให้นักลงทุน นักธุรกิจ
จากสองเมืองนี้สามารถเดินทางได้สะดวกมากขึ้น ส่วน “การท่องเที่ยว” จะตามมาเร็ว ๆ
นี้
ผอ.ชูวิทย์
กล่าวว่า จากสัญญาณรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ นับเป็น
“สัญญาณดีติดบวกต่อเนื่อง” มาเรื่อย ๆ
เห็นได้จากกลุ่มเป้าหมายหลักที่เดินทางจากจีนเข้ามาไทย
เช่นบริษัทขนาดใหญ่ผู้นำด้านไอทีอย่างหัวเหว่ย
เมื่อเดือนกันยายนก็เดินทางจากมณฑลกวางตุ้งมาประชุมในไทยประมาณ 500 คน
ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเสินเจิ้นเดินทางมาไทย
เพราะฉนั้นจะเห็นว่ารัฐบาลจีนพยายามผ่อนคลายเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ซึ่ง
ททท.ทำงานโดยจะไม่นำอุปสรรคมาเป็นตัวตั้งแต่จะใช้ “โอกาส”
ที่มีอยู่แสวงหาตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนบุกเจาะตลาดคุณภาพ 2 กลุ่มหลัก
ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 Bleisure -Business+Leisure นักธุรกิจจีนที่เดินทางเข้ามาประชุมเสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ท่องเที่ยวต่อในไทย
เนื่องจากตั๋วเครื่องบินราคาค่อนข้างสูง
เพราะฉนั้นตอนนี้เมื่อมาถึงไทยแล้วจึงต้องการพำนักอยู่นานประมาณ 30
วัน/คน/ทริป จากเดิม 8
วัน/คน/ทริป
กลุ่มที่
2
กลุ่มไมซ์ Incentive นักเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
ทุกปีจีนมีธรรมเนียมส่งพนักงานออกทัศนศึกษาต่างประเทศ
ไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรก ๆ ของบริษัทขนาดใหญ่ในจีน ในอดีตก็มีหลายบริษัท
เช่น แอมเวย์ เพอร์เฟค ไชน่าโมบาย และอินฟินิตัสมีมากถึงปีละกว่าแสนคน
ตลาดดังกล่าวทั้งหมดพร้อมเดินทางซึ่งบางส่วนทยอยมาไทยแล้ว
แต่จำนวนคนแต่ละกลุ่มไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนอดีต จะมีประมาณ 80/120/200/400 คน/กรุ๊ป/ทริป
สถิติล่าสุดถึงต้นเดือนตุลาคมนี้
ททท.พบว่ามีจีนเข้ามาไทยรวมแล้วประมาณ 210,000 คน
สะท้อนถึงแม้จีนยังไม่ได้เปิดประเทศเต็มรูปแบบ
ไทยยังมีนักเดินทางเข้ามาไม่น้อยทีเดียว
ต่อไปหากผ่อนคลายมากขึ้นก็จะทำตลาดได้ดีขึ้นตามลำดับ
ผอ.ชูวิทย์
กล่าวถึงโจทย์ใหญ่ของ ททท.ในสาธารณรัฐประชาชนจีนทั้ง 5 สำนักงานจะต้องทำอย่างส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น
2
กลยุทธ์ คือ กลยุทธ์ที่ 1 กู้ตลาดเดิมกลับมาให้ได้
ด้วยการนำนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มเดิมที่สามารถเดินทางเข้ามาไทยก่อน เช่น นักธุรกิจ
กลุ่มไมซ์/อินเซนทีฟ กลุ่มรักษาสุขภาพ ตามด้วยกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มครอบครัว ซึ่ง
ททท.ทุกสำนักงานจะต้องรักษาซัพพลายเออร์ของเราไว้ให้ได้คือ “สายการบิน”
เพราะหากไม่มีเที่ยวบินก็ยากที่จะทำจำนวนหรือรายได้ให้เข้าเป้าหมาย
ขณะนี้
ททท.ทั้ง 5 สำนักงานในจีน
ได้ทำต่อเนื่องเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ให้ไทยเป็นหนึ่งในดวงใจ Top of Mind เมื่อเปิดประเทศจีนจะเลือกไทยเป็นอันดับหนึ่งของจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว
จึงไม่ห่วงดีมานต์
โดยมีสายการบินประสานเข้ามายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อทำแฟมทริปร่วมกัน
กลยุทธ์ที่
2 ทำงานใกล้ชิดกับทุกสายการบิน
บริษัทตัวแทนนำเที่ยว
ล่าสุดได้ประชุมกับสายการบิน “สปริงแอร์” จะจัดแฟมทริปเข้าภูเก็ต พังงา กระบี่
ช่วงวันที่ 15-21 พฤศจิกายน
2565 เป็นกลยุทธ์เปิดจุดขายท่องเที่ยวไทยในจีนใหม่
3 เส้นทาง
และพยายามผลักดันเปิดบินจากจีนเข้าภูเก็ต และเชียงใหม่
ที่ผ่านมาสายการบินเกือบทั้งหมดของจีนและไทยจะบินเข้ากรุงเทพฯ เท่านั้น นับจากไปจะขยายเส้นทางบินไปยังภูเก็ต
เชียงใหม่ มากขึ้น
สถานการณ์ตลาดการขายท่องเที่ยวในจีนปัจจุบัน
บริษัทนำเที่ยวยังไม่สามารถขายล่วงหน้าในรูปแบบแพกเกจได้ 5-10 วันได้
เนื่องจากยังขัดกับนโยบายรัฐบาลจีน จึงต้องแยกขายแต่ละส่วน คือ ขายตั๋วเครื่องบิน
ขายห้องพักโรงแรม ขายออปชั่นทัวร์
ตอนนี้เอเย่นต์ในจีนและไทยมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ททท.ทำงานคู่ขนานกับจีนอย่างใกล้ชิด
สำหรับการร่วมมือกับสายการบิน
“เพิ่มที่นั่งเที่ยวบิน” เข้าไทย นั้น
ททท.จะต้องวิเคราะห์เมื่อจีนเปิดประเทศจะมีความท้าทาทาย กรณีที่ 1 มีจำนวนเที่ยวบินและที่นั่งไม่เพียงพอ
ก็จะร่วมมือกับสายการบินเลือกใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้น หรือเพิ่มความถี่เที่ยวบิน
เพราะปัจจุบันจีนต้องการมาไทยจากแต่ละเมืองมีไม่เท่ากัน ทางตอนเหนือของจีน
อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ค่อนข้างเข้มงวดจึงมีการบินเพียง 1 เที่ยว/สัปดาห์
ต่างจากทางตอนใต้ของจีนค่อนข้างผ่อนคลายอย่างกวางตุ้ง เมืองเซียะเหมิน
นำโดยเซียะเหมินแอร์ไลน์ บินถึงวันละ 2 เที่ยว
แล้วก็มีสายการบินของไทยเพิ่มขึ้นด้วย
กรณีที่
2 มีเที่ยวบินและจำนวนที่นั่งเพียงพอ
จะต้องช่วยสายการบินเพิ่มอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor)
พยายามผลักดันให้เต็มร้อย เช่น ทำโปรโมชั่น แจกกิฟท์โวเชอร์ ให้คลับเลาจน์ นวดสปา
หรือส่วนลด ใช้กลยุทธ์บูตเซลอย่างเข้มข้น
เพราะจีนแต่ละเมืองจะมีลักษณะตลาดไม่เหมือนกันจึงต้องเลือกใช้กลยุทธ์ให้เหมาะกับพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
ตัวอย่าง
“เซี่ยงไฮ้” ใช้การลดแลกแจกแถมจะไม่เกิดประโยชน์เพราะเป็นกลุ่มนักธุรกิจต้องเดินทางเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่จะ “เพิ่มสิทธิ” ให้ใช้คลับเลาจน์ตามสนามบินต่าง ๆ ในการเดินทางเข้าออกไทย หรือ
“เฉินตู”
ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมาพร้อมพ่อแม่เป็นครอบครัวมาส่งลูกแล้วก็อยู่ท่องเที่ยวต่อในไทย
จะแจกบัตรส่วนลด ช้อปปิ้ง หรือนวดสปา หรือซิมการ์ดโทรศัพท์
หากจีนเปิดประเทศ
ททท.ได้เตรียมพร้อมต้อนรับด้วยการจัดแคมเปญใหญ่ให้ทุกคนได้กลับมา “เจอเพื่อนเก่า-ReUnion”
กันอย่างยิ่งใหญ่ ที่จะสื่อสารถึงจีนในลักษณะ คนไทยคิดถึง เป็นเสมือนญาติพี่น้อง
เพื่อนสนิท เพราะไม่ว่าจะสถานการณ์ใดจีนก็ให้ไทยเป็นจุดหมายอันดับ 1 มาตลอด
ซึ่งทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก
ช่วงที่ผ่านมาจีนมาเที่ยวเมืองไทยปีละกว่า 11 ล้านคน จึงเกิดปัญหาเล็ก ๆ น้อย
เรื่องความปลอดภัย การถูกรัดเอาเปรียบ
จึงจะขอให้ใช้ช่วงเวลานี้ช่วยกันปรับทัศนคติเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีน
เพื่อต้อนรับการกลับมาอย่างประทับใจ ส่วนบริษัทจัดการนำเที่ยวหรือ DMC :Destination Management Companies
ก็ต้องปรับมาตรฐานบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพเช่นกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์แจกใหญ่แห่งปี33ปีลดสูงสุด30%ถึง24ต.ค.65
คิง
เพาเวอร์ ชวนร่วมมหกรรม “King Power Delights & Surprises” ช้อปแฮปปี้ มีแต่แจก วันนี้-24 ตุลาคมนี้ สุดพิเศษ! ฉลองครบรอบวันเกิด 33 ปี กับโปรโมชั่นแห่งปีที่พลาดแล้วคุณจะเสียใจ รับส่วนลดสุดพิเศษสูงสุด 30%
1.แจกตั๋วเครื่องบินฟรีทุกวัน ไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ หรือ กรุงเทพฯ-เกาหลี
2.ลุ้นรางวัลรวมกว่า
3.3 ล้านบาท
เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข
3.ใครที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
คิง เพาเวอร์ สมัครสมาชิก Navy ฟรี
4.รับ Gift
Card สูงสุด 18,000
บาท พร้อมมอบส่วนลด On Top 3%
นอกจากนี้ยังจัดเต็มความบันเทิงจากศิลปินชั้นนำ
อาทิ เจเจ, 4EVE, พีพี
บิวกิ้น เเละอีกมากมาย พบกับความพิเศษได้ที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี
ข่าวที่
2 ฉลองคิงเพาเวอร์33ปียังแจ๋วกับเครื่องสำอางค์10แบรนด์โลก
ฉลอง 33
ปี คิง เพาเวอร์…33 ปียังแจ๋ว! ร่วมกับพันธมิตรแบรนด์ดังระดับโลก
ชวนช้อปสกินแคร์ตัวท็อป ผู้ช่วยดูแลผิวที่ต้องมีไว้คู่กายแถมมีลุ้นเซอร์ไพรส์ทุกท้ายบิล
ตั๋วบินฟรี สิงคโปร์ หรือ เกาหลีใต้ได้ด้วย
โดยได้จัดทัพเครื่องสำอางค์แบรนด์ดังพาเหรดกันมาให้แฟนคลับได้เลือกจะช้อปออนไลน์หรือมาช้อปได้เลยที่
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีววารี พัทยา และภูเก็ต เลือกได้ตั้งแต่วันนี้ 10
แบรนด์ยอดนิยมดังนี้
แบรนด์แรก “ESTÉE LAUDER ADVANCED NIGHT REPAIR SYNCHRONIZED MULTI-RECOVERY
COMPLEX เซรั่มฟื้นบำรุงอันดับ 1 จากเอสเต
ลอเดอร์ ฟื้นบำรุงริ้วรอยให้แลดูจางลงหลังจากที่ใช้เพียง 3 สัปดาห์
พร้อมเสริมเกราะให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ
แบรนด์ที่ 2 Lancôme Genifique Serum เซรั่มบำรุงผิวหน้าอันดับ 1
จากลังโคม เพื่อผิวที่แข็งแรง อ่อนเยาว์ และเรียบเนียน
แบรนด์ที่ 3
KIEHL'S Ultra Facial Creamมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเข้มข้นตัวดัง
ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นอย่างยาวนาน
แบรนด์ที่ 4
La Mer The Concentrate เซรั่มเนื้อเจล ช่วยให้ผิวอิ่มฟู
รู้สึกได้ว่าผิวแข็งแรงขึ้น
แบรนด์ที่ 5 SHISEIDO Ultimune Power Infusing Concentrate
เซรั่มขวดเเดงในตำนาน ฟื้นฟูผิวด้วยพลังจากธรรมชาติ
เพื่อผิวที่เรียบเนียน เปล่งปลั่ง ดูมีออร่า
แบรนด์ที่ 6
FRESH Tea Elixir Resilience Activating Serum เซรั่มเนื้อบางเบา
ให้คุณมีผิวสวยโกลว์ เจิดจรัส สุขภาพดี
แบรนด์ที่ 7
ORIGINS Mega Mushroom Relief & Resilience Soothing Treatment Lotion น้ำตบเห็ดตัวดัง ช่วยปลอบประโลมผิว ลดเลือนปัญหาผิวที่เกิดจากการถูกทำร้าย
แบรนด์ที่ 8
L'OCCITANE Immortelle Reset Oil-in-Serum เซรั่มเนื้อออยล์
ตัวซิกเนเจอร์จากล็อกซิทาน ฟื้นฟูผิวอย่างเร่งด่วน ปลุกผิวให้กลับมาสดใส
แลดูอ่อนเยาว์
แบรนด์ที่ 10
CLARINS Extra-Firming Day Cream - All Skin Typesเดย์ครีม
ใช้ทาระหว่างวัน ให้ผิวแลดูกระชับ คืนความอ่อนเยาว์ ริ้วรอยลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ข่าวที่
3 ททท.ชูWTM2022เปิด3โปรเจกต์Thailand
Always Warm
นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร
รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เตรียมที่จะนำคณะกรรมการ ททท.พร้อมผู้บริหาร และผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยรุกเข้าร่วมงานใหญ่ระดับโลก
WTM : World Travel Mart
2022 ระหว่าง 7-9 พฤศจิกายน 2565 ที่กรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ เป็นงานจับคู่เจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวรายใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก
ประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมจะประกาศพลิกโฉมจุดขายสำคัญการท่องเที่ยวไทย
3 เรื่องหลัก
ประกอบด้วย
เรื่องแรก
ประกาศ Visit
Thailand Year 2023 ต่อเนื่องปีที่
2 โดยใช้คีย์หลักการสื่อสารด้วยคอนเซ็ปต์
“Amazing
Thailand Always Warm”
อันหมายถึง นักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกมาเมืองไทยเมื่อไรก็จะได้รับความอบอุ่นเสมอ Warm
ทั้งเรื่องอัธยาศรัยไมตรี การต้อนรับตั้งแต่สนามบิน บริการ และอื่น ๆ
ที่จะได้รับครบทุกมิติตลอดทุกการเดินทาง
เรื่องที่สอง
ประกาศขับเคลื่อนคอนเทนท์ Meaningfull Travel ตอบโจทย์ความคุ้มค่าทุกการเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย
จะได้พบกับความสุขทุกอย่าง มีกิจกรรมสนุกทำ ผนวกเข้ากับส่วนอื่น
อยู่ภายในการท่องเที่ยวทุกประเภท
เรื่องที่
3 จุดประกายเพิ่มตลาด
Re-Union ชวนเพื่อนเก่ากลับมาฉลองมิตรภาพใหม่อีกครั้ง
นัดรวมกลุ่มกันเดินทางมาเมืองไทย เช่น ดำน้ำเก็บขยะในทะเล
หรือจะเป็นกิจกรรมกลุ่มเพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม CSR อีกหลากหลายอย่างซึ่งเป็นเทรนด์นิยมของโลก
นายศิริปกรณ์
กล่าวถึงว่า ททท.เตรียมปรับกลยุทธ์ใหม่เรื่องการคัดเลือก
“ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง : Supply Change” ตอนนี้ประเด็นหลักต้องเร่งพัฒนามาตรฐานบุคลากรบริการกลับเข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องอบรมทักษะกันใหม่อีกครั้งเพราะไทยและทั่วโลกกำลังขาดแคลนอย่างหนัก
สำคัญสุดจะต้องดูตัวเลขพฤติกรรมตลาดด้วย การเปลี่ยนแปลงใหญ่สุดที่ซัพพลายเชนจะต้องปรับคือ
“การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” เป็น A
Must หัวใจหลักต้องลงมือทำทันทีไม่ใช่แค่เทรนด์เหมือนในอดีตซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้อีกต่อไปแล้ว
ขณะนี้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวหรือดีมานต์ไซซ์ในตลาดระยะไกลข้ามทวีป
เริ่มจากยุโรป นักท่องเที่ยวหันมาให้ความสำคัญมากเป็นอันดับต้น ๆ
เรื่องการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ททท.จึงต้องปรับกลยุทธ์เริ่มจากการคัดผู้ประกอบการเข้าร่วมขายในงาน WTM 2022
ต้องมีคุณสมบัติผ่านตามเช็คลิสต์ 3-5 ข้อ จึงจะได้รับโอกาสเข้าร่วมงาน
จากทั้งหมดตามมาตรฐานสากลมีประมาณกว่า 10 ข้อ คือ 1.ต้องเป็นสถานประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์
SHA Plus 2.การมีส่วนร่วมใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ในสถานประกอบการ
3.ได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อม
หรือความยั่งยืน 4.มีนโยบายลดละเลิกใช้พลาสติก
5.อื่น ๆ
จากนั้นจะยกระดับเพิ่มเช็คลิสต์อย่างเข้มข้นในปีต่อไป
ข่าวที่
4 TCEBแนะเลือกเชียงใหม่เมืองท็อปเดสนิเนชั่นจัดไมซ์ได้ทุกมิติ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” แนะนำชาวไมซ์เลือกขึ้นเหนือไปจัด
“เชียงใหม่” หนึ่งในเมืองไมซ์ที่จุดหมายปลายทางติดท็อปของโลก Top
Destination และเมืองเทศกาลโลก ซึ่งมีบริการครบทุกมิติ ทั้งสถานที่จัดงานมาตรฐาน
แหล่งกิจกรรมไมซ์หลากหลาย วัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ ตามโปรแกรมตัวอย่าง
จัดไมซ์ 2 วัน 1 คืน ดังนี้
วันแรก 9:00
น. เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ตลาดเกษตรอินทรีย์ เลือกซื้อผัก ผลไม้ สด
อร่อย ปลอดสารพิษและรับประทานอาหารเช้าออร์แกนิกส่งตรงจากเกษตรกรท้องถิ่น ช้อปสินค้าทำมือและพื้นเมืองจากช่างฝีมือท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์
เหมาะเป็นของฝากชั้นเลิศ
จากนั้น 11:00
น. เข้าชมนิทรรศการใน “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” พื้นที่กว่า 500 ไร่ มีสถานที่บริการจัดงานไมซ์ทั้งห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดนิทรรศการ
เรือนไทย ลานจัดกิจกรรมไมซ์กลางแจ้ง ตื่นตากับหอคำหลวง
สวนองค์กรเฉลิมพระเกียรติสำหรับจัดแสดงภายใต้แนวคิดการจัดสวนตามทฤษฎีการเกษตรของในหลวงรัชกาลที่
9 พักรับประทานอาหารกลางวันอย่างสุขใจ
ช่วงบ่าย 13:00
น. ไปสำรวจคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์พื้นเมือง ที่ “บ้านข้างวัด”
ซอยวัดอุโมงค์ ละลานตากับร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านขายสินค้าหลากหลาย สินค้าทำมือ
เครื่องตกแต่งบ้าน งานไม้ งานเซรามิก พร้อมโซนกลางแจ้งที่มีกิจกรรมสลับกันมาจัดแสดงตลอด
บางร้านจะเปิดให้นักท่องเที่ยวหรือไมซ์เข้าร่วมเวิร์กช็อปงานฝีมือได้
ช่วงเย็น 17.30
น. เลือกพักที่ “รายา
เฮอริเทจ” โรงแรมอบอวลด้วยมนต์เสน่ห์ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองเรียบหรูสง่างาม ด้วยงานสถาปัตยกรรมโดยได้นำวิถีล้านนาดีไซน์แบบร่วมสมัย
ตกแต่งด้วยงานหัตถกรรมพื้นบ้านจากศิลปินและช่างฝีมือท้องถิ่น
สงบร่มรื่นริมแม่น้ำปิง
ช่วงค่ำ 19:00
น. สำรวจไนท์ไลฟ์ “ย่านนิมมานเหมินทร์”
แนะนำให้ลองดินเนอร์มื้อค่ำกับพื้นเมืองเชียงใหม่สไตล์ล้านนารสจัดจ้าน อย่าง ไส้อั่ว
น้ำพริกหนุ่ม ข้าวซอย ลาบคั่ว หรือแกงฮังเล นิมานเหมินทร์เป็นถนนสายการค้าและแหล่งบันเทิงเต็มรูปแบบ
นักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลกนิยมมาสร้างความคึกคักตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
ข่าวที่ 5 บางจาก+BAFSดึงแอร์ไลน์ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ปี’93
นายปฏิวัติ ทิวะศะศิธร์
ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ – โรงกลั่น กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้เป็นประธานในพิธีลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน
: Sustainable
Aviation Fuel (SAF)” กับ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ
บาฟส์ (BAFS) ลงนามร่วมกันส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินทั้งสายการบินในประเทศและระหว่างประเทศในกลุ่มพันธมิตรเลือกเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน
กระตุ้นอุตสาหกรรมการบินเข้าร่วมเครือข่ายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่เป้าหมาย Net
Zero Emissions ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) ควบคู่กับการส่งเสริมระบบขนส่งทางอากาศของประเทศไทยมีมาตรฐานสอดคล้องตามองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(International Civil Aviation Organization : ICAO) และสมาคมการบินระหว่างประเทศ
(International Air Transport Association : IATA) ซึ่งกำลังรณรงค์เน้นความยั่งยืนด้วยเช่นกัน
ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งของทั้ง 2
องค์กร นั่นคือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่มีเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จในปี 2573 รวมมทั้งตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
(Net Zero) ภายในปี 2593 โดยมีกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน
หรือโรงกลั่นบางจาก ให้ความสำคัญในการลงทุนธุรกิจสีเขียว ผนวกกับเดินหน้าการลงทุนสร้างหน่วยผลิตน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืนจากน้ำมันใช้แล้ว
หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมการบิน
ขณะที่ บริษัท
บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บาฟส์
ผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยทำธุรกิจด้านการบริหาร
การรับ การจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน
ให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงแก่อากาศยาน
ดังนั้นการทำความร่วมมือกันครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมการบินในภาคพลังงาน
ที่จะสามารถขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันอากาศแบบยั่งยืนของภูมิภาค
ส่งผลดีทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจของประเทศตามยุทธศาสตร์ BCG Economy Model แบบครบวงจร
ช่วงที่ 2 มาใหม่อีกแล้วจุดชิมวิวสองแผ่นดิน
“กลอเซอโล” อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ชายแดนไทย-เมียนมา
เที่ยวได้ตลอดหน้าหนาวปลายตุลาคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี แล้วฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “airasiaSupperApp”
ชิงจัด6
โปรโมชั่นแจกโค้ดส่วนลดชุดใหญ่
ทั้งโรงแรม การเดินทางในกรุง ใช้สิทธิ์ได้ข้ามปีถึง มี.ค.66
ท่องเที่ยว-“กลอเซโล”แม่ฮ่องสอนชมวิวปังสองแผ่นดินไทย-เมียนมา
เที่ยวเมืองไทย สุขใจ กับสถานที่ใหม่ ๆ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) แม่ฮ่องสอน แนะนำปลายฝนต้นหนาวสวยอลังการ “ก ล อ เ ซ โ ล” จุดชมวิวสองแผ่นดิน บนเทือกเขาชายแดนไทย-เมียนมา
ฝั่งแม่น้ำสาละวิน ที่อำเภอสบเมย แต่ความจริงแล้ว เทือกเขาแห่งนี้นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างแรมได้
ใน 2
หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านกลอเซโล หรือหมู่บ้านบุญเลอ
ลักษณะที่ตั้งของหุบเขาติดริมแม่น้ำสาละวินกว้างใหญ่ เป็นแหล่งผลิตหมอกชั้นดีเกิน
90
% เป็นจุดชมทะเลหมอกบรรจบกันของแม่น้ำสาละวินและแม่น้ำเมย อันเกิดเป็นชื่อแม่น้ำสบเมยในวันนี้นั่นเอง
แนะนำการเดินทางท่องเที่ยว
ปลายตุลาคม - กุมภาพันธ์ ทุกปี โดยมีบริการกางเต้นท์ หากไม่ได้นำเต็นท์ไปเองคิด
ค่าเช่าพื้นที่และเช่าเต้นท์เริ่มต้น 100 บาท/คน/คืน แล้วนักท่องเที่ยวสามารถเลือกพื้นที่จุดชมวิวจาก
2 หมู่บ้านได้ ซึ่งสวยงามเด่นแตกต่างคือ
“หมู่บ้านแรก-กลอเซโล” อยู่ใกล้ชิดติดแม่น้ำสาละวินมากกว่าหมู่บ้านบุญเลอ
นักท่องเที่ยวสามารถเห็นทะเลหมอกยามเช้าตัดกับวิวทิวทัศน์ชัดเจน เปิดพื้นที่ประมาณ
4
จุด ได้แก่ 1.จุดชมวิวขุนกลอเซโล 2.จุดชมวิวโรงเรียนบ้านกลอเซโล 3.จุดชมวิวม่อนบลอโจ และ
4.จุดชมวิวม่อนภพฟ้า
“หมู่บ้านที่สอง-บุญเลอ” ตั้งอยู่สูงกว่าหมู่บ้านกลอเซโล จุดชมวิวสวยแปลกตาไปอีกแบบ
นักท่องเที่ยวจะเห็นดวงดาวและวิวทิวทัศน์กว้างกว่าทั้งแม่น้ำสาละวิน กั้นพรมแดนไทย-เมียนมา
หรือและบางแห่งเห็นจุดบรรจบแม่น้ำเมยและแม่นสาละวินได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีจุดกางเต้นท์
5
จุด ได้แก่ 1.จุดชมวิวทะเลหมอกสองแผ่นดิน
2.จุดชมวิวพระธาตุบ้านบุญเลอ 3.จุดชมวิวม่อนเดียวดาย
4.จุดชมวิวม่อนชมดาว 5.จุดชมวิวดอยโจโค๊ะ
การเดินทางไปพักผ่อนที่จุดชมวิวทะเลหมอก
2
แผ่นดิน “กลอเซโล” แนะนำให้จ้างรถรับ-ส่ง มีจุดนัดพบอยู่ตรง อบต.
แม่สามแลบ ฟรีบริการฝากรถส่วนตัว แล้วก็มีรถให้นักท่องเที่ยวเช่าเริ่มต้นคันละ 3,000
บาท สามารถรวมกรุ๊ปไปด้วยกันได้
เพราะเส้นทางถึงจะมีหลายทางเลือกแต่ก็ลำบากและลาดชันแตกต่างกันไป ต้องใช้รถมีสมรรถนะสูงขับเคลื่อน
4 ล้อ ด้วยคนขับที่ทักษะความชำนาญการขับเป็นอย่างดีตลอด 20
กิโลเมตร
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -airasiaSuperAppแจก6โปรรร./เดินทางโค้ดใช้ข้ามปีถึงมี.ค.66
นางสาวณัฏฐิณี
ตะวันชุลี ผู้อำนวยการใหญ่ airasia Super App ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้จัดทำโปรโมชั่นลดราคาห้องพักโรงแรมและการเดินทางต้อนรับกระเเสการท่องเที่ยวภายในประเทศยังคึกคักต่อเนื่อง
ตามที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดแนวโน้มเที่ยวไทยไตรมาส 4 ระหว่างตุลาคม-ธันวาคม 2565 จะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเฉลี่ยเดือนละ
12-14 ล้านคน-ครั้ง
ดังนั้นจึงได้เปิดมหกรรมการขายดึงดูดกำลังซื้อท่องเที่ยวด้วย 6 โปรโมชั่น ดังนี้
“Hotel ห้องพักโรงแรมทั่วไทย” จัดไว้ให้เลือก 4 โปรโมชั่น
ประกอบด้วย
โปรแรก “พักชิล
ฟีล inter แจกโค้ดส่วนลดโรงแรม 300 บาท เมื่อจองโรงแรมในประเทศ ผ่าน airasia Super
App ขั้นต่ำเพียง 700 บาทขึ้นไป ทั้งลูกค้าใหม่และเก่าสามารถใช้ส่วนลดได้
1 ครั้งต่อ 1 ผู้ใช้งาน
จองตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2565 เข้าพักได้วันนี้
- 31 ธันวาคม 2565
โปรโมชั่น 2 “สาธุ 999 ฮาโลวีน โค้ดดีไม่มีหลอก” แจกส่วนลดส่งท้ายเดือนตุลาคมต้อนรับเทศกาลฮาโลวีน
ใส่โค้ดสุดพิเศษ "THB999" เมื่อจองโรงแรมในประเทศผ่าน
airasia Super App ขั้นต่ำ 2,000 บาท
รับทันทีส่วนลดค่าโรงแรม 999 บาท เปิดให้จอง 23-24 ตุลาคม 2565 เข้าพักได้ข้ามปี ตั้งแต่ 23 ตุลาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566
โปรโมชั่น 3 “Super Travel Fest” พักฟิน
นอนสบาย กับแคมเปญ “Super Travel Fest” เมื่อจองที่พักโรงแรมที่เข้าร่วมรายการ
2 คืน จ่ายแค่ 1 คืน เปิดให้จอง
ระหว่าง 26 – 28 ตุลาคม 2565 ตั้งแต่ 26 ตุลาคม 2565 - 31 มีนาคม 2566 ตามกติกาให้จองขั้นต่ำ
2 คืนขึ้นไป รับฟรี 1 คืนต่อ 1 การจอง
“airasia Ride” แจกส่วนลดในการเดินทางไปยังสนามบินหรือสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ อีก 2 โปรโมชั่น คือ
โปรโมชั่นแรก “Airport
Ride” แจกส่วนลดทันที 50 บาท เพียงลูกค้าเพียงใส่โค้ด “AIRPORT50”
ใช้ในการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิหรือดอนเมือง
สะดวกคุ้มกว่า..ไม่ต้องใช้รถส่วนตัว โดยจะต้องมียอดใช้บริการขั้นต่ำ
100 บาท สิทธินี้มีจำนวนจำกัด ใช้ได้ตั้งแต่วันนี้-พฤศจิกายน 2565
โปรโมชั่น 2 “City Ride” เอาใจสายเที่ยวในกรุง ใส่โค้ด
“RIDE30” มอบส่วนลดทันที 30 บาท เดินทางในกรุงเทพฯ โดยจะต้องมียอดใช้บริการขั้นต่ำ
100 บาท มีจำนวนจำกัด ตั้งแต่วันนี้-พฤศจิกายน 2565
airasia Super App จัดทำทั้ง
6 โปรโมชั่น โดยได้วิเคราะห์แนวโน้มเทรนด์การท่องเที่ยวในประเทศไตรมาสสุดท้ายปี
2565 แล้วพบข้อมูลตั้งแต่ตุลาคม 2565 มียอดค้นหาโรงแรมบนแพลตฟอร์ม
airasia Super App เพิ่มขึ้นถึงกว่าเดือนกันยายนปีนี้ถึง 91%
ประกอบด้วย “กรุงเทพฯ”
ครองเส้นทางยอดนิยมหรือ Top Destination ของนักท่องเที่ยวไทย
ตามด้วยเมืองท่องเที่ยวหลักตามลำดับ ได้แก่ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต และหัวหิน คนไทยมีพฤติกรรมพักเฉลี่ย
3 วัน 2 คืน
โดยเน้นการเลือกใช้บริการห้องพักมากที่สุดในโรงแรม
4-5 ดาว ประมาณ 59 % โรงแรมระดับ 1-3 ดาว มีเพียง 40 % เป็นสถิติตอกย้ำและสะท้อนแนวโน้มการท่องเที่ยวไทย ไตมาสส่งท้ายปีนี้ยังสดใสเหมาะกับการทำโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้อให้
airasia Super App ได้มากที่สุดนั่นเอง
ข่าวที่สอง –IATAดึงแอร์ไลน์โลกร่วมWPS2022ถกเลิกปล่อยคาร์บอน
นายวิลลี่
วอล์ช ผู้อำนวยการ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA/ไออาต้า : International
Air Transport Association) เปิดเผยว่า ไออาต้าเตรียมจัดการประชุมอุตสาหกรรมการบินระดับนานาชาติ “WPS
: World Passenger Symposium 2022”
ร่วมกับสายการบินทั่วโลกประกาศปลดล็อก
“การสร้างมูลค่าด้วยการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก -Unlocking Value
Creation by Putting the Customer First” โดยจะมีกัล์ฟแอร์
เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2565 ที่ประเทศบาห์เรน
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันสายการบินก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ
หากต้องการ “ประสบความสำเร็จมากที่สุด” อันดับแรกก็จะต้องวางกลยุทธ์ตอบสนองความของลูกค้าเป็นอย่างดี
โดยมาตรฐานสากลช่วยอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ ซึ่งมีอีกหนึ่งความท้าทายคือการทำให้ลูกค้ามั่นใจถึงเรื่องมาตรฐานจะต้องก้าวทันกับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าเกี่ยวกับดิจิทัล
โดยผู้ใช้บริการเดินทางทางอากาศหรือทางเครื่องบินทั่วโลกยุคใหม่หลังสถานการณ์โควิด-19 ล้วนคาดหวังที่จะได้รับความโปร่งใสทุกจุดหมายปลายทาง
4 เรื่องหลัก ได้แก่
1.การจ่ายเงินซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบิน 2.ผลิตภัณฑ์ของสายการบินต่าง ๆ ทำข้อเสนอที่กำหนดขึ้นเอง 3.การติดตามสัมภาระกระเป๋า 4.การประมวลผลบริการแบบไร้สัมผัสที่สนามบิน
ทั้ง
4 เรื่องดังกล่าว ทั่วโลกจะได้เห็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงวิธีสร้างความก้าวหน้าและอื่น
ๆ อีกมากมายในเวทีการประชุม IATA World Passenger Symposium ประจำปี
2565
ทางด้าน
กัปตัน Waleed AlAlawi รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกัล์ฟแอร์
(Gulf Air) กล่าวว่า เตรียมขึ้นปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ
“ลูกค้าของเรามีความสำคัญสูงสุดกับกัลฟ์แอร์” ทำให้การประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสอันมีค่าของอุตสาหกรรมการบินระดับนานาชาติ
ระหว่างการหารือและอภิปรายจะได้เห็นถึงความคิดริเริ่มและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการให้ความสำคัญกับผู้โดยสารเป็นอันดับแรก
ทางกัล์ฟแอร์ รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เป็นเจ้าภาพการประชุม IATA World
Passenger Symposium และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับวิทยากรและผู้แทนที่เดินทางมาร่วมงานในประเทศบาห์เรนด้วยกัน
สำหรับ
การประชุม WPS ประจำปี 2565
ทางไออาต้าได้รวมการประชุมครบทุกมิติเข้าไว้ด้วยกัน เช่น การสัมมนาด้านดิจิทัล
การนำเสนอข้อมูลและการค้าปลีก การประชุม Global Airport และ Passenger
Symposium และ Accessibility Symposium แตกต่างจากการประชุมในอดีตที่จัดงานเดียวเท่านั้น
การปรับรูปการประชุมแบบใหม่ก็เพื่อสะท้อนถึงความสำคัญและความเชื่อมโยงขององค์ประกอบทั้งหมดที่มีต่อประสบการณ์ของลูกค้าของทุกสายการบินทั่วโลกทั้งปัจจุบันและอนาคตนั่นเอง
ทั้งนี้แต่ละหัวข้อในการยกขึ้นมาสัมมนาบนเวทีการประชุม
WPS 2565 ทางไออาต้าหวังว่าจะช่วยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในระบบนิเวศแบบเปิดใหม่
รวมทั้งสายการบินต่าง ๆ พากันยอมรับการเปลี่ยนแปลงของ Customer Centricity และการค้าขายเพื่อการแข่งขันในตลาดอย่างถูกวิธีหรือ True Retailing
ต้องทำอย่างไร เรื่อยไปจนถึง กลยุทธ์ที่จะทำให้ลูกค้าศูนย์กลางการเดินทางแบบไร้สัมผัส
ซึ่งเอาชนะความท้าทายด้านสัมภาระเพื่อประสบการณ์ของลูกค้าในมุมที่ดีขึ้นกว่าทุกวันนี้
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น