ททท.ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์เที่ยวไทยปี65เกินเป้าโกย7แสนล้าน จัดทัพใหม่ผอ.5ภูมิภาคงัดสารพัดเทศกาลทำเงินปลายปีนี้
ททท.ทำบิ๊กเซอร์ไพรส์เที่ยวไทยปี65เกินเป้าโกย7แสนล้าน
จัดทัพใหม่ผอ.5ภูมิภาคงัดสารพัดเทศกาลทำเงินปลายปีนี้
“อีสาน”แรงสุดดันงานช้างสุรินทร์บันทึกกินเนสเวิลด์18พ.ย.
คิง เพาเวอร์33ปีชูรุกเทรนด์My Dutyเพิ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่
ห้ามพลาดคิงเพาเวอร์5ช้อปแฮปปี้มีแต่แจกวันนี้-24ต.ค.65
โปรเด็ด!คิงเพาเวอร์ลดน้ำหอม/แฟชั่น3สนามบินถึง31ต.ค.
ททท.บุก“ITB Asia2022”เปิดเที่ยวไทยใหม่4โปรเจ็กต์ปี’66
TCEB+11พันธมิตรอัดฉีดEMTEXโกยเอ็กซิบิชั่น7.8พันล้าน
ฮือฮา!! หุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก 3 พันล้านเปิด3นาทีขายเกลี้ยง
เที่ยว“ดิวาลี”มหัศจรรย์แสงสว่างลิตเติ้ลอินเดียในกรุงเทพฯ
อิตัลไทยเปิดใหม่”ชามากรุงเทพ”โกยทัวร์สุขภาพต่างชาติ
บินไทยรับเครื่อง777ใหม่3ลำปรับโฉมแอร์บัสบินเพิ่มเอเชีย
วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม
2565
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง
ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋
#KingPower #TAT
#TCEB #บางจาก #เทศกาลดิวาลี
#LittleIndiaพาหุรัดคลองโอ่งอ่าง
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/gjaBfr_65R/
ช่วงที่
1 ผ่าแผนเที่ยวไทยกับ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์”
รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี65 สัญญาณดีเหนือคาดหมาย “ในประเทศ” ทำรายได้เกินเป้า 7 แสนล้านบาท จัดทัพใหม่ ผอ.5 ภาค เคลื่อนทัพขาย 3 เดือนสุดท้าย ต.ค.-ธ.ค.65 ฝ่ากระแสน้ำท่วม เงินเฟ้อ
เพิ่ม “รายยอดพักโรงแรม-อัตราบรรทุกผู้โดยสารเที่ยวบิน” ทั่วไทย
กระหน่ำโกยเงินช่วยรถทัวร์ แอร์ไลน์ 2 บิ๊กแคมเปญ “รถทัวร์ทั่วไทย-ลดทั่วฟ้าบินทั่วไทย”
ปี’66 ดัน 77 จังหวัด งัดโปรเจกต์ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”โกยรายได้ 8.8 แสนล้าน “อีสาน” มีเซอร์ไพรส์ พ.ย.นี้ ชูงานช้างสุรินทร์
บันทึกประวัติศาสตร์ เวิลด์ กินเนสส์ เรคคอร์ด 18 พ.ย.นี้นำผ้าไหมพื้นเมืองพับช้าง
1 หมื่นตัว และจัดใหญ่ลอยกระทง เคาน์ดาวน์
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ได้วางแผนตลาดการท่องเที่ยวในประเทศปีงบประมาณ 2566 ซึ่งได้รับโจทย์ค่อนข้างท้าทาย เริ่มไตรมาสแรก
ตุลาคม-ธันวาคม 2565 ประเมินยอดนักท่องเที่ยวไทยรวม 47
ล้านคน-ครั้ง เมื่อรวมตลอดทั้งปี 2565 จะทำได้ตามเป้า
161 ล้านคน-ครั้ง ซึ่งตอนนี้มีสัญญาณที่ดีไปกว่าคือ
“รายได้ในประเทศ” จะสามารถทำได้ทะลุ 7 แสนล้านบาท
เกินเป้าอย่างแน่นอน 6.56 แสนล้านบาท เนื่องจาก 9 เดือนแรก มกราคม-กันยายน ทำได้แล้ว 6.32 แสนล้านบาท
ได้จัดทัพใหม่ผู้อำนวยการทั้ง
5 ภูมิภาค เพื่อขับเคลื่อน “รายได้”
การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มไตรมาสแรก ตุลาคม-ธันวาคม 2565
โดยจะเน้นส่งเสริมการขายตั้งแต่ระดับตำบล เขต จังหวัด และข้ามภาค
ได้วางกลยุทธ์เตรียมประชุมใหญ่วันที่ 25-27 ตุลาคม 2565
ให้เป็นไปตาม 4 กลยุทธ์
ทำกิจกรรมตอบโจทย์ตลาดกลุ่มเป้าหมายทั้ง 8 กลุ่มเซกเมนท์หรือ
8 เทรนด์ใหม่ เพื่อเพิ่ม 1.วันพักเฉลี่ย
2.เพิ่มรายได้ตามเป้า 4,000 บาท/คน/ทริป
3.เพิ่มคนเข้าไปเติมเต็มที่นั่งโดยสารเครื่องบินหรือ Seat
Capicity และอัตราบรรทุกผู้โดยสารให้กับสายการบินในประเทศทั้งหมด
ไฮไลต์การทำรายได้เพิ่มช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปีนี้
3 เดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2565 จะเน้นสนับสนุนเอกชนขาย
3 แคมเปญ ได้แก่ แคมเปญที่ 1
“รถทัวร์ทั่วไทย” ตอนนี้เปิดขายเดือนที่สองแล้วจะจบ 31
ตุลาคม นี้ ตอนนี้ยอดขายเที่ยวรถทัวร์ 500 คัน
เต็มเกือบ 100 % แคมเปญที่ 2
“ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย” ททท.ร่วมกับในประเทศ 7 สายการบิน เปิดให้จองตั๋วราคาพิเศษ 19 กันยายน-31
ตุลาคม นี้ แล้วนำตั๋วไปใช้เดินทางจริงโดยไม่มีวันหยุดตั้งแต่ 1
พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2565 ตั้งเป้าช่วยผู้ประกอบการ 2กลุ่มหลัก คือ
กลุ่มแรก
“โรงแรมที่พักทั่วประเทศ” เพิ่มมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย (OR :Occupacy Rate) ดีขึ้นตามเป้าหมาย 55-60 % กลุ่มที่สอง สายการบินในประเทศ เพิ่มอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load
Factor) เกิน 70 % ขึ้นไป
พร้อมกับเดินหน้าเปิดตัวโครงการ “365 วัน
มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน” ครอบคลุมทั้ง 77
จังหวัด โดยมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้นักท่องเที่ยวคนไทยต้นปี 2566
ซึ่งขณะนี้ ททท.ในประเทศทั้ง 5 ภูมิภาค
ยังคงใช้ธีมหลัก ดังนี้
“ททท.ภูมิภาคภาคกลาง”
เทรนดี้ C2 เน้นท่องเที่ยวได้ทุกวันตลอด 365 วัน จัดกิจกรรมเพิ่มร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น LAZADA จัดโปรโมชั่นขายท่องเที่ยวแบบ Flash Deal นำสินค้า 5 ภาคมาขาย พร้อมกับจัดกิจกรรมกระตุ้นอัตราเข้าพักเฉลี่ย/OR กระจายนักท่องเที่ยวแบ่งเป็น 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่
1 อัตราพักเฉลี่ย 30-40 % ใน
3 จังหวัด คือ ปทุมธานี อ่างทอง สมุทรสาคร พื้นที่ 2 อัตราพักเฉลี่ย 40-50 % ใน 5 จังหวัด มีสระบุรี นครปฐม สิงห์บุรี นนทบุรี เช่น จัดมหกรรม Camp
Design Thailand จัด เทศกาลตำนานคาวบอยมวกเหล็ก พื้นที่ 3 อัตราพักเฉลี่ย 50 % ขึ้นไป ใน จังหวัด
พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี กาญบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์
“ททท.ภูมิภาคภาคเหนือ”
เสน่ห์วันวาน เมืองเหนือ นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยว 14 จังหวัด 4 เรื่อง ได้แก่ 1.North
Exclusive กระตุ้นการใช้จ่ายเงิน ด้วยงานศิลปะหัตถกรรม โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร 2.North
Experience Festival ส่งมอบประสบการณ์วันวานเมืองเหนือผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย
ในเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง สุโขทัย อุทัยธานี 3.เสน่ห์กินริมน้ำ
ชูความโดดเด่นอาหารถิ่นเมืองเหมือ สอดแทรกวิถีวิชีวิตคน 4.Roadtrip ขับรถท่องเที่ยว
“ททท.ภูมิภาคภาคอีสาน” เน้นหลงรักอีสาน 3 ธรรม ธรรมะ-ธรรมชาติ-วัฒนธรรม ท่องเที่ยวธรรมชาติผ่านศิลปะที่โดดเด่นปี 2566 จะสร้างความเข้มข้นมากเป็นพิเศษ
เริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้ ตุลาคม-ธันวาคม นี้ ไฮไลต์ งานแรก Hi So Go
ที่ปากช่องเขาใหญ่ต้อนรับลมหนาวด้วยดนตรี ศิลปะ ไลฟ์สไตล์ งานที่สอง
“เชียงคานฮาโลวีน” 30 ตุลาคม
นี้ งานที่สาม “งานช้างสุรินทร์ประจำปี” ระหว่าง 9-20 พฤศจิกายน 2565
เปิดประวัติศาสตร์ครั้งแรกในโลกโดยเตรียมทำบันทึกกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด
ในวันที่ 18 พฤศจิกายน นี้
ระดมคนในชุมชนมานำผ้าพื้นเมืองทั้งไหมและฝ้ายจังหวัดสุรินทร์มาพับตุ๊กตาช้างมากถึง
10,000 ตัว
งานที่สี่ “นครพนม
วินเตอร์ เฟสติวัล” วันที่ 24 ธันวาคม 2565-2มกราคม 2566 จัดในหมู่บ้านวัฒนธรรม
8 ชนเผ่า นำของดี 12 อำเภอ นำอาหารถิ่น
สินค้าเกษตรสินค้าชุมชน มาให้นักท่องเที่ยวได้ช้อปกัน
งานที่สี่ “ผีตาโขน มาราธอน” วันที่ 25 ธันวาคม 2565
จัดให้มีงาน มหัศจรรย์วันวิ่ง สัมผัสสายหมอกในดินแดนผีตาโขต
วัฒนธรรมเก่าแก่สุดคลาสติกเส้นทางคลาสสิกผ่านชุมชนแหล่งเรียนรู้มากมาย
“ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก” ใช้ธีม “สบ๊าย สบายตะวันออก” ไฮไลต์ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการแรก 365 วัน สบ๊าย สบายตะวันออก จัดกินกกรรมภายใต้แนวคิด “เที่ยวไป กินไป สบายพุง”
โครงการที่ 2 เที่ยวเมืองรอง สบ๊าย สบาย สไตล์ตะวันออก
ทำโปรโมชั่นขายสินค้าท่องเที่ยวราคาพิเศษ ผ่านช่องทางออนไลน์ โครงการที่ 3
Workation วันธรรม จัดโปรโมชั่นร่วมกันพันธมิตร โครงการที่ 4
Ease At East เสนอขายแพกเกจท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
เน้นการท่องเที่ยวลักชัวรี่หรูหรา และศิลปะดนตรี อาหารมากมาย
ช่วงตุลาคม 2565 วางแผนจัดใหญ่ Beach
Summer Food Festival 2022 วันที่ 28 ตุลาคม
จัด Pattaya International BIKINI Beach Race วันที่ 29
ตุลาคม จัดงานบางแสน 42 ชลบุรีมาราธอน วันที่ 30
ตุลาคม นี้
ตลาดเป้าหมายของภาคตะวันออก คือนักท่องเที่ยวจากภาคกลาง ภาคตะวันออก
ภาคอีสาน นิยมขับรถส่วนตัวเที่ยวมากสุดถึง 64.8 % โดยพร้อมร่วมประสบการณ์ท่องเที่ยว 4 สไตล์ คือ 1.สบายสายเขียว เที่ยวธรรมชาติ สบายตา 2.เที่ยวสายชิลล์
เที่ยวทะเล สบายกาย 3.เที่ยวสายมู เที่ยวศรัทธา สบายใจ 4.เที่ยวสายกิน เที่ยวไป กินไป สบายพุง
“ภูมิภาคภาคใต้” เน้นธีม
-หรอยแรง แหล่งใต้ เน้นการท่องเที่ยวครบทุกมิติ ทั้งธรรมชาติ ไลฟ์สไตล์ อาหาร
สุขภาพ
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า ทั้ง 5 ภูมิภาค จะเน้นการขายการท่องเที่ยว ทางบก ทางราง ทางอากาศ ทางน้ำ
เจาะกลุ่มเซกเมนท์ วางแผนนำเสนอสินค้าใหม่ให้ตรงกับพฤติกรรมความต้องการของตลาด
ประกอบด้วย 1.สายเขียว เที่ยวธรรมชาติ 2.สายฟ้า เที่ยวหาดทรายชายทะเล 3.สายเทา
ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวสูงวัยที่ชื่นชอบทัวร์ธรรมะ 4.สายเท่
ชอบการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์เป็นครีเอทีฟสไตล์
ซึ่งจะได้เห็นทุกเดือนต้อนรับต้นปี 2565 เป็นต้นไป
ด้วยโครงการ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน”
จะเปิดตัวในงาน “เที่ยวไทย 5 ภาค” วันที่ 15 ธันวาคม นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ภายในงาน “เที่ยวไทย 5 ภาค” จะจัดระหว่าง 15-18 ธันวาคม 2565 จะเป็นครั้งแรกที่จัดครบวงจร 3 มิติ 1.นำผู้ซื้อผู้ขายท่องเที่ยวมาจับคู่เจรจาธุรกิจ B to B :Business to
Business 2.เปิดขายแพกเกจท่องเที่ยวให้คนทั่วไป
โดยจะบันเดิ้ลทำโปรโมชั่นพิเศษสุด ๆ 3.B to G เปิดให้หน่วยงานภาครัฐทั้งประเทศได้นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวของหน่วยงานในลักษณะ
Product show case เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวรถไฟ มหาดไทย ชูเส้นทางท่องเที่ยวสินค้าโอท็อป
หรือองค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)
นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวชุมชน
นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่าช่วง พฤศจิกายน-ธันวาคม นี้
จะโหมขายอย่างยิ่งใหญ่ “เทศกาลลอยกระทง” ซึ่งกลับมาจัดเต็มรูปแบบหลังโควิด ทั้ง 5 ภาค จะทำควบคู่กันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ต่อด้วยเทศกาลดอกไม้เมืองเหนือ เทศกาลดนตรี เทศกาลงานช้างสุรินทร์ ทำบันทึกโลกกินเนส
เวิลด์ เรคคอร์ด 2022 พับช้างด้วยผ้าไหม/ผ้าพื้นเมือง
ขายควบคู่กันไป ช่วงสิ้นปีเดือนธันวาคมจะจัด “เคาน์ดาวน์” สุดอลังการที่หาดใหญ่
จ.สงขลา ต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และในกรุงเทพฯ
กำลังเลือกทำเลดีที่สุดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ติดแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อให้ CNN ถ่ายทอดไปทั่วโลก สนับสนุนเคาน์ดาวน์ตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ไฮไลต์สำคัญคือการท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sport
Tourism Amazing Thailand Marathon เลื่อนมาจัด 3-5 ธันวาคม นี้ วิ่งผ่าเมืองในกรุงเทพฯ กำลังลุ้นทางสมาคมกรีฑาโลกจะเลื่อนการจัดอันดับให้ไทยฟีเวอร์
และงานครั้งแรกของโลก World Mountain and Trail Running 3-6 พฤศจิกายน
นี้ วิ่งขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
เปิดมหกรรมเวิลด์ชิงแชมป์มีนักวิ่งเข้าร่วมจากทั่วโลก หลังจากนั้นจะมี Altra
Trail ดอยอินทนนท์ ตอกย้ำประเทศไทยจัดวิ่งได้มาตรฐานโลกที่มีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
ปี 2565 ททท.มีแรงหนุนจาก 4
ปัจจัยเสริม ได้แก่ 1.ไฮซีซันท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาว 2.แต่ละเดือนวันหยุดพิเศษจำนวนมาก 3.ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อเนื่องทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
คนละครึ่ง 4.นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวอย่างคึกคัก
และมีอุปสรรคหลัก “4 ปัญหา” คือ 1.เงินเฟ้อส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายสูง
ของแพงทั้งตั๋วเครื่องบิน สินค้าอุปโภคบริโภค 2.สถานการณ์น้ำท่วมทั่วประเทศ
29 จังหวัด 3.เศรษฐกิจภาคครัวเรือนฝืด 4.สถานการณ์โรคระบาดยังคงมีอยู่ 4.คนตกงาน
ปี 2566 เป้าหมายรายได้จาก 8
กลุ่มตลาด ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 เลิฟเวอร์/คู่รัก/โรแมนซ์ มี
36 % กลุ่มที่ 2 เพื่อน ๆ ทั้งผู้สูงวัย เพื่อนวัยเดียวกัน 18 % กลุ่มที่ 3
ครอบครัว มี10 % กลุ่มที่ 4 กลุ่มผู้ชายเดินทางคนเดียว
มี 9.5 % กลุ่มที่ 5 มิลเลนเนียล ซึ่งเป็นเจเนอเรชั่นคนรุ่นใหม่เดินทางเป็นครอบครัวขนาดใหญ่
9 % กลุ่มที่ 6.ผู้หญิงเดินทางเที่ยวเองหรือ
Solo Women มี 8 % กลุ่มที่ 7 กลุ่มสาวมั่นหรือ Power Women เกือบ 5 % กลุ่มที่ 8 คินชิพหรือกลุ่มเครือญาติ มี 3.2
%
ส่วน
4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย กลยุทธ์ที่ 1
สร้างความเชื่อมั่น ตามที่นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงบูรณาการร่วมกันทั่วประเทศมากที่สุด
ทั้งสำนักงานท่องเที่ยวจังหวัด และหน่วยงานเกี่ยวข้อง จะทำงานอย่างเข้มแข็ง
กลยุทธ์ที่ 2 คอนเทนท์การเดินทางท่องเทียวในประเทศภายใต้ แท็กซ์ไลน์ปีใหม่ 2565 “โมเมนต์ที่ใช่ สร้างได้ไม่ต้องรอ” เพิ่มการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ประเทศ
ที่จะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว 10-15 % โดยมี BCG+Happy Model ของหอการค้าไทย และเตรียมขยายผลแหล่งท่องเที่ยว
5 ภาค โครงการ Unseen New Chapters 25
แห่ง เพิ่มดีกรีเติม BCG การท่องเทียวอย่างรับผิดชอบ
และรักษาสิ่งแวดล้อม
กลยุทธ์ที่ 3 การจัดกิจกรรม Festival Experience การท่องเที่ยวตอบโจทย์อัตลักษณ์ชุมชน
พื้นที่ได้รับรายได้โดยตรง
กลยุทธ์ 4 กระตุ้นส่งเสริมการขาย
เริ่มปลายปี 2565 เช่น โครงการ
“รถทัวร์ทั่วไทย โครงการ Stacation โครงการเที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง
มีวงล้อให้หายคิดถึง 9 บาท โครงการ ลดทั่วฟ้าบินทั่วไทย
เปิดไปแล้ว 19 กันยายน-31 ตุลาคม 2565
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่
1 คิง เพาเวอร์33ปีชูรุกเทรนด์My Dutyเพิ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา
ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า คิง เพาเอวร์
จัดเต็มตลอดเดือนตุลาคม 2565 มอบ “ความพิเศษแคมเปญ “KING POWER 33rd ANNIVERSARY
DELIGHTS & SURPRISES 2022” ฉลองครบรอบ 33 ปี อย่างต่อเนื่องและเพิ่มเซอร์ไพรส์ให้นักช้อปสนุกมากขึ้น
สอดคล้องกับธีม ‘ANNIVERSURPR!SE TRIP ทริปปาร์ตี้
แอนนิเวอร์ซารี!! เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้โปรเจกต์พิเศษ “My Duty”
ซิงเกิลแห่งความสุขที่ คิง เพาเวอร์ ขอมอบประสบการณ์ความสุขครั้งใหม่ของทุกคนทุกการเดินทาง
คิง เพาเวอร์ นำเสนอแนวคิดใหม่ ด้วยโปรเจกต์เพลง My Duty ตั้งเป้าหมายใช้เนื้อหาดนตรีหรือ Music Content สื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์องค์กร
เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าโดยเฉพาะการเข้าถึงขยายฐานสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิมบุกตลาดเป้าหมายหลัก
“กลุ่มคนรุ่นใหม่-มิลเลนเนียล/Millennials” ทั้ง Gen
Y และ Gen Z ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบเนื้อหาสไตล์ดนตรีอย่างชัดเจน
ชอบดูคอนเสิร์ต ติดตามแนวเพลงใหม่ ๆ
โดยมีศิลปิน
JAYLERR และ 4EVE ชูโรงมัดใจกลุ่มแฟนคลับตลาดเป้าหมายคนรุ่นใหม่ทั้ง
2 เจเนเรชั่น อีกทั้งเนื้อเพลง My Duty
ยังสามารถสะท้อนภาพลักษณ์ทั้ง “แบรนด์ คิง เพาเวอร์” และกลุ่มคนฟังด้วยแนวดนตรี
วิธีการร้องและท่าเต้นอันทันสมัย สร้างความสุขกับทุกคน
ดังนั้น คิง เพาเวอร์ จึงได้สร้างสรรค์ซิงเกิลพิเศษดังกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรกกับ
JAYLERR และ 7 สาว
เกิร์ลกรุ๊ป 4EVE
ที่จะมาร่วมทำงานในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ในโอกาสคิง เพาเวอร์ ครบ 33 ปีสร้างความรู้สึกที่ทันสมัย ความสดใสให้กับแบรนด์ควบคู่กันไปด้วย
โดยได้รับความร่วมมือจาก คาวว์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์/ QOW Entertainment และเอ็กซ์โอเอ็กซ์โอเอนเตอร์เทนเมนต์/ XOXO
Entertainment ชูความโดดเด่นของ JAYLERR
ศิลปินที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่น มีความสามารถทั้งการร้องการเต้น ส่วนทั้ง 7 สาว 4EVE
ก็มีภาพลักษณ์ความสดใสชัดเจน
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม5ช้อปแฮปปี้มีแต่แจกวันนี้-24ต.ค.65
ห้ามพลาด !! ช้อป คิง
เพาเวอร์ ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ มีศิลปินร่วมจัดทริปแฮปปี้มอบความสุข
“ทุกวันเสาร์” เวลา 18.30 น. พบกับคอนเสิร์ตสุดมันส์
ครั้งที่ 1 วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคมนี้
พบกับ 4EVE ครั้งที่ 2 วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พบกับปาล์มมี่ ส่วนทุกวันอาทิตย์พบกับ FACEBOOK LIVE PARTY
เวลา 19.00 น. ครั้งที่ 3
อาทิตย์ที่ 23 ตุลาคมนี้ พบกับ อัพ ภูมิพัฒน์
ครั้งที่ 4 วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม
พบกับ หยิ่น อานันท์ - วอร์ วนรัตน์
นักช้อป
นักเดินทาง และรุ่นใหม่ สามารถเลือกซื้อสินค้าได้แบบไม่ยั้ง กับการร่วม
“ทริปปาร์ตี้ แอนนิเวอร์ซารี กับกิจกรรม KING POWER 33rd ANNIVERSARY DELIGHTS & SURPRISES 2022” กับ 5 แฮปปี้ แจกไม่หยุดตลอดเดือนตุลาคม 2565
ดังนี้
แฮปปี้ที่
1 ร่วมลุ้นรางวัลรวมมูลค่า 3.3
ล้านบาท เมื่อช้อปครบทุก 10,000 บาทสุทธิ
แฮปปี้ที่ 2 รับตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ หรือ
ภูเก็ต-สิงคโปร์ เมื่อช้อปครบ 50,000 บาทขึ้นไป หรือ
ตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพฯ – เกาหลีใต้ เมื่อช้อปครบ 150,000 บาทขึ้นไป
แฮปปี้ที่
3 สมัครสมาชิกใหม่รับเซอร์ไพรส์สุดพิเศษ นับเป็นปีแรกที่คิง เพาเวอร์
เปิดให้สมัครฟรี สมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY หรือหากเลือกสมัครสมาชิก SCARLET และ
ONYX แจกทันที E-Gift Card ช้อปเพิ่มสูงสุด
18,000 บาท รวมทั้งสิทธิ์เฉพาะอีกมากมายตามประเภทบัตรสมาชิก
เช่น อาทิ ส่วนลดสูงสุด 33 % เมื่อจองแพกเกจการท่องเที่ยวกับพันธมิตรที่เข้าร่วมรายการ
และสิทธิอื่น ๆ
แฮปปี้ที่
4 พิเศษ ! แจกส่วนลดเพิ่ม On-Top เพียงแค่ 7 วันเท่านั้น ระหว่าง 18 - 24 ตุลาคม 2565 สมาชิก คิง เพาเวอร์
รับทันทีส่วนลดสูงสุด 30 % เฉพาะวันที่
18 ตุลาคมนี้ แจกส่วนลด On-Top เพิ่มอีก
3% เมื่อช้อปครบ 33,000 บาทขึ้นไป
(สุทธิ)
หรือจะสมัครสมาชิกในช่วง 18-24 ตุลาคมนี้
สมัครบัตรสมาชิกใหม่ คิง เพาเวอร์ SCARLET แจกส่วนลด On-Top
3% เมื่อช้อปครบ 20,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
สมัครบัตร ONYX รับส่วนลด On-Top 3%
เมื่อช้อปครบ 100,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
แฮปปี้ที่
5 ฉลองความสุขกับทริปแฮปปี้ ฉลองแอนนิเวอร์ซารี คิง เพาเวอร์ เปิดทุกสาขา มีทั้ง
“ร้านค้าในเมือง/duty free
downtown” 4 แห่ง คือ รางน้ำ พัทยา ภูเก็ต
และศรีวารี เฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์
“ร้านค้าในสนามบินนานาชาติ/duty free Airport” 5 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง
เชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่
ข่าวที่ 3 โปรเด็ด!คิงเพาเวอร์ลดใหญ่ดอนเมือง/เชียงใหม่/ภูเก็ตถึง31ต.ค.65
คิง เพาเวอร์ จัดโปรเด็ดเอาใจคนมีไฟลต์บิน ให้ช้อปอย่างมีความสุขตลอดทริป
เมื่อใช้บริการ 3
สนามบิน ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต วันนี้ -31
ตุลาคม 2565
“สนามบินดอนเมือง” มีโปรโมชั่นที่แผนกน้ำหอม เครื่องสำอาง นาฬิกา
แฟชั่น และเครื่องประดับ 1.รับ คูปองส่วนลด 1,000 บาท เมื่อช้อป 6,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ 2.คูปองส่วนลด 2,400 บาท เมื่อช้อป 12,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ 3. พิเศษ! เฉพาะลูกค้าสัญชาติไทย ลดทันที 3,300 บาทเมื่อช้อปครบ
15,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
“สนามบินเชียงใหม่” มีโปรโมชั่นที่แผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง ลดทันที 1,000 บาทช้อป 6,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
“สนามบินภูเก็ต” มีโปรเด็ดที่แผนกน้ำหอม เครื่องสำอาง นาฬิกา
แฟชั่น และเครื่องประดับ
ลดทันที 1,000 บาท เมื่อช้อป
6,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
ข่าวที่ 4 ททท.บุก“ITB Asia2022”เปิดเที่ยวไทยใหม่4โปรเจ็กต์ปี66
นายพิพัฒน์
รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นำการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชนเข้าร่วมขายในงาน
“Internationale Tourismus Borse (ITB) Asia 2022 -ITB Asia 2022” ระหว่างวันที่ 19-21 ตุลาคม 2565ที่
แซนด์ เอ็กซโป แอนด์ คอนเวนชั่น เซนเตอร์ มารีน่า เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ จะสามารถดึงดูดตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะใกล้โค้งสุดท้ายช่วงปลายปีและจุดกระแสแคมเปญ
“Visit Thailand Year 2022 - 2023 : Amazing
New Chapters งานนี้จัดเป็นมหกรรมเจรจาซื้อขายการท่องเที่ยวและนัดหมายทางธุรกิจรายการใหญ่สำคัญที่สุดของเอเชีย
โดยมีตัวแทนผู้ซื้อจากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 100 ประเทศ ปีนี้เอกชนไทยเข้าร่วมในฐานะตัวแทนผู้ขายในคูหาประเทศไทยรวม
14 ราย ประกอบด้วยโรงแรม 13 ราย
บริษัทนำเที่ยวอีก 1 ราย
นายธเนศวร์
เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า การเข้าร่วม
ITB ASIA 2022 ปี 2565 ได้นำเสนอคูประเทศไทยภายใต้แนวคิด
“Meaningful Travel : Sustainable Tourism”
สื่อสารถึงการเดินทางท่องเที่ยวไทยที่มีความหมายและทรงคุณค่าผนวกกับแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
ตกแต่งภายในด้วยวัสดุธรรมชาติ
ใช้ผลิตภัณฑ์จักสานสื่อถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทย พร้อมกิจกรรมที่สอดคล้องกัน
อาทิ การสานปลาตะเพียนและการทำยาดมสมุนไพร
เน้นแสดงให้ผู้เข้าเยี่ยมชมรู้สึกถึงประสบการณ์ที่อบอุ่นซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้รับจากการมาเที่ยวเมืองไทย
และได้กิจกรรมส่งเสริมตลาดสิงคโปร์และเอเชีย ไฮไลต์ 4 โครงการ
ประกอบด้วย
โครงการที่ 1 ประชาสัมพันธ์แคมเปญ “SG
Goes High” เพื่อส่งเสริมนักท่องเที่ยวตลาดสิงคโปร์
โครงการที่ 2 ร่วมมือกับการบินไทยและแอร์เอเชียส่งเสริมนักท่องเที่ยวกลุ่มมิเลนเนียลส์
ด้วยการสนับสนุนตั๋วโดยสารที่นั่งชั้นประหยัดราคาพิเศษให้นักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์และฟิลิปปินส์
โครงการที่ 3 ส่งเสริมการขายร่วมกับ
Online Travel Agency (OTAs) อาทิ KLOOK, Expedia, Trip.com และร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่
Porsche Club และ Retro Classic Car Club ส่งเสริมกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้ขับรถหรูเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทย
โครงการที่ 4 การส่งเสริมนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพกลุ่มใหม่ของตลาดสิงคโปร์
อาทิ ร่วมกับธนาคาร UOB นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รุกเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิงระดับบน
และร่วมกับบริษัทนำเที่ยว นำเสนอสินค้า “Meaningful Journey”
กลุ่มนักเรียนนักศึกษา
นายธเนศวร์ กล่าวว่า ททท. ให้ความสำคัญกับการเพิ่มตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้
โดยเฉพาะสิงคโปร์คาดจะเติบโตทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ หลังจากกการผ่อนคลายมาตรการและไทยเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ
มีนักท่องเที่ยวสิงคโปร์มาไทย ระหว่างมกราคม - สิงหาคม 2565 รวม 184,905 คน เป็นกลุ่มเดินทางซ้ำ (Revisit) 91 % ใช้จ่ายเงินตลอดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันเฉลี่ย 40,000 – 45,000 บาท/คน/ทริป ซึ่งไทยครองใจสิงคโปร์เป็นประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ
3
ขณะที่การนำเอกชนท่องเที่ยวไทยเข้าร่วมงาน
ITB Asia 2022 ททท. คาดจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวสิงคโปร์
และตลาดประเทศอื่นในเอเชียให้เดินทางมาไทยเพิ่มมากขึ้นช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2565
ปลุกกระแสการท่องเที่ยวไทยต่อเนื่องตลอดปี 2566 ทำรายได้จากตลาดต่างประเทศเข้าเป้าที่ตั้งไว้
9.7 แสนล้านบาท– 1.5 ล้านล้านบาท
ข่าวที่ 5 TCEB+11พันธมิตรชูEMTEXโกยเอ็กซิบิชั่น7.8พันล้าน
ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB)
เปิดเผยว่ามีนโยบายให้ทีเส็บเร่งเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ปี 2566 กลับมาให้ได้ 50 % ของปี 2562 หรือประมาณเกือบ
100,000 แสนล้านบาท
จากเดิมเคยทำไว้ปีละกว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถกระจายรายได้จากอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE)
ตลาดในประเทศและทั่วโลกครอบคลุมทั้งงานจัดประชุมนานาชาติขนาดใหญ่ (Convention) ประชุมสัมมนา
(Meeting)
การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentive) และการจัดนิทรรศการแสดงสินค้า (Exhibition) เข้าถึงชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ให้ทีเส็บร่วมกับภาคีเครือข่ายพันธมิตร 11 หน่วยงาน
เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ EMTEX :Empower Thailand Exhibtion เปิดตัวแคมเปญ SPIRE THAILAND :Strengthen Power in
Regional Exibitions ต้อนรับปีงบประมาณใหม่
2566
ร่วมกันผลักดันไมซ์กลุ่มหลัก “งานจัดนิทรรศการแสดงสินค้าหรือ Exhibition” ซึ่งสามารถมีกลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องสามารถดึงงานระดับนานาชาติขนาดใหญ่เข้ามาจัดในเมืองไทยช่วงก่อนโควิด-19 มีมูลปีละกว่า 120,000 ล้านบาท
เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแนวโน้มจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร เครื่องมือแพทย์
อุตสาหกรรมนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และอื่น ๆ
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร
ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” กล่าวว่าได้ผนึกความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 11 หน่วยงาน เร่งผลักดันการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศ
โครงการหลัก EMTEX: Empower Thailand Exhibition ตามปีงบประมาณ 2566 เริ่มเปิดตัวทำแคมเปญ “SPIRE Thailand: Strengthen Power In
Regional Exhibitions” ตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศราว
7,802 ล้านบาท
พุ่งเป้าใช้แคมเปญดังกล่าวกระตุ้นการจัดแสดงสินค้า 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มที่ 1 อาหาร เกษตร
และเทคโนโลยีชีวภาพ กลุ่มที่ 2 สาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ กลุ่มที่
3 เครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ
หุ่นยนต์และระบบเครื่องกลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม
กลุ่มดิจิทัลเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว
กลุ่มที่ 4 พลังงานทางเลือก รถยนต์ โลจิสติกส์ และคลังสินค้า กลุ่มที่ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม
การท่องเที่ยวและบริการที่มีมูลค่าสูง
ไฮไลต์แคมเปญ SPIRE Thailand ทางทีเส็บกำลังนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ใช้งบประมาณทีเส็บปี
2566
สนับสนุนผู้จัดงานกระตุ้นและส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าในประเทศ ด้วย 2 แพ็กเกจหลัก ประกอบด้วย
แพ็กเกจแรก “Clustering Show” สนับสนุนงานแสดงสินค้าทั่วไปวงเงินไม่เกินงานละ
700,000 บาท
เพื่อการจัดงานที่มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก 5 กลุ่ม
ภายใต้กติกาแต่ละงานจะต้องมีระบบการลงทะเบียนเข้างาน
รวมถึงการเก็บฐานข้อมูลที่ชัดเจน
แพ็กเกจสอง “Regional Best Show” สนับสนุนงานแสดงสินค้าระดับภูมิภาคในวงเงินไม่เกินงานละ1,000,000 บาท ส่งเสริมการจัดงานอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก
5 กลุ่ม
เป็นการจัดงานที่รวมทั้งหมดแต่ละครั้งใช้พื้นที่มากกว่า 3,000 ตารางเมตร พร้อมทั้งจัดให้มีสินค้าและบริการครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายระดับภูมิภาคหรือข้ามภูมิภาค
และอยู่ภายใต้การบูรณาการความร่วมมือจากเครือข่ายภาคี EMTEX ไม่ต่ำกว่า 3 หน่วยงาน
รวมถึงมีการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเองแบบ Business to Business หรือ
B2B
นายจิรุตถ์กล่าวว่า ได้เพิ่มเติมการสนับสนุนการจัดแสดงสินค้าที่ไม่ได้เป็นเงินงบประมาณด้วย
(Non-Financial) โดยทีเส็บจะเป็นเจ้าภาพตัวกลางประสานงานหลักกับพันธมิตร
11 หน่วยงาน บูรณาการความร่วมมือสนับสนุนผู้จัดงานแสดงสินค้าครอบคลุมทั้ง
7 ด้าน คือ 1. ฐานข้อมูลผู้ร่วมแสดงงาน 2. ฐานข้อมูลผู้ซื้อในงาน 3. เครือข่ายท้องถิ่น 4. องค์ความรู้ อบรม สัมมนา 5. ข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมและตลาดเป้าหมาย 6. การหาแหล่งเงินทุน/เงินสนับสนุน
และ 7. การประชาสัมพันธ์
ส่วนปีงบประมาณ 2565 ( 1 ตุลาคม 2564 -30 กันยายน 2565) ทีเส็บสร้างรายได้จากการสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศกระจายทั่วประเทศมูลค่ารวมกว่า
14,789 ล้านบาท ด้วยการสนับสนุนงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ
52 งาน เป็นงานภายในประเทศ 19 งาน และระดับนานาชาติ 33 งาน
ข่าวที่ 6 ฮือฮา!! หุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก3พันล้านเปิด3นาทีขายเกลี้ยง
นางสาวภัทร์ภูรี
ชินกุลกิจนิวัฒน์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงินบริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BCP” เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
ธนาคารกรุงไทย ประสบความสำเร็จผู้ลงทุนตอบรับจองซื้อจำนวนมากและเต็มจำนวน 3,000 ล้านบาท เปิดซื้อขายวันแรก 18 ตุลาคม 2565 เริ่มตั้งแต่ 08.30 น.สามารถขายหมดภายในเวลา 3 นาที 18 วินาที ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อบริษัท
ด้วยศักยภาพและโอกาสการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจ
จากการมุ่งสู่กลุ่มบริษัทนวัตกรรมสีเขียว ตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืน
หุ้นกู้ดิจิทัลบางจากที่เปิดซื้อขายครั้งนี้เป็นชนิดระบุชื่อผู้ถือ
ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 4 ปี
อัตราผลตอบแทน 3.60 % ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับไว้เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2565 โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A- แนวโน้ม
“คงที่” (Stable)
ความสำเร็จครั้งนี้ทางบางจากฯ
ขอบคุณผู้ลงทุนที่ให้ความสนใจและให้ความไว้วางใจจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลบางจากในครั้งนี้
รวมถึงขอบคุณธนาคารกรุงไทย ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้
ที่ทำให้การจองซื้อราบรื่นและประสบความสำเร็จ
ทำให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม แล้วจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและราคาน้ำมันที่มีความผันผวน
พร้อมขยายการลงทุนโดยรักษาสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด
เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ทุกภาคส่วนต่อไป
นายรวินทร์
บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า
ความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลบางจาก บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ครั้งนี้ ทางผู้ลงทุนแสดงความเชื่อมั่นบางจากซึ่งดำเนินธุรกิจพลังงานชั้นนำ
มีโอกาสและศักยภาพการเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงมีปัจจัยสนับสนุนจากช่องทางการลงทุนผ่านแอพลิเคชั่นตอบโจทย์
ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ที่ทุกคนคุ้นเคย ใช้งานง่าย ซื้อขายหุ้นกู้ได้สะดวก รวดเร็ว
แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการถือครองหุ้นกู้ ราคาซื้อขาย
ครบจบในที่เดียว ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
โดยมีผู้ลงทุนหุ้นกู้ดิจิทัลบางจากสามารถกระจายตัวให้ผู้สนใจได้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ
แบ่งเป็น 1.พื้นที่ ในกรุงเทพฯ 66% และต่างจังหวัด 34% 2.ช่วงอายุระหว่าง 20-90 ปี โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานอายุระหว่าง 20-40 ปี มีสูงถึง 28% กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป มี 25% ตอกย้ำเป็นช่องทางตอบโจทย์การลงทุนอย่างทั่วถึง
และเท่าเทียมกัน
ช่วงที่
2 สัปดาห์เที่ยวในกรุงเทพฯ กับเทศกาลสุดอลังการ “ดิวาลี”
ตื่นตากับศิลปะวัฒนธรรม ความมหัศจรรย์ของแสงสว่าง ย่านลิตเติ้ลอินเดีย
ทั่วท้องถนนพาหุรัด คลองโอ่งอ่าง สะพานเหล็ก สักการะ ขอพร ชัยชนะ ความสำเร็จจาก
“พระแม่ลักษณมีและพระพิฆเนศ” 22-23 ต.ค.นี้
ตามด้วยข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “อิตัลไทยรุกเปิดโรงแรมใหม่ชามากรุงเทพฯ”
โกยเศรษฐีตะวันออกกลาง ข่าวที่สอง “การบินไทย” ยังไหวรับฝูงบินใหม่ B777-300ER ยกเครื่องแอร์บัส ลุยบินเพิ่มเอเชีย ยุโรป
ท่องเที่ยว
-เที่ยว“ดิวาลี”มหัศจรรย์แสงสว่างลิตเติ้ลอินเดียกรุงเทพฯ
วันหยุดสัปดาห์นี้วันเสาร์ที่
22 -อาทิตย์ 23 ตุลาคม 2565 ชวนเที่ยวมหัศจรรย์ งานเทศกาลแห่งแสงสว่าง “ดิวาลี”
“ดิวาลี-เทศกาลแห่งแสงสว่าง” ประจำปี 2565 ปีนี้เปิดพื้นที่กรุงเทพฯย่านลิตเติ้ลอินเดีย
จัดยิ่งใหญ่ตรง ถนนพาหุรัด-คลองโอ่งอ่าง-สะพานเหล็ก สัมผัสวัฒนธรรมอินเดียสุดอลังการ
ร่วมสักการะบูชาพระพิฆเนศ และพระแม่ลักษมี เสริมดวงชะตา โชคลาภ
เพิ่มความสำเร็จให้ชีวิต
แล้วต้องห้ามพลาด
ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมืองอินเดีย ตระการตาด้วย แสง สี เสียง สไตล์บอลลีวูด
ชิมและชอป อาหารและสินค้าแนวอินเดียน-ไทย มหกรรมสินค้าสะพานเหล็กนานาชนิด
และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย
ตำนานเก่าแก่เล่าว่า “วันดิวาลี”
สื่อความหมายถึงชัยชนะของแสงสว่างเหนือความมืด ขจัดความเขลาเบาปัญญา
และคือวันที่พระรามซึ่งเป็นร่างอวตารของพระนารายณ์
กลับสู่อาณาจักรหลังยกทัพไปปราบทศกัณฑ์จนได้รับชัยชนะ โดยเชื่อมโยงถึง
“เทวีพระแม่ลักษมี” เทพแห่งโชคลาภ และความร่ำรวย โดยเชื่อว่าเมื่อ
“เกิดแสงสว่างขึ้น” พระแม่ลักษมีจะ “ประทานพรให้มนุษย์”
รวมทั้งผู้คนต่างนิยมบูชาพระพิฆเนศช่วงเทศกาลดิวาลีเพื่อขอพรแห่งประสบความสำเร็จควบคู่กันไปด้วย
“พิธีเฉลิมฉลองเทศกาลดิวาลี” นักท่องเที่ยวจะตื่นตากับ แสง สี
การจุดพลุดอกไม้ไฟ หรือจุดตะเกียงท่ามกลางความมืด เพราะดิลาวาลีมีอีกชื่อเรียกว่า
ดีปาวาลี หมายถึง แถวของตะเกียง
สำหรับการจุดตะเกียงในค่ำคืนเดือนมืดสู่คืนข้างขึ้น
แล้วผู้คนต่างแบ่งปันขนมหวาน
ทำความสะอาดตกแต่งอาคารบ้านเรือนด้วยตะเกียงสวยงาม
ช่วงสุดท้ายของเทศกาลผู้เข้าร่วมพิธีกรรมจะกลับไปสวดมนต์ที่บ้านเพื่อฉลองกับครอบครัวอย่างมีความสุข
วิธีบูชาพระแม่ลักษมี” ในวันดิวาลี หรือวันปาวลี
แนะนำให้บูชาทั้งพระแม่ลักษมี พระพิฆเนศ เทพกูเบราหรือท้าวเวสสุวรรณ ขอพรโชคลาภ
ความสำเร็จ และความโชคดี เสริมดวง ตามความเชื่อและศรัทธา สร้างความสุข สบายกาย
สบายใจ ทำให้เกิดพลังดำเนินชีวิตต่อไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก - อิตัลไทยเปิดใหม่”ชามากรุงเทพ”โกยทัวร์สุขภาพต่างชาติ
นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อิตัลไทย เปิดเผยว่า นางนิจพร จรณะจิตต์ ประธานกลุ่มบริษัท อิตัลไทย นำคณะผู้บริหารเปิดตัวโรงแรมชามา เพชรบุรี 47 กรุงเทพ
แห่งที่ 5 เริ่มตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2565
เป็นต้นไป พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบทุกมิติ
ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักเดินทางทั้งตลาดในประเทศและนานาชาติเข้ามาใช้บริการ
เหมาะกับตลาดที่ต้องการพักผ่อนในเมืองไทยระยะยาว
โดยเฉพาะกลุ่มตลาดตะวันออกกลางชอบมาใช้เดินทางมาใช้บริการโรงพยาบาลกรุงเทพ
โรงแรมชามา เพชรบุรี 47 กรุงเทพ โดดเด่น 4 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1
ทำเลที่ตั้ง อยู่ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ
ที่ได้รับความนิยมจากตลาดต่างประเทศกลุ่มเดินทางมาเพื่อการดูแลสุขภาพ และสามารถเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิในรัศมีเพียง 19 กม. เท่านั้น
ส่วนที่ 2 สถานที่พักดีไซน์ในสไตล์ผสมผสานโรงแรมกึ่งเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ รายล้อมด้วยธรรมชาติ มีห้องพักรวม 127 ห้อง
ซึ่งแบรนด์ชามาได้รับตราสัญลักษณ์มาตรฐานสากล SHA Plus ความปลอดภัยด้านสุขอนามัย พร้อมพื้นที่โอ่โถงกว้างขวางและโซนพื้นที่ทำงาน
นั่งเล่น อินเทอร์เน็ตไร้สายฟรี WiFi บริการศูนย์ออกกำลังกาย และสระว่ายน้ำ
ไฮไลต์ภายในห้องพักได้จัดให้มีมุมครัวขนาดเล็ก เหมาะกับครอบครัวที่ชื่นชอบเตรียมอาหารบางมื้อรับประทานเอง
ทุกห้องมีอุปกรณ์ชงชา/กาแฟเป็นอย่างดี พร้อมกับมีพื้นที่จอดรถอย่างสะดวกสบาย
ส่วนที่ 3 บริการระดับโรงแรม ที่พักทันสมัย
อยู่ไม่ไกลจากย่านธุรกิจสำคัญใจกลางกรุง คือซอยทองหล่อและเอกมัย ซึ่งมีทั้งร้านอาหารคุณภาพดี
สถานบันเทิงยอดนิยม
ส่วนที่
4 ภายในที่พักได้จัดให้มีพนักงานสามารถสื่อสารภาษาอาหรับ
รวมทั้งศูนย์บริการธุรกิจและบริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินนานาชาติได้
กลยุทธ์ตลาดการขายของโรงแรมจะเน้นนำเสนอจองห้องพักผ่านช่องทางออนไลน์ที่มีชื่อเสียง
“ราคาห้องพัก” เริ่มเปิดบริการในเว็บไซต์และบุ๊คกิ้งออนไลน์ยอดนิยมต่าง ๆ
เริ่มต้นที่ 3,000 บาทขึ้นไป/ห้อง
ช่วงปี 2565 กลุ่มบริษัทอิตัลไทย
ประกาศปรับปรุงหรือรีแบรนด์โรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหาร
ในจำนวนนี้มีโรงแรมสไตล์เรสซิเดนท์แบรนด์ “ชามา” รวมอยู่ด้วย ได้แก่ โครงการแรก “อมารี
เรสซิเดนท์” เปลี่ยนเป็นแบรนด์ “ชามา เพชรบุรี 47” ตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ โครงการสอง
เอกมัย การ์เด้นท์ ตรงบิ๊กซี เอกมัย เปลี่ยนป็น “ชามา เอกมัย”
รวมทั้งได้ลงนามสัญญารับบริหารพร้อมกับทยอยรีแบรนด์ใหม่
3 โรงแรม ต่ออายุบริหาร 1 โรงแรม ประกอบด้วย
โรงแรมแรก “เดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน” จังหวัดชลบุรี ของกลุ่มทุนตระกูลคุณปลื้ม ไตรมาส 4 ปี 2565 พร้อมแปลงโฉมใหม่เป็นแบรนด์ “อมารี บางแสน”
โรงแรมที่
2 และ 3 ของกลุ่ม BDMS 2 แห่ง ของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ที่จังหวัดสุโขทัยจะใช้
“อมารี สุโขทัย” หรือแบรนด์ “โมเสค คอลเลคชั่น” ส่วนเชียงใหม่ใช้แบรนด์ “ชามา
เชียงใหม่”
โรงแรมที่ 4 ต่อสัญญาบริหาร “อมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ของนายเนวิน ชิดชอบ
โดยได้ทำสัญญากับบริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สปอร์ต โฮเต็ล จำกัด ดูแลต่อเนื่องยาวไปอีก
10 ปี
ปัจจุบันกลุ่มบริษัทอิตัลไทย มี “ออนิกซ์
ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” รับบริหารจัดการโดยมีทั้งหมด 5 แบรนด์ ดูแล 6
ประเทศ 54 โรงแรม จำนวนห้องพักรวมกว่า
9,000 ห้อง ประกอบด้วย แบรนด์แรก -อมารี/Amari 15 แห่ง แบรนด์ที่ 2 โอโซ่/OZO 7 แห่ง แบรนด์ที่ 3 ชามา/Shama 15 แห่ง แบรนด์ที่ 4 โมเสค
คอลเลคชั่น/Mosaic Collection 16 แห่ง แบรนด์ที่
5 ซัฟฟรอน คอลเลคชั่น/Saffron
Collection) 1 แห่ง
ข่าวที่สอง บินไทยรับเครื่อง777ใหม่3ลำปรับโฉมแอร์บัสบินเพิ่มเอเชีย
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้รับฝูงบินใหม่โบอิ้ง B777-300ER เพิ่ม 3
ลำ เตรียมนำมาบินบริการเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจุดบินต่าง ๆ ได้แก่
ลอนดอน โตเกียว (นาริตะ) และโอซากา (ญี่ปุ่น) เป็นเครื่องบินพิสัยไกลมีประสิทธิภาพสูง
ใช้เทคโนโลยีทันสมัยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้ตกแต่งภายในห้องโดยสารในแต่ละชั้นบริการให้สะดวกสบาย
โดยเป็นเครื่องบินแบบประหยัดน้ำมัน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์แล้วยังเป็นรุ่นที่ได้การยอมรับเรื่องมีความปลอดภัยที่สุด
รวมทั้งได้ปรับปรุงฝูงบินแอร์บัส และโบอิ้ง
แล้วนำกลับมาบินบริการเส้นทางระหว่างประเทศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในภาคพื้นเอเชีย
ทั้งอินเดีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และอื่น ๆ โดยมีสัญญาณดีเกิดขึ้นกับการบินไทย
สามารถอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ระหว่าง 1-10 ตุลาคม
2565 ทำได้ถึง 80 % จากจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 17,554 คน/วัน
สูงกว่าเดือนมกราคมปีนี้มีเพียง 2,092 คน/วัน แนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องต้อนรับฤดูท่องเที่ยวไตรมาสที่
4 ปี 2565 ถึงไตรมาส1 ปี 2566 การบินไทยมั่นใจจะสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้โดยสารและบรรลุเป้าหมายรายได้ที่กำหนดไว้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ
โดยเมื่อวันที่ 18-19 ตุลาคม 2565 นายศิริ
จิระพงษ์พันธ์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ และฝ่ายบริหารการบินไทย
ได้เข้าร่วมพิธีเจิมเครื่องบินที่โรงซ่อมอากาศยาน (Hangar) สายช่าง
การบินไทย สุวรรณภูมิ 2 ลำ แรก โดยสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามประกอบพิธี นามพระราชทาน “อลงกรณ์” (ALONGKORN)
และ “ศรีมงคล” (SIMONGKHON) ลำที่ 3 “เทพราช” (THEPARAT) กำหนดเจิมเครื่องวันที่ 26 ตุลาคม 2565 อีก 1 ลำ
ส่วนเทคโนโลยีรุ่นใหม่ในเครื่องโบอิ้ง 777-300ER ทั้ง 3
ลำ มีที่นั่งโดยสาร 3 ชั้น ได้แก่ 1.ชั้นหนึ่ง/firstclass 8 ที่นั่ง 2.ชั้นธุรกิจ/businessclass 40 ที่นั่ง สามารถปรับเก้าอี้เอนนอนราบได้ 180
องศา และ 3.ชั้นประหยัด 255 ที่นั่ง ออกแบบการใช้พื้นที่ภายในอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อเก็บสัมภาระผู้โดยสารและเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมระบบบันเทิงรุ่นใหม่ล่าสุด
Panasonic EX3 หน้าจอ full HD ให้ความคมชัดและหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น
พร้อม USB port สามารถชาร์จ iPad ได้ รวมถึงมีระบบ
Wi-Fi เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วกว่าเดิม ด้วยระบบ KU
band
ขณะเดียวกันการบินไทยได้ทยอยนำฝูงบินปรับปรุงใหม่มาบินบริการเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม
2565
เป็นต้นไป ประกอบด้วย
1.ฝูงบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 3 ลำ ได้ปรับปรุง “ที่นั่งชั้นธุรกิจ” ให้สามารถปรับเอนนอนราบหรือ Flat
Bed นำกลับมาบินบริการในเส้นทาง ไป-กลับ กรุงเทพฯ-ญี่ปุ่น เมือง ฟูกูโอกะ
และโตเกียว (ฮาเนดะ)
2.ฝูงบินบินโบอิ้ง 777-200ER
จำนวน 2 ลำ มาให้บริการเพิ่มเส้นทาง ไป-กลับ
กรุงเทพฯสู่ปลายทาง มุมไบ (อินเดีย) และ อินโดนีเซีย 2 เมือง
คือจาการ์ตา กับเดนปาซาร์ ส่งผลให้ปัจจุบันมีโบอิ้ง 777-200ER รวม 4 ลำกลับมาให้บริการบินสู่อินเดีย
รองรับผู้โดยสาร 9 เดือนแรกปี 2565 เติบโตอย่างรวดเร็ว
หลังทั่วโลกผ่อนคลายและยกเลิกมาตรการควบคุมจำกัดการเดินทาง
ส่งผลดีต่อการบินไทยมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00
น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น