พร้อม!!การบินไทยลั่นเข้าซื้อขายในตลาดครั้งใหม่4ส.ค.68
บอร์ดใหม่ย้ำ“การเงินแกร่ง-ตลาดโต-ปี76เพิ่มฝูงบิน105ลำ”
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #การบินไทย
“การบินไทย” ต้อนรับบอร์ดใหม่ลั่นพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4
ส.ค.68 “ลวรณ แสงสนิท”
ประธานบอร์ดคนใหม่นำทีมดาหน้าแจงความสำเร็จแผนฟื้นฟูกิจการ ตอกย้ำนักลงทุนถึงสถานะการเงินแกร่ง
แผนตลาดอนาคตเข้ม ตั้งเป้าปี’76 จะมีฝูงบินถึง 105 ลำ
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) “THAI” ประกาศความพร้อมนำหุ้น “THAI” กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง
เริ่มวันที่ 4 สิงหาคม 2568
หลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เมื่อ 16 มิถุนายน 2568 หลังพลิกโฉมองค์กรเป็นบริษัทเอกชนสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้น
และนักลงทุน มีผลดำเนินงานแข็งแกร่งและกลยุทธ์ชัดเจนที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต
ก้าวสู่หนี่งในผู้นำอุตสาหกรรมการบินภูมิภาค และบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง
นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการ บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
"ในนามของคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่มุ่งมั่นนำการบินไทยก้าวสู่ยุคใหม่
“สายการบินที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และธรรมาภิบาล” ในการบริหารงานแบบเอกชน
คณะกรรมการชุดนี้จะขับเคลื่อนด้านองค์ความรู้ วิสัยทัศน์ร่วมผลักดันองค์กรโดยได้รวมผู้เชี่ยวชาญภาครัฐและเอกชน
กรรมการชุดใหม่มี 11 คน เป็นกรรมการของบริษัทมาตั้งแต่ก่อนเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ
3 คน และ 2 ใน 3 เป็นอดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนกรรมการที่ผู้ถือหุ้นแต่งตั้งมี
8 คน ผ่านการพิจารณาตาม Board Skills Matrix มีความรู้ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น ธุรกิจการบิน การเงิน กฎหมาย กลยุทธ์
การตลาด และเทคโนโลยีดิจิทัล
สำหรับ “คณะกรรมการชุดย่อย” ได้แก่ คณะกรรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
เพื่อดูแลทุกมิติ โดยมี “คณะกรรมการและฝ่ายบริหาร” พร้อมร่วมทำงานสนับสนุนซึ่งกันและกัน
โดยยังคงมีทีมผู้บริหารช่วงกระบวนการฟื้นฟูกิจการช่วยให้สานต่อการดำเนินงานการบินไทยได้อย่างมั่นคง
ขณะที่ “สถานะของบริษัท” วันนี้อยู่ในจุดดีที่สุดทุกมิติ
โดยเฉพาะ 2 มิติสำคัญ ได้แก่
• “มิติสถานะทางการเงิน”
มีประสิทธิภาพ
มีขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ มีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจน พร้อมใช้ยุทธศาสตร์กับโครงสร้างองค์กรตอนนี้ขนาดและความซับซ้อนเหมาะสมต่อขนาดธุรกิจ
ส่วนค่าใช้จ่ายบุคลากรอยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพเทียบกับสายการบินชั้นนำระดับเดียวกัน
โดยยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้รวดเร็ว ให้ความสำคัญเรื่องการส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ และ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
• “มิติด้านสิ่งแวดล้อม”
การบินไทยในฐานะผู้ประกอบการสายการบินมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบในการทำธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net
Zero Emissions) ภายในปี 2608 (ค.ศ. 2065)
“การบินไทย” มีเป้าหมายนำพาองค์กรเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมาให้ก้าวไปสู่รากฐานที่มั่นคงเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
เป็นองค์กรโปร่งใส มีหลักการธรรมาภิบาลที่ดี จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในระยะยาว
ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์
กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
การบินไทยทำสำเร็จตามแผนฟื้นฟูกิจการและบรรลุครบถ้วนทุกเงื่อนไขภายในเวลาเพียง 4
ปี นับตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการปี 2564
มีผลประกอบการเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน
(ก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) สูงถึง 41,515 ล้านบาท รักษาโมเมนตัมการเติบโตได้ต่อเนื่องเห็นได้จากในไตรมาส 1 ปี 2568 มี “กำไร”จากการดำเนินงาน
(ก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 13,661 ล้านบาท หรือคิดเป็น EBIT margin สูงที่สุดในกลุ่มสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบในเอเชียแปซิฟิกและยุโรป
26.5% (แหล่งที่มาจาก Airline Weekly) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม
ประการสำคัญมี “คณะกรรมการชุดใหม่” ที่ได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์หลากหลาย
เข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน โปร่งใส
และแข่งขันได้ในระดับโลก พร้อมทะยานสู่ความสำเร็จในระยะยาว”
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภาพรวมการบินไทยมีกลยุทธ์การเติบโต
หลังฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้ทำโครงสร้างหลากหลายด้านและการวางกลยุทธ์ระยะยาวชัดเจน
เช่น 1.ปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพิ่มความโปร่งใสทุกกระบวนการดำเนินงาน สามารถตรวจสอบได้ 2.ปรับโครงสร้างฝูงบินและจำนวนเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพตั้งเป้าหมายปี
2576 อีก 8 ปีข้างหน้า จะมีเครื่องบินมากถึง
150 ลำ ควบคู่กับแผนลแบบเครื่องบินเหลือ 4 แบบ จากก่อนหน้าเข้าแผนฟื้นฟูมีถึง
8 แบบ และลดจำนวนเครื่องยนต์เหลือ 5 แบบ จาก 9 แบบเหลือ 5 แบบ จึงควบคุมต้นทุนดำเนินงานและซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตั้งเป้าหมายปี
2572 จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 35 % จากปัจจุบันที่ 26%
3.การขยายเส้นทางและความถี่การบินเพื่อมุ่งสู่การเป็น
regional network airline
เชื่อมต่อระดับภูมิภาคและระหว่างทวีป 4.ปรับปรุงบริการห้องโดยสารและช่องทางการขายเพื่อยกระดับความพึงพอใจให้ลูกค้า
5.การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
รวมถึงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ให้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น เปิดช่องทางขายตรงสร้างโอกาสในการส่วนแบ่งรายได้เพิ่มมากขึ้น
นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันสถานะทางการเงินของการบินไทยมีความแข็งแกร่งและมั่นคงกว่าเดิมมาก
สะท้อนจากความสามารถในการ “ทำกำไรจากการดำเนินงาน” อย่างต่อเนื่อง “ปี 2567” สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567
บริษัทฯ มี “รายได้รวม”
(ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 187,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
16.7% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน “มีกำไร” จากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน
(ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 41,515 ล้านบาท
หรือคิดเป็นอัตรากำไร (EBIT Margin) 22.1%
“ไตรมาส 1 ปี 2568” มี “รายได้รวม”
(ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว)
ทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.3% มี
“กำไร” จากการดำเนินงาน
(ก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 13,661 ล้านบาททำอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย
83.3% มีอัตราผลตอบแทนต่อผู้โดยสาร (Passenger
Yield) 2.91 ใกล้เคียงกับปีก่อน
ความสำเร็จจาก “การแปลงหนี้และดอกเบี้ย”
ตั้งพักของเจ้าหนี้เป็นทุนกว่า 53,453 ล้านบาท เมื่อปี 2567
จึงเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการฟื้นฟูกิจการและพนักงานของบริษัทฯกว่า
22,987 ล้านบาท ซึ่งทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่
31 มีนาคม 2568 กลับเป็นบวก 55,439 ล้านบาท จากเดิมติดลบ 43,142 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563
สามารถ “ลดอัตราส่วนหนี้สิน” ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
(IBD/E Ratio) เหลือเพียง 2.2 เท่า จากปี 2562 มีถึง 12.5 เท่า จึงเป็นเครื่องยืนยันถึง “สถานะทางการเงินที่มั่นคง”
โดยไม่มีปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการลดยอดหนี้ลง (Hair Cut) ในส่วนหนี้เงินต้นของเจ้าหนี้ทางการเงินและเจ้าหนี้การค้า
ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ของการบินไทย มีกำหนดคืนหนี้ชัดเจนแล้วตามแผนฟื้นฟูกิจการจนถึงปี
2579
ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการทำงานอย่างหนัก
โดยมีวินัยทางการเงินเข้มงวด และได้รับความร่วมมือจากเจ้าหนี้พนักงานการบินไทยทุกคนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น