วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

การบินไทยลั่น4ส.ค.68เข้าซื้อขายในตลาดครั้งใหม่บอร์ดใหม่ย้ำการเงินแกร่ง-ตลาดโต

พร้อม!!การบินไทยลั่นเข้าซื้อขายในตลาดครั้งใหม่4ส.ค.68

บอร์ดใหม่ย้ำ“การเงินแกร่ง-ตลาดโต-ปี76เพิ่มฝูงบิน105ลำ”


ลวรณ แสงสนิท ประธานคนใหม่บอร์ดการบินไทยนำทีมประกาศเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4 ส.ค.68


เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #การบินไทย  

“การบินไทย” ต้อนรับบอร์ดใหม่ลั่นพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 4 ส.ค.68 “ลวรณ แสงสนิท” ประธานบอร์ดคนใหม่นำทีมดาหน้าแจงความสำเร็จแผนฟื้นฟูกิจการ ตอกย้ำนักลงทุนถึงสถานะการเงินแกร่ง แผนตลาดอนาคตเข้ม ตั้งเป้าปี’76 จะมีฝูงบินถึง 105 ลำ

 

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) THAI” ประกาศความพร้อมนำหุ้น “THAI” กลับเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง เริ่มวันที่ 4 สิงหาคม 2568 หลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ เมื่อ 16 มิถุนายน 2568 หลังพลิกโฉมองค์กรเป็นบริษัทเอกชนสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้น และนักลงทุน มีผลดำเนินงานแข็งแกร่งและกลยุทธ์ชัดเจนที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต ก้าวสู่หนี่งในผู้นำอุตสาหกรรมการบินภูมิภาค และบริษัทจดทะเบียนชั้นนำที่มีคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง


นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "ในนามของคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่มุ่งมั่นนำการบินไทยก้าวสู่ยุคใหม่ “สายการบินที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ และธรรมาภิบาล” ในการบริหารงานแบบเอกชน คณะกรรมการชุดนี้จะขับเคลื่อนด้านองค์ความรู้ วิสัยทัศน์ร่วมผลักดันองค์กรโดยได้รวมผู้เชี่ยวชาญภาครัฐและเอกชน กรรมการชุดใหม่มี 11 คน เป็นกรรมการของบริษัทมาตั้งแต่ก่อนเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ 3 คน  และ 2 ใน 3 เป็นอดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนกรรมการที่ผู้ถือหุ้นแต่งตั้งมี 8 คน ผ่านการพิจารณาตาม Board Skills Matrix มีความรู้ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น ธุรกิจการบิน การเงิน กฎหมาย กลยุทธ์ การตลาด และเทคโนโลยีดิจิทัล

สำหรับ “คณะกรรมการชุดย่อย”  ได้แก่ คณะกรรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน เพื่อดูแลทุกมิติ โดยมี “คณะกรรมการและฝ่ายบริหาร” พร้อมร่วมทำงานสนับสนุนซึ่งกันและกัน โดยยังคงมีทีมผู้บริหารช่วงกระบวนการฟื้นฟูกิจการช่วยให้สานต่อการดำเนินงานการบินไทยได้อย่างมั่นคง  

ขณะที่ “สถานะของบริษัท” วันนี้อยู่ในจุดดีที่สุดทุกมิติ โดยเฉพาะ 2 มิติสำคัญ ได้แก่  

“มิติสถานะทางการเงิน”  มีประสิทธิภาพ มีขีดความสามารถในการแข่งขัน บริษัทฯ มีทิศทางการเติบโตอย่างชัดเจน พร้อมใช้ยุทธศาสตร์กับโครงสร้างองค์กรตอนนี้ขนาดและความซับซ้อนเหมาะสมต่อขนาดธุรกิจ ส่วนค่าใช้จ่ายบุคลากรอยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพเทียบกับสายการบินชั้นนำระดับเดียวกัน โดยยืดหยุ่นและเปลี่ยนแปลงตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมได้รวดเร็ว ให้ความสำคัญเรื่องการส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์ และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

“มิติด้านสิ่งแวดล้อม” การบินไทยในฐานะผู้ประกอบการสายการบินมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบในการทำธุรกิจที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2608 (ค.ศ. 2065)

“การบินไทย” มีเป้าหมายนำพาองค์กรเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการฟื้นฟูกิจการที่ผ่านมาให้ก้าวไปสู่รากฐานที่มั่นคงเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นองค์กรโปร่งใส มีหลักการธรรมาภิบาลที่ดี จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในระยะยาว



ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการและอดีตประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยทำสำเร็จตามแผนฟื้นฟูกิจการและบรรลุครบถ้วนทุกเงื่อนไขภายในเวลาเพียง 4 ปี นับตั้งแต่ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการปี 2564 มีผลประกอบการเติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง ปี 2567 มีกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) สูงถึง 41,515 ล้านบาท รักษาโมเมนตัมการเติบโตได้ต่อเนื่องเห็นได้จากในไตรมาส 1 ปี 2568 มี “กำไร”จากการดำเนินงาน (ก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 13,661 ล้านบาท หรือคิดเป็น EBIT margin สูงที่สุดในกลุ่มสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบในเอเชียแปซิฟิกและยุโรป 26.5% (แหล่งที่มาจาก Airline Weekly) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม

ประการสำคัญมี “คณะกรรมการชุดใหม่” ที่ได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์หลากหลาย เข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน โปร่งใส และแข่งขันได้ในระดับโลก พร้อมทะยานสู่ความสำเร็จในระยะยาว


นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภาพรวมการบินไทยมีกลยุทธ์การเติบโต หลังฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ได้ทำโครงสร้างหลากหลายด้านและการวางกลยุทธ์ระยะยาวชัดเจน เช่น 1.ปรับโครงสร้างและขนาดองค์กรให้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความโปร่งใสทุกกระบวนการดำเนินงาน สามารถตรวจสอบได้ 2.ปรับโครงสร้างฝูงบินและจำนวนเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพตั้งเป้าหมายปี 2576 อีก 8 ปีข้างหน้า จะมีเครื่องบินมากถึง 150 ลำ ควบคู่กับแผนลแบบเครื่องบินเหลือ 4 แบบ จากก่อนหน้าเข้าแผนฟื้นฟูมีถึง 8 แบบ และลดจำนวนเครื่องยนต์เหลือ 5 แบบ จาก 9 แบบเหลือ 5 แบบ จึงควบคุมต้นทุนดำเนินงานและซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นตั้งเป้าหมายปี 2572 จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 35 % จากปัจจุบันที่ 26%

3.การขยายเส้นทางและความถี่การบินเพื่อมุ่งสู่การเป็น regional network airline เชื่อมต่อระดับภูมิภาคและระหว่างทวีป 4.ปรับปรุงบริการห้องโดยสารและช่องทางการขายเพื่อยกระดับความพึงพอใจให้ลูกค้า 5.การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ให้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น เปิดช่องทางขายตรงสร้างโอกาสในการส่วนแบ่งรายได้เพิ่มมากขึ้น



นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงินและการบัญชี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันสถานะทางการเงินของการบินไทยมีความแข็งแกร่งและมั่นคงกว่าเดิมมาก สะท้อนจากความสามารถในการ “ทำกำไรจากการดำเนินงาน” อย่างต่อเนื่อง “ปี 2567สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ  มี “รายได้รวม” (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 187,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.7% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน “มีกำไร” จากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 41,515 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไร (EBIT Margin) 22.1%

“ไตรมาส 1 ปี 2568 มี “รายได้รวม”  (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.3% มี “กำไร” จากการดำเนินงาน (ก่อนต้นทุนทางการเงินไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 13,661 ล้านบาททำอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 83.3% มีอัตราผลตอบแทนต่อผู้โดยสาร (Passenger Yield) 2.91 ใกล้เคียงกับปีก่อน



ความสำเร็จจาก “การแปลงหนี้และดอกเบี้ย” ตั้งพักของเจ้าหนี้เป็นทุนกว่า 53,453 ล้านบาท เมื่อปี 2567 จึงเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนการฟื้นฟูกิจการและพนักงานของบริษัทฯกว่า 22,987 ล้านบาท ซึ่งทำให้ส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 กลับเป็นบวก 55,439 ล้านบาท จากเดิมติดลบ 43,142 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 

สามารถ “ลดอัตราส่วนหนี้สิน” ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E Ratio) เหลือเพียง 2.2 เท่า จากปี 2562 มีถึง 12.5 เท่า จึงเป็นเครื่องยืนยันถึง “สถานะทางการเงินที่มั่นคง” โดยไม่มีปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการลดยอดหนี้ลง (Hair Cut) ในส่วนหนี้เงินต้นของเจ้าหนี้ทางการเงินและเจ้าหนี้การค้า ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ส่วนใหญ่ของการบินไทย มีกำหนดคืนหนี้ชัดเจนแล้วตามแผนฟื้นฟูกิจการจนถึงปี 2579

ความสำเร็จนี้เป็นผลจากการทำงานอย่างหนัก โดยมีวินัยทางการเงินเข้มงวด และได้รับความร่วมมือจากเจ้าหนี้พนักงานการบินไทยทุกคนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มด้วย

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ททท.เร่งครึ่งปีหลัง68นำท่องเที่ยวเอเชียสู่แดนบวกปั๊ม "จีน"โตทำชาเตอร์ไฟลต์จัดหนีห่าวมันธ์

  ททท.งัดทุกกลยุทธ์ปั๊มครึ่งปีหลัง 68 “เอเชีย-แปซิฟิก”สู่แดนบวก “จีน”สัญญาณดีก.ค.-ธ.ค.อัดงบจัด“ชาเตอร์ไฟลต์-หนีห่าวมันธ์” ปี ’69 เพิ่มรา...