ททท.ลั่น!!ปี’69พลิกโฉมท่องเที่ยวสู่“The New Thailand”
หวังรายได้ติด1ใน10โลก-ปรับดุลต่างชาติ58%ไทย48%
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #TATAP2026 #TheNewThailand
ททท.ลั่นนำ TATAP 2026 แผนปฏิบัติการตลาดปี’69 พลิกโฉมท่องเที่ยวสู่ “The
New Thailand” หวังทำรายได้ติด 1 ใน 10
ของโลก ปรับสมดุลสัดส่วนใหม่ ต่างประเทศ 58 % เที่ยวไทย
48 % ใส่เกียร์เร่ง “ตลาดต่างประเทศ” 2 มิติ “เจาะกลุ่มตลาด-เชิงพื้นที่” ด้าน “ตลาดในประเทศ” ชู 2 กลยุทธ์ “ทำตลาดเชิงพื้นที่-เพิ่มความถี่” ส่วน “สินค้าไฮไลต์” ปั้น 3 คอนเซ็ปต์ “Creative-Connectivity-Standard พร้อมขายทุกอย่าง
@รัฐบาลใส่งบกลาง4.518ล้านผ่าน22โปรเจกต์ 5 New Paradigm
นายสรวงศ์ เทียนทอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขึ้นเวทีงานแถลง TATAP 2026 :แผนปฏิบัติการท่องเที่ยวปี
2569 โดยนำเสนอภาพรวมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี
2568 กำลังเผชิญความท้าทายหลายด้น แต่ตั้งแต่ต้นปีไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า
18.08 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.40 ล้านล้านบาท (จากเป้าหมายรวมตลอดทั้งปี
2.85 ล้านล้านบาท) ล่าสุดรัฐบาลได้อนุมัติงบกลางกระตุ้นท่องเที่ยวกว่า
4,518 ล้านบาท ผ่าน 22 โครงการหลัก เดินหน้าผลักดันแนวคิด 5
New Paradigm ได้แก่ New Customer, New Product, New
Partnerships, New Marketing Strategy และ New Key
Performance Indicator
มุ่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวทุกมิติ คือ 1.ความเชื่อมั่นได้ยกระดับความปลอดภัย
2.การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว
3.พัฒนาแหล่งเที่ยวเมืองน่าเที่ยว (Hidden Gems) สู่มาตรฐานสากล ผ่านเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก UNESCO ยกระดับท่องเที่ยวไทยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 4.ร่วมมือกับ
GSTC พัฒนาการท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืน เปิดประตูสู่อีเวนต์ท่องเที่ยวเชิงกีฬา
(Sport Tourism Events) ควบคู่การเผยแพร่เสน่ห์ไทย
วัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก รุกท่องเที่ยวคุณภาพ เพิ่มรายได้ กระจายสู่เมืองน่าเที่ยว
สร้างโอกาสอย่างทั่วถึง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งแง่ของจำนวนและรายได้ ปูพรมการท่องเที่ยวปี 2569
@ททท.พลิกโฉมปี69สู่ The New Thailand ดันรายได้ติด1ใน10โลก
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่าปี 2569 จะเป็นจุดเริ่มต้นเปลี่ยนกระบวนทัศน์การท่องเที่ยวไทย
“The New Thailand” ซึ่งมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเชิงคุณค่าอย่างแท้จริง
(Value is the New Volume) ผ่านแนวคิดหลัก “Stay
Focus” เน้น 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สู่
“การท่องเที่ยวคุณภาพ” 2.ปรับสมดุลด้วย “การกระจายโอกาสสู่ท้องถิ่น” 3.สร้างแรงดึงดูดใหม่ด้วยการออกแบบประสบการณ์ที่ตรงใจนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม
4.จับมือทุกภาคส่วนมุ่งหน้าสู่ความยั่งยืน พร้อมกับการเร่งสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทย
เผยแพร่ ซอฟท์ พาเวอร์ และจัดการสมดุลส่วนแบ่งตลาด ได้แก่ ตลาดต่างประเทศ 58 %
และตลาดในประเทศ 42 %
โดยมีหัวใจสำเร็จอยู่ที่ “คุณค่าและประสบการณ์”
ที่นักท่องเที่ยวได้รับ กับ “ความพึงพอใจ” ของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความสมดุลตัวชี้วัดทาง
เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ไทยติดท็อปเท็น "มีรายได้ท่องเที่ยวมากสุดเป็น
1 ใน 10 ประเทศของโลก"
ด้านที่ 1 การขับเคลื่อนตลาด ต่างประเทศ และในประเทศ ตอบโจทย์การนำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างรายได้มากที่สุด
ดังนี้
“ตลาดต่างประเทศ” ททท. มุ่งทำการตลาดเชิงรุก
2
มิติหลัก ได้แก่
• มิติกลุ่มตลาด (Market
Segment) ที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ คนรุ่นใหม่/millenial เจน Z หรูหรา/Luxury และท่องเที่ยวสุขภาพ/Health
& Wellness
• มิติกลุ่มพื้นที่ (Market Areas) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม เพื่อตอบโจทย์เชิงรายได้อย่างชัดเจน ได้แก่
กลุ่มที่
1 Priority ตลาดหลัก เช่น จีน ฮ่องกง จะสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย
ควบคู่ขยายสู่เมืองท่องเที่ยวใหม่ใน “ตลาดระยะใกล้” ได้แก่ มาเลเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์
สร้างสิ่งใหม่ทั้งภาพจำเซกเมนท์ตลาด กับ “กระตุ้นฐานตลาดเดิม” จากกลุ่มตลาดระยะใกล้ที่เติบโตดี
ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น เน้นเจาะกลุ่มนักเดินทางคุณภาพ และกลุ่มตลาดระยะไกลที่เติบโตดี
ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส
เยอรมนี มุ่งเจาะกลุ่มมูลค่าสูง สร้างตลาดหลักล้านคนกลุ่มใหม่ (New
Million Market)
กลุ่มที่ 2 กลุ่มตลาดขนาดกลาง-เล็ก ได้แก่ ตลาดระยะใกล้ เช่น ไต้หวัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กระตุ้นและขยายตลาดใหม่ทั้งเชิงเซ็กเมนท์และพื้นที่
ตลาดระยะไกล เช่น ออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย อิตาลี สเปน เร่งสร้างภาพไทยในฐานะ “จุดหมายปลายทางสีเขียว” และสวรรค์พำนักระยะยาว
กลุ่มที่
3 ตลาดมูลค่าสูง จากตะวันออกกลาง นำเสนอการพักผ่อนแบบพรีเมี่ยม
และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเวลนส โดยจะรักษาฐานอิสราเอล
เดินหน้าทำ Airline
Focus เพิ่มที่นั่งและความถี่เที่ยวบินมาไทย
“ตลาดในประเทศ”
ไทยเที่ยวไทยหัวใจสำคัญช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานราก นำพาสู่การท่องเที่ยวยั่งยืน ททท. จะรุกทำ 2 กลยุทธ์ ดังนี้
• กลยุทธ์ที่ 1 การตลาดเชิงพื้นที่ (Area-Based Marketing) ผสมผสานการออกแบบสินค้าและบริการเชิงประสบการณ์ ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายศักยภาพ
คนรุ่นใหม่/Millennials ไฮเอนด์/อัลตร้าเวลท์ และ มัลติ
เจนเนเรชี่นแฟมิลี่ โดยนำเสนอกิจกรรมระสบการณ์พิเศษในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก
• กลยุทธ์ที่ 2 กระตุ้นความถี่การเดินทางตลอดทั้งปี ในกลุ่มจังหวัดเมืองหลัก-น่าเที่ยว
ด้วยการเจาะตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเวลเนส ส่งเสริมให้เกิด “การท่องเที่ยวข้ามภาค”
ด้วยสินค้าบริการเสนอเสน่ห์ไทยและเพิ่มอีเวนต์การตลาด พร้อมส่งเสริม “เมืองน่าเที่ยว”
ด้วยสินค้าและบริการตามอัตลักษณ์พื้นที่ โดยมีไฮไลต์ตามภูมิภาค
ได้แก่
“ภาคกลาง”
ชวนสัมผัสเสน่ห์ดินแดนลุ่มแม่น้ำ กับคอนเซปต์ “เที่ยวกลาง เที่ยวใกล้
เที่ยวได้เลย”
“ภาคตะวันออก”
สนุกกับ “สีสันตะวันออก” ด้วยกีฬา กิจกรรมกลางแจ้ง อิ่มอร่อยกับผลไม้ อาหารถิ่น
“ภาคเหนือ”
นำเสนอ “Season
of North สุขทันที...ฤดูนี้ ฤดูเหนือ” ชูเสน่ห์อัตลักษณ์ภาคเหนือ
ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสวัฒนธรรมและเรื่องราววิถีชุมชน
“ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
ชวนตกหลุมรัก “ISAN
Muaniverse สุขไม่ซ้ำกับประเพณีสีอีสาน”
“ภาคใต้”
สุดมันส์กับคอนเซ็ปต์ “Go
South สัมผัสเสน่ห์ใต้ หลากหลายวัฒนธรรม” ไปสัมผัสเสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ
ควบคู่กิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมรับผิดชอบ
“ททท. จะร่วมพันธมิตร” กระทรวงวัฒนธรรม และองค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(อพท.) ส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย เพชรบุรี
และสุพรรณบุรี ต่อยอดความสำเร็จ “Grand Moment” ผ่านแนวคิดหลัก
3 โมเมนต์ เชื่อมโยง อารมณ์ ความทรงจำ ความมหัศจรรย์ของการเดินทาง
ให้ทุกทริป...กลายเป็น “ช่วงเวลาแห่งความรู้สึก” ที่ไม่อาจลืม
@โปรโมท“Unforgettable
Experience-สุขทันที ที่เที่ยวไทย
“เตรียมสร้างแรงบันดาลใจ” ให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ
ภายใต้แบรนด์ “Amazing Thailand” ผ่านแนวคิดหลัก “Unforgettable Experience – ประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม” ทำให้ทุกการเดินทางมีความหมายลึกซึ้งและทรงคุณค่ายิ่งขึ้น
แบ่งเป็น
“ตลาดต่างประเทศ” มุ่งสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น
“จุดหมายปลายทางแห่งประสบการณ์ที่เปี่ยมคุณค่าและยั่งยืน” ผ่านข้อความหลัก “Healing is the New Luxury” สะท้อนบทบาทของเมืองไทยในฐานะดินแดนแห่งการเยียวยา
การพักใจ การเชื่อมโยงคุณค่าระหว่างผู้คนกับสถานที่ ที่จะเติมเต็มพลังชีวิตให้ทุกคนที่มาเยือน
“ตลาดในประเทศ” ต่อยอดแคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย”
ด้วยแนวคิด “Change Unknown
to Unforgettable” ชวนคนไทยออกไปเที่ยวเมืองไทย
ไปสร้างโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเก็บเกี่ยวเป็นความทรงจำดีๆ ที่ไม่อาจลืมเลือน
@สินค้าไฮไลต์ชู3คอนเซ็ปต์
“Creative-Connectivity-Standard
ด้านที่ 2 สินค้าไฮไลต์ ปี
2569 ททท.
จะคัดสรรประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ คุณภาพและความพร้อม สร้างสินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์มัดใจนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมาย
โดยให้น้ำหนักกับ 3 คอนเซ็ปต์ ดังนี้
คอนเซ็ปต์แรก “Creative
Products Focus” คือการค้นหาจุดเน้นใหม่ ๆ เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของพื้นที่
ได้แก่
• สินค้ากลุ่มแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
เพื่อนำเสนอเป็น UNSEEN
Destination – Unforgettable Experience
• สินค้ากลุ่มสุขภาพ
(Wellness
และ Meditation)
• สินค้ากลุ่มมูเตลู
ศรัทธา และความเชื่อ
• สินค้าตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่
เช่น เส้นทางคนโสด เส้นทาง LGBTQ เส้นทางตามรอย Series
หนัง-ละคร และภาพยนตร์
• สินค้ากลุ่ม Arts &
Craft Fashion กลุ่ม Sport Tourism กลุ่ม Night
Tourism และกลุ่ม Thailand Soft Power สู่ 5
Must Do in Thailand
คอนเซ็ปต์ที่สอง “Transportation
& Connectivity Focus” ร่วมกับสายการบินพันธมิตรขยายเครือข่ายความเชื่อมโยงทางการบินด้วย
Airline
Focus ทั้งเที่ยวบินเชิงพาณิชย์แบบประจำ และเช่าเหมาลำ (Charter
Flight) การจัดทำ
1.เส้นทางเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว
ต่อไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ตามเส้นทางทางบก ทางน้ำ เช่น เรือยอช์ต เรือสำราญ การท่องเที่ยวแม่น้ำโขงเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน
ทางอากาศ เช่น เครื่องบินส่วนตัว และเฮลิคอปเตอร์ ทางราง (รถไฟ) เช่น รถไฟกีฮะ
รอยัล บลอสซัม STR Prestige, Blue Jasmin และ
คอนเซ็ปต์ที่สาม Thailand
Standard Focus สร้างเครือข่ายและผลักดันให้เกิดการยกระดับมาตรฐานการบริการสู่มาตรฐานยั่งยืนในระดับสากลพร้อมกับพัฒนาโมเดลการท่องเที่ยวยั่งยืน
เช่นโครงการ Thailand
Tourism Awards (TTA), CF Hotels, STGs STAR, Sustainable
Product Prototype ภายใต้ Krabi Prototype จะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นผ่านโครงการ
Trusted Thailand (Safe Travel Stamp) เพื่อการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย
มีมาตรฐาน และสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแรงของประเทศไทย
@งัดเทศกาลงานประเพณีสู่สากลเปิดจุดขายในตลาดโลก
ททท.วางแผนจะทำอีเวนต์ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เทศกาล
ประเพณี กิจกรรมระดับนานาชาติ สร้างแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
เริ่มด้วยเวิลด์ อีเวนต์ ได้แก่ 1.มหาลยอกระทง จ.สุโขทัย 2.วิจิตรเจ้าพระยา 3.อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน 2568 อะเมซิ่งไทยแลนด์
เคานท์ดาวน์ 4.มหาสงกรานต์ วอเตอร์ เฟสติวัล
เตรียมพบปรากฏการณ์ TOMORROWLAND THAILAND 2026 ครั้งแรกในเอเชียเดือนธันวาคม 2569 ด้วยอีเวนต์นานาชาติ
เช่น เจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ ไหว้ครูมวยไทยโลก เทศกาลตรุษจีน
เทศกาลดนตรีนานาชาติ Rolling Loud Thailand Wonderfruit และ บิ๊ก
เมาเท่น มิวสิค เฟสติวัล
กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา ไทยแลนด์
มาราธนอ กับฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์
กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ 1.ไทยแลนด์
อินลูมิเนชั่น อินเตอร์ชั่นแนล บอลลูน เฟียสต้า 2.เทศกาลพลุพัทยา และ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์ ดิวาลิ
ชวนดื่มด่ำเทศกาลอัตลักษณ์ถิ่น Signature Thailand ในพื้นที่เมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ จะเดินหน้าส่งเสริมยกระดับเทศกาลและประเพณีท้องถิ่นที่มีศักยภาพ
สู่ อินเตอร์เนชั่นแนล และเวิลด์ อีเวนต์ นำโดย 3 บิ๊กอีเวนต์ ได้แก่ 1.ประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม 2.ประเพณีแห่เทียนพรรษา
จ.อุบลราชธานี 3.ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จ.นครพนม
ททท. เชื่อมั่นปี 2569 จะนำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยกระดับ
ปรับสมดุล เดินหน้าสู่คุณภาพอย่างแท้จริง สร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน
สะท้อนความพร้อมและศักยภาพของประเทศ เพื่อจะก้าวข้ามจากการเป็นเพียง
“จุดหมายปลายทางที่น่าเที่ยว” สู่การเป็น “จุดหมายปลายทางที่ทรงคุณค่า” ทุกมิติ
ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น