“ศุภวรรณ ตีระรัตน์”นำสถาบันอาหารลุยซอฟท์พเวอร์5โครงการ
ผนึกกองทุนหมู่บ้านผลิตเชฟสร้างชาติ
Master Chef 1.7หมื่นคน
ปั้นอุดรเมืองอาหารฮาลาลลุยตลาดมุสลิมงานพืชสวนโลกปี’69
คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนกินเล่นช้อป
“FOODIE PLAYGROUND”
พูลแมนคิงเพาเวอร์ร่วม“เที่ยวไทยคนละครึ่ง”เริ่ม2,250บาท/คืน
ททท.ดันปี’69หวัง3ล้านล้านรุกไล่ชิงตลาด 5
เมกะเทรนด์โลก
“บางจาก-เดอเจ็นซ์”อนาคตความชอบสอนฟรีกอล์ฟคลีนิกเด็ก
ออนทัวร์พิษณุโลก“ล่องน้ำเข็ก-ท่องป่ากับช้าง-ฟอร์เรสฟาร์ม”
3 วิธีแก้อาการ “ปวดหัว”หลังตื่นนอนอย่าปล่อยไว้ไม่ดีแน่นอน
ด่วน!!ไทยคนละครึ่งดูโชว์โลมาภูเก็ตเที่ยว3รอบ/วันถึง31ต.ค.
ชิมขนมไหว้พระจันทร์ที่อินเตอร์คอนกรุงเทพฯ 1 ส.ค.-6 ต.ค.
วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #nfi
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/16vLVbpS1C/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! “ดร.ศุภวรรณ
ตีระรัตน์” ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ดันอุตสาหกรรมอาหารทั้งประเทศหนุน
ซอฟท์ พาวเวอร์ ปี’68 จับมือพันธมิตรลุยต่อยอด 5 โครงการ
“Thailand Master Chef #2 :พลังเชฟไทยสร้างชาติ”
ผนึกกองทุนหมู่บ้าน 13 เขต มหาลัยผลิตเชฟเพิ่ม 2 หลักสูตร เปิดรับสมัคร 17,000 ราย จับมือ
พบข.กระทรวง อว.ลุยทำ “Innovation driven enterprises: IDEs”
นวัตกรรมสร้างสรรค์ภาคธุรกิจ เดินหน้าโครงการ “แปรรูปอาหารรับเทรนด์ Future
Food” ร่วมกับทีเส็บทำ MICE Coffe Break
พลิกโฉมอาหารชุมชนป้อนตลาดไมซ์ ปักหมุด “อาหารฮาลาล” แดนอีสาน ที่อุดรธานี
ต้อนรับมุสลิมเข้าร่วมมหกรรมพืชสวนโลกปี’69 และปลุกไทยตื่นรับอาหารโลกใหม่
7 เทรนด์
ดร.ศุภวรรณ
ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร (nfi :
National Food Institute)
เปิดเผยว่า สถาบันอาหาร ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมขานรับนโยบายรัฐบาลด้านซอฟท์
พาเวอร์ ด้วยอุตสาหกรรมอาหาร ล่าสุดเข้าร่วมงาน SPLASH Soft
Power Forum 2025 โดยมีการพัฒนาเนื่องจากปลายปี 2567 ต่อเนื่องปี 2568 เดินหน้า โครงการที่ 1
“Thailand Master
Chef Program : พลังเชฟไทยสร้างชาติ” เปิดให้ผู้ประกอบการกับผู้สนใจเข้าอบรมเชฟสำเร็จแล้ว 1,304 ราย ในหลักสูตรเน้นใช้ความคิดสร้างสรรค์และมืออาชีพ
เพิ่มมูลค่าตามร้านต่าง ๆ ได้กว่า 400 ล้านบาท
“ปี 2568” กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับประงบประมาณ
ซอฟท์ พาวเวอร์ นำมาใช้ผลิต “มาสเตอร์ เชฟ” ตามแผนแม่บทจะปั้นผู้ประกอบการ ประชาชน
และผู้สนใจ ร่วมอบรมอาชีพเชฟทั่วประเทศ 17,000 ราย โดยสถาบันอาหารจับมือกับ
“กองทุนพัฒนาหมู่บ้าน” ทั่วประเทศ 13 เขต เปิดโอกาสให้
“ชุมชน” คัดคนอายุไม่เกิน 60 ปี เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
“ตั้งเป้า”
ให้เกิดประโยชน์หลัก ๆ คือ 1.สร้างรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น 2.สนับสนุนการใช้
“ภูมิปัญญาท้องถิ่น” 3.ยกระดับการออกแบบเชฟมืออาชีพ 4.พัฒนาทุนวัฒนธรรมท้องถิ่นนำมาใช้สร้างสรรค์เมนูต่างๆ ดึงดูดผู้บริโภค
“ความแตกต่าง”
การผลิตเชฟคือ ในปี 2567 ทางสถาบันอาหารได้วางรากฐานทางทักษะไว้แล้ว
ส่วนปี 2568 จะมีหน้าที่สื่อสารให้เข้าถึงประชาชนกับผู้อยู่ในกองทุนหมู่บ้น
ส่วนการอบรมส่งไม้ต่อให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ จัดการต่อไป เพิ่งเริ่ม kick off
ในงาน SPLASH Soft Power Forum 2025 โครงการ “Thailand
Master Chef Season 2 : พลังเชฟไทยสร้างชาติ” เปิดอบรมเชฟ 2 หลักสูตร ได้แก่
หลักสูตรที่ 1 “มาสเตอร์ เชฟ โปรแกรม 50 ตำรับ เปิดอบรมจำนวน 12,000 คน หลักสูตรที่ 2 “เชฟ 7ตำรับใหม่” เปิดอบรมเฉพาะโปรแกรมจำนวน 5,000 คน เช่น อาหารไทยต้นตำรับ อาหารชาววัง สตรีทฟู้ด ขนมหวาน อาหารไทยสร้างสรรค์เพื่อสุขภาพ อาหารเจ อาหารฟิวชั่น
“เป้าหมาย” ต้องการดึงคนในชุมชนสมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการทั้ง 13 เขต ทางสถาบันอาหารจะเข้าไปพบกองทุนหมู่บ้าน และสถาบันการศึกษาที่รับผิดชอบการอบรมทักษะโครงการ “เชฟไทยพลังสร้างชาติ” ลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ diprom.go.th ของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ OFOS สถาบันอาหาร ปี 2568 รับสมัครไม่ต่ำกว่า 17,000 คน ผู้ที่สนใจสมัครอบรม
โครงการที่
2 นวัตกรรมสร้างสรรค์ผู้ประกอบการ Innovation Driven
Enterprises: IDEsโดยร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คัดเลือกบริษัทผลิตและส่งออกอาหารของไทยมาร่วมโครงการ
โดยมีทุนเริ่มต้น 200 ล้านบาท ภายใน 3-5 ปีหน้า จะขยับเป็น 1,000 ล้านบาท ทุนมาจาก “บพข. :หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”
มุ่งพัฒนาบริษัทองค์กรทางนวัตกรรมด้านต่าง ๆ เช่น
1.สินค้า 2.การตลาด 3.ขั้นตอนการผลิต 4.ออร์กาไนเซชั่น
ไปจนถึงการดูแลแผนธุรกิจให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ
“ผลลัพธ์” นำร่องทำแล้วเกือบ 20 บริษัท มีผลการดำเนินงานแต่ละด้านเติบโตแบบก้าวกระโดด แล้วทาง “สถาบันอาหาร” ยังได้ขยายภารกิจนอกเหนือจากการทำเพียงแค่ ห้องแล็บวิเคราะห์วิจัยอาหาร พัฒนานวัตกรรมแปรรูปอาหาร การ Re-Up Skill ที่ปรึกษาอุตสาหกรรมอาหาร ก้าวสู่อีก “ 2 บริการใหม่” คือ 1.ที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจอาหาร 2.ยกระดับอาหารสู่ความยั่งยืน
โครงการที่ 3 แปรรูปอาหารขานรับเทรนด์อาหารแห่งอนาคต
Future Food ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ
เพราะมีผู้ประกอบการทั่วประเทศกว่า 1 แสนราย
ในจำนวนนี้มีผู้เล่นรายใหญ่เพียง 4-5 % ส่วนที่เหลือเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก
(SMEs) ใช้ขีดความสามารถของไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม
มีผลผลิตจำนวนมาก
ตอนนี้โครงการที่ผู้บริโภคสนใจตามเทรนด์หันมาสนใจการพัฒนาอาหารโดยลดของเสียเป็นศูนย์
หรือ Food Waste/lost นำมาสู่การแปรรูปของเสียจากผลผลิต
เช่น ต้น ใบ เดิมเคยใช้เป็นอาหารสัตว์ ก็นำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า เป็นสแน็ก
หรือนำส่วนผสมทำให้ส่วนประกอบดีขึ้นใส่เพิ่มเข้าไป
โครงการที่ 4 MICE Coffe Break สถาบันอาหารร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
เชื่อมโยงการเติบโตอุตสาหกรรมอาหารซึ่งมีความชำนาญด้านการพัฒนะและออกแบบเมนูด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น
ปัจจุบันชุมชนหรือโรงแรมในท้องถิ่นยังทำของว่างไม่ตอบโจทย์
แต่โครงการนี้จะยกระดับร้านอาหารและเข้ากับความต้องการตลาดไมซ์ (MICE) นำร่องใน ภาคกลาง กับภาคตะวันออก มีชุมชนสนใจเข้าร่วมเกือบ 30 ชุมชน มีการเรียนการสอนเมนูเชิงสร้างสรรค์ ฟิวชั่น ตามที่ผู้จัดการมองหา
พร้อมกับลงรายละเอียดการจัดการต้นทุนค่าใช้จ่าย (SOP) สร้าง
“ผลกำไร” ให้ร้านอาหารท้องถิ่น
“วัดประเมินผล”
การสอนเรื่องการบริหารค่าใช้จ่าย ผนวกเข้ากับภูมิปัญญาและประสบการณ์ท้องถิ่น
ทำให้ชุมชนมีองค์ความรู้ต่อยอดการใช้วัตถุดิบเป็นเมนูต่าง ๆ มากขึ้น เช่น
เครื่องดื่มฟังชั่นนอลจากดอกเฟื่องฟ้า หรืออื่น ๆ
โครงการที่ 5 อาหารฮาลาล บุกเบิกใน “อุดรธานี” จังหวัดเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงาน “พืชสวนโลก 2569” แต่ในอีสานขาดเรื่องการพัฒนาด้านนี้ สถาบันอาหารจึงเข้าไปสร้างความเข้าใจเตรียมต้อนรับนักเดินทางมุสลิมทั่วโลกบริโภคอาหารฮาลาล จะต้องรู้วิธีปรุง ทักษะการเสิร์ฟ และอื่น ๆ ตอนนี้โรงแรมต่าง ๆ สนใจเข้าร่วมแล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นใจปรุงได้ตามมาตรฐาน ถูกสุขอนามัย
ดร.ศุภวรรณ กล่าวว่า ปี 2568-2569
อาหารเป็นอุตสาหกรรมเทรนด์การเปลี่ยนแปลงเร็วมาก พอ ๆ กับเทคโนโลยีดิจิทัล
ขณะนี้สถาบันอาหารกระตุ้นทุกภาคส่วนตื่นตัวรับความท้าทายใหม่ ๆ
ของอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกที่กำลังมาแรง 7 เทรนด์ 7 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 อาหารแห่งอนาคต : Future Food เมื่อคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบันเน้นการรับประทานอาหารที่ดูแลสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพ
กลุ่มที่ 2 อาหารเพื่อสุขภาพ Functional Food/Healthy Food ฟื้นกลับมาคืนอีกครั้ง
กลุ่มที่ 3 โปรตีนจากพืช Plant base Alternative Protien กินแทนสัตว์ซึ่งก่อให้เกิดคาร์บอน มีผลดีให้ปลอดภัยจากโรคต่าง ๆ จึงเป็นโอกาสของไทยที่มีพืชท้องถิ่น
กลุ่มที่ 4 อาหารฮาลาล ทั่วโลกหันมานิยมเพราะกระบวนการคัดเลือกวัสถุดิบ ขั้นตอนการผลิต ถือเป็นอาหารสะอาด (clean food) ทำให้คนสนใจรับประทาน
กลุ่มที่ 5 อาหารผู้สูงวัย ซึ่งมีปัญหาด้านการกลืนอาหาร จะต้องไม่หนืดหรือแข็งเกินไป เทรนด์นี้เติบโตมาก บริษัทขนาดใหญ่กำลังเร่งทำนวัตกรรม เช่น แกงเรียง ทางสถาบันอาหารจับมือกับเบทาโกร
กลุ่มที่ 6 อาหารพร้อมรับประทาน Ready to Eat เน้นต้องมีประโยชน์ต่อร่างกาย ส่วนสำคัญการยืดอายุอาหารด้วยเทคโนโลยี
กลุ่มที่ 7 อาหารพื้นเมือง การสร้างประสบการณ์รับประทานอาหาร และการมองหาร้านน่าสนใจ จึงต้องปรับปรุงเรื่องเมนูอีกจำนวนมาก
ดร.ศุภวรรณ กล่าวว่า ปัจจุบันอาหารของไทยติดท็อปเท็นและผู้นำอาหารของโลก แต่ยังขาดการ “เพิ่มูลค่า” ยังขอเชิญชวนผู้ประกอบการหันมาทำเรื่องให้มากขึ้น ยกระดับโครงสร้างรายได้ภาคการเกษตร และขานรับอาหารแห่งอนาคตกับฮาลาลซึ่งเป็นเทรนด์มาแรงมาก โดยใส่นวัตกรรมเพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่นครอบคลุมทางสุขอนามัย ปลอดภัย ส่งออกตลาดต่างประเทศทั่วโลกได้ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนกินเล่นช้อป“FOODIE PLAYGROUND”
คิง เพาเวอร์ จัดมหกรรม “FOODIE PLAYGROUND กิน เพลย์ เปย์เพลิน” ชวนทุกคนเดินทางมาเพลิดเพลินได้ที่ บริเวณ คราวน์ เอเทรียม “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม -28 กันยายน 2568
“กินเพลิน” : กับร้านฮิตติดเทรนด์และร้านดังสไตล์ท้องถิ่น/Local เสิร์ฟความอร่อยให้อิ่มฟินตลอดทั้งวัน
“เพลย์เพลิน” : เปิดตี้เล่นเกม ฟรี! ยกครอบครัวหรือควงเพื่อนชาวแก๊งมา “เพลย์” สุดเพลินได้ทุกวัน
“เปย์เพลิน” : ช้อปคิง เพาเวอร์ รางน้ำ ตามกติกา ทุกคนเลือกรับสิทธิ์ได้ทันที ดังนี้
สิทธิที่ 1 เลือกรับฟรี! รับคูปองอาหารเมนูพิเศษ สำหรับ 1.สมาชิกบัตร POWER PASS เมื่อช้อปครบ 8,000 บาท/ใบเสร็จ รับคูปองอาหารเมนูพิเศษ หรือ 2. สมัครสมาชิกใหม่แล้วในวันที่สมัครช้อปครบ 5,000 บาท/ใบเสร็จ รับได้คนละ 1 สิท/วัน มาก่อนรับก่อนมีทั้งหมดวันละ 60 สิทธิ์
สิทธิที่ 2 เลือกแลกซื้อไอศกรีม
ซอฟท์-เสิร์ฟราคาพิเศษ 5 บาท เพียงแสดงใบเสร็จ ไม่มีขั้นต่ำ
คนละ 1 สิทธิ์/วัน แจกวันละ 200 สิทธิ์
ข่าวที่ 2 -พูลแมนคิงเพาเวอร์ร่วม“เที่ยวไทยคนละครึ่ง”เริ่ม2,250บาท/คืน
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำ “โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (รางน้ำ) กรุงเทพฯ
เข้าร่วมโครงการ #เที่ยวไทยคนละครึ่ง ด้วยแพกเกจห้องพักพร้อมบริการ ด้วยราคาจูงใจอย่างมาก
เริ่มต้นเพียง 2,250 บาทสุทธิ/คืน บวกสิทธิประโยชน์มากมาย เชิญชวนนักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนในโครงการเข้ามาจองแพกเกจของโรงแรมได้ตั้งแต่วันนี้
– 27 ตุลาคม 2568 แล้วสามารถใช้สิทธิ์ได้จนถึงวันที่
31 ตุลาคม 2568
ทางโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ
นำเสนอบริการราคาเริ่มต้นสุทธิต่อคืน ให้นักท่องเที่ยวคนไทยเลือกได้ 3 แพกเกจ ดังนี้
• แพกเกจที่
1 รีแล็กเซชั่น ห้องดีลักซ์ พร้อมสปา ราคาคุ้มสุด ๆ เริ่มต้นเพียง
2,250 บาทสุทธิ/คืน
• แพกเกจที่
2 พรีเมียม ซีฟู้ด บุฟเฟต์ ที่พักห้องพรีเมียร์ดีลักซ์พร้อมมื้อพรีเมียมซีฟู้ดบุฟเฟ่ต์
ราคาเริ่มต้นเพียง 2,750 บาทสุทธิ/คืน
• แพกเกจที่
3 Omakase
Getaway ห้องพรีเมียร์ดีลักซ์ พร้อมมื้อโอมากาเสะ ราคา 10,500
บาทสุทธิ/คืน
เพิ่มเติม !! สิทธิประโยชน์พร้อมคืนกำไรให้นักท่องเที่ยวในโครงการ
#เที่ยวไทยคนละครึ่ง ได้ใช้อย่างคุ้มค่า อีก 4 รายการ คือ
• สมาชิก
ALL Member Platinum และ Diamond สามารถใช้บริการคลับเลาจน์ได้ตามสิทธิ์
• รับอี-คูปองมูลค่า
500 บาท จากโครงการ #เที่ยวไทยคนละครึ่ง
จากรัฐบาลสนับสนุนให้นำมาใช้ได้ทั้งค่าอาหารและเครื่องดื่ม
ส่วนการใช้จ่ายนอกเหนือจากแพกเกจที่กำหนดจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของโรงแรม
• รับบัตรมหานคร
สกายวอล์ค 2 คน มูลค่า 2,400 บาท
•ส่วนลด
คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สูงสุด 30%
โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ (รางน้ำ) กรุงเทพฯ
มีช่องทางดูข้อมูลแพกเกจเพิ่มเติมทางbit.ly/CopayVacation_Pullman
และเปิด “ช่องทาง” ให้จองหรือสำรองผ่านโทรศัพท์ 02-680-9999 และLine: @PullmanBangkok
ข่าวที่ 3-ททท.ดันปี’69หวัง3ล้านล้านรุกไล่ชิงตลาด
5 เมกะเทรนด์โลก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) จัดการประชุม “แผนปฏิบัติการท่องเที่ยวปี 2569 : TATAP Tourism Autority of Thailand Action Plan 2026” เสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมแถลงรายละเอียดวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 เบื้องต้นวางตำแหน่งตลาดใหม่เน้น
“นักท่องเที่ยวคุณภาพ : Value Over Volume” ตั้งเป้า “เพิ่มรายได้” มากกว่า “ปริมาณนักท่องเที่ยว” จะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า
3 ล้านล้านบาท เติบโต 7% จากปี 2568
แนวโน้มจะทำให้ได้ 2.87 ล้านล้านบาท
“รายได้” ปี 2569
ตามเป้าหมาย 3 ล้านล้านบาท จะมาจาก “ตลาดคนไทย”
เที่ยวในประเทศ 1.1 ล้านล้านบาท
และ “ตลาดต่างชาติ” เที่ยวเมืองไทย 1.7 ล้านล้านบาท
อาจจะต่ำกว่าเป้าเคยวางไว้
“จำนวน” นักท่องเที่ยว
“ต่างชาติ” จะใกล้เคียงปี 2567 ประมาณ 35 ล้านคน
ตามแผนแม่บท
ททท.ด้านท่องเที่ยวในระยะยาว ฉบับทบทวนใหม่ พ.ศ. 2568-2570 ได้ใช้ฐานข้อมูลเพื่อนำมาทำแผน TATAP 2026 โดยอิง “ผลการศึกษาสิ่งแวดล้อมภายนอก”
5 ด้าน 5 เมกะเทรนด์โลก
ภายใต้โจทย์ความท้าทาย 19 เรื่อง ดังนี้
ด้านที่
1 พฤติกรรมและความนิยมของลูกค้า จะเกิดปรากฏการณ์ 5 เมกะเทรนด์โลก ประกอบด้วย
•
1.Healthcare หลังเหตุการณ์โควิด-19 คนทั่วโลกหันมาตระหนักถึงสุขภาพมากขึ้น
ทำให้ตลาด “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” เติบโตก้าวกระโดด ซึ่ง“ไทย” ติดอันดับที่ 15
ของ โลก ที่ต่างชาติจะนำเงินเดินทางมาเที่ยวเชิงสุขภาพ
•
2.Culinary Tourism อาหาร
จะเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเลือกจุดหมายปลายทางเลือกซื้อสินค้าและบริการ
การท่องเที่ยวเชิงอาหารเติบโตมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของไทยด้วย
•
3.Digital Nomad บริษัทจำนวนมากปรับรูปแบบการทำงานให้พนักงานทำงานแบบ
Remote Working ทำให้การทำงานแบบอยู่ที่ไหนก็ทำงาน (Work
from Anywhere) เติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง
มีผู้บริโภคจำนวนมากต้องการจะ “เดินทางท่องเที่ยวและทำงานไปด้วย”มากขึ้น
เป็นผลดีกับไทย เพราะ “กรุงเทพฯ”
ติดอันดับเมืองที่เหมาะกับการเที่ยวและทำงานมากที่สุดในโลก
•
4.Hyper Personalization ลูกค้าต้องการบริการตอบโจทย์ตัวบุคคลมากขึ้น
(Customized) และลูกค้าแต่ละเจเนเรชั่นก็ต้องการแตกต่างกัน
จึงต้องเข้าใจกลุ่มลูกค้าแล้วออกแบบ ผลิตภัณฑ์
และสื่อสารให้ลูกค้ารับรู้จึงจะทำให้องค์กรบรรลุเป้าหมายในระยะยาว
•
5.Financial Literacy โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวยาว
คนไทยมีสภาวะหนี้สินพุ่งสูงถึง 89.3% ของ GDP ผู้บริโภคให้ความสำคัญเรื่อง “การออมเงิน” ไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและชำระหนี้ ส่วน
“ผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำถึงปานกลาง” ใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการลดลง
ด้านที่
2 “ตลาดการแข่งขัน”
ของแต่ละประเทศทั่วโลกเป็นตัวแปรสำคัญ ประกอบด้วย
• 6.Globalization
การเชื่อมโยงโลกผ่านอินเทอร์เน็ตทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิด
และไอเดียทาง ธุรกิจใหม่ ๆ ตลอดเวลา
หรือเข้าไปยังตลาดของคู่แข่งต่างประเทศได้สะดวกมากขึ้น
•
7.Emerging Competitor การ “เกิดผู้เล่นหน้าใหม่”
ในอุตสาหกรรมเติบโตและมีศักยภาพ
ทำให้ผู้เล่นเดิมต้องปรับตัวหากไม่อยากตกเทรนด์หรือล้าสมัย (Obsolete)
•
8.Alternatives ลูกค้าต้องการความสะดวกสบาย
และทางเลือกใดที่ตอบโจทย์ได้ โดยพร้อมจะเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศต่าง ๆ เพราะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น
•
9.New Business Model มีไอเดียทางธุรกิจใหม่เกิดขึ้นมากมายที่นำเข้ามาใช้แก้ปัญหา
“จุดอ่อน” (Pain Point) ให้ลูกค้ากลุ่มตลาดเป้าหมาย
ด้านที่
3 นวัตกรรมและเทคโนโลยี ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว
•
10.Internet Penetration & Mobile Internet ลูกค้าสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต/ข้อมูลต่าง
ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะโทรศัพท์เติบโตสูงสุด
ทำให้การสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ารับรู้ทั่วถึงและรวดเร็วยิ่งขึ้น
•
11.Big Data Analytics การนำบิ๊กดาต้ามาใช้วิเคราะห์ เช่น
นำข้อมูลยอดขายและลูกค้ามา วิเคราะห์หาความต้องการเชิงลึก แล้วนำไปต่อยอดพัฒนา
สร้างสินค้าและบริการตอบโจทย์ลูกค้าได้ต่อเนื่อง
•
12.Digital Marketing การใช้เครื่องมือนี้วิเคราะห์
เจาะหากลุ่มนักท่องเที่ยวได้ตรงตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
ผสมผสานเทคโนโลยียกระดับการให้บริการนักท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง (Tourist
Journey)
•
13.AI & Robotics นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในอุตสาหกรรมและบริการ
ช่วยทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านที่
4 ความยั่งยืนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเวทีโลก
•
14.Climate Change เปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทุกอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่มนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มให้ความสำคัญและเปลี่ยนพฤติกรรมท่องเที่ยวยั่งยืนเพิ่มขึ้นอพร้อมจะสนับสนุนองค์กร/ผู้ให้บริการที่ให้ความสำคัญกับ
ESG และลงมือทำอย่างจริงจัง ดังนั้นผู้ประกอบการหลาย รายยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
•
15.Sustainability นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
เพิ่มขึ้นขานรับความสนใจด้านสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใช้พลังงานทางเลือก
ใช้รถยนต์ไฟฟ้า แนวโน้มเหล่านี้จกระทบผู้ประกอบการ ท่องเที่ยว และการขนส่ง
ที่ต้องใส่ใจด้านความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
•
16.การจัดตั้งองค์กรจัดการด้านการท่องเที่ยว (DMO) คือแนวคิดการจัดการแหล่งท่องเที่ยวแบบลงลึกแต่ละพื้นที่
ซึ่งจะมีนโยบายและแผนการจัดการแหล่งท่องเที่ยวของตัวเอง
เกิดความยืดหยุ่นมากกว่าแบบรวมศูนย์ โดยมีประเทศชั้นนำประยุกต์ใช้แนวคิด DMO
มาใช้สร้างความสมดุลการท่องเที่ยว ลดการกระจุกตัว
และเกิดการกระจายนักท่องเที่ยวสู่ชุมชนต่าง ๆ
ด้านที่
5 สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบ ข้อบังคับ
• 17.Health
& Hygiene ประเด็นสุขภาพและความสะอาดเข้ามามีบทบาทและส่งผลกระทบต่อการดำเนิน
ชีวิต รวมถึงนโยบายและมาตรการป้องกันโรคระบาดในแต่ละประเทศ ต่างปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าประเทศได้ อย่างสะดวกและปลอดภัย
• 18.ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ก่อให้เกิดความกดดันในการแสดงจุดยืนของแต่ละประเทศทั่วโลกแล้วจุดยืนบางอย่างจะส่งผลต่อด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยว
ทำให้สินค้าและบริการที่ราคาสูงขึ้น
• 19.ความผันผวนทางการเมือง จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านนโยบาย การสนับสนุนท่องเที่ยว
เนื่องจากรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาอาจมีนโยบายท่องเที่ยวใหม่
ข่าวที่ 4-บางจาก-เดอเจ็นซ์ปูอนาคตความชอบสอนฟรีกอล์ฟคลีนิก
นางกลอยตา ณ ถลาง
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ร่วมสังเกตการณ์ “กิจกรรมสอนกอล์ฟ” เบื้องต้น
ในโครงการ Bangchak Golf Clinic And Junior Seeding ปีที่ 3 โดยมีนายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเจ็นซ์ จำกัด ผู้แทนชมรมกอล์ฟ สโมสรพนักงานบางจากฯ
ร่วมมือกันส่งเสริมกิจกรรมเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ สถาบันกอล์ฟ Golfing Ground
Performance Center อาคารธนิยะ พลาซ่า
“บางจาก กับเดอะเจ๊นซ์” ร่วมมือกันทำโครงการเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนกว่า
200 คน ซึ่งเป็นบุตรหลานพนักงานบางจากฯ
และสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ ได้เรียนรู้ฟรีถึงพื้นฐานกีฬากอล์ฟ จัดการเรียนการสอนทุกวันเสาร์ตลอด 13 สัปดาห์ มุ่งเน้นส่งต่อความสุขในวันหยุด ผู้ฝึกสอนมืออาชีพพร้อมมอบประสบการณ์ตรงด้วยบรรยากาศสนุกสนาน
พร้อมกิจกรรมพิเศษ เช่น การเยี่ยมชมสนามแข่งขันจริง
นอกจากเสริมสร้างทักษะด้านกีฬาแล้ว
กิจกรรมนี้ยังเป็นพื้นที่การเรียนรู้และแรงบันดาลใจ
เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ค้นพบความชอบ ความถนัด ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ
ที่อาจต่อยอดสู่เป้าหมายในอนาคต
นางกลอยตา
กล่าวว่า บางจาก ให้ความสำคัญกับกิจกรรมนี้ ในการส่งเสริมศักยภาพคนรุ่นใหม่
ผ่านการศึกษา กีฬา และทักษะที่ช่วยพัฒนาชีวิต “กอล์ฟ” ถือเป็นกีฬาช่วยสร้างวินัย
สมาธิ การคิดวิเคราะห์ได้ดี บางจากฯ
ยินดีที่ได้ร่วมมือกับเดอะเจ็นซ์ช่วยจุดประกายความสนใจและแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมทุกคน
พร้อมเสริมสร้างทักษะการเล่นกอล์ฟอย่างมืออาชีพ ทั้งเยาวชนหรือบุคคลทั่วไป
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดี ๆ ที่จัดขึ้นฟรีให้ลูก ๆ พนักงานบางจากฯ
และสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ เพียงสมาชิกใช้เพียงคะแนนสะสม
ก็แลกสิทธิ์รับประสบการณ์พิเศษเช่นนี้ได้
“สมาชิก”
บัตรบางจากกรีนไมลส์ และผู้สนใจร่วมโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ อัพเดทข้อมูลต่าง ๆ ได้ที่ www.bcpgreenmiles.com/th
ช่วงที่ 2 ไปเที่ยวกันดีกว่า ที่เมืองสองแคว “พิษณุโลก”
เริ่มเปิดฤดูกาลล่องแก่งลำน้ำเข็ก นั่งช้างทัวร์ป่าธรรมชาติ และไปเรียนรู้
“ฟอร์เรสฟาร์ม” ใช้ชีวิตชิลนอนโฮมสเตย์ แล้วฟัง “3วิธีแก้อาการปวดหัว”
หลังตื่นนอน พร้อมเกาะติดข่าวดี ๆ ข่าวแรก “โชว์โลมาภูเก็ต”หนุนเที่ยวไทยคนละครึ่ง
วันละ 3 เวลา วันนี้-31 ต.ค.68 ข่าวที่สอง ชิมช้อป “ขนมไหว้พระจันทร์สุดหรู” ที่โรงแรมอินเตอร์คอน
ติเนนตัล กรุงเทพฯ 1 ส.ค.นี้
ท่องเที่ยว –ออนทัวร์พิษณุโลก“ล่องน้ำเข็ก-ท่องป่ากับช้าง-ฟอร์เรสฟาร์ม”
กลิ่นอายสายฝนชุ่มชื่นใจ กับการท่องเที่ยวเมืองไทยในอีกบรรยากาศ
“การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” สำนักงานพิษณุโลก ตะโกนบอกนักท่องเที่ยวว่า
ฝนนี้จะไม่เหงา ตลุยเที่ยวเมืองสองแควให้ฉ่ำ ๆ กันได้เลย
พิกัดแรก “ล่องแก่งน้ำเข็ก”
การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ที่ทุกคนรอคอย เอกชนในพื้นที่พร้อมใจกันมอบโปรโมชั่นพิเศษ
ที่พัก ร้านอาหาร คาเฟ่ บริเวณลำน้ำเข็ก เริ่มตั้งแต่วันนี้ -30 กันยายน 2568 รับส่วนลดสูงสุด 300 บาท
สามารถกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นแต่ละส่วนโดยสแกน QR Code ตามสถานที่เข้าร่วมโครงการเพื่อรับส่วนลด
1.จองแพ็กเกจล่องแก่งน้ำเข็ก 4 คนขึ้นไป รับส่วนลด 100
บาท 2.จองที่พัก ตั้งแต่ 1 คืนเป็นต้นไป รับส่วนลดพิเศษ
3. รับประทานที่ร้านอาหารครบ 500 บาทขึ้นไป ลด 100 บาท 4.จิบเครื่องดื่มพร้อมขนมตามคาเฟ่ ที่เข้าร่วมโครงการครบ 200 บาทขึ้นไป
รับส่วนลด 50 บาท
พิกัดที่
2 “ท่องป่าใหญ่กับช้าง”
เพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกันทั้งคนและช้าง กับโปรแกรมท่องเที่ยว “Elephant
Classroom : ห้องเรียนช้างในป่าใหญ่” รับจำนวนจำกัด
เพื่อร่วมประสบการณ์แปลกใหม่ช่วงวันที่ 21,
24, 25 กรกฎาคม 2568 ที่
เอเลเฟ่น เฮาส์ เลค คาเฟ่ พิษณุโลก
“เช็คลิสต์ความชอบส่วนตัว”
เพื่อเป็นนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะเที่ยวกับช้างในธรรมชาติคือ 1.อยากใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อธรรมชาติ 2.เชื่อว่าการท่องเที่ยวควรให้คุณค่า
ไม่ใช่แค่ความสนุก 3.อยากฟังเรื่องเล่าของช้าง
แล้วเปลี่ยนเป็นไอเดียที่ขับเคลื่อนสังคม
พิกัดที่ 3 เรนฟอเรสท์ ฟาร์ม อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 12 (ถนนมิตรภาพ) อำเภอวังทอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวศูนย์การเรียนรู้
“พึ่งพาตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง” ต้นแบบชุมชน ภายในพื้นที่ 7 ไร่
เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชม วิธีจัดการขยะ ปศุสัตว์ ปุ๋ยหมักชีวภาพ พลังงานทดแทน
เช่น ไบโอดีเซล ถ่าน น้ำส้มควันไม้ และทำเกษตรอินทรีย์
ปลูกป่าแบบสวนผสม ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่าอย่างสมดุล ลดใช้สารเคมี การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ
สบู่ น้ำยาสระผ, น้ำยาเอนกประสงค์ ยาหม่อง มีแปลงผักและผลไม้ปลอดสารพิษ
โรงเพาะเห็ด บ่อปลาสระน้ำ
มีบริการ “ที่พักฟาร์มสเตย์”
รองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติสไตล์สวนผัก เรนฟอเรสท์ รีสอร์ท ปี 2568 เข้าร่วม “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”
รับสิทธิ์พักจันทร์-ศุกร์ นักท่องเที่ยวจ่ายแค่ 50 % ของราคาแพกเกจ
เลือกได้ 2 แพจเกจ คือ
แพจเกจที่ 1 บ้านพักพร้อมอาหารเช้า 2 คน/คืน คือ บ้านป่าอาบฝน 1,500 บาท หรือบ้านภูผาธารา 2,850 บาท
แพกเกจที่ 2 จองบ้านพักพร้อมอาหารเช้า 3-4
คน/คืน บ้านนิทานธารา 4,125 บาท หรือบ้านนิทรานที
4,125 บาท
“พิษณุโลก” เป็นอีกจุดหมายปลายทางเที่ยวได้ตลอดทั้งปี สุขทันที
ที่เที่ยวเมืองไทย
หากต้องการพักผ่อนหลากหลายแวะไปอุดหนุนท้องถิ่นแต่ละพื้นที่ได้ทุกวัน
สุขภาพ –3 วิธีแก้อาการ
“ปวดหัว”หลังตื่นนอนอย่าปล่อยไว้ไม่ดีแน่
มีคนหลายวัย
พอตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการ “ปวดหัว” โดยไม่รู้สาเหตุ อาการนี้อาจเกิดจากปัจจัยเล็กน้อยหรือโรคที่ซ่อนอยู่ วิธีแก้อาหาร วิธีแก้อาการปวดหัวหลังตื่นนอนด้วยตัวเองหากสาเหตุไม่ได้รุนแรง
ลองแก้ด้วย 3 วิธีง่าย ๆ
1.ปรับหมอนและท่านอน เลือกหมอนที่เหมาะกับสรีระ
ช่วยให้กระดูกสันหลังและคออยู่ในแนวตรง ลดการเกร็งจนปวดหัว
2.ดื่มน้ำให้เพียงพอดื่มน้ำตลอดวันและก่อนนอน 1 แก้ว เพื่อรักษาสมดุลในร่างกาย ลดการปวดหัวจากภาวะขาดน้ำ
3.นอนหลับให้มีคุณภาพเข้านอนให้เป็นเวลา
ปรับห้องให้เงียบ มืด และเย็น เพื่อการพักผ่อนที่ดี ลดความเสี่ยงตื่นมาแล้วปวดหัว
พบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
- ถ้ามีอาการปวดหัวหลังตื่นนอนอาจเกิดจากสาเหตุง่ายๆ
อย่างท่านอนหรือการดื่มน้ำน้อย หากปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ดีขึ้น
ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างตรงจุด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –ด่วน!!#เที่ยวไทยคนละครึ่งที่โชว์โลมาภูเก็ตวันละ 3 เวลา
“โชว์โลมา
ภูเก็ต” ขานรับโครงการ #เที่ยวไทยคนละครึ่ง
ได้แล้วตั้งแต่วันนี้-31 ต.ค.68 ชวนกันมาชมความน่ารักของ
“น้องโลมากับแมวน้ำอุ๋งอุ๋ง” ได้ทุกวัน วันละ3 รอบ 3 เวลา
•
“โชว์โลมา ภูเก็ต”
เปิดให้นักท่องเที่ยวใช้สิทธิ์คูปองในโครงการ #เที่ยวไทยคนละครึ่ง ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สามารถเข้าชมการแสดงน่ารัก ๆ เริ่มรับคูปองสิทธิ์ วันนี้-31 ตุลาคม
2568 บริการทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์)
•
“เปิดประสบการณ์” ชมการแสดงโชว์โลมา ภูเก็ต
ดีที่สุดในเอเชีย พร้อมมอบความสนุกสนานบันเทิงสนุก เพลิดเพลิน ตื่นตาตื่นใจ
จากความสามารถของ “น้อง ๆ โลมา” กับ “แมวน้ำอุ๋งอุ๋ง”
• “ชมการแสดง”
ได้ทุกวันที่เปิดให้บริการ (ยกเว้นวันจันทร์) ชมได้วันละ 3 รอบ 3 เวลา คือ 11:00, 14:00
และ 17:00
•
“ช่องทางติดต่อ” โทร. 099-3137666 หรือทางโซเชียล FB/Line/IG: @dolphinsbayphuket
ข่าวที่สอง –ชิมขนมไหว้พระจันทร์ที่อินเตอร์คอนกรุงเทพฯ1ส.ค.-6ต.ค.
โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ชวนเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ปี
2568 ด้วย “ขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับ” โดยเชฟชาวฮ่องกงบรรจุในกล่องสวยดีไซน์ร่วมสมัย ให้เลือกซื้อที่ห้องอาหาร
ซัมเมอร์ พาเลซ และร้านขนม บัตเตอร์ ได้ถึง 2 เดือนเศษ ตั้งแต่ 1
สิงหาคม -6 ตุลาคม 2568
“ขนมไหว้พระจันทร์ต้นรับ” แสนอร่อยมีให้เลือกซื้อได้ทั้งหมด
6 รสชาติ ได้แก่ 1.ไส้คัสตาร์ด 2.ไส้ชาหอมหมื่นลี้เม็ดบัวไข่เค็ม 3.ไส้เม็ดบัวไข่เค็ม (สูตรหวานน้อย) 4.ไส้ทุเรียนไข่เค็ม 5.ไส้ชาเอิร์ลเกรย์กับถั่วแมคาเดเมียและผิวส้ม 6.ไส้ชาผู่เอ๋อร์ บรรจุและจัดเรียงอย่างสวยงาม
ลงในกล่องบรรจุ 6 ชิ้น หรือ 8 ชิ้น
“ออกแบบ” ดีไซน์พิเศษร่วมสมัย ด้วยสีแดงอมชมพูจัดจ้านตัดกับสีฟ้าอมเขียว
ประดับลายฉลุอันงดงามที่เหมาะกับปีนักษัตรมะเส็ง
“เปิดจำหน่าย” ที่ห้องอาหารซัมเมอร์
พาเลซ และร้านขนม บัตเตอร์ เพื่อมอบเป็นของขวัญ
หรือรับประทานคู่กับชาจีนร้อน ๆ ได้ตั้งแต่ 1
สิงหาคม - 6 ตุลาคม 2568 บรรจุกล่องละ 6 ชิ้น ราคาสุทธิกล่องละ 988 บาท และกล่องบรรจุ
8 ชิ้น ราคาสุทธิกล่องละ 1,288 บาทสุทธิ
“สั่งจองล่วงหน้า” สอบถามข้อมูลและสั่งจองล่วงหน้า
ขนมไหว้พระจันทร์ของ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ ล่วงหน้า โทร +66 (0) 2 656 0444 อีเมล dining.bkkhb@ihg.com หรือเว็บไซต์
InterContinental.com/Bangkok
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น