วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

TCEBเร่งครึ่งหลังปี68ดันตลาดเอ็กซิบิชั่นโต10%-จีน/อินเดียฉลุย-เปิดExpoinfo

 

ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ 

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” 

TCEBโหมเอ็กซิบิชั่นครึ่งหลังปี’68ดึงตลาดโลกเข้าไทยโต 10%

9เดือนแรกโกยรายได้82%-“จีน-อินเดีย”สดใสจัดงานใหม่เพียบ

เปิด Expoinfo ฮับบริการ-ลุยโมเดลGreen&Net Zero Exhibition

POWER PASSคิงเพาเวอร์โฉมใหม่แลกสิทธิ์เพียบแค่5 STEP

โปรแรง!คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิซื้อแคชการ์ด7พันช้อปได้1หมื่น

คิงเพาเวอร์มหานครชวนช้อปดีลปังลดใหญ่ 30%+Ontop 5%

เฮ!ททท.ลุยเปิดต่อ“เที่ยวไทยคนละครึ่ง”จ่ายก่อนมีสิทธิ์ก่อน

บางจากแชร์“จากยั่งยืนสู่การฟื้นฟู”การใช้น้ำมันพืช-ปั๊มชุมชน

TCEBใช้TIME2025ปั๊มรายได้MIโลก15ตลาดบูมกทม.-หัวหิน

“ชัยนาท”เที่ยวง่ายใกล้กรุงปั่นฟรีพิชิตใจเช็คอินวัด-สวนนก

3 สมุนไพรไทยช่วยลดไขมันยับยั้งเกิดโรคหัวใจ/หลอดเลือด

Jurassic World:TheExperienceเอเชียทีค10สไตล์เปิด8ส.ค.68

เด็กไทยแห่คัดนักแสดงโขนเรื่อง“รามเกียรติ์”6พ.ย.-8ธ.ค.68

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1C6ZugEHTE/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !!ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” ครึ่งปีหลัง68นำเอ็กซิบิชั่นไทยในเวทีโลก ได้ 2 พลังหนุน “โครงสร้างพื้นฐาน” รถไฟฟ้าเชื่อมสู่ศูนย์ประชุม “ความเชื่อมั่น” ลั่นดันตลาดงานศักยภาพสูงโตอีก 10 % ต่อเนื่อง 9 เดือนแรก ต.ค.67-มิ.ย.68 โกยรายได้แล้ว 21,829 ล้านบาท 82.69% ของเป้าหมาย ลุยใช้แพลตฟอร์ม “Expoinfo” ปั๊ม 2 ตลาด งานพาณิชย์ งานขนาดใหญ่ มีสัญญาณดีตลาดใหม่ “จีน อินเดีย” เสริมทัพ เร่งขับเคลื่อนไมซ์ “Green &Net Zero” เอ็กซิบิชั่น ปี’69 ต่อยอด 3 รูปแบบ “ดิจิทัลการเข้าถึงลูกค้า-แจ้งเกิดผู้ให้บริการหน้าใหม่ทางนวัตกรรม-บูธ Re Use สมัยใหม่”


ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2568ทิศทางอุตสาหกรรมการแสดงสินค้า/ Exhibitionแนวโน้มตลาดมีสัญญาณดีฟื้นตัวแรงสนับสนุนเศรษฐกิจไมซ์ไทยเติบโตต่อเนื่องชัดเจน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากหลายปัจจัย ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการ และนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ และการปรับแผนของทีเส็บที่จะรับมือด้านเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ

“ปัจจัยสำคัญ” คือ “การเปิดให้บริการเต็มรูปแบบของรถไฟฟ้าสายสีชมพู” ไปยังศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการเดินทาง ส่งผลให้ผู้จัดงานรายใหญ่เริ่มเลือกใช้พื้นที่แห่งนี้มากขึ้น รวมทั้งศูนย์แสดงสินค้าหลักของประเทศ 3 แห่ง ได้แก่ อิมแพ็ค ไบเทค และศูนย์สิริกิติ์ ต่างพร้อมรองรับการจัดงานระดับภูมิภาคและนานาชาติ ด้วยมาตรฐานการจัดการระดับสากลและการยืดหยุ่นของพื้นที่ ทำให้ไทยสามารถจัดงานขนาดใหญ่ในช่วงเวลาเดียวกันหลายงาน จึงเป็นข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในอาเซียนด้วย

“ศักยภาพของไทย” รองรับการจัดงานขนาดใหญ่โดยมีแรงดึงดูดจากปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.โครงสร้างพื้นฐาน 2.ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ เลือกไทยเป็นพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่หลายงาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมพลังงาน เทคโนโลยี ดิจิทัล และ “อาหารแห่งอนาคต” ซึ่งไทยเป็นผู้นำตลาดมาหลายปี แต่มีเซกเมนต์จำนวนมาก เช่น อาหารสุขภาพ อาหารของผู้ต้องการเป็นพิเศษไม่รับประทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และอื่น ๆ ความหลากหลายเหล่านี้ไทยสามารถต่อยอดได้



ทีเส็บประเมินจะแล้วสามารถนำ “งานแสดงสินค้านานาชาติใหม่กลุ่มศักยภาพสูง” มาจัดเพิ่มในไทยเติบโตได้อีก 10 % ปัจจุบันจัดอยู่ประมาณ 170 งาน คาดการณ์ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง2568-ปี 2569 จะมีงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก 15-17 งาน

ล่าสุดได้เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม ExpoInfo รวบรวมข้อมูลการจัดงาน โปรไฟล์ พื้นที่ งานในแต่ละศูนย์ประชุม เพื่อช่วยให้ผู้จัดงานแสดงสินค้าเข้าถึงข้อมูลและอินไซต์ที่สำคัญ นำไปวิเคราะห์วางแผนตัดสินใจเลือกอย่างเฉียบคม วางกลยุทธ์จัดงานได้ตรงจุด เปิดโอกาสขยายตลาดใหม่ ดึงงานแสดงสินค้าใหม่ ๆ มาจัดไทย



ปี 2568 ไทยพร้อมดึงงานเด่น ๆ มาจัดในไทย ที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 การค้าเชิงพาณิชย์ทั่วไปจะเพิ่มตลาดเอเชียมากขึ้น จากผู้จัดงานตลาดจีนและอินเดียขยายตัว กำลังมองหาตลาดใหม่เข้าถึงในอาเซียนได้ง่าย ไทยได้รับเลือกให้เป็นฐานจัดงานใหม่ ขยายงานเดิมจากต่างประเทศ และการสร้างงานใหม่โดยเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

กลุ่มที่ 2 การจัดงานขนาดใหญ่ ทีเส็บใช้กลยุทธ์การเจรจา ร่วมประมูลงาน (bidding) เพื่อดึงงานต่างๆ เข้ามาจัดในไทย 3 อุตสาหกรรมใหญ่ได้แก่  อุตสาหกรรมแรก “พลังงาน” มีผู้เข้าร่วมงานละ 30,000-40,000 คน อุตสาหกรรมที่ 2 “ดิจิทัล”ทั้งเรื่องผู้บริโภค ไฟแนนซ์ อุตสาหกรรมที่ 3 “อิเลคทรอนิก” ไทยมีความได้เปรียบเป็นที่ตั้งโรงงานผลิตแผงวงจรอิเลคทรอนิกมูลค่าสูง มาพร้อมการแสดงสินค้าขนาดใหญ่ จากไต้หวัน หรือไทยจัดเองแล้วดึงต่างชาติเข้ามาจัดงาน

การเคลื่อนย้ายของผู้จัดงานเหล่านี้ ช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นรายได้โดยตรงจากงานแสดงสินค้า ส่งเสริมให้ไทยเป็น “Exhibition Hosting Destination” ที่ผู้จัดระดับโลกแต่ละรายต้องพิจารณานำงานมาจัดในไทยระยะยาว

 


ส่วน “การสร้างรายได้” จากการแสดงสินค้าช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ทีเส็บมีข้อมูลล่าสุด ไตรมาสที่ 3 ปี 2568 (เมษายน–มิถุนายน) ไทยมีนักเดินทางกลุ่มเอ็กซิบิชั่น รวมทั้งสิ้น 113,650 คน เพิ่มขึ้น 6.03 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน มีรายได้  8,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน 

ตลอด 9 เดือนแรกปีงบประมาณ (ตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568) นักเดินทางกลุ่มเอ็กซิบิชั่นมีรวม 282,234 คน คิดเป็น 65.46% ของเป้าหมายทั้งปี สร้างรายได้สะสม 21,829 ล้านบาท หรือ 82.69% ของเป้าหมายรายได้ทั้งปี สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไมซ์ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ

“ความสำเร็จ” ดังกล่าวมาจากการดำเนินกลยุทธ์ "3S" ของทีเส็บ ได้แก่ Stay Longer, Spend More และ See You Again มุ่งกระตุ้นไมซ์โดยเฉพาะกลุ่มคุณภาพด้านงานแสดงสินค้า พำนักในไทยวันนานขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้นทั้งที่พักโรงแรม อาหาร รวมถึงการกลับมาทำธุรกิจซ้ำต่อเนื่อง กลยุทธ์เหล่านี้ทำได้มากกว่าเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อหัวและต่อรอบการจัดงาน แต่ยังได้ “วางรากฐานความยั่งยืน” ให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยในระยะยาวด้วย

โดยมีอุตสาหกรรมดาวรุ่งเป็นพระเอกอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมการผลิต : Manufacturing 2.การแสดงสินค้าทางอาหาร 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล

 


“การขับเคลื่อน Exhibition สู่ Green และ Net Zeroปี 2568-2569 ทีเส็บเร่งทำต่อเนื่องช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นำประเทศไทยดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมหลายมิติ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบงานและกระบวนการจัดงานอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการขยะเศษอาหาร การเลือกใช้วัตถุดิบจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน ในการสร้างบูธแสดงสินค้าส่งเสริมการใช้วัสดุแบบ Reuse และ Recycle  การจัด150-170 งาน เกินกว่าครึ่งหันมาลดพรมปูพื้นหรือใช้พรมปูพื้นจากวัสดุเหลือใช้ ตลอดจนใช้นวัตกรรมระบบดิจิทัล ลดการพิมพ์เอกสาร เช่น QR Code, e-Catalogue และการลงทะเบียนโดยไม่ใช้กระดาษอีกต่อไป มาตรการเหล่านี้ได้นำมาใช้จริงหลายงาน ตอนนี้ไทยอยู่ระดับแนวหน้าและพร้อมใช้แพลตฟอร์ม “กรีน เอ็กซิบิชั่น” เป็นแม่เหล็กดึงดูดงานมาจัดในไทย ซึ่งทางผู้จัดงาน ผู้แสดงสินค้า และศูนย์แสดงสินค้า ร่วมมือเป็นอย่างดี

สำหรับการ “ต่อยอด” กรีน เอ็กซิบิชั่น ต่อเนื่องปี 2569 จะเห็นการนำไปปฏิบัติจริงเกิดขึ้น 3 แบบ ได้แก่

แบบที่ 1 ดิจิทัลเข้ามาอยู่ในระบบการเข้าถึง (engagement) ระหว่างผู้จัดแสดงสินค้า (exibitors) กับผู้เข้าร่วมงาน (visitors) เน้นลดการใช้กระดาษทั้งหมด ซึ่งจะได้เห็นการใช้ป้ายชื่อ/badge เปลี่ยนจากกระดาษกับสายพลาสติกมาเป็นดิจิทัล

แบบที่ 2 มีผู้ให้บริการหน้าใหม่ Service Providers นำนวัตกรรมเข้ามาแทนที่ ปรากฏตัวขึ้นในระบบนิเวศมากขึ้น

แบบที่ 3 อนาคตวัสดุสร้างบูธจะต้องนำมาใช้ซ้ำหรือ Re Use ซึ่งทำได้มากกว่ารีไซเคิล ตัวอย่าง “ธนาคารกรุงไทย” เพิ่งได้รับรางวัลระดับโลก โดยวิธีสร้างบูธงานขนาดใหญ่ 1 ครั้ง สามารถลดขนาดนำไปจัดงานขนาดเล็กลง แล้วก็ยังนำไปใช้ในปีต่อไปได้ด้วย ต่อไปจะได้เห็นเอ็กซิบิเตอร์นับหมื่นล้านหันมาออกแบบบูธแสดงสินค้าเพื่อนำกลับไปใช้ซ้ำ ปรับเปลี่ยนรูปแบบทันสมัยขึ้นในแต่ละปี ลดการใช้ทรัพยากรลงได้มาก 

ปี 2568 ไทยมีผู้ออกแบบบูธที่ได้รับรางวัลระดับโลก Red Dot มาใช้สร้างบูธ โดยใช้นวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ทำให้ทันสมัย ต่อไปจะได้เห็นการขยายตัวของ Red Dot เพิ่มมากขึ้น

ทีเส็บจะใช้แพลตฟอร์ม ExpoInfo ซึ่งทำได้มากกว่าการให้ประโยชน์กับพันธมิตร แต่ยังสามารถนำไปวิเคราะห์ ทำให้เกิด “มูลค่าสูงขึ้น” การซื้อขาย การวางแผนงานต่าง ๆ

ดร.ดวงเด็ด กล่าวว่า ทีเส็บมุ่งมั่นยกระดับการแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมไมซ์ ขับเคลื่อนไปข้างหน้า 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องที่ 1 ยืนหนึ่งให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางไมซ์ เรื่องที่ 2 เชิญชวนผู้ประกอบการเลือกใช้แพลตฟอร์ม Expoinfo เป็นศูนย์กลางบริการ เลือกเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่มีอยู่แต่ละ 150-170 งาน เรื่องที่  3 ทีเส็บจับมือกับสมาคมแสดงสินค้าไทย (TEA) ผลักดันงาน TMX :Thailand MICE X-Change เครื่องมือการตลาดที่วัดผลได้จริง และสามารถใช้เป็นช่องทางสร้างยอดขาย สื่อสารแบรนด์ และเข้าถึงผู้ซื้อในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

ภายใต้แนวคิด “Exhibition as a Marketing Tool” TMX ซึ่งเป็นได้มากกว่าเวทีแสดงศักยภาพของสินค้าและบริการ แต่เป็น “พื้นที่สร้างความเข้าใจให้ภาคธุรกิจไทย” โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมนวัตกรรมและเทคโนโลยี  แล้ว TMX ได้วางบทบาทใหม่ให้เป็นแหล่งรวมบริการจากผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล แอปพลิเคชั่นจัดแสดงสินค้า ด้วยแพลตฟอร์ม Engagement, ระบบ Matchmaking, Visitor Analytics หรือ Marketing Automation ซึ่งจะถูกนำเสนอในงานให้ผู้แสดงสินค้าได้ทดลองใช้จริง

เปิดเวทีสำคัญเชื่อมโยง “สตาร์ตอัพสัญชาติไทย” ในกลุ่มเทคโนโลยีไมซ์ (MICE Tech) ให้ได้พบกับ “ผู้ใช้งานตัวจริง” ซึ่งเป็นผู้จัดงานและผู้แสดงสินค้ารายใหญ่ ทั้งไทยและต่างประเทศ เพื่อทดสอบตลาด ทดลองผลิตภัณฑ์ และขยายโอกาสการเติบโตอย่างตรงจุด

มากไปกว่านั้น TCEB และ TEA ยังมีเป้าหมายร่วมกันที่จะพัฒนางาน TMX ให้เป็นงานต้นแบบกรีน เอ็กซิบิชั่น ทุกกระบวนการเริ่มตั้งแต่ Pre-show, Onsite, ไปจนถึง Post-show ภายใต้หลักจัดงานอย่างยั่งยืน ลดรอยเท้าคาร์บอน ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามเป้าหมาย Net Zero Exhibition เมืองไทยในระยะยาว

ฟังข่าวต้นชั่วโมง


ข่าวที่ 1-POWER PASSคิงเพาเวอร์โฉมใหม่แลกสิทธิ์เพียบแค่5 STEP

คิง เพาเวอร์ นำเสนอ Membership รูปแบบใหม่กับบัตรสมาชิก “POWER PASS” ที่ต้องรู้เรื่องหลักกคะแนนสะสม CARAT ในบัญชีสมาชิกทุกคนมีค่า รับสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้ทุกวัน ด้วยการแลกรับCARAT REWARDS ใช้สิทธิ์แบบง่าย ๆ แค่ 5 STEP 5 ขั้นตอน  ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 เข้าสู่ระบบด้วยอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการสมัครสมาชิก แล้วกด CONTINUE

ขั้นตอนที่ 2  กดที่ REWARDS เพื่อเลือกรายการที่ต้องการ

ขั้นตอนที่ 3  เลือก CARAT REWARDS ที่ใช่ แล้วกด REDEEM

ขั้นตอนที่ 4  ไปที่ MY COUPON ดูรายการที่แลกรับไว้ เพื่อกด USE NOW

ขั้นตอนที่ 5 แสดง QR CODE หรือ รหัสโปรโมชั่น ต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อรับสิทธิพิเศษที่ต้องการ(QR CODE มีอายุ15นาทีหลังกดใช้งาน)

รีบเช็คด่วน !! ช่องทางที่สมาชิก POWER PASS สามารถใช้สิทธิประโยชน์และสิทธิพิเศษ ที่เตรียมไว้รออยู่เพียบ  1.ทางเว็บไซต์ powerpass.kingpower.com 2.เข้าผ่าน LINE Official Account @KINGPOWER

 


ข่าวที่ 2 -โปรแรง!!คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิซื้อแคชการ์ด7พันช้อปได้1หมื่น 

คิง เพาเวอร์ เอาใจนักเดินทางสายแฟ ต้องปักหมุด! เปิดฟลอร์บอกพิกัดช้อป “แบรนด์ดัง” ที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้ -31 กรกฎาคม 2568

งานนี้ไม่ต้องเดินหา ให้เสียเวลาช้อป กับโปรโมชั่น “คุ้มแรงดี ไม่มีแผ่ว!” โดยเปิดให้ซื้อแคชการ์ด  7,000 บาท แล้วสามารถนำไปใช้ช้อปจริงได้ถึง 10,000 บาท เลือกสินค้าแบรนด์และแผนกที่ร่วมรายการ ที่คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  เท่านั้น

ส่วนคิง เพาเวอร์ สาขาในเมือง 3 แห่ง ที่ รางน้ำ มหานคร และภูเก็ต สมัครสมาชิก POWER PASS ฟรี รับสถานะ NAVY ทันที ไม่มีวันหมดอายุ พร้อมรับส่วนลดสมาชิกสูงสุด 5%



ข่าวที่ 3-คิงเพาเวอร์มหานครชวนช้อปดีลปังลดใหญ่ 30%+Ontop5%

 

คิง เพาเวอร์ ชวนให้มาอัพเดตลุคให้เป๊ะ ด้วยกระเป๋าใบใหม่สุดปัง ที่ “คิง เพาเวอร์ มหานคร” ได้ที่บริเวณชั้น 2-3 ตั้งแต่วันนี้ -31 กรกฎาคม 2568 รับดีลพิเศษกว่าทุกเดือน

 

ดีลที่ 1 ลดสูงสุด 30% ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อสินค้า (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น)

 

ดีลที่ 2 เพิ่มพิเศษ! .ให้เฉพาะสมาชิก คิง เพาเวอร์ เท่านั้นรับส่วนลด On – top 5% เมื่อช้อปสินค้าราคาปกติ และสินค้าที่แผนกน้ำหอมและเครื่องสำอางที่ร่วมรายการ

 

คิง เพาเวอร์ รองรับไลฟ์สไตล์ครบวงจร จะมามา “อิ่มอร่อย” เพลินเกินห้ามใจ ช้อปเลย หรือจะ “มีไฟลต์ หรือไม่มี” ไฟลต์บินก็ช้อปได้​ กับ สินค้า “ป้ายขาว” ช้อปก่อนบิน รับสนามบิน ​กับ สินค้า “ป้ายฟ้า” ไม่ต้องบิน รับกลับทันที​

ข่าวที่ 4-เฮ !!ททท.ลุยต่อ“เที่ยวไทยคนละครึ่ง”จ่ายก่อนมีสิทธิ์ก่อน

 

คนไทยไปต่อลงทะเบียนรอบใหม่ได้แล้ว ททท.เปิดต่อ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ตั้งแต่ 10 ก.ค.68 ไม่จำกัดจำนวนคน แค่ “จ่ายเงินค่าที่พักก่อน มีสิทธิ์เที่ยวก่อน”  5 แสนสิทธิ์ วันนี้ -31 ต.ค.68 ล่าสุด 11 ก.ค.ใช้แล้ว 91,008 สิทธิ์ เหลืออีกถึง 408,992 สิทธิ์ 

 

  

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. เปิดให้ประชาชน “ลงทะเบียน” รอบใหม่เพื่อร่วมใช้สิทธิ์โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ตั้งแต่ 10 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ทางแอปพลิเคชัน Amazing Thailand หรือ https://www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com หลังจากปรับปรุงระบบพร้อมกับจะดำเนินโครงการอย่างโปร่งใสให้ความสำคัญกับผู้ใช้บริการอย่างปลอดภัยด้วย

 

ประชาชนสามารถลงทะเบียนได้โดย “ไม่จำกัดจำนวนคน” ตามกติกาแต่ละคน “รับสิทธิ์สูงสุด”ไม่เกิน 5 สิทธิ์ แบ่งเป็น 1.ที่พักในเมืองหลัก 3 สิทธิ์ 2.เมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ์ และจะได้รับสิทธิ์เมื่อ “ชำระเงินค่าที่พัก” โดยตรงกับทางโรงแรมแล้ว ผู้ที่ชำระเงินก่อนจะได้รับสิทธิ์ก่อน ( First Come First Served ) และสามารถใช้สิทธิ์ได้วันละ 1 ห้อง/คืน

 

ตามที่ ททท.ได้รับงบประมาณจากรัฐบาล 1,750 ล้านบาท เพื่อทำโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ระหว่างวันนี้ -31 ตุลาคม 2568 จำนวน 500,000 สิทธิ์ เพื่อใช้สนับสนุนผู้ประกอบการ 50 %  ค่าที่พัก แจกอี-คูปอง ค่าอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยว กระตุ้นคนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ

 

“ช่องทางลงทะเบียน” ผ่านแอปพลิเคชัน Amazing Thailand ซึ่ง ททท. ดำเนินการอยู่แล้วร่วมมือกับพันธมิตรเน้นปรับปรุงพัฒนาให้รองรับโครงการและไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่มเติม เหตุผลที่เลือกพลิเคชั่นอื่น ๆ ร่วมกับ Amazing Thailand และ เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com  เพื่อปูทางต่อยอดอนาคต 4 เรื่อง คือ

 

เรื่องที่ 1 ให้เข้าถึง “ข้อมูลด้านพฤติกรรม” ของนักท่องเที่ยว เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอดวางแผนและทำการตลาดเชิงรุก พัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยว

 

เรื่องที่ 2 ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวด้วย Data-Driven Strategy ขยายโอกาสสู่การสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (Stakeholders’ Ecosystem) ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต

 

เรื่องที่ 3 ช่วยให้งบประมาณที่ภาครัฐอุดหนุนลงไปก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดย ททท.ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส่และความปลอดภัยในการใช้งานของผู้รับบริการ โดยใช้ Thai ID ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันภาครัฐให้ผู้ใช้สิทธิ์ยืนยันตัวตน นอกจากบูรณาการการทำงานร่วมกันแล้ว ยังสามารถยกระดับมาตรฐานการยืนยันตัวตนของภาครัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ป้องกันการสวมสิทธิ์แบบในอดีต

 

เรื่องที่ 4 การจัดสรรงบประมาณทำโครงการเป็นไปอย่างทั่วถึงและสมเหตุสมผล ถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งครั้งนี้

 

“ประชาชน” ผู้ใช้สิทธิ์เที่ยวไทยคนละครึ่ง เมื่อ “จองห้องพักและชำระเงิน” เรียบร้อยแล้ว หากยังไม่ได้ยืนยันตัวตันผ่าน ThaID ก่อนการเดินทางใช้สิทธิ์ขอให้ยืนยันก่อนด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์ในการเดินทาง

 

“สถานการณ์ลงทะเบียน” โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ตั้งแต่เริ่มเปิดจนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.30 . มีประชาชนลงทะเบียนสำเร็จ 1,585,208 ราย จองที่พักและชำระเงินเพื่อใช้สิทธิ์แล้ว 91,008 สิทธิ์ สิทธิ์คงเหลือ 408,992 สิทธิ์  มี “ผู้ประกอบการ” ลงทะเบียนผ่านการอนุมัติแล้ว 5,254 ราย แบ่งเป็น โรงแรม/ที่พัก 2,957 ราย ร้านอาหาร 1,968 ราย แหล่งท่องเที่ยว 84 ราย สปา/สุขภาพ 96 ราย สินค้า OTOP 101 ราย และบริการรถเช่า/เรือเช่า 48 ราย

ทั้งนี้ ททท.ขออภัยประชาชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยว เกี่ยวกับข้อขัดข้องบางประการและความไม่สะดวกในการใช้งานช่วงเริ่มต้นโครงการ ส่งผลให้การลงทะเบียนเกิดความล่าช้า และไม่สะดวกเข้ารับบริการใช้สิทธิ์ไม่สะดวก ขณะนี้ ททท. ได้เร่งแก้ไขประเด็นปัญหาต่าง ๆ เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว ดังนี้

 

1.ใช้โดเมนใหม่รองรับการลงทะเบียนโครงการ

 

2.ปรับ Flow การยืนยันตัวตนให้เกิดขึ้นก่อนขั้นตอนการชำระเงิน เพื่อให้ระบบทำงานได้เสถียรมากขึ้น

 

3.เพิ่มจำนวน Contact Center และการรองรับของระบบแชทผ่านช่องทาง Line โดยเร่งทำให้ระบบมีความเสถียรและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็วที่สุด

 

ภายหลังเปิดลงทะเบียนใหม่อีกครั้งตั้งแต่ 10 กรกฎาคม 2568 จนถึงขณะนี้ ททท.พบว่าสามารถรองรับการเข้าลงทะเบียนของประชาชนและผู้ประกอบการได้ดีขึ้น ส่วนประเด็น “ร้องเรียนราคาห้องพัก” โรงแรมเสนอราคาสูงกว่าปกติ จะเร่งตรวจสอบสอบหากพบ “ปรับราคาสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ย” ในช่วงที่ผ่านมาจะตักเตือน และขอให้แก้ไข รวมถึงตัดออกจากระบบหากไม่ปฏิบัติตาม

 

ขณะนี้ ททท. ได้เร่งดำเนินการคัดกรองผู้ประกอบการที่มีความพร้อมตรงกับความสนใจของประชาชนเข้ามาในระบบเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้มีทางเลือกมากที่สุด ทั้งจำนวนและคุณภาพสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ล่าสุดโครงการได้เปิดให้สถานประกอบการ ประเภทโรงแรม สามารถนำเสนอ “ราคาห้องพัก” ได้ในช่วง “วันธรรมดาและวันหยุด” เพื่อให้ประชาชนในระบบเลือกใช้สิทธิ์ได้มากขึ้น

 

ประชาชนหรือผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ติดตามข้อมูลและรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการและขั้นตอนใช้สิทธิ์ได้ที่ https://www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com   โดยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน Amazing Thailand หรือ https://www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com และสอบถามเพิ่มได้ทุกวันเวลาเดียวกัน 8.00-20.00 น.ที่โทร. 02-483-0963 หรือแอปพลิเคชัน Line Official Account: @ThaiTravelCopay

 

ข่าวที่ 5-บางจากแชร์“จากยั่งยืนสู่การฟื้นฟู”เปลี่ยนน้ำมันพืช-ปั๊มชุมชน

 

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้เป็นวิทยากรบรรยายแบ่งปันแนวคิด “จากความยั่งยืนสู่การฟื้นฟู” ใน 2 เวที ได้แก่ 1.การประชุม International CSR & Sustainability Summit (ICS 2025) จัดโดย Enterprise Asia และหลักสูตร Sustainable & Green Industrial Leadership (SGIL) รุ่นที่ 1 -ของสถาบันวิทยาการอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยได้สะท้อนบทบาทของกลุ่มบริษัทบางจากในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านธุรกิจพลังงาน และเสริมสร้างแนวคิดฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างยั่งยืน

 

ในงาน ICS 2025 ได้บรรยายในฐานะวิทยากรหลัก (Keynote Speaker) หัวข้อ “From Sustainability to Regeneration: Leading the Green Transition” นำเสนอการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่อนาคตที่สมดุลและยั่งยืน ผ่านแบรนด์ไอเดีย “Greenovate to Regenerate - สมดุลธรรมชาติ สรรค์พลังไม่สิ้นสุด” ช่วยต่อยอดจากแนวคิดความยั่งยืน (Sustainability) ไปสู่การฟื้นฟู (Regeneration) พร้อมยกตัวอย่างการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรมของกลุ่มบริษัทบางจากทำอย่างต่อเนื่องไฮไลต์ 2 โครงการ

 

โครงการที่ 1  “แปรรูปน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว” เป็นไบโอดีเซล ขณะนี้ต่อยอดสู่น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ภายใต้โครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” การพัฒนา Greenovative Destination ยกระดับสถานีบริการเป็นจุดหมายปลายทางของผู้คนทุกรุ่น ทุกเพศ ทุกวัย ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

โครงการที่ 2 สร้างคุณค่าและโอกาสร่วมกับชุมชน ปั๊มชุมชนหรือสถานีบริการสหกรณ์การเกษตร การก่อตั้งเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในสหกรณ์ การสนับสนุนสินค้าชุมชน การสร้างงานและธุรกิจเพื่อสังคมรอบพื้นที่ปฏิบัติงาน ไปจนถึงการฟื้นฟูธรรมชาติและระบบนิเวศ เช่น ศูนย์เพาะเลี้ยงหญ้าทะเลที่ศรีราชาและเกาะหมาก และการสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ผ่าน Carbon Markets Club โดยบางจาก เป็นผู้ร่วมก่อตั้งผลักดันตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจอย่างโปร่งใส เชื่อถือได้ และเชื่อมโยงสู่กรอบ ASEAN Common Carbon Framework

 

ส่วนการ “อบรมหลักสูตร SGIL” บรรยายในหัวข้อ “ลดคาร์บอน เพิ่มโอกาส : ปรับอุตสาหกรรมไทยสู่อนาคต” นอกจากจะแบ่งปันประสบการณ์เปลี่ยนผ่านกลุ่มบริษัทบางจากและบทบาทการขับเคลื่อน Carbon Markets Club แล้ว ยังเน้นถึง “โอกาสใหม่” ในภาคอุตสาหกรรมไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ไม่ใช่เพียงเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน

 

โดยได้นำเสนอ 1.แนวทางที่สามารถลงมือทำได้จริง เช่น เริ่มต้นจากตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 2.การเข้าถึงเครื่องมือสนับสนุนจากภาครัฐและสถาบันการเงิน เช่น การยกเว้นภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำโครงการสีเขียว หรือกองทุนสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินตามหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) การชวนผู้จัดหาวัตถุดิบและคู่ค้าทางธุรกิจให้เข้าร่วมพัฒนาตามมาตรฐานด้านความยั่งยืน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก

 

นางกลอยตา ได้สรุปทั้ง 2 เวทีว่า “ความยั่งยืนอาจไม่เพียงพออีกต่อไปในโลกปัจจุบันที่เผชิญกับวิกฤตหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ทรัพยากรที่เสื่อมโทรม ความเหลื่อมล้ำทวีความรุนแรงขึ้น สิ่งที่จำเป็นคือธุรกิจไม่เพียงลดผลกระทบ แต่จะต้องเร่งฟื้นฟูให้กลับคืนมากกว่าที่ใช้ไป รวมถึงต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนสร้างระบบนิเวศคาร์บอนต่ำ ให้เอื้อกับการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พร้อมทั้งเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างระบบเติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้ได้มากกว่าความยั่งยืน นั่นคือคืนคุณค่ากลับสู่โลกอย่างแท้จริง

 

 

ข่าวที่ 6-TCEBใช้TIME2025ปั๊มรายได้MIโลก15ตลาดบูมกทม.-หัวหิน

 

นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ และรักษาการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดผยว่าทีเส็บใช้เวทีงาน “Thailand Innovative Meetings Exchange  :TIME 2025” ที่ได้นำผู้วางแผนการจัดงานประชุม (Meeting) และรางวัลการเดินทาง (Incentive) จากต่างประเทศ (MI) มางานเดียวเที่ยวเมืองไทยได้ถึง 2 จังหวัด ในกรุงเทพฯและหัวหิน จัดกิจกรรมนั่งรถไฟหรูขบวน Royal Blossom ไปสัมผัสประสบการณ์เรียนรู้วิถีชุมชน เยี่ยมชมสถานที่จัดงานหลายรูปแบบ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ต้องจดจำอย่างมีคุณค่าและความหมาย

 

 Thailand Innovative Meetings Exchange :TIME” ทีเส็บเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีการตลาดประจำปีให้ผู้ซื้อและผู้วางแผนการจัดงานไมซ์ตลาดต่างประเทศ เข้ามาจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย พร้อมกับเปิดตัวเส้นทางสถานที่และกิจกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอกย้ำความคุ้มค่าเมื่อเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางการจัดงาน ไปเมื่อ 16–20 มิถุนายน 2568 โดยมีตัวแทนจากต่างประเทศเดินทางมาร่วมงาน แบ่งเป็น “ผู้ซื้อ” 51 ราย จากเอเชีย แปซิฟิก ยุโรป สหรัฐอเมริกา 15 ตลาด สื่อมวลชน 3 ราย

 

งานTIME ปี 2568 ทีเส็บได้จัด “โปรแกรม” ส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำ ตอบโจทย์ความต้องการอย่างสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ด้วยแคมเปญ ‘Meet in Thailand, Your Success, Your Moment’ ชูจุดขาย 3 M — Maximization, Meaningful และ Memorable เพื่อเปิดตัวพัฒนาการใหม่ ๆ พร้อมสร้างสรรค์การจัดงานให้ตลาดต่างประเทศนำเข้ามาจัดในไทย

 

โดยมีไฮไลต์สำคัญของงาน TIME 2025 ที่จะผลักดันไทยครองใจตลาด MI ประกอบด้วย

 

ทริปเดียวสองเมือง กรุงเทพฯ-หัวหิน : แนวคิดเชื่อมโยงปลายทางสองเมืองในทริปเดียว มอบประสบการณ์ผสมผสานระหว่างพลังความเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาไม่หยุดนิ่งของกรุงเทพฯ กับเสน่ห์เรียบง่ายชายฝั่งทะเลหัวหิน นำผู้ร่วมงานเดินทางด้วยรถไฟสาย “Royal Blossom” จากหัวหินกลับกรุงเทพฯ ด้วยบริการพิเศษของการรถไฟแห่งประเทศไทย มุ่งสร้างความประทับใจถึงความหรูหรา และ “ที่นั่ง” กว้างปรับเอนได้ พอร์ต USB โต๊ะทำงาน มินิบาร์ นั่งชมวิวจากหน้าต่างบานใหญ่ พื้นที่พบปะ พักผ่อน ทำกิจกรรมร่วมกัน

 

โปรแกรมส่งเสริมสุขภาวะสารพัดรูปแบบ :ตอบโจทย์ความต้องการเดินทางเพื่อธุรกิจอันน่าจดจำและมีความหมาย หลากหลายเสน่ห์ไทย ได้แก่

 

1.มวยไทยที่สนามมวยราชดำเนิน กรุงเทพฯ ใช้เทคโนโลยี Immersive สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้ผู้ชม

 

2.เวิร์กชอปนวดแผนไทย ที่วัดโพธิ์ กรุงเทพฯ สอนเทคนิคนวดตนเองให้มืออาชีพที่มีเวลาจำกัด

 

3.กิจกรรม “Travel with Your Nose” ในย่านประวัติศาสตร์ใกล้เยาวราช เรียนรู้มรดกสมุนไพรไทย ทำยาดมสูตรโบราณ ที่ หอมปรุง by ใบห่อ ใกล้ร้านขายยาแผนโบราณอายุกว่าร้อยปี

 

4.อาร์เอกซ์วี เวลเนส วิลเลจ ริมแม่น้ำที่สามพราน นครปฐม ระหว่างทางไปหัวหิน จัดโปรแกรมสุขภาพองค์รวม ทั้งสปา การดูแลสุขภาพจิต และอาหารจากพืช

 

5.ชีวาศรม รีสอร์ตระดับโลกริมทะเลหัวหิน เน้นแนวคิดสุขภาพองค์รวม ครอบคลุมวิทยาศาสตร์ โภชนาการ ฟิตเนส ภูมิปัญญาไทย

 

สถานที่จัดงานหลากหลายและแปลกใหม่ : ตอบโจทย์ความต้องการจัดงานธุรกิจหลากหลาย ได้แก่

 

จุดที่ 1 ริมแม่น้ำในกรุงเทพฯ : โรงแรมโฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ทโรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน และ ทรู ไอคอน ฮอลล์

 

จุดที่ 2 ย่านศูนย์กลางธุรกิจ โรงแรมดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค พร้อมสองสถานที่พิเศษรองรับ Fine Dining และ Social Function ได้แก่ เดอะเฮาส์ ออน สาทร (อาคารประวัติศาสตร์) และ โนบุ รูฟท็อปบาร์

 

จุดที่ 3 ริมทะเลหัวหิน : โรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน ที่โดดเด่นด้วยกิจกรรม Team Building ริมหาดโรงแรมหัวหิน แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปาโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท และร้านอาหาร บ้านโชค เหมาะทำ Social Function

 

เรียนรู้วัฒนธรรมและชุมชน :

1.พิพิธบางลำพู กรุงเทพฯ นำเสนอประวัติศาสตร์ย่านบางลำพูผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่แบบอินเทอแรคทีฟ ผสมผสานกับนิทรรศการแบบดั้งเดิม

 

2.ทำกิจกรรม เวิร์กชอปศิลปะที่บ้านศิลปิน ริมคลองบางหลวง กรุงเทพฯ

 

3.แวะชมสวนตาลโตนด เพชรบุรี ระหว่างทางไปหัวหิน โดยได้เรียนรู้วิธีการเก็บน้ำตาลจากช่อดอกตาล วิธีทำขนมไทยดั้งเดิม

 

 กิจกรรมเพื่อสังคม :

 

ทีเส็บได้ตอกย้ำพันธกิจนำไมซ์สร้างผลเชิงบวกให้ชุมชน และออกแบบโปรแกรมที่สมดุลและมีความหมาย โดยใช้งาน TIME 2025 ซึ่งมีกิจกรรมเพื่อสังคม ทางกลุ่มผู้ร่วมงานได้บริจาคอุปกรณ์กีฬา อุปกรณ์การเรียน เครื่องเขียน และจักรยาน ให้กองการศึกษา เทศบาลเมืองชะอำ เพชรบุรี สนับสนุนเยาวชนในท้องถิ่นให้ได้เข้าถึงการศึกษาได้อีกช่องทาง

ช่วงที่ 2 ไปเที่ยวกันดีกว่า แนะนำให้เช็คอินที่ “ชัยนาท” ร่วมมหกรรมปั่นฟรี “พิชิตใจ” 20 ก.ค.นี้ จากนั้นก็ตลุยเที่ยว “วัดเขาพลอง” กราบพระบรมสารีริกธาตุ “วัดมหาธาตุ” ชมพระปรางค์กลีบมะเฟือง และ “สวนนก” ใหญ่สุดในเอเชีย ต่อด้วย “3 สมุนไพร” ช่วยลดไขมันลดโรคหลอดเลือดหัวใจ และข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “8 ส.ค.68” เอเชียทีคเปิดอลังการ Jurassic World :The Ecperience ข่าวที่สอง “เด็กไทยแห่คัดแสดงโขน” เรื่องรามเกียรติ์ 6 พ.ย.-8 ธ.ค.นี้ที่ศูนย์วัฒนธรรม

 

ท่องเที่ยว –“ชัยนาท”เที่ยวง่ายใกล้กรุงปั่นฟรีพิชิตใจเช็คอินวัด-สวนนก

 

เที่ยไทยใกล้กรุง ที่ “ชัยนาท” ปั่นฟรีชมวัดวาอารามในเส้นทางแห่งศรัทธาแสนร่มรื่นชวนตื่นตา ในกิจกรรมมหกรรมปั่นจักรยานพิชิตใจ…ได้สุขภาพที่ชัยนาท เส้นทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและเชิงศรัทธา ฟรีครบทั้ง 5 อย่าง “สมัคร-ปุ่น-รับของที่ระลึก-อาหาร น้ำดื่ม และดาวน์โหลดโมเมนท์ภาพถ่าย”

 

มาร่วมปั่นท่องเที่ยวเมืองวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป บริเวณวัดทรงเสวย อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เลือกปั่นได้ทั้ง 2 ประเภท คือ 1.เพื่อสุขภาพ 20 กม. และ 2.ใจเกินร้อย 50 กม.

 

ชวนนักท่องเที่ยวเลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้-18 กรกฎาคม 2568 เวลา 23.59 น. หรือจนกว่าจะครบ1,500 คน

 

“สถานที่ท่องเที่ยว” ในจังหวัดชัยนาท ที่จะชวนไปเช็คอินความสุข รอบพื้นที่อำเภอเมือง 3 พิกัด ดังนี้

 

พิกัดที่ 1 วัดปฐมเทศนาอรัญวาสี (เขาพลอง) อำเภอเมือง อยู่บริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมและประดิษฐาน "พระพุทธอริยธัมโม" พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ศิลปะสุโขทัยงดงามมากบนยอดเขารถยนต์เข้าถึงได้ เป็นที่ประดิษฐานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขนาดใหญ่สีทองอร่าม และจุดชมวิวทิวทัศน์เมืองชัยนาทที่สวยงามทั้งกลางวันและยามค่ำคืน ภายในพระอุโบสถบนยอดเขามีรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดัง 3 องค์ คือ หลวงพ่อขึ้น หลวงพ่อกบ และหลวงพ่อโอภาสี

 

พิกัดที่ 2 วัดมหาธาตุ ตำบลแพรกศรีราชา อำเภอเมือง เป็นวัดโบราณคู่เมืองแพรกหรือเมืองสรรค์ โบราณสถานที่น่าสนใจภายในวัดและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ พระปรางค์กลีบมะเฟือง ก่ออิฐถือปูน 3 องค์ พระปรางค์มีลักษณะคล้ายกลีบมะเฟือง ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม (ฐานเขียง) เป็นศิลปะสมัยลพบุรี โดยกรมศิลปากรได้บูรณะปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2526 พระพุทธรูปสำคัญภายในวัดได้แก่ หลวงพ่อใหญ่ มีอายุกว่า 700 ปี หลวงพ่อทองดำ พระพุทธสรรค์สิทธิ และหลวงพ่อหลักเมือง หรือ “หลวงพ่อหมอ” พระพุทธรูปเหล่านี้มีความเก่าแก่ และเชื่อว่าอาจเป็นพระพุทธรูปในศิลปะแบบลพบุรี และอยุธยาตอนต้น

 

พิกัดที่ 3 สวนนกชัยนาท อยู่บริเวณเชิงเขาพลอง ตำบลเขาท่าพระ อำเภอเมือง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและอนุรักษ์นก และมีกรงนกที่มีขนาดใหญ่สุดในเอเชีย 26 ไร่ พร้อมจุดท่องเที่ยวที่ อาคารศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว อาคารแสดงพันธุ์ปลาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ศูนย์วิทยาศาสตร์ท้องฟ้าจำลอง สวนน้ำอวกาศ อาคารพิพิธภัณฑ์ไข่นก อาคารศูนย์โอทอป มีบริการรถไฟเล็กนำชมรอบสวนนก พร้อมบริการเรือถีบ พาครอบครัวมาสนุกสนานได้ทุกวัน

 

สุขภาพ –3 สมุนไพรไทยช่วยลดไขมันยับยั้งเกิดโรคหัวใจ/หลอดเลือด

 

นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำ 3 สมุนไพรไทย ที่ช่วยยับยั้งการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ได้แก่

 

1.กระเทียม มีเอนไซม์อัลลิเนส เพียงนำกระเทียมไปบด หั่น หรือสับ ก่อนรับประทานเพื่อกระตุ้นให้เอนไซม์ในกระเทียมผลิตสารที่มีสรรพคุณออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

 

2.ดอกคำฝอย สรรพคุณ ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยบำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ บำรุงน้ำเหลือง และ บำรุงประสาท

3.กระเจี๊ยบแดง เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร สรรพคุณ ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา และมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด โดยลดการสร้างไขมันและเซลล์ไขมัน ลดการเกิดออกซิเดชันของ LDL (ไขมันไม่ดี) สำหรับ กระเจี๊ยบแดง มีข้อห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีการทำงานของไตบกพร่อง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –Jurassic World:TheExperienceเอเชียทีค10สไตล์เปิด8ส.ค.68

 

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “AWCร่วมกับ NEON ผู้นำระดับโลกการแสดงเสมือนจริงแบบอิมเมอร์ซีฟ และ Universal Destinations and Experiences ประกาศเปิดJurassic World: The Experience :จูราสสิค เวิลด์: ดิ เอ็กซ์พีเรียนซ์” โปรเจกต์ระดับโลกที่ทุกคนรอคอย ยิ่งใหญ่ใหม่ล่าสุดของโลกมาเมืองไทยครั้งแรก ให้ทุกคนและแฟนพันธุ์ทุกครอบครัวร่วมผจญภัยไปด้วยกัน ที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ตั้งแต่ 8 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

 

เปิด “ลงทะเบียน Waitlist ได้ที่ www.jurassicworldexperience.com/th ให้ “จองบัตรพรีเซลและเลือกวันเข้าชม” ได้ก่อนใคร ตั้งแต่ 8 กรกฎาคม 2568 ส่วน “บุคคลทั่วไป” เริ่มขายบัตรตั้งแต่ 11 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป แนะนำให้ผู้ที่สนใจจองบัตรล่วงหน้า ราคาเริ่มต้น “เด็ก 3-10 ปี ” 579 บาท/คน “ผู้ใหญ่ หรือเด็ก” อายุตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไป ราคา 769 บาท/คน

 

Jurassic World: The Experience เนรมิตพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร ให้กลายเป็นโลกแห่งการผจญภัยให้ผู้ชมทุกวัยท่องจักรวาลภาพยนตร์แฟรนไชส์ระดับโลกอย่าง Jurassic World จาก Universal Pictures และ Amblin Entertainment ผสมผสานวิทยาศาสตร์และการเรียนรู้เข้ากับความบันเทิงระดับโลกอย่างลงตัว ซึ่งผู้เข้าชมจะได้สัมผัสกับประสบการณ์

 

สำรวจความมหัศจรรย์ของเกาะ “อิสลา นูบลาร์” ท่ามกลางฝูงไดโนเสาร์แอนิเมทรอนิกส์เสมือนจริง

 

ฉากจำลองที่ได้แรงบันดาลใจสุดอลังการในภาพยนตร์ Jurassic World เต็มอิ่มกับการหลบหลีกและเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

ดื่มด่ำไปกับความมหัศจรรย์เหนือจินตนาการบนเกาะแห่งนี้ที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสด้วยตนเอง

           

ร่วมผจญภัยใน Jurassic World : The Experience ที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ได้ถึง 10 สไตล์ ดังนี้ 

 

1.Origins of Wonder ต้นกำเนิดแห่งความมหัศจรรย์ 2.Arrival at Isla Nublar เดินทางสู่เกาะ อิสลา นูบลาร์ 3.A Close Encounter with Giants เผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่แห่งโลกล้านปี 4.The Petting Zoo สัมผัสไดโนเสาร์รุ่นเยาว์ 5.The Predator Pavilion ดินแดนนักล่าดึกดำบรรพ์ 

 

6.The Observation Deck จุดชมวิว 7.A Fight for Survival ผจญภัยเพื่อเอาชีวิตรอด 8.Lost in the Jungle หลงในป่าดงดิบ 9. Caged Up กรงปริศนา 10.The Final Escape การหลบหนีครั้งสุดท้าย 

 

ข่าวที่สอง –เด็กไทยแห่คัดนักแสดงโขนเรื่อง“รามเกียรติ์”6พ.ย.-8ธ.ค.68

 

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง กำหนดจัดการแสดงโขน “เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน สัตยาพาลี” ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน - 8 ธันวาคม 2568 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ล่าสุดชวนเยาวชนสมัครเข้าร่วมคัดเลือกนักแสดงโขน ซึ่งมีเด็กนาฏศิลป์ไทยทั่วประเทศสนใจสมัครมากถึง 922 คน โดยได้คัด นักแสดงสาขา ละครพระ และละครนางคัดนักแสดงสาขา โขนพระ โขนยักษ์และโขนลิง ห้องปฏิบัติการ ชั้น 4 อาคารคณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ศาลายา) จังหวัดนครปฐม

           

“การแสดงโขน” ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน สัตยาพาลี ครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อสนองพระราชเสาวนีย์
ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงห่วงใยโขนซึ่งเป็นสมบัติทางศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของไทยจะเสื่อมสูญไป
เยาวชนทั่วประเทศเข้าร่วมคัดเลือกเป็นนักแสดงโขน เพื่อร่วมกันสืบสาน รักษา และต่อยอดศิลปวัฒนธรรมของชาติ...ร่วมลุ้นไปกับเยาวชนนาฏศิลป์ไทยทั่วประเทศ เตรียมประกาศผลภายในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ทางเว็บไซต์ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ https://www.bpi.ac.th/

 

การแสดงโขนมีกำหนดเปิดการแสดงระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน - 8 ธันวาคม 2568 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เริ่มเปิดขายบัตรวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป สอบถามเพิ่มทาง Facebook : Khon Performance โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

 

สำหรับบรรยากาศการคัดเลือกเยาวชนเป็นนักแสดงโขนปีนี้ ใช้เกณฑ์พิจารณาจากความสามารถพื้นฐานทั่วไปทางด้านนาฏศิลป์และเชาว์ปัญญาในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการแสดง เน้นทักษะความรู้ความสามารถตามบทบาทของตัวละคร รวมถึงความเหมาะสมทางสรีระของบทบาทในแต่ละประเภท

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

TCEBเร่งครึ่งหลังปี68ดันตลาดเอ็กซิบิชั่นโต10%-จีน/อินเดียฉลุย-เปิดExpoinfo

  ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี   ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมการแสดงสินค้านานาชาติ  สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “ TCEB ”  ...