แบงก์ชาติภาคเหนือชี้เป้าผ่าโจทย์ใหญ่ท่องเที่ยวหลังโควิด ตลาดห้องพักเริ่มฟื้น40%-เร่งมาตรการยืดหนี้ธุรกิจSMEs
แบงก์ชาติภาคเหนือชี้เป้าผ่าโจทย์ใหญ่ท่องเที่ยวหลังโควิด
ตลาดห้องพักเริ่มฟื้น40%-เร่งมาตรการยืดหนี้ธุรกิจSMEs
คิงเพาเวอร์เปิดช้อปออนไลน์&AppกับDelightsลด30%
เปิดแล้วไทยเทสต์ฮับมหานครคิวบ์เมนูต้นตำรับ-มิชลินไกด์
คิง เพาเวอร์ ภูเก็ตได้ใบรับรองISO 50001ลดพลังงานชาติ
ททท.ภาคกลางทุ่มแจก10ล้านกระตุ้นเที่ยวไทยให้หายคิดถึง
ททท.ผนึกSanook.comพาผู้พิการ4ด้านเที่ยวไทยในพัทยา
มูลนิธิปิดทองหลังพระปลุกภาคเหนือแก้โจทย์ยากหลังโควิด
ผลิตภัณฑ์นมจากพืชใช้บริโภคทดแทนนมวัวคุณค่าไม่แพ้กัน
สนามบินภูเก็ตคึกคักปลายปี’63มีเที่ยวบินทะลุหมื่นคน/วัน
รมว.ท่องเที่ยวยันมีต่างชาติพร้อมใช้STVเข้าไทยแล้ว3กลุ่ม
บางกอกแอร์เทโปรโมชั่นตั๋วบินในประเทศลดให้5กลุ่ม20%
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์”
ในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม
2563
เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0
และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์
#gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #แบงก์ชาติภาคเหนือชี้เป้าแก้โจทย์ท่องเที่ยว #คิดใหม่ไทยก้าวต่อ #KingpowerDelightsSurprises
ฟัง Live สดได้จากลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1460720970788623&id=100005522016696
ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคเหนือ
ช่วงที่ 1 เปิดข้อมูลลึกกับ “นายโอรส เพชรเจริญ”
ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคเหนือ พันธมิตรมูลนิธิปิดทองหลังพระ
ร่วมขับเคลื่อน “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” ชี้ทางออกภาคธุรกิจและประชาชนภาคเหนือ
จะก้าวพ้นวิกฤตผลกระทบโควิด-19
ต้องหาช่อง “กระตุ้นคนไทยเที่ยวภาคเหนือ” เพิ่มขึ้นเพราะเดิมพึ่งพาภาคบริการสูงถึง
57 %
ต่างชาติหายคนไทยลด ตอนนี้เริ่มมีสัญญาณดีท่องเที่ยวฟื้นตัวแล้ว 40 %
โดยแบงก์ชาติเร่งช่วยเต็มที่ในการเปิดเจรจาสถาบันการเงินอุ้มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีปรับโครงสร้างหนี้เฟส
2 ก.ย.63-ธ.ค.64 ช่วยลดดอกเบี้ย ยืดเวลาจ่ายเงินต้นให้ยาวขึ้น
พร้อมแปลงเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน แนะลูกหนี้ภาคครัวเรือนจับเข่าคุยสถาบันการเงินเจ้าหนี้
ส่วนคนไร้หนี้ให้รัดเข็มขัดชะลอผ่อนซื้อสินค้าต่าง ๆ
นายโอรส
เพชรเจริญ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาคเหนือ เปิดเผยว่า
ในฐานะหนึ่งในตัวแทนพันธมิตรของสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมกปิดทองหลังพระ
ตามพระราชดำริหรือมูลนิธิปิดทองหลังพระ ทำโครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” ภาคเหนือ
ได้จัดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็นจากภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่ นั้น
ทางแบงก์ชาติภาคเหนือได้ร่วมมือกับมูลนิธิปิดทองหลังพระหลายโครงการต่อเนื่องมาตลอด
รวมทั้งโครงการ “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ”
ระดมสมองภาคเอกชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมมือกันหามาตรการก้าวพ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังยากลำบากอยู่ในปัจจุบัน
หลังเกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19
เมื่อมาประมวลผลแล้วปัญหาหลักส่วนใหญ่เป็นเชิงโครงสร้าง
เนื่องจากภาคเหนือพึ่งพิงรายได้จากภาคบริการมากถึง 57 % ภาคการผลิต 18 % ภาคเกษตรกรรม 9 % ผลจากการพึ่งพิงภาคบริการสูงเมื่อไวรัสโควิดระบาดนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้เนื่องจากประเทศมีมาตรการเข้มงวดป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสเช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก
จึงส่งผลต่อเศรษฐกิจส่วนใหญ่ กระทบต่อรายได้ของประชาชน
กำลังการใช้จ่ายเพื่ออุปโภค-บริโภค การซื้อที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ ก็หดตัวลง
การออกจากปัญหาจึงต้องหาวิธีแก้ในเชิงโครงสร้าง
คือ “ท่องเที่ยวภาคเหนือ” จะต้องหาทางกระตุ้นคนไทยเที่ยวในประเทศภาคเหนือ
ตามปกติจะมาเฉพาะหน้าหนาวเพียง 3 เดือน
ส่วนอีก 9 เดือนที่เหลือในแต่ละปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวเบาบาง
หรือช่วงนี้อาจจะยังเดินทางท่องเที่ยวระยะไกลกรุงเทพฯ น้อยลง
ขณะนี้รัฐบาลพยายามสนับสนุนโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเป็นระยะ ๆ
ทำให้เห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวกระเตื้องขึ้นบ้าง
มีจำนวนคนเพิ่มขึ้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวกลับมาภาคเหนือแล้วประมาณ 40 % ช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม นี้
จำนวนนักท่องเที่ยวหน้าหนาวจะเพิ่มขึ้นด้วย สามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายเข้าสู่ท้องถิ่น
ขณะที่ภาคการผลิต ภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็จะได้รับอานิสงตามมาด้วย
นายโอรสกล่าวว่าแบงก์ชาติเองมีความเป็นห่วง
“ภาระหนี้ภาคธุรกิจและภาคประชาชน” จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินเป็นระยะ ๆ
ตั้งแต่มีนาคม, มิถุนายน เรื่องการพักชำระหนี้ให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs)
เริ่มต้นพักชำระหนี้ 6 เดือน
เรื่อยไปจนถึงหนี้รายย่อยภาคประชาชน ซึ่งเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล
ทางแบงก์ชาติมีนโยบายที่ไปหารือกับสถาบันการเงินปรับหนี้ดังกล่าวให้เป็นหนี้ระยะยาว
ซึ่งสามารถช่วยลดดอกเบี้ยแบ่งจ่ายยืดหนี้จำนวนเงินน้อยลง
ทางแบงก์ชาติได้ติดตามพบเป็นมาตรการที่น่าพอใจ แต่ก็ใกล้ถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว
ขณะนี้แบงก์ชาติเพิ่มใหม่เข้ามาแล้วอีกตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนไปจนถึงสิ้นปี
2564 รวม 2 มาตรการ ได้แก่ 1.การปรับโครงสร้างหนี้
ให้กับภาคธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายราย วงเงินรวมกัน 50-500 ล้านบาท
สามารถยื่นขอปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินแห่งใดแห่งหนึ่งได้ทันที พอยื่นแล้วสถาบันการเงินที่ลูกหนี้ไปยื่นก็จะหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้รายอื่น
เพื่อหาวิธีช่วย 2.ภาคประชาชน
ได้ทำมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม ต่อเนื่องจากโครงการแปลงหนี้ระยะยาวแล้ว
ตอนนี้จะเพิ่มเรื่องหากเป็นหนี้หลายประเภทหนี้ เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล
หนี้ลิสซิ่ง หากเป็นหนี้กับสถาบันการเงินในกลุ่มหรือบริษัทเดียวกันก็จะขอให้
“รวมหนี้”
แล้วให้แปลงเป็นหนี้อสังหาริมทรัพย์หรือสินเชื่อบ้านเพื่อนำมาเป็นประโยชน์หลักค้ำประกันครอบคลุมกับหนี้ทำให้ดอกเบี้ยลดลง
ยืดระยะเวลาการจ่ายได้นานขึ้น เพื่อทำให้เป็นลูกหนี้ชั้นดี
นายโอรสย้ำว่าแบงก์ชาติเป็นห่วงมากอีกเรื่องคือ
“หนี้ภาคครัวเรือน” ซึ่งมีอยู่สูงมาก
เพราะจะไปกดดันต่อการจับจ่ายใช้สอยโดยจะไปกระทบเป็นห่วงโซ่ต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจภาพรวม
ดังนั้นจะขอแนะนำ 1.หากเป็นอยู่ให้รีบไปเจรจากับสถาบันการเงินเจ้าหนี้
เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ แบ่งชำระตามความสามารถของตนเองจะจ่ายได้มากน้อยขนาดไหน
ทางแบงก์ชาติคุยกับสถาบันการเงินไว้ให้แล้ว 2.กลุ่มที่ไม่เป็นหนี้ควรระมัดระวังวินัยทางการเงิน
อะไรที่ไม่จำเป็นหรือคิดว่าต้องผ่อนต้องชะลอไว้ก่อน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์เปิดช้อปออนไลน์&AppกับDelightsลด30%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดเต็มฉลอง 31 ปี ทำต่อเนื่องทุกวันด้วยแคมเปญ
“DELIGHTS & SURPRISES UP TO 30% OFF” ชวนทุกคนเข้ามาช้อปออนไลน์รับรหัสส่วนลดพิเศษมากถึง
30 % ได้ 2 ช่องทางหลักเท่านั้น คือ 1.ทางเว็บไซต์ www.kingpower.com และ 2.แอปพลิเคชัน KING POWER ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2563 เท่านั้น
จะได้ความพิเศษจากการช้อปทันที
1.รส่วนลดสินค้าปกติสูงสุด 30% เมื่อช้อปตั้งแต่ครบ 3,000.-
ขึ้นไปโดยสั่งซื้อสินค้าที่ร่วมรายการในแคมเปญนี้เท่านั้น
และไฮไลต์สามารถแบ่งชำระ 0% ได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563 จะผ่อนนานสูงสุด 10 เดือน
เมื่อช้อปครบ 15,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ
และนานสูงสุด 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 10,000.- (สุทธิ) / 1 รายการสั่งซื้อ
ขั้นตอนการช้อปเพื่อรับส่วนลดทางออนไลน์และแอพลิเคชั่น
King Power โดยลูกค้าต้องสมัครสมาชิกเว็บไซต์ kingpower.com แล้วล็อคอินก่อนการใช้รหัสส่วนลดดังกล่าว
สินค้าที่สั่งซื้อทุกรายการทางออนไลน์ไม่สามารถสะสมกะรัตได้
สอบถามเพิ่มได้ที่ คอล เซนเตอร์ 1631
ข่าวที่ 2 เปิดแล้วไทยเทสต์ฮับมหานครคิวบ์เมนูต้นตำรับ-มิชลินไกด์
คิง เพาเวอร์ มหานคร ในเครือกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประกาศเปิดบริการใหม่ “ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ : Thai Taste Hub Mahanakhon CUBE” สาขาที่ 2 (สาขาแรก ไทย เทสต์ ฮับ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ) เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป โดยได้จุดประกายพื้นที่สร้างสรรค์แห่งใหม่ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ เนรมิตศูนย์รวมอาหารที่ยกมาไว้ในที่เดียวใจกลางสาทร-สีลม มาไว้ที่บริเวณชั้นอาคารมหานคร คิวบ์ ทางเชื่อมต่อเข้ารถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีช่องนนทรี โดยระดมยกร้านอาหาร “ระดับตำนานและมิชลินแนะนำ” มาเชิญชวนทุกคนไปร่วมประสบการณ์ใหม่กับความอร่อยของสุดยอดร้านอาหารที่คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี ด้วยสนนราคาแต่ละเมนูที่มนุษย์เงินเดือนหรือคนวัยทำงานใจกลางกรุงสามารถแวะมารับประทานได้
ตลอดเดือนตุลาคมนี้ “ไทย เทสต์ ฮับ
มหานคร คิวบ์ : Thai Taste Hub Mahanakhon CUBE” ได้จัดแคมเปญความสุขในโอกาสเฉลิมฉลองเปิดบริการ ไทย
เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ ด้วยโปรโมชั่นพิเศษ “ซื้อ 300 รับ 400 บาท”
เมื่อซื้อบัตรรับประทานอาหารประเภทไม่แลกคืนแบบ 1 วัน จ่ายเพียงแค่ 300 บาท จะได้มูลค่าเงินใช้รับประทานอาหารมากถึง 400 บาท
สามารถจ่ายเป็นเงินสด และจ่ายผ่านผ่านกระเป๋าเงินดิจิตอล ทั้ง Rabbit LINE
Pay TrueMoney Wallet และ AirPay เพื่อรับโปรโมชั่นเป็นเงินคืนได้อีกมูลค่าสูงสุดกว่า
30% ตามเงื่อนไขของแต่ละค่ายกำหนดไว้
นับเป็นครั้งแรกที่
“ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์” ได้พันธมิตรสุดยอดร้านดังระดับตำนานพร้อมเสิร์ฟความอร่อยสูตรต้นตำรับเมนูเด็ดจากทั้งหมด
8 ร้านแถวหน้าของเมืองไทย ประกอบด้วย
ร้านที่ 1 “ยี่ สับ หลก” เจ้าของตำนานความอร่อยเมนู “ก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายโส่ยถนนพระอาทิตย์” สู่ความอร่อยของเมนูเนื้ออบและหม้อไฟที่ Meat Lover รวมทั้งต้องห้ามพลาดลิ้มลองสุดยอดเมนูจากมิชลินไกด์คือ ข้าวอบเนื้อซี่โครงโกเบตุ๋น
ร้านที่ 2 “ผิน” ผู้นำเมนูไทยสไตล์ฟิวชั่น ฟู้ดส์ การันตีรสชาติความอร่อยโดยเชฟหนุ่ม -ธนินธร จันทรวรรณ 1 ในเชฟมิชลินผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยต้นตำรับที่แนะนำว่าต้องมาอุดหนุนสักครั้ง
ร้านที่ 3 “คอหมูพระราม 5” ได้รังสรรเมนูหมู ๆ ที่ไม่หมู ซึ่งต้องผ่านกระบวนการหมัก ย่าง ด้วยสูตรเฉพาะของเชฟยีสต์ นกุล กวินรัตน์ แซบทุกชิ้นอร่อยทุกคำ
ร้านที่ 4 “ลิ้ม เหล่า ซา” เจ้าแห่งลูกชิ้นปลา นุ่มแน่นจากเนื้อปลา เคี้ยวเด้ง ยกต้นตำรับจากถนนทรงวาด สืบทอดมากว่า 80 ปี
ร้านที่ 5 “ก๋วยเตี๋ยวอนามัย” แฟนคลับเมนูเส้นต้องมาชิมก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อวัวน้ำใส ไร้แป้ง และลูกชิ้นปิ้งเตาถ่านสูตรพิเศษ ระดับตำนาน 60 ปี
ร้านที่ 6 “ป้าหงษ์ขนมไทย” ร้านขนมไทยต้นตำรับโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งตลาดนางเลิ้ง กับขนมหวานเลื่องชื่อหาชิมยาก อย่าง วุ้นใบเตยกะทิ ขนมตะโก้ ข้าวเหนียวถั่วดำ ประสบการณ์ความอร่อยหาชิมได้ยากแล้วในยุคนี้
ร้านที่ 7 “ชุมพลปาท่องโก๋” ปาท่องโก๋ชื่อดังจากบุรีรัมย์สู่เมืองกรุง กรอบนอก นุ่มใน ไม่อมน้ำมันถูกใจสายเฮลตี้ซึ่งใส่ใจดูแลอาหารสุขภาพ
ร้านที่
8 “บุญเลิศ”
ตำนานบะหมี่เกี๊ยว หมูย่างซีอิ๊วเตาถ่าน หมูกรอบ แห่งตลาดนางเลิ้งกับสูตรหมักเฉพาะที่เปิดขายมานานกว่า
40 ปี
ส่วนร้านที่มีเมนูเด็ดได้รับการการันตีความอร่อยจากมิชลินไกด์ประเทศไทย แนะนำให้มาลองแต่ละเมนูความต่างได้ทุกวันที่ “ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์” โดยสามารถเลือกตามความชอบอีกถึง 4 เมนู ดังนี้
“สุกี้เมาเวอริค
60 ปี” ตำนานความอร่อยสุกี้หมูนุ่ม-ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ หอมกลิ่นกระทะที่เปิด
ให้บริการตั้งแต่ปี 2503
“ผัดไทยไฟทะลุ”
ผัดไทยเจ้าดังแห่งถนนดินสอ ดีกรีเชฟมิชลินอาหารไทยชื่อดังจากนิวยอร์ก
ผู้คิดค้นผัดไทยไฟท่วม ซอสซึมเข้าเส้น
“เผ็ดเผ็ด
เฮ่!” เมนูอาหารอีสานพื้นบ้าน สูตรตำรับอาหารอีสานรสเผ็ด แซ่บ
ที่ส่งต่อผ่าน
รุ่นสู่รุ่น
“ก๋วยจั๊บนายเอ็ก” ตำนานก๋วยจั๊บน้ำใสชื่อดังย่านเยาวราช ที่น้ำซุปรสเข้ม หอม ถึงเครื่อง ที่พร้อมออกเสิร์ฟนอกเยาวราช
ทาง “ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์” ได้จัดเตรียมพื้นที่ห้องปรับอากาศกว่า 200 ที่นั่ง โดยได้จำลองอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสมาไว้บนพื้นที่ 640 ตารางเมตร รายล้อมด้วยบรรยากาศความสุนทรียภาพตลอดการรับประทานอาหารสตรีทฟู้ดส์เหนือระดับมาให้คนเมืองได้ลิ้มลองให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินเลือกร้านอาหารระดับตำนานเจ้าอร่อยอยู่ในย่านกรุงเก่า ไปพร้อม ๆ กับ สตรีทอาร์ทจากนักสร้างสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ โลเล พิม ก้องกาน เบนซิลล่า และเบียร์พิช ได้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานทั้งบนกำแพง พื้นทางเดิน หรือบนโต๊ะอาหาร เพื่อให้ผู้มาเยือนได้อิ่มเอมไปกับทั้งศาสตร์ของอาหารควบคู่งานศิลปะร่วมสมัย ต้อนรับเหล่านักชิมและคนเมือง
มาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ “เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์” สาขาล่าสุดได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 10:00 – 20:00 น.
ข่าวที่ 3 คิง เพาเวอร์ ภูเก็ตได้ใบรับรอง ISO 50001ช่วยชาติลดพลังงาน
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า ได้นำทีมเข้ารับมอบใบรับรองระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001 ซึ่งเป็นระบบดูแลบริหารจัดการการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูง โดยรับจากบุคลากร ใจดี ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท บีเอสไอ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นสถาบันรับรองมาตรฐานแห่งชาติของประเทศอังกฤษ
โดยมีทีมงานของคิง เพาเวอร์ เข้าร่วมด้วย คือ นายวินิจ ยังสุรกานต์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกฎหมายและบริหารงานทั่วไป และ พงษ์เทพ นามศิริ ผู้อำนวยการส่วนงานบริหารวิศวกรรมและสาธารณูปโภค กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ททท.ภาคกลางทุ่มแจก10ล้านกระตุ้นเที่ยวไทยให้หายคิดถึง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ทางภูมิภาคภาคกลาง ได้จัดกิจกรรมกระตุ้นนักท่องเที่ยวด้วยแคมเปญ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง” โดยระดมดึงดูดความสนใจด้วยการแจกรางวัลมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ตั้งเป้าให้คนไทยไทยและต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเข้ามาร่วมสนุกผ่านการลุ้นรับรางวัลใหญ่ หรือ Lucky Draw เมื่อนักท่องเที่ยวซื้อสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวผ่านผู้ประกอบการในแคมเปญหลัก ๆ ได้แก่ 1.คิดถึงก๊วนชวนตีกอล์ฟ 2.คิดถึงอาหารจานโปรด 3.คิดถึงอ้อมกอดธรรมชาติ 4.คิดถึงความสุขกายสุขใจ 5.คิดถึงชุมชนท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวจะได้ลุ้นรับรถยนต์ รางวัลที่ 1 รถยนต์ MG MG ZS D+ 1 คัน มูลค่ากว่า 700,000 บาท รางวัลที่ 2 รถยนต์ Toyota Yaris 1.2 Entry CVT 1 คัน มูลค่ากว่า 600,000 บาท รวมทั้งมีรางวัลอื่น ๆ ด้วย เช่น รถจักรยานยนต์ Scoopy i ทองคำแท่ง สร้อยคอทองคำ,iPhone 11 pro max 256 gb Sumsung Note 20 LTE 256 gb Scooter ไฟฟ้า Monowheel Ninebot ES2 นาฬิกา Garmin Forerunner 245 Music ตั๋วเครื่องบิน และ Voucher ที่พักต่าง ๆ มากมาย
วิธีลุ้นรางวัลต่าง ๆ
เพียงซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ 1 ใบเสร็จ = 1 สิทธิ์
และทุก 500 บาท จะได้เพิ่มอีก 1 สิทธิ์ เช่น ซื้อ package 10,000
บาท = 20 สิทธิ์ แล้วนำ Code จากคูปองที่ได้รับกรอกลงใน LINE
OA เที่ยวไทยได้ลุ้น หรือลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ที่ร่วมรายการ
ตามระยะเวลาส่งรหัสตั้งแต่วันนี้ -15 พฤศจิกายน 2563
จากนั้น ททท.จะจับรางวัลย่อยวันที่ 30
กันยายน และ 30 ตุลาคม 2563 ทางออนไลน์ Live stream ผ่าน
FB เพจ เที่ยวไทยได้ลุ้น ส่วนรางวัลใหญ่จับวันที่
17 พฤศจิกายน 2563
กำหนดประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่
20 พฤศจิกายน 2563 โดยจะมอบรางวัลจริงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 ณ
อาคารสานักงานใหญ่ ททท. ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.เที่ยวไทยได้ลุ้น.com หรือ Facebook : เที่ยวไทยได้ลุ้น
หรือ Line OA : @tiewthailucky
ททท.ผนึกSanook.comพาผู้พิการ4ด้านเที่ยวไทยชายหาดพัทยา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ภูมิภาคภาคกลาง จับมือกับ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์สนุกดอทคอม (www.sanook.com) จัดกิจกรรมโครงการ “น้องสนุกพี่สุขใจ” พาเด็กด้อยโอกาส เด็กพิการ จากมูลนิธิ Five For All ออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเปิดประสบการณ์ ผ่านกิจกรรมและการท่องเที่ยวแสนสนุก 2 วัน 1 คืน เส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา นำผู้ด้อยโอกาสทั้งกลุ่มเด็กพิการด้านต่าง ๆ ทั้งทาง สติปัญญา สายตา การได้ยิน และเคลื่อนไหว จำนวน 50 คน ไปสัมผัสความประสบการณ์ความสุขสนุกสนาน
เนื่องจากปัจจุบัน ททท.ต้องการเข้าให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียม รวมทั้งกลุ่มคนผู้พิการเมื่อออกเดินทางท่องเที่ยวก็จะได้รับการพัฒนามากยิ่งขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่การสร้างความเชื่อมั่นการเดินทางเที่ยวในประเทศ เป็นตัวอย่างให้กับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสได้เรียนรู้การท่องเที่ยววิถีใหม่ เที่ยวอย่างไรให้สนุก มีความสุข และปลอดภัย
นายกฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ
บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผู้บริหารเว็บไซต์สนุกดอทคอม ร่วมกับ ททท.จัดทริป 3 ครั้ง
ช่วงเดือนกันยายน 2563
ทริปแรก พาน้องผู้พิการ ๆ จากมูลนิธิและชุมชนไปเปิดประสบการณ์ความสนุกเที่ยวชมเมืองน้ำแข็งที่
Frost magical ice of siam pattaya ชมไดโนเสาร์ที่สวนนงนุช
ชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียวแล้วไปรับประทานอาหารทะเลริมชายหาด ที่ร้านอาหาร Seafood
club ลงเล่นน้ำพักผ่อน ที่โรงแรมดี วารี จอมเทียน
บีช ร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจและความสุขให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาสได้รับสิ่งที่ดี ๆ
มูลนิธิปิดทองหลังพระปลุกภาคเหนือแก้โจทย์ยากหลังโควิด
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ที่ปรึกษาสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ หรือ “มูลนิธิปิดทองหลังพระ” เปิดเผยว่า ตามแผนนโยบายปี 2564 ทางมูลนิธิปิดทองหลังพระเตรียมขยายการพัฒนาเชิงพื้นที่ 9 จังหวัด ให้สอดล้องกับความต้องการปัญหาของประเทศครอบคลุมด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม จึงได้ร่วมกับภาคี 8 พันธมิตร จัดเวที “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” เมื่อวันที่ 28-29 กันยายน 2563 จัดที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
แนวทางหลักจะพุ่งเป้าเรื่องการ “สร้างคน”
สร้างอาชีพ สร้างรายได้ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสควิด-19 จะได้นำแนวทางการพัฒนามาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องเพื่อกระตุ้นคนในประเทศพร้อมปรับตัว
ตรงกับโครงการ สร้างโจทย์เพื่อตอบให้ชัดเจนถึงผลกระทบและความพร้อมของสังคมไทย ซึ่งจะได้รวบรวมแนวคิดจากเวทีสาธารณะ
“คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” 5 ครั้ง ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคเหนือ ยังเหลือภาคตะวันออก
จะจัดที่พัทยา และภาคกลาง จัดที่กรุงเทพฯ จากนั้นจะนำผลไปวิเคราะห์เทียบเคียงกับแนวทางของมูลนิธิปิดทองหลังพระเพื่อเสนอรัฐบาลในลำดับต่อไป
การนำเสนอข้อมูลหลักในแต่ละเวทีเสวนาทางทีมผู้จัดงาน “คิดใหม่ ไทยก้าวต่อ” สรุปทำเป็น VTR แบ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ออกเป็น 4 กลุ่มอาชีพ ประกอบด้วย 1.ทำงานที่บ้านไม่ค่อยได้จำนวน 6 ล้านคน 2.คนจบใหม่ไม่มีงานทำ คิดเป็น 1ใน 3 ของแรงงาน 3.ผู้ประกอบการใช้ AI เข้ามาแทนที่แรงงานคน 4.5 ล้านคน 4.มีเมกะเทรนด์จากเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่แรงงานขั้นพื้นฐาน ด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ สังคม รายได้ จึงเป็นโจทย์ที่มูลนิธิปิดทองหลังพระ และพันธมิตร 7 องค์กร จะช่วยกันหาทางออกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการมีร่วมผ่าทางตันโจทย์เหล่านี้ให้ลดน้อยลงจากสังคมไทยปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ช่วงที่
2 ฟังเรื่องดี ๆ
ทั้งเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ ๆ เรื่องสุขภาพน่ารู้ “นมจากพืชกินแทนนมวัวได้”
มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ส่วนข่าว “สนามบินภูเก็ตเริ่มคึกคัก”
ต้อนรับฤดูเที่ยวปลายปีมีนักท่องเที่ยวทะลุวันหมื่นคน “รมว.กระทรวงท่องเที่ยว”
ยันจีน ยุโรป เริ่มตื่นรับวีซ่าพิเศษ ขอบินตรงเข้าสุวรรณภูมิ และภูเก็ต
ตุลาคม-พ.ย.นี้ เกือบ 400 คน “บางกอกแอร์เวย์ส”
จัดโปรโมชั่นผู้โดยสารสัญชาติไทย 5 กลุ่ม รวมผู้สูงวัย คนพิการ ลดสูงสุด 20 %
ผลิตภัณฑ์นมจากพืชใช้บริโภคทดแทนนมวัวมีคุณค่าไม่แพ้กัน
ดร.ภญ. ธฤตา กิติศรีปัญญาภาควิชาเภสัชวินิจฉัย
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความรู้เรื่อ
“ผลิตภัณฑ์นมจากพืชใช้บริโภคแทนนมวัวได้” ตามธรรมชาตินมวัวเป็นแหล่งโปรตีนที่ผู้คนทั่วโลกนิยมบริโภค
อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้บริโภคบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กที่มีปัญหาแพ้โปรตีนจากนมวัว
(cow’s milk
allergy) หลังจากดื่มนมวัว ภายใน 15 นาที – 2
ชั่วโมง จะมีอาการแพ้ เช่น มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ปากบวม ลิ้นบวม
หรือในกรณีผู้บริโภคบางกลุ่ม ไม่สามารถย่อยแลคโตสในนมวัวได้ (lactose
intolerant) เนื่องจากระบบย่อยอาหารในร่างกายไม่สามารถผลิตเอนไซม์แลคเตส
(lactase) ได้เพียงพอ ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเสีย
รู้สึกไม่สบายท้อง ซึ่งมักเกิดในช่วง 2 – 8 ชั่วโมงหลังจากดื่มนมวัว
จากการที่ผู้บริโภคบางกลุ่มไม่สามารถย่อยแลคโตสได้
ทางผู้ผลิตนมวัวจึงได้มีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมวัวปราศจากแลคโตส (lactose free) เพื่อลดข้อจำกัดดังกล่าว
แต่สำหรับในกลุ่มผู้บริโภคที่ทานมังสวิรัติ หรือมีข้อจำกัดในการดื่มนมวัว
ผลิตภัณฑ์นมจากพืชได้เข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์นมทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
ปัจจุบันในประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์นมจากพืชหลากหลายชนิดที่พบได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ
อาทิ นมจากถั่วเหลือง (soy milk) นมจากอัลมอนต์ (almond
milk) นมจากข้าวโพด (corn milk) และนมจากข้าว
(rice milk) ซึ่งคุณสมบัติของนมจากพืชแต่ละชนิดพบว่ามีความแตกต่างกันไปตามชนิดของพืช
คุณภาพของวัตถุดิบ และกระบวนการผลิต
นมจากถั่วเหลืองนับว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่มีปริมาณสูง
มีสารอาหารใกล้เคียงกับนมวัว นับเป็นนมจากพืชที่ดีที่สุดสำหรับใช้ทดแทนนมวัว
และราคาย่อมเยา ผลิตภัณฑ์นมจากพืชส่วนใหญ่จึงมีนมถั่วเหลืองเป็นส่วนประกอบหลัก
แต่รสชาติของถั่ว (beany flavor) อาจไม่ถูกปากในผู้บริโภคบางกลุ่ม
บางผลิตภัณฑ์จึงมีการใช้นมถั่วเหลืองผสมกับนมจากพืชชนิดอื่นๆ
และแต่งกลิ่นรสเพิ่มเติม เพื่อให้มีรสชาติดีขึ้น และยังคงมีปริมาณโปรตีนสูง
นมจากอัลมอนด์ นับว่าเป็นนมทางเลือกของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการจำกัดปริมาณแคลอรี่
เนื่องจากให้พลังงานต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับนมวัวหรือนมถั่วเหลืองในปริมาณที่เท่ากัน
อุดมไปด้วยไขมันที่ดีและวิตามินอี แต่มีโปรตีนน้อย
นมจากข้าวโพดและนมจากข้าวมีปริมาณโปรตีนไม่มากนักเมื่อเทียบกับนมวัว
ส่วนใหญ่มักอุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาล จัดเป็นเครื่องดื่มให้พลังงาน
และเหมาะกับผู้บริโภคที่มีประวัติการแพ้ถั่วหรืออัลมอนด์ อย่างไรก็ตาม
เพื่อให้มีคุณค่าทางสารอาหารมากขึ้นทางผู้ผลิตบางรายจึงมีกระบวนการแปรรูปวัตถุดิบที่ช่วยเพิ่มปริมาณสารอาหารในนมจากข้าวโพดหรือข้าวให้มากขึ้น
หรือมีการเติมแร่ธาตุและวิตามินเสริม ทั้งนี้ สารอาหารที่เติมเพิ่มเข้าไปในนมอาจมีการตกตะกอน
ดังนั้น
ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์นมเหล่านี้จึงควรเขย่าขวดหรือกล่องบรรจุภัณฑ์ทุกครั้งก่อนบริโภค
เพื่อให้สารอาหารต่างๆกระจายตัวได้ดี
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก สนามบินภูเก็ตเริ่มคึกคักปลายปี’63มีเที่ยวบินทะลุวันละหมื่นคน
เรืออากาศตรี ธานี ช่วงชู ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรอการขอจากทางผู้ประกอบการบินเช่าเหมาลำที่จะนำผู้โดยสารจากต่างประเทศเข้ามายังภูเก็ตตามนโยบายของรัฐบาลประกาศเปิดโครงการ Special Tourism Visa :STV ซึ่งช่วงปลายปีนี้คาดการณ์จะมีนักธุรกิจกลุ่มที่ใช้เครื่องบินส่วนตัวหลบมรสุมจากฮ่องกง มาเก๊า ไทเป ไต้หวัน กลุ่มสแกนดิเนเวีย ทยอยมาลงสนามบินภูเก็ต ขณะนี้เริ่มมีบ้างแล้วสัปดาห์ละ 10 ลำ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำระบบดูแลความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเข้ามาใช้ปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเข้มข้น
ขณะที่ตอนนี้สนามบินภูเก็ตมีเที่ยวบินเฉพาะภายในประเทศเปิดบริการแบบระจำ ไป-กลับ ตั้งแต่ 13 มิถุนายน 2563 เริ่มวันละ 50 เที่ยว ขนส่งผู้โดยสารได้วันละกว่า 4,000 คน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป เพิ่มเป็นวันละ 78 -100 เที่ยวจำนวนผู้โดยสารวันละกว่า 9,000 คน ส่วนช่วงวันหยุดยาว หรือเสาร์อาทิตย์ มีเที่ยวบิน 80 เที่ยวขึ้นไป ผู้โดยสารวันละ 11,000คน ถือเป็นสัญญาณการฟื้นฟูท่องเที่ยวเกาะภูเก็ตในทิศทางดีขึ้นเรื่อย ๆ
ข่าวที่ 2 รมว.ท่องเที่ยวยันมีต่างชาติพร้อมใช้STVเข้าไทยแล้ว3กลุ่ม
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุญาตให้นำเข้านักเดินทางต่างประเทศสามารถใช้วีซ่าพิเศษ Special Tourism Visa :STV สถิติล่าสุดมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักยื่นทำวีซ่าดังกล่าวเพื่อเดินทางมาพักผ่อนในไทยโดยเที่ยวบินเช่าเหมาลำและเครื่องบินส่วนตัวแล้วกว่า 396 คน ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาชนจีน กับยุโรป 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่
1 วันที่ 8
ตุลาคม 2563 มีนักท่องเที่ยวจากเมืองกวางโจว จีน 150 คน
มากับไทย แอร์เอเชีย ยืนยันขอตรงไปยังสนามบินภูเก็ต
กลุ่มที่ 2 วันที่ 25 ตุลาคม 2563 นักท่องเที่ยวจากเมืองกวางโจว จีน 126 คน มากับไทยสมายล์ ขอลงสนามบินสุวรรณภูมิ
กลุ่มที่ 3 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 นักท่องเที่ยวจากกลุ่มสแกนดิเนเวีย 120 คน มากับการบินไทยขอลงสนามบินสุวรรณภูมิ
ข่าวที่สาม บางกอกแอร์เทโปรโมชั่นตั๋วบินในประเทศลดให้5กลุ่มสูงสุด20%
บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ในฐานะเจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สจัดโปรโมชั่นตั๋วเครื่องบินในประเทศลดจากปกติ
10-20% สำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ -31 ธันวาคม 2563 และเดินทางได้ทันทีที่จองซื้อตั๋ว
แต่ส่วนลดดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นได้
และต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด
โดยให้สิทธิ์บุคคลสัญชาติไทย 5 กลุ่ม
ได้แก่ 1.
ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป 2. ผู้ทุพพลภาพสัญชาติไทย 3. นิสิต นักศึกษา อาจารย์
ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย 4.บุคลากรด้านการท่องเที่ยว 5. ข้าราชการไทย
สำหรับ 1.ส่วนลด 20 % จะให้สิทธิ์กลุ่ม ผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลภาพ นิสิต
นักศึกษา อาจารย์ บุคลากรด้านการท่องเที่ยว 2.ส่วนลด 10% ให้สิทธิ์กลุ่มข้าราชการ
ทั้งนี้ผู้โดยสารจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวผู้พิการ บัตรประจำตัวนิสิต นักศึกษา อาจารย์ และบัตรข้าราชการที่ยังไม่หมดอายุต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบในขั้นตอนการออกบัตรอย่างถูกต้อง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น