ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ลุยธุรกิจท่องเที่ยวหมื่นรายรับตราSHAส่งท้ายปี’63 ดัน“ภัตตาคาร/ร้านอาหาร”ใช้สูตร14-6-6ทั่วไทยฟื้นปี’64

ททท.ลุยธุรกิจท่องเที่ยวหมื่นรายรับตราSHAส่งท้ายปี’63

ดัน“ภัตตาคาร/ร้านอาหาร”ใช้สูตร14-6-6ทั่วไทยฟื้นปี’64

เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน บล็อกเกอร์#gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaenอ่านทั้งหมดในข่าวสดออนไลน์ https://www.khaosod.co.th/pr-news/news_5165700



ททท.ลุยปลุกธุรกิจร่วมรับตราสัญลักษณ์ SHA ส่งท้ายปี’63 ลุ้นยอดทะลุ 10,000 ราย กระตุ้นกลุ่ม “ภัตตาคาร/ร้านอาหาร” ใช้สูตรสำเร็จความปลอดภัยด้านสุขอนามัย “14-6-6” ปี’64 ตั้งเป้าเร่งเครื่องเชิญชวนทั่วประเทศรับตราสัญลักษณ์ SHA อย่างทั่วถึง ตอกย้ำความมั่นใจนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติหลังกลุ่มแรกเริ่มทยอยเข้ามาแล้ว รณรงค์ทุกกลุ่มเตรียมความพร้อมผนึกกำลังนำทัพท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจประเทศกลับมาบูมอีกครั้ง


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ตลอดเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม 2563 ภายในเวลา 5 เดือน ได้รับความร่วมมือจากธุรกิจประเภทต่าง ๆ สมัครเข้าร่วมขอการรับรองตราสัญลักษณ์ SHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration ของ ททท.รวมแล้วกว่า 10,000 ราย เป็นธุรกิจที่ผ่านการพิจารณารอบแรกประมาณ 8,500 ราย และได้การรับรองตราสัญลักษณ์ไปเรียบร้อยแล้วขณะนี้เกินกว่า 6,000 รายขึ้นไป

ปี 2564 ททท.ต้องการกระจายให้ธุรกิจทุกกลุ่มได้เข้าร่วมรับตราสัญลักษณ์ SHA อย่างทั่วถึง ตอนนี้ที่ได้ตราสัญลักษณ์นำเป็นอันดับ 1 คือ กลุ่มธุรกิจโรงแรม รองลงไปตามลำดับ ได้แก่ บริษัทตัวแทนธุรกิจนำเที่ยว รถบริการท่องเที่ยวหรือโลจิสติกส์ ช่วงเดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไปเริ่มมีสายการบินขอเข้ารับตราสัญลักษณ์ SHA ด้วยเช่นกัน คือ การบินไทย กับบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดความแข็งแกร่งทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยแบบครบวงจร

            นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้รณรงค์ให้ “ผู้ประกอบกิจการ ภัตตาคาร/ร้านอาหาร” หันมาร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมการรับรองตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ง่าย ๆ ตามเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้น ของทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 กลุ่ม “ผู้ประกอบการ-ผู้ให้บริการ(พนักงาน)-ผู้รับบริการ(ลูกค้า) เพื่อเข้าร่วมมาตราฐาน SHA โดยปฏิบัติตามสูตร 14-6-6 ประกอบด้วย

            กลุ่มที่ 1 “ผู้ประกอบการภัตตาคาร/ร้านอาหาร” ททท.แนะนำให้ดำเนินการดังต่อไปนี้คือ

            1.จัดให้มีทางเข้า-ออก ทางเดียว แก่ผู้เข้ามารับบริการภายในร้าน กรณีหากมีทางเข้าออกหลายทางจะต้องมีจัดคัดกรองทุกเส้นทาง

2.จัดบริการตรวจวัดอุณหภูมิทุกคน ทั้งพนักงานและเข้ามาใช้บริการในร้านทุกครั้ง รวมทั้งการทำสัญลักษณ์ให้ผู้ผ่านการคัดกรอง

3.บันทึกประวัติพนักงาน และประวัติการเดินทาง

4.อนุญาตให้เฉพาะผู้เข้ามาใช้บริการที่สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเท่านั้นสามารถผ่านเข้าออกได้

5.จัดให้มีที่ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อทำความสะอาดมือในบริเวณก่อนเข้าร้านอาหารและจุดชำระเงิน

6.จำกัดจำนวนคนเข้าร้าน และจัดพื้นที่รอคิวแยกจากส่วนที่นั่งรับประทานอาหาร รวมทั้งต้องจัดที่นั่งภายในร้านให้มีระยะห่างระหว่างบุคคลไม่ต่ำกว่า 1 เมตร

7.ทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ เช่น โต๊ะอาหาร อุปกรณ์ที่ใช้ในการปรุงอาหาร ประกอบอาหาร อุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหาร เรื่อยไปจนถึงการทำความสะอาดอื่น ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง

8.จัดให้มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวสัมผัสร่วมอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง เช่น ที่จับประตูเข้าออกห้องน้ำและบริเวณทางเข้าออกภัตตาคาร ร้านอาหาร

9.บริการอาหารสำเร็จรูปจะต้องจัดหาอุปกรณ์ปกปิดอาหารโดยใช้อุปกรณ์หยิบจับ หรือ ตัก ไม่ว่าจะเป็น ช้อน ทัพพี ที่คีบอาหาร และอื่น ๆ

10.มีการกำจัดขยะ ของเสีย กระดาษชำระ และหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม

11.จัดทำระบบระบายอากาศภายในร้านให้เพียงพอ ติดตั้งและดูแลระบบการหมุนเวียน เพื่อป้องกันการเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค

12.มีบริการการชำระเงินอย่างปลอดภัย ลดการพูดคุย สัมผัส ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ

13.สื่อสารให้ความรู้ข้อแนะนำผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อร่วมกันลดความเสี่ยงและป้องกันโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19

14.ลดการใช้เสียงภายในภัตตาคารและร้านอาหาร เพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของทุกคน

กลุ่มที่ 2 “ผู้ให้บริการหรือพนักงานในภัตตาคาร/ร้านอาหาร” ทุกคนควรปฏิบัติให้ถูกต้องหลัก 6 เรื่องสำคัญ ได้แก่

1.ต้องดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หรือ เฟซชีล หมวกคลุมผม ถุงมือ ให้เรียบร้อยทุกครั้งขณะปฏิบัติงาน 2.ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ 3.หากมีอาการไอหรือจาม มีน้ำมูกหรือเหนื่อยหอบให้หยุดปฏิบัติแล้วไปพบแพทย์ทันที

4.เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร 5.พนักงานที่ทำหน้าที่จัดการขยะ จะต้องล้างมือทันทีหลังเสร็จงานในการเก็บกระดาษชำระ หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว ก็ต้องจัดการอย่างเหมาะสมก่อนทิ้งลงขยะ 6.ไม่ควรรับเงินด้วยการสัมผัสกับมือโดยตรง อาจสวมถุงมือ หรือมีถาดรับเงิน และต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ



กลุ่มที่ 3 “ผู้รับบริการหรือลูกค้าภัตตาคาร/ร้านอาหาร” เมื่อเดินเข้าไปยังร้านทุกแห่ง ททท.แนะนำให้ดูแลสุขอนามัยไปพร้อม ๆ กัน 6 เรื่อง ได้แก่

1.ให้ความร่วมมือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 2.เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร 3.ล้างมือก่อนและหลังใช้บริการด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ 4.ไม่ควรชำระเงิด้วยเงินสดเพื่อการสัมผัส แนะนำให้หันไปชำระเงินโดยโอนผ่านแอพลิเคชั่นหรือพร้อมเพย์ ก็ได้ 5.ควรบริหารจัดการระยะเวลาในการรับประทานอาหารในร้านไม่ควรเกินครั้งละ 1 ชั่วโมง และ 6.ลดการใช้เสียงภายในภัตตาคาร/ร้านอาหาร

นางสาวฐาปนีย์ ย้ำว่า ททท.ขอให้ทุกธุรกิจร่วมมือกัน รักษาคุณภาพบริการให้คงอยู่ตลอดไป ภายใต้มาตรฐาน SHA นอกจากจะมีคุณูปการต่อนักท่องเที่ยวแล้วยังสามารถขายได้จริง อีกทั้งขณะนี้ ททท.ทุ่มเทช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจทุกประเภท ทั้ง “ตลาดในประเทศ” ได้เปิดทุกช่องทางโดยการทำออนไลน์ ออฟไลน์ ออนกราวนด์ รณรงค์และสร้างการรับรู้สื่อความหมายตราสัญลักษณ์ SHA เข้าถึงทั้งผู้ประกอบการ และผู้ใช้บริการครอบคลุมทุกกลุ่ม



ส่วน “ตลาดต่างประเทศ” เร่งสร้างการรับรู้ให้ทั่วโลกรู้จักตราสัญลักษณ์ SHA อย่างแพร่หลาย โดย มอบหมายภารกิจให้ ททท.สำนักงานต่างประเทศ 29 แห่ง เดินหน้าเผยแพร่ไปยังภาคีพันธมิตร บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยว พนักงานหน้าร้านผู้ขายการท่องเที่ยวมาเมืองไทย นำจุดขาย SHA บวกกับเข้าสินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อวางแผนผลิตโปรแกรมเตรียมการขายท่องเที่ยวเข้ามายังไทยเมื่อถึงเวลารัฐบาลประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทยอยเดินทางเข้ามากลุ่มแรกตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งจะเริ่มเดินทางมาไทยเฉลี่ยเดือนละ 1,200 คนขึ้นไป

ดังนั้นมาตรฐานตราสัญลักษณ์ SHA ที่ผู้ประกอบการ “ภัตตาคาร/ร้านอาหาร” ควรจะเร่งตื่นตัวยกระดับบริการ เพื่อช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น ตอกย้ำความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวคนไทย และต่างชาติ กลับมาท่องเที่ยวเมืองไทย เพิ่มรายได้กระจายไปยังท้องถิ่นทั่วประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งด้วยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้พลังจาก SHA การันตีความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวไร้ความกังวลต่อมาตรการควบคุมและป้องกันแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยอย่างเข้มข้นทุกขั้นตอน


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง