TCEBติดเทอร์โบไมซ์ปี’64โกยเงิน7หมื่นล้านฟื้นเศรษฐกิจทั่วไทย เคลื่อนทัพใหญ่“ไมซ์วิถีใหม่เติบโตอย่างยั่งยืน”โหม4แผนหลักลุยตลาด
TCEBติดเทอร์โบไมซ์ปี’64โกยเงิ
เคลื่อนทัพใหญ่“ไมซ์วิถีใหม่เติ บโตอย่างยั่งยืน”โหม4แผนหลักลุ ยตลาด
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน บล็อกเกอร์ #gurutourza www.facebook.com/ penroongyaisamsaen
“TCEB”โชว์แผนตลาดไมซ์ปี’64 ตั้งเป้าปั๊มรายได้ฟื้นเศรษฐกิ จกระจายทั่วประเทศ 70,000 ล้านบาท ติดเทอร์โบ “ไมซ์วิถีใหม่ เติบโตอย่างยั่งยืน” เคลื่อนทัพใหญ่ 4 แผนหลัก “กระตุ้นตลาดในประเทศ-ชิงประมู ลงานต่างประเทศจัดในไทย-งัดใช้ นวัตกรรมไฮเทค-พัฒนาระบบนิเวศน์ ไมซ์” พร้อมเตรียมเปิดตัว “เฟสติวัล อีโคโนมี” ชูการจัดงานเทศกาลมรดกเศรษฐกิ จกระจายทั่วไทย ผนึก”ตัวแทนการตลาดทั่วโลก 7ประเทศ” ดึงกำลังซื้อคุณภาพสูง จีน อินเดีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ยุโรป อเมริกาเหนือ นำไมซ์มาจัดในไทย
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริ มการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ได้วางแผนดำเนินงานปีงบประมาณ 2564 เพื่อมุ่งเสริมสร้ างรากฐานความยั่งยืนภายใต้แนวคิ ด “ไมซ์วิถีใหม่ เติบโตอย่างยั่งยืน” ด้วยการขับเคลื่อนกลยุทธ์หลัก 4 แผนงานหลัก ประกอบด้วย 1.กระตุ้นตลาดในประเทศ 2.มุ่งชิงประมูลงานไมซ์ต่ างประเทศเข้ามาจัดในไทย 3.ขับเคลื่อนไมซ์ด้วยนวัตกรรม 4.พัฒนาระบบนิเวศไมซ์ไทย ตั้งเป้าหมายความสำเร็จตลอดทั้ งปีที่จะสร้างนักเดินทางไมซ์ให้ ได้ถึง 10.4 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 70,000 ล้านบาท จากตลาดในประเทศ 30,000 ล้านบาท ตลาดต่างประเทศ 40,000 ล้านบาท
โดยประเมินสถานการณ์อุ ตสาหกรรมไมซ์ปี 2564 จะเติบโตประมาณ 3.5% เริ่มไตรมาสแรกภายในสิ้นเดือนธั นวาคม 2563 ทีเส็บสามารถให้การสนับสนุ นการจัดงานได้เรียบร้อยแล้วกว่า 70 งาน ตอกย้ำถึงอุตสาหกรรมไมซ์พร้ อมจะเป็นกลไกสำคัญให้ ประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ ซึ่งมีพันธมิตรทุกฝ่ายทั้งรั ฐและเอกชนร่วมมือกันอย่างดี
ทีเส็บวางแผนกระตุ้นตลาดไมซ์ MICE ปี 2564 แบ่งเป็น 4 แผนงานหลัก คือ
แผนงานแรก “กระตุ้นตลาดในประเทศ” เน้นกระจายงานไมซ์สู่ภูมิภาคทั่ วไทย พร้อมกับทำงานเชิงรุกร่วมกั บภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น ชุมชน ควบคู่การยกระดับจัดงานไมซ์ในภู มิภาคเป็นงานระดับประเทศ สร้างจุดหมายปลายสถานที่ทางเลื อกรองรับการจัดงานไมซ์ประเภทต่ าง ๆ โดยใช้องค์ประกอบต่าง ๆ ของชุมชนท้องถิ่นชูอัตลักษณ์จุ ดขายเด่น ๆ ที่จะสามารถสร้างแม่เหล็กดึงดู ดตลาดได้อย่างมีพลัง
เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2564 ระหว่างตุลาคม – ธันวาคม 2563 ทีเส็บเตรียมต่อยอดแพ็กเกจสนั บสนุนหลักการจัดงานไมซ์ ในประเทศด้วยแคมเปญ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ด้วยวิธีเติมงบประมาณเพิ่มอีก 10 ล้านบาท เร่งส่งเสริมหน่วยงานรั ฐและเอกชนจัดประชุมสั มมนาในประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิ จและกระจายเม็ดเงินสู่ชุมชน โดยสนับสนุนเงินให้องค์กร บริษัท และผู้ประกอบการไมซ์จั ดงานภายในเดือนธันวาคม 2563 ประกอบด้วย
1.จัดประชุม (Meetings) 2.จัดการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) 3.จัดงานสัมมนา (Seminars) การอบรม (Training) 4.กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) 4.กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และ 5.กิจกรรมอื่นๆ โดยเลือกใช้สถานที่ในประเทศเพื่ อการจัดงานดังกล่าว
อีกทั้งทีเส็บยังคงเดินหน้าขั บเคลื่อนงานแสดงสินค้ าในประเทศควบคู่กันไปตลอดปี 2564 ผ่านโครงการบูรณาการร่วมมือภาคี เครือข่ายทั้งภาครัฐเอกชน หรือที่เรียกว่า “Empower Thailand Exhibition (EMTEX)”
นายจิรุตถ์กล่าวว่า ทีเส็บเตรียมเสริมทั พตลาดในประเทศโดยจะเปิดตัวแนวคิ ด “เฟสติวัล อีโคโนมี” การสร้างมรดกทางเศรษฐกิ จโดยการจัดงานเทศกาลส่งเสริมให้ กระจายจัดทั่วทุกภูมิภาค เพิ่มการสร้างมูลค่าและพัฒนาทั้ งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่และจั งหวัดต่างๆ
แผนงานที่ 2 ชิงประมูลงาน “ตลาดต่างประเทศ” ทีเส็บได้เร่งส่งเสริมอุ ตสาหกรรมไมซ์ตลาดนานาชาติ ผ่านการจัดงานแสดงสินค้าเล็ งเจาะเป็นรายอุตสาหกรรม นำร่องจากการ “ทำแผนแม่บทงานแสดงสินค้ านานาชาติ E :EXHIBITION” ภายใต้แคมเปญ “ไทยแลนด์ ล็อก-อิน อีเวนต์” เจาะกลุ่มโลจิสติกส์และโครงสร้ างพื้นฐาน (Logistic & Infrastructure) ตอบโจทย์แนวทางโครงการแผนพั ฒนาประเทศระดับมหภาคของรัฐบาล กระตุ้นทั้งหน่วยงานภาครั ฐและเอกชนสร้างงานใหม่ ขยายงานเดิม กระจายงานสู่ภูมิภาค และประมูลสิทธิ์การจัดงานระดั บโลกเข้ามาจัดในไทย โดยเฉพาะพื้นที่เขตพัฒนาพิ เศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :EEC)
ซึ่งทางทีเส็บเตรียมแผนเตรียมรุ กเจาะการดึงงานไมซ์ในตลาดต่ างประเทศผ่านตัวแทนการตลาดหลั กใน 7 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อังกฤษ ยุโรป และอเมริกาเหนือ นำงานเข้ามาจัดในประเทศไทย
แผนงานที่ 3 มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวั ตกรรม ทีเส็บจะมีมาตรการช่วยเหลือ สนับสนุน และฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ก้าวผ่ านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ ามาเป็นเครื่องมือขับเคลื่ อนไมซ์ร่วมกับเอกชน ด้วยวิธีพัฒนาการจัดงานรู ปแบบออนไลน์ (Online) ในรูปแบบผสมผสาน (Hybrid)
ตลอดไตรมาส 1 ปีงบประมาณ 2564 ทีเส็บเตรียมสนับสนุนใช้ แพลตฟอร์ม Virtual Meeting Space : VMS หรือ ส่งเสริมการจัดประชุ มและงานแสดงสินค้าออนไลน์ ประกอบด้วย
1.การจัดแสดงสินค้าผ่ านระบบออนไลน์ (Offline to Online – O2O) 2.การประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่ านระบบออนไลน์ (Webinar) รวม 8 งาน ได้แก่ Thailand Dive Expo (TDEX) งานมหกรรมดำน้ำ Intercare Asia 2020 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมสำหรับผู้สูงอายุและผลิ ตภัณฑ์ด้านสุขภาพ Coffee and Bakery Fair 2020 งานแสดงสินค้ากาแฟ และเบเกอรี่ Khon Kaen International Motor Expo งานขอนแก่นมอเตอร์โชว์ Chiang Mai Design Week เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ Global Running Summit การประชุมงานวิ่งมาราธอนระดั บโลก ISURA 2020 Bangkok การประชุมวิชาการทางการแพทย์ด้ านวิสัญญี และ AHC 2020 การประชุมวิชาการพืชสวนแห่ งเอเซีย
นายจิรุตถ์ย้ำว่าตลอดปีงบประมาณ 2563 ทีเส็บสร้างผลงาน นำนักเดินทางไมซ์หมุนเวียนในไทย รวมทั้งสิ้น 10,456,899 คน สร้างรายได้ 61,317 ล้านบาท ดังนี้
1.ตลาดไมซ์ต่างประเทศ กระตุ้นการเดินทางจำนวนรวม 500,090 คน สร้างรายได้รวม 29,819 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 ประชุมองค์กร 149,638 คน ทำรายได้สูงสุด 9,414 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 ประชุมวิชาชีพ 139,639 คน ทำรายได้ 8,317 ล้านบาท กลุ่มที่ 3 การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 122,102 คน ทำรายได้ 5,624 ล้านบาท กลุ่มที่ 4 จัดงานแสดงสินค้า 88,711 คน ทำรายได้ 6,464 ล้านบาท
2.ตลาดไมซ์ในประเทศ กระตุ้นการเดินทางจำนวนรวม 9,956,809 คน สร้างรายได้ 31,498 ล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 จัดงานแสดงสินค้าเป็นตลาดใหญ่ที่ สุด 7,900,843 คน ทำรายได้ 26,452 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 ประชุมวิชาชีพ 1,350,609 คน ทำรายได้ 3,016 ล้านบาท กลุ่มที่ 3 ประชุมองค์กร 604,246 คน ทำรายได้ 1,501 ล้านบาท กลุ่มที่ 4 การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล 101,111 คน ทำรายได้ 529 ล้านบาท
ทั้งนี้ทีเส็บได้นำปัจจัยโควิด- 19 และผลกระทบต่างๆ มาวิเคราะห์ประเด็นสำคัญตลอดปี งบประมาณ 2563 กระทั่งสามารถแนวทางหลักช่วยผู้ ประกอบการพลิกฟื้นธุรกิจได้ เรื่อยไปจนถึงใช้เป็ นโอกาสยกระดับมาตรฐานไมซ์ ของไทยให้โดดเด่นขึ้นหลังเหตุ การณ์การระบาด ส่งผลให้ช่วงไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2563 เมื่อรัฐบาลเริ่มผ่อนคลาย จึงทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ ในประเทศเริ่มคึกคัก เพราะทีเส็บมีมาตรการกระตุ้ นการจัดงาน และผู้จัดงานก็มีความพร้อม
สัญญาณดังกล่าวตอกย้ำว่า “ตลาดไมซ์ในประเทศ” ยังคงมีศักยภาพที่ดี รวมทั้งการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่ วยในการจัดงาน นับว่าได้ผลดี สามารถวัดผลสัมฤทธิ์ได้จากการจั ดงานส่วนใหญ่มีผู้เข้าร่วมผ่ านช่องทาง ออนไลน์ 55.4% คิดเป็น 375,094 คน และออฟไลน์ 44.6% คิดเป็น 302,312 คน
เรื่องและภาพโดย...เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น