ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

 

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย

ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด70%26-31ต.ค.นี้

สนุกกับSUPER SURPRISEดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์

ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ3เฟส-ไฟเขียวแล้ว10แอร์ไลน์

ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด

TCEB”ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์

หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสายSHAริมโขง

วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย

ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท

ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ

กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา

 

นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด

ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เที่ยวกับกู๋  #พศินลาทูรัสทายาทแบรนด์NaRaYa  #เที่ยวนครพนมปลอดดภัยมั่นไปใจกับSHA 

ช่วงที่ 1 ทายาทธุรกิจ “นายพศิน ลาทูรัส” ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด เปิดโมเดลพลิกวิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาสขยายการค้ากระเป๋าผ้าสู่สินค้าแฟชั่นเต็มรูปแบบ 4 แบรนด์หลัก “นารายา- Evangelisa- Aphrodite- LaLaMa” รุกตลาดไทยและทั่วโลก พบขุมทรัพย์ใหม่การลงทุนออนไลน์ แอพลิเคชั่น ผนึกพันธมิตรใหญ่ในจีน ดันสัดส่วนรายได้ ยอดขาย ทะลุ 50 % ปลายปี’63 งัดผลิตภัณฑ์ใหม่เครื่องนอน ปลอกหมอน ผ้าคลุมเตียง วางในโฮมโปร ชิมลางในประเทศ ตั้งเป้าชูสินค้าแฮนเมดสร้างชื่อเสียงครองใจลูกค้าไทยและต่างชาติ รณรงค์ร่วมอุดหนุนสินค้าไทยร่วมกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นได้ทั่วประเทศ

พศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ

พร้อมคุณพ่อคุณแม่ผู้ก่อตั้ง บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด เจ้าของกระเป๋าผ้าแบรนด์NaRaYa

นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้พัฒนาธุรกิจการค้าชำนาญการผลิตกระเป๋าผ้าที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในและต่างประเทศแบรนด์ NARAYA-นารายา ปี 2563 ก้าวสู่ปีที่ 31 แล้ว โดยมี 4 แบรนด์หลัก 1.NaRaYa ผ้าสินค้าพรีเมี่ยม2.Evangelisa ทำผลิตภัณฑ์ผ้าไหม 3. Aphrodite พรีเมี่ยมมากกว่านารายา 4. LaLaMa จะมีทั้งกระเป๋า แอคเซสซารี และแฟชั่นเสื้อผ้าด้วย เป็นคอนเซ็ปสไตล์ลักษณะคล้ายชายหาดที่มีเอกลักษณ์ลุคแบบโบฮีเมียน มีไลฟ์สไตล์มากขึ้น

ส่วนสาขาจำหน่ายในประเทศ มีอยู่ 3 ช่องทาง ประกอบด้วย ช่องทางที่ 1 การขายผ่านหน้าร้านหรือออฟไลน์ลงทุนอยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดก็จะเป็นเมืองท่องเที่ยว เชียงใหม่ 2 สาขา ภูเก็ต 2 สาขา หัวหิน 1 สาขา พัทยา 2 สาขา ช่องทางที่ 2 ขายผ่านช่องทางออนไลน์ naraya.com กับ Naraya Application สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้เพย์สโตร์และแอฟสโตร์ และ ช่องทางที่ 3 วางขายบนเว็บช้อปปิ้งดัง shopee และ Lazada

นายพศินกล่าวว่าวางกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายช่วงปลายปีนี้ เริ่มต้นจาก ระยะที่ 1 เฉลิมฉลองเดือนเกิดการก่อตั้งนารายาตลอดเดือนตุลาคมนี้ เป็น Birthday Month ตามมาด้วย Birthday Sale ลดทั้งร้าน 50 % ส่วนสินค้าใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวช่วงตุลาคม 2563 ลดได้ 20 % สินค้าทุกอย่างในร้านสามารถซื้อด้วยราคาจับต้องได้ทั้งหมด ระยะที่ 2 ส่งท้ายปีเก่า 2563 ต้อนรับปีใหม่ 2564 รับจัดกระเช้าเซ็ตของขวัญปีใหม่ มีให้เลือกซื้อได้หลากหลายเซ็ตและหลายขนาด ติดตามดูได้ทางช่องทางออนไลน์ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม นโยบายหลักจะขาย “ราคาเดียวกัน”หรือ One Price ทั้งออฟไลน์และออนไลน์

สินค้าจัดเซ็ตกระเช้าของขวัญปีใหม่จะเริ่มต้นที่ 650 บาท/กระเช้า โดยมีบริการจัดส่งผ่านหน้าร้าน หรือทางออนไลน์คิดค่าบริการตามระยะทางการจัดส่งในแต่ละจังหวัด

นายพศินกล่าวว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาก่อนเกิดไวรัสโควิด-19 “นารายา”เป็นแบรนด์ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน และชาวเอเชีย ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวแล้วซื้อสินค้ากลับไป ในช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ผ่านมาเกือบปีแล้วที่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางมาได้ ทางนารายามีเครือข่าย Live สด หรือตัวแทนแต่ละประเทศ (representative) อย่าง สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน ลูกค้าจะมา Live ในร้าน โดยมีคนมารับออเดอร์ส่งไปให้ลูกค้าปลายทางแต่ละตลาด



หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทางนารายาได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาสหันมาผลิต “หน้ากากผ้า” แบบที่สามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำใหม่ได้ สามารถเปลี่ยนสายการผลิตจากกระเป๋าเป็นหน้ากากกระจายส่งให้ลูกค้าได้ทั่วประเทศ มียอดการผลิตรวมตั้งแต่เริ่มมีโควิดก็ผลิตได้จำนวนหลายล้านชิ้น แต่ผลจากการที่ทุกฝ่ายช่วยกันควบคุมดูแลป้องกันไม่ให้โควิดเกิดการแพร่กระจายในประเทศเป็นเรื่องดีมากด้านสุขอนามัย โอกาสการขายจึงมุ่งไปยัง “ตลาดต่างประเทศ” มากขึ้น ส่งออกไปยัง นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย แคนาดา อเมริกา และยุโรป ซึ่งเป็นลูกค้าใหม่ของนารายา สามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้มากจริง ๆ รวมทั้งเป็นช่องทางการค้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

อเมริกา เป็นตลาดที่สั่งซื้อมากเป็นอันดับ ๆ เนื่องจากมีประชากรจำนวนมาก ตามมาด้วย อังกฤษ เยอรมัน เป็นประเทศหลัก ๆ ที่กลายมาเป็นลูกค้าของเรา เป็นความภูมิใจที่ทางนารายาสามารถผลิตและจัดส่งตามคำสั่งซื้อได้ทันทุกครั้ง เรื่อยไปจนถึงองค์กรในกลุ่มสหประชาชาติอย่าง UNSCR Camp ก็สั่งไปแจกด้วย

นายพศินกล่าวว่าอนาคตอันใกล้นี้จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดใหม่เป็น “สินค้าหมวดตกแต่งบ้าน” จะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป กำลังศึกษาการพัฒนาตลาด เช่น ปลอกหมอน เครื่องนอน ต่าง ๆ

ส่วนการถอดบทเรียนการประคองหรือพลิกวิกฤตกลับมาเป็นโอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยหลักมาจาก 1.ธุรกิจต้องคิดหาแนวทางการปรับตัวให้ไวและเร็ว ช่วงแรกอาจะขลุกขลักเล็กน้อยแต่ก็สามารถผ่านจุดต่ำสุดมาได้ 2.สร้าง mind set ไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบมากจนเกินไป แล้วหันมามองหาแนวทางยกระดับธุรกิจวันต่อวันเดินต่อไปได้ก็จะเป็นผลดี

ไฮไลต์การวางแนวคิดเพื่อหาทางรอดให้ธุรกิจสำคัญที่สุด คือ 1.การทำงานร่วมกันเป็นทีม 2.มีทีมงานที่แข็งแกร่ง 3.มองอนาคตไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ การอยู่คนเดียวคงรอดยาก จะต้องจับมือกันไว้ให้เหนียวแน่นมากสุดในสถานการณ์อันยากลำบากที่ผ่านมาได้

ส่วนการอุดหนุน “กลุ่มวัตถุดิบผลิตสินค้า” นั้นอยู่กันมาตั้งแต่เริ่มต้นสร้างบริษัท แล้วช่วยกันวางแผนออกแบบร่วมด้วยช่วยกันมาตลอด ขณะเดียวกันความท้าทายที่เห็นได้ชัดในการพัฒนาธุรกิจหลังไวรัสโควิด-19 คือ “พฤติกรรมของลูกค้า” จะเปลี่ยนแปลงไป ทางนารายาจึงพยายามเปลี่ยนแนวคิดไปสู่ “การค้าออนไลน์” มากขึ้น เพิ่มความรวดเร็วการบริการ การตอบสนองกำลังซื้อตามความคาดหวังของลูกค้าทุกกลุ่ม เป็นการเปลี่ยนไปสู่วิถีการค้าใหม่หรือ New Normal ที่เพิ่งจะเริ่มต้น ยังมีสิ่งใหม่ ๆ ตามมาอีกหลายอย่าง จะต้องคอยจับตาดี ๆ ว่ามีจุดไหนจะพลิกเป็นโอกาสได้บ้าง

นายพศินกล่าวว่า การกลับเข้าสู่ตลาดจีนตามวิถีใหม่จะใช้ช่องทางของภาคีเครือข่ายพันธมิตรซึ่งจับมือกันอยู่แล้วทั้ง Ali Pay, WeChat , Union Pay ช่วงเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาจนถึงขณะนี้เราก็ยังติดต่อกันอยู่ตลอด พอได้มีโอกาสเปิดประเทศก็คงจะเดินหน้าอย่างเข้มข้นอย่าง We Chat ทำมินิโปรแกรมเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ชาวจีนสามารถซื้อสินค้าของเราได้โดยไม่ต้องเดินทางมาเมืองไทย ใช้ช่องทางการซื้อผ่านแอพลิเคชั่นแล้วส่งถึงลูกค้าในจีนได้เลย

ส่วนตลาดอื่น ๆ จะมีความต้องการสินค้าไม่เหมือนกัน จะต้องไปศึกษาตลาดให้ชัดเจน เพราะนอกเหนือจากจีน ก็ยังมี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี และอื่น ๆ ก็มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศอยู่จึงต้องเร่งศึกษาให้มากกว่านี้

โดยภาพรวมของนารายาเมื่อหันมาขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งองค์กรสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 50 % แตกต่างจากเดิมมีไม่ถึง 10 % ปีนี้เพิ่งจะเริ่มเพิ่มสินค้าผ่านออนไลน์ แอพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดีและเร็วขึ้น สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

นายพศินกล่าวว่าต้องการเชิญชวนให้คนไทยหันมาอุดหนุน “แบรนด์คนไทย” ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของชาวนารายาในบริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด แต่ละปีผลิตสินค้าวางขายจำนวนหลายล้านชิ้น แต่ก็อาจจะยังไม่ผู้บริโภคบางคนไม่รู้ว่าสินค้าเกือบร้อยเปอร์เซนต์ทำแบบแฮนด์เมด ใช้เครื่องจักรเพียงบางส่วนเท่านั้น การผสมผสานจนเกิดเป็นกระเป๋า 1 ใบ ได้ผ่านมือตั้งแต่พนักงานระดับชุมชนชาวบ้านหลายมือมาจนถึงโรงงาน นั่นหมายถึงเมื่อเข้ามาอุดหนุนสินค้าของนารายาก็เท่ากับได้สนับสนุนกระจายเม็ดเงินซึ่งเป็นรายได้เสริมของชุมชนนำรายได้ไปถึงชาวบ้านด้วย

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด70%26-31ต.ค.นี้

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เชิญชวนมาช้อป คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ พบโปรโมชั่นสุดพิเศษกับแคมเปญ “DELIGHTS AND SURPRISES ONLINE AFTER PARTY” และดีลสุดพิเศษ LIMITED-TIME OFFERS มอบส่วนลดเพิ่มสุดพิเศษเพียง 6 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 26-31 ตุลาคม 2563

เพื่อร่วมฉลองความพิเศษในโอกาสครบรอบ 31 ปี คิง เพาเวอร์ อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม ระวห่าง 26 -31 ตุลาคม นี้ เข้ามาเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมแบบโดน ๆ ได้ที่ www.kingpower.com หรือ แอปพลิเคชัน คิง เพาเวอร์ ภายใต้แคมเปญหลัก “DELIGHTS AND SURPRISES ONLINE AFTER PARTY” และดีลสุดพิเศษ ในช่วงเวลาพิเศษ  LIMITED-TIME OFFERS กับส่วนลดพิเศษ 30% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท และลดเพิ่มอีก 5% เมื่อช้อปครบ 4,500 บาท

พิเศษ ! สินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ อาทิ PICA LÉLA, SWAROVSKI, TUMI, PRADA, KIPLING, CALVIN KLEIN และอื่นๆอีกมากมาย ลดสูงสุดถึง 70% พร้อมรับส่วนลดพิเศษเมื่อช้อปตามเงื่อนไขและใช้รหัสส่วนลดกับสินค้าที่ร่วมรายการ

            สอบถามเพิ่มเติมที่ Contact Centre 1631 หรือ King Power’s Official Facebook

 

ข่าวที่ 2 สนุกกับSUPER SURPRISEดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์



กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัด SUPER SURPRISES ดีลพิเศษในราคาดิวตี้ฟรี ช้อปสนุก สุดเซอร์ไพรส์ ในราคาดิวตี้ฟรี เลือกช้อปสินค้าหลากหลายประเภทจากแบรนด์ดัง อาทิ สกินแคร์ เครื่องสำอาง น้ำหอม สินค้าแฟชั่น นาฬิกา และ ขนมของทานเล่น ได้อย่างสบายกระเป๋า

รับส่วนลดสินค้าปกติ ลดสูงสุด 20% และรับส่วนลดสินค้าพิเศษ ลดสูงสุด 30% เมื่อช้อปครบ 3,000.- รหัสส่วนลด: KPSURPRISE วันนี้ – 31 ธ.ค. 63 ส่งฟรี! ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 499.- (สุทธิ)

รับไปเลย 4 สิทธิพิเศษ 1.แบ่งชำระ 0%* นานสูงสุดถึง 10 เดือน ตามเงื่อนที่กำหนด 2.รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 1,500 บาท 3.รับส่วนลด 200.- เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ > http://bit.ly/2S4uJyi 4.รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000.- (สุทธิ) เช็คสิทธิ์ได้ที่ > https://bit.ly/2URdbqi

ข่าวที่ 3 ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ3เฟส-ไฟเขียวแล้ว10แอร์ไลน์

            นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยประกาศให้ใช้วีซ่าพิเศษ SPECIAL TOURISM VISA  :STV นำนักท่องเที่ยวชุดแรกเข้าประเทศได้แล้ว จากการตรวจทุกคนไม่มีการติดเชื้อโควิด จึงขอให้คนไทยสบายใจลดความกังวลลงได้ จากนี้ไปจะนำร่องเฟส 2นำนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV เข้าห้องพักโรงแรมซึ่งผ่านมาตรฐานเป็นสถานที่กักตัวทางเลือก 7 วัน และอีก 7 วัน ให้ออกนอกห้องพักได้แต่ต้องอยู่ในโรงแรม ตามแผนจะทำเฟส 3 ต่อไป โดยเมื่อเดินทางถึงไทยแล้วทดสอบโควิด-19 เสร็จตรงสนามบินเสร็จเรียบร้อย หากไม่พบความผิดปกติใด ๆ ก็ให้เที่ยวได้ทันที โดยจะต้องทำควบคู่กับนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 (ศบค.)

ตามที่รัฐบาลไทยได้ทยอยปลดล็อกให้ต่างชาติผู้ถือวีซ่าประเภทต่าง ๆ สามารถขอวีซ่าจากสถานกงศุลหรือสถานฑูตไทยในประเทศเพื่อเดินทางเข้าไทยได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รวมทั้งจะเปิดให้ต่างชาติผู้ถือวีซ่า ดังต่อไปนี้เดินทางเข้ามาไทยได้ 5 กลุ่มหลัก คือ 1.ลองสเตย์ วีซ่า (OA-OX) 2.ผู้ถือบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด 3.บัตร APEC 4.ผู้ถือวีซ่าประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-Immigrant) และ 5.ผู้ถือวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยวพิเศษ (STV)

            ขณะนี้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ ไทย (กพท.) ได้อนุญาตผู้ประกอบการต่างชาติเปิดเที่ยวบินนำผู้โดยสารเข้าไทยได้ภายใต้เงื่อนไขการกักตัว 14 วัน มี 10 สายการบิน ได้แก่ เอมิเรตส์, กาตาร์แอร์เวย์ เอทิฮัด คาเธ่ย์ แปซิฟิค สิงคโปร์แอร์ไลน์ ลุฟต์ฮันซา สวิสอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์ไลน์ ออสเตรียนแอร์ไลน์ อีวีเอแอร์ เคแอลเอ็ม

สอดคล้องกับทางกระทรวงต่างประเทศ (กต.) จะเปิดให้คนต่างชาติที่ขอวีซ่านักท่องเที่ยว(Tourist Visa) สามารถยื่นขอวีซ่าเข้าไทย อยู่ได้ 15 วัน 30 วัน ขึ้นกับสัญชาติของนักท่องเที่ยว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป พร้อมกับเชิญผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวและกลุ่ม Destination Management company (DMC) เข้าร่วมฟังบรรยายสรุปถึงแนวทางการนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย

โดยมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง 2 องค์กร คือ 1.การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย(ททท.)จะรับผิดชอบการเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบจำกัด ภายใต้วีซ่าพิเศษ : STV จะต้องอยู่ไทยไม่ต่ำกว่า 30 วัน พร้อมทั้งจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไว้เดือนละไม่เกิน 1,200 คน ตามกำหนดตลอดเดือนตุลาคมนี้จะมีต่างชาติเดินทางโดยเครื่องบินมาไทย 3 เที่ยว จากต้นทางเมือง เซี่ยงไฮ้และกวางเจา เข้ากรุงเทพฯ ด้วย 3 สายการบิน คือ สปริงแอร์ไลน์ ไชน่า เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์ และการบินไทย

ส่วนขั้นตอนการทำ STV นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาไทยต้องไปยื่นขอวีซ่า ณ สถานทูตไทยในประเทศนั้น   โดยจะต้องต้องยอมรับเงื่อนไขการกักตัว 14 วัน  ตามคำแนะนำของ ศบค. จะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำหรือมาจากบางเมืองที่ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19

ข่าวที่ 4 ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงาน ล่าสุดมีข้อมูลจากคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการ ศบค.มีข้อสั่งการเพิ่มเติมเรื่องการเปิดประเทศรับนักเดินทางต่างชาติ ในหลาย ๆ ประเด็น เพื่อให้เป็นไปตามมติที่ประชุม ศบค. ครั้งที่ 12/2563 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563

เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดประเภทของผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศกลุ่มประเภทต่าง ๆ ตามที่ได้อนุมัติไปแล้ว เช่น นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว หรือนักกีฬา ผู้ที่เดินทางเข้ามาดำเนินกิจกรรมเฉพาะในประเทศ ผู้ที่พำนักระยะยาว (long stay) และอื่น  ๆ ให้เร่งกำหนดมาตรการด้านสาธารณสุขแต่ละประเภทอย่างชัดเจนโดยเร็ว

โดยเฉพาะการพิจารณาอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ถือวีซ่าพำนักระยะยาวหรือลองสเตย์ที่ลงการตรวจตรา nonimmigrant visa ประเภท O-A กรณีต้องการเข้ามาใช้ชีวิตบั้นปลายในฐานะผู้สูงอายุ  พำนักในราชอาณาจักรระยะยาวสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศได้ต่อไป

ชาวต่างชาติที่จะได้รับการพิจารณาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยในระยะยาว จะต้องมีคุณสมบัติหลัก ๆ ประกอบด้วย 1.เป็นบุคคลอายุ 50 ปีขึ้นไป 2.พำนักในไทยไม่น้อยกว่า 18 เดือน 3.มีสำเนาบัญชีเงินฝาก ไม่น้อยกว่า 800,000 บาท หรือหนังสือรับรองรายได้/เงินบำนาญ เดือนละไม่น้อยกว่า 65,000 บาทหรือมีบัญชีเงินฝากและรายได้/เงินบำนาญ (ต่อเดือน X 12) รวมกันไม่น้อยกว่า 800,000 บาท

5.มีใบรับรองการสอบประวัติอาชญากรรม (criminal record) จากประเทศที่ตนมีสัญชาติ หรือจากประเทศที่ตนมีถิ่นพำนักอายุไม่เกิน 3 เดือน 6.มีใบรับรองแพทย์จากประเทศที่ยื่นคำร้องที่แสดงว่าไม่เป็นโรคต้องห้ามตามกฎกระทรวงฉบับที่ 14 พ.ศ. 2535 อายุไม่เกิน 3 เดือน 7.มีประกันภัยและกรมธรรม์ประกันสุขภาพของไทย โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับค่าพยาบาลในกรณีผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่า 40,000 บาท และในกรณีผู้ป่วยในไม่น้อยกว่า 400,000 บาท

             ทั้งนี้ วีซ่ารหัส “O-A” (long stay) เป็นวีซ่าที่มีอยู่เดิม แต่ได้ถูกระงับไปจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม มีการเสนอหลักการให้ ศบศ.เพื่อให้พิจารณารับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

ข่าวที่ 5 TCEB”ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์

        นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBเปิดเผยว่า ได้จัดทำโครงการ “แข่งขันประกวดการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดงานไมซ์ : Thailand’s MICE Startup ปีที่ 3 ที่กำลังเข้มข้นมีทีมผ่านเข้ารอบ 23 ทีม คัดเลือกจนเหลือ 5 ทีมสุดท้าย ผ่านเข้าสู่รอบตัดสินชิงชนะเลิศในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 โครงการนี้ทีเส็บพุ่งเป้าหมายให้สตาร์ตอัพแต่ละทีมได้พัฒนานวัตกรรมนำเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและการทำงานของธุรกิจไมซ์ให้ง่ายขึ้น แล้วสามารถใช้แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับเครือข่ายนวัตกรรมภาครัฐและเอกชนกลุ่มธุรกิจไมซ์ได้ต่อไป

รายละเอียดการแข่งขันรอบสุดท้ายวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 จะหาผู้ชนะ 3 ราย ลุ้นรับเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 750,000 บาท แบ่งเป็น 1.รางวัลชนะเลิศ 400,000 บาท 2.รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 200,000 บาท 3.รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 100,000 บาท และ 4.รางวัลพิเศษป๊อปปูล่าโหวตอีก 50,000 บาท

ส่วนผลงานของผู้สมัครทั้ง 23 ราย ทีเส็บจะนำไปเผยแพร่นวัตกรรมและบริการในแคตตาล็อคนวัตกรรมไมซ์ (MICE Innovation Catalog) เพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการไมซ์รายอื่นด้วย

ในการดำเนินโครงการ Thailand’s MICE Startup ทีเส็บได้รับความร่วมมือ สนับสนุนจากภาคีต่าง ๆ 7 กลุ่มหลัก  คือ 1.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) 2.สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) 3.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) 4.สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (TEA) 5.สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) (TICA) 6.สมาคมโรงแรมไทย (THA) และ 7.หน่วยงานพันธมิตรอื่น ๆ

สำหรับโครงการ Thailand’s MICE Startup ประจำปี 2563  นั้น ทีเส็บตั้งเป้าส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัพกับบริษัทผู้ผลิตนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Tech Entrepreneurs) จับมือกันพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีแก้ปัญหาธุรกิจไมซ์จากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงจะต้องจับคู่กับผู้ประกอบการไมซ์โดยตรง เพื่อพัฒนานวัตกรรมตอบโจทย์ให้ตรงตามความต้องการของภาคธุรกิจด้วย

โดยมีกลุ่มสตาร์ตอัพให้ความสนใจเข้าร่วมตั้งแต่กรกฎาคม 2563 มากถึง 23 ราย ล่าสุดคณะกรรมการเดินหน้าคัดเลือกผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายชิงชนะเลิศได้แล้ว 5 ทีม ซึ่งทีมที่ชนะจะมีโอกาสเข้าร่วม “โครงการบ่มเพาะ - Incubation Program” ด้วยความร่วมมือกับ RISE : Regional Corporate Innovation Powerhouse” หรือสถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาคเพื่อเพิ่มทักษะจากผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาต่อยอดเป็นเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ หรือบริการส่งต่อให้ผู้ประกอบการไมซ์และนำไปใช้งานได้จริง

ทั้งนี้คณะกรรมการได้ใช้เกณฑ์คัดเลือก 5 ด้าน คือ 1. ผลตอบแทนทางธุรกิจต่อบริษัทผู้ประกอบการไมซ์ 2. ผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมไมซ์ 3. นวัตกรรมที่ตอบโจทย์วิถีใหม่ และสร้างคุณค่าใหม่ 4. นวัตกรรมที่ก่อให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ 5. ความเป็นไปได้และความเหมาะสมของแผนงาน   

ขณะนี้การคัดเลือกผ่านขั้นตอนจนกระทั่งได้ทีมที่ผ่านเข้ารอบ 5 ทีมสุดท้าย ประกอบด้วย

1.Loops กับผู้ประกอบการ MICE Communication พัฒนานวัตกรรม Vanpooling for Mega Sport Events แก้ปัญหาสถานที่จอดรถและระบบจราจรให้กับผู้เข้าร่วมจัดงานเมกะอีเวนต์ด้านกีฬา พัฒนาแพลทฟอร์มเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้จะเข้ามาร่วมงานโดยเตรียมรถรับส่งไปยังบริเวณงาน มีบริการรองรับทั้งระบบจองและซื้อตั๋วผ่านไลน์ การบริหารคิวรถรับส่ง และบริการดูแลลูกค้าผู้ร่วมงานทั้งหมด

2.SSP Platforms กับผู้ประกอบการ Green World Media พัฒนานวัตกรรมโมเดลธุรกิจการจัดงานเสมือนจริง (New Business Model for Virtual Events) เพื่อช่วยลดต้นทุนการทำ 3D ในการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Virtual Exhibition) โดยออกแบบ 3D ให้เป็น Modular Plug & Play หรือระบบช่วยให้อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อจนสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ แล้วนำไปใช้ซ้ำในงานต่อไปได้อีก โดยไม่ต้องออกแบบ 3D ใหม่ทุกครั้ง ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุน

3. Potioneer กับผู้ประกอบการ ไบเทค ร่วมพัฒนาบริการเชฟเทเบิ้ลสำหรับสถานที่จัดงานและผู้จัดงาน (New Use Case of Chef’s Table for Luxury Venue and Organizer) รวบรวมคัดสรรเชฟชั้นนำทั่วประเทศ จากเดิมจะจัดกันในโรงแรมหรือร้านอาหารชั้นนำเท่านั้น เปลี่ยนมาสร้างสรรค์บริการใหม่ทำเชฟเทเบิ้ลในศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมได้

4. Alto Tech กับผู้ประกอบการ SYN Hotel ออกแบบนวัตกรรมเพื่อช่วยโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กประหยัดค่าไฟฟ้า โดยการนำ AI เข้ามาควบคุมระบบ

5. NewMediaX กับ ผู้จัดงาน Thailand Toy Expo พัฒนานวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้จัดงานแบบออฟไลน์ผสมออนไลน์เพิ่มการสร้างการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Driving Offline & Online Engagement for Hybrid Exhibition) ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมออนไลน์เข้าร่วมกิจกรรมออฟไลน์ได้มากขึ้น รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์เติมเต็มประสบการณ์ไปพร้อมกับการขยายฐานผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้น

                ช่วงที่ 2 เที่ยวเมืองไทยอย่างปลอดภัยไปกับ SHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration หนาวนี้ชวนไปอีสานที่ “นครพนม” สัมผัสอากาศเย็นสบายริมฝั่งโขง พร้อมๆ กับใส่ใจดูแลสุขภาพ “เลือกกินเพื่อเลี่ยงอ้วนและโรค” และฟังข่าวความเคลื่อนไหวสารพัดโปรโมชั่นปลุกท่องเที่ยว “ไทยสมายล์” ขายตั๋วชุดบินเที่ยวไทย 4 ใบ เริ่มต้นแค่ 3,800 บาท “ไทยเวียตเจ็ท” เทโปรโมชั่นแรงขายตั๋วราคาเหลือเพียงใบละ 5 บาท ต้อนรับการเปิดเส้นทางใหม่ สุวรรณภูมิ-สุราษฎร์ธานี กับ เชียงราย-หาดใหญ่ ส่วน “กรมเจ้าท่า” ฟุ้งแผนพัฒนาท่าเรือวันสต็อปปลุกกระแสท่องเที่ยวทางน้ำ



หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสายSHAริมฝั่งโขง

เที่ยวเมืองไทย อะเมซิ่ง ยิ่งสวยมากกว่าเดิม ออกเดินทางสัมผัสลมหนาวปลายเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป มั่นใจปลอดภัยไปกับ SHA : Amazing Thailand Safety & Health Administration ที่ “นครพนม” จังหวัดท่องเที่ยวติดแม่น้ำโขงอากาศเย็นสบาย ตอนนี้อุณหภูมิเริ่มลดลงเหลือ 20-25 องศาเซลเซียส



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชิญชวน “ท่องเที่ยวปลอดภัย...มั่นใจไปกับ SHA” ท่องเที่ยว “นครพนม” ตอนเช้าในอำเภอเมือง ชวนไปชมความสวยงามของ “พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดหลังเก่า” เปิดให้นักท่องเที่ยวได้แวะไปเยือนทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โคโรเนียลแบบตะวันตก ของเรือนพักอาศัย 2 ชั้น ชั้นล่างและชั้นบนสร้างโดยไม่ต้องใช้เสาค้ำยัน ใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านด้วยวิธีทำเดือยไม้แทนการตอกตะปูยึดอาคาร

พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดหลังเก่าของนครพนมหลังนี้ มีเรื่องราวชวนติดตาม คือได้รับอิทธิพลการออกแบบมาจากฝรั่งเศส สมัยสงครามอินโดจีน ถือเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ยังปรากฎให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

มีไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอเมืองอีกแห่งคือ “ลานพญาศรีสัตตนาคราช” อยู่ตรงตำบลในเมือง ปัจจุบันเป็นแลนด์มาร์คที่ผู้คนมักจะมารวมตัวกัน โดยมีเอกลักษณ์รูปปั้นองค์พญานาคสีเหลืองทองขนาดใหญ่ที่สุดแห่งภาคอีสาน ให้ผู้คนเดินทางมากราบไหว้ขอพร และถ่ายรูปได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยใช้วิวฉากหลังแม่น้ำโขง สายน้ำแห่งชีวิต ที่มีความงดงามนับพันปี

 เมื่อไปถึงนครพนมแล้วก็ต้องไปสักการะ “พระธาตุเรณูนคร” วัดพระธาตุเรณู อ.เรณูนคร จำลองการสร้างจากพระธาตุพนมองค์เดิมทำขนาดให้เล็กลง เป็นพระประจำวันคนเกิดวันจันทร์ และที่นักท่องเที่ยวมักต้องแวะขอพรทุกครั้งอีกแห่งคือ “พระธาตุพนม” อำเภอธาตุพนม สถานที่บรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า ศูนย์รวมจิตใจชาวไทยและคนลาว เป็นพระธาตุประจำคนเกิดวันอาทิตย์ และคนเกิดปีวอก

หนาวนี้มีโอกาสมาเที่ยว “นครพนม” สัมผัสไอเย็นริมแม่น้ำโขง ชมความงดงามตามแบบการท่องเที่ยววิถีใหม่ได้ทุกเวลา


วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย

อย่ารอให้ป่วย จงกินอาหารเป็นยา ก่อนที่ท่านจะต้องกินยาเป็นกำมือ แล้วต้องกินยาเป็นอาหาร เลือกกินอาหารที่ดีในปริมาณที่เหมาะสมกับตัวเอง และกินอย่างวิธี ลองมาดูกันว่า กินอย่างไร อาหารถึงจะเป็น"ยา" ให้กับตนเองได้

1. กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่ และถูกสัดส่วน     ใน 1 วัน ร่างกายต้องการอาหารทั้ง 5 หมู่ ในสัดส่วนดังนี้ นมวันละ 1-2 แก้ว - ผลไม้สด 1 จานรองเเก้วกาเเฟ (ควรเลือกให้หลากหลายและหวานน้อย) - ข้าว 1/4 ของจาน ควรเสริมหรือเลือกข้าว/เเป้งที่ไม่ขัดสี - เนื้อสัตว์ 1/4 ของจาน ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่ไขมันต่ำหรือไม่ติดมัน หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์เเปรรูป - ผัก ครึ่งหนึ่งของจาน ควรเลือกผักให้หลากสี หลากชนิด

2. เลือกอาหารเเต่ละหมู่ให้เหมาะสม และใช้อาหารทดเเทนที่ถูกสัดส่วน

3. กินในปริมาณที่เหมาะสม

4. เลี่ยงอาหารที่สุ่มเสี่ยง  โดยเลี่ยงอาหารหวานจัด มันมาก เค็มจัด

5. กินอาหารอย่างถูกวิธี กินตามศาสตร์เเพทย์แผนตะวันออก คือ  กินช้า - เคี้ยวให้ละเอียด กินอย่างมีสติ ถูกเวลา - หนักมื้อเช้า เบามื้อเที่ยง เลี่ยงมื้อเย็น งดมื้อดึก อย่ารับพิษ - กินอาหารที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน เลือกอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ และล้างมือก่อนกินอาหาร ขับพิษออกจากร่างกาย – ควรขับถ่ายเป้นประจำทุกวัน กินอาหารครบ 5 หมู่

6. อ่านฉลากก่อนกิน

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง



ข่าวแรก ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบราคาเริ่ม3.8พันบาท

สายการบินไทยสมายล์ เปิดตัวแพคเกจบัตรโดยสารสุดคุ้ม “SMILE Passport” ขายชุดตั๋วโดยสารบินในประเทศ 4 เที่ยว (ยกเว้นเส้นทางข้ามภาค) ระหว่างวันนี้ – 31 ตุลาคม 2563 ซื้อแล้วนำไปใช้บินได้ตั้งแต่วันนี้ – 27 มีนาคม 2564 ในราคาสุดคุ้มไม่รวมภาษีสนามบิน โดยมีให้เลือก 2 ประเภท ได้แก่ 1.ตั๋วโดยสารชั้น Smile Class เส้นทางในประเทศ 3,800 บาท เฉลี่ยเที่ยวละ 950 บาท 2.บัตรโดยสารชั้น Smile PLUS เส้นทางในประเทศ 8,800 บาท เฉลี่ยเที่ยวละ 2,200 บาท

ชุดตั๋วโดยสารบิน 4 เที่ยว ซื้อแล้วสามารถเดินทางได้ทุกเส้นทางภายในประเทศ ไม่จำกัดช่วงเวลาบิน จะเดินทางแบบเดี่ยวหรือแบบกลุ่มก็ได้ พร้อมบริการฟูลเซอร์วิส เลือกที่นั่งฟรี บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง และน้ำหนักกระเป๋าสูงสุด 30 กิโลกรัม

            หาซื้อแพคเกจบัตรโดยสาร “SMILE Passport” ได้ที่ http://bit.ly/smilepassportPurchase    กติกตาการแลกตั๋วโดยสารเพื่อเดินทาง จะต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ตรวจสอบเงื่อนไขเพิ่มได้ที่ http://bit.ly/smilepassportterms หรือศูนย์บริการลูกค้า โทร. 1181 หรือ 02-118-8888       

ข่าวที่สอง ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋วเที่ยวละ5บาทโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ

สายการบินไทยเวียตเจ็ท รายงานว่าได้จัดโปรโมชั่นขายตั๋วโดยสารเครื่องบินราคาเริ่มต้น 5 บาท/เที่ยว ไม่รวมภาษีสนามบิน เพื่อโปรโมตเที่ยวบินใหม่ในประเทศที่เตรียมเปิดเพิ่ม 2 เส้นทาง คือ เชียงราย-หาดใหญ่ เริ่ม1 พฤศจิกายน 2563 และ สุวรรรณภูมิ-สุราษฎร์ธานี เริ่ม 4 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปจองได้ที่เว็บไซต์ SkyFUN.vietjetair.com ระหว่างวันนี้ – 25 ตุลาคม 2563 แล้วนำไปใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 – 30 มิถุนายน 2564 โดยไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์

สำหรับตั๋วโปรโมชั่น ราคา 5 บาท/เที่ยว ที่จองผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว ยังสามารถเลือกซื้อตั๋วของไทยเวียตเจ็ทได้ทุกเที่ยวภายในประเทศ ไป หรือ กลับ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ปลายทาง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ อุดรธานี และบินข้ามภาค เชียงราย-ภูเก็ต และอุดรธานี ปลายทาง หาดใหญ่ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช อุบลราชธานี

ทั้งนี้ไทยเวียตเจ็ทมีแผนจะผนึกความร่วมมือกับเวียตเจ็ท ให้บริการบินในไทย 13 เส้นทาง ได้แก่ ไป-กลับ กรุงเทพฯ  ไปยัง ภาคเหนือ 2 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ภาคใต้ 5 จังหวัด คือ ภูเก็ต กระบี่  นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ (สงขลา) สุราษฎร์ธานี ภาคอีสาน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลาชธานี และบินข้ามภาค เหนือลงใต้  ไป-กลับ เชียงราย-ภูเก็ต อีสานลงใต้ อุดรธานี-หาดใหญ่ รวมทั้งมีเที่ยวบินระหว่างประเทศ 17 เส้นทาง ไป-กลับ ไทย เวียดนาม ไต้หวัน และสาธารณณัฐประชาชนจีน

ข่าวที่สาม กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา



นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า จับมือกับภาคเอกชนร่วมกันสร้างความพร้อมขับเคลื่อนและสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำของประเทศให้มีความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบขนส่งทางน้ำของประเทศเป็นไปตามมาตรฐานสากล ด้วยการปรับเปลี่ยนยุทธ์ศาสตร์ในการพัฒนาท่าเรือให้เป็นมากกว่าท่าเรือ โดยมีแผนงานและนโยบายการพัฒนาท่าเรือเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวทางน้ำในมิติต่าง ๆ อาทิ การยกระดับท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เป็นสถานีเรือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ สามารถเชื่อมต่อการเดินทางระหว่าง รถ ราง เรือ ระบบรถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ เพื่อสร้างเครือข่ายคมนาคมแบบไร้รอยต่อ ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในแม่น้ำเจ้าพระยา

รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและช่วยลดการแออัดการจราจร เช่น ท่าเรือกรมเจ้าท่า มีบริการท่าเรือที่สวยที่สุดในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนให้มีภูมิสถาปัตย์ที่สอดคล้องกับพื้นที่ ทันสมัย ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อน ให้กับคนในชุมชนย่านตลาดน้อย พร้อมเป็นท่าเรือต้นแบบที่จะปรับปรุงท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน 10 ท่าเรือ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 – 2565 ซึ่งถือเป็น “10 ท่าเรือ ที่เจ้าท่าภาคภูมิใจ”

ขณะเดียวกันก็มีโครงการความร่วมมือหลัก ๆ กับ 1.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พัฒนาท่าเรือพระราม 5 และพระราม 7 ให้เป็นท่าเรืออัจริยะ (Smart Pier) ประดับประดาไฟสวยงามในในโอกาสวันสำคัญ ๆ 2.จัดทำโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการให้บริการเรือไฟฟ้าในแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอีกทางเลือกใช้พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ส่วนท่าเรือในทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน กรมเจ้าท่า เตรียมแผนงานพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือโดยสารทางทะเลให้มีความปลอดภัย ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับการท่องเที่ยวทางทะเลในอนาคตต่อไป

                ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท