ททท.เคลื่อนทัพSHAต้อนรับท่องเที่ยวเทศกาลเจปี’63
ดึง3กลุ่ม“ผู้ประกอบการ-พนักงาน-ลูกค้า”ใช้สูตร14-6-6
ททท.เคลื่อนทัพตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA ต้อนรับท่องเที่ยวเทศกาลเดินทางถือศีลกินเจ ลุยปลุกธุรกิจ “ภัตตาคาร/ร้านอาหาร” ทั่วไทย 3 กลุ่มหลัก “ผู้ประกอบการ-พนักงาน-ลูกค้า” รวมพลังใช้สูตร 14-6-6 ตอกย้ำ “ท่องเที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA” ปลอดภัยทุกที่ มีความสุขทุกเวลา
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์
รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เปิดเผยว่า ตลอดเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม 2563 ภายในเวลาเพียงแค่ 5 เดือน มีธุรกิจประเภทต่าง ๆ สมัครเข้าร่วมขอการรับรองตราสัญลักษณ์ SHA : Amazing Thailand Safety &
Health Administration แล้วกว่า 10,000 ราย ผ่านการพิจารณารอบแรกประมาณ 8,500 ราย
และได้การรับรองตราสัญลักษณ์ไปเรียบร้อยแล้วเกือบ 6,000 ราย
ปี 2564 ททท.ต้องการกระจายให้ธุรกิจทุกกลุ่มได้เข้าร่วมรับตราสัญลักษณ์ SHA อย่างทั่วถึง ตอนนี้ที่ได้ตราสัญลักษณ์นำเป็นอันดับ
1 คือ กลุ่มธุรกิจโรงแรม รองลงไปตามลำดับ
ได้แก่ บริษัทตัวแทนธุรกิจนำเที่ยว รถบริการท่องเที่ยวหรือโลจิสติกส์ ช่วงเดือนตุลาคม
2563 เป็นต้นไปเริ่มมีสายการบินขอเข้ารับตราสัญลักษณ์
SHA ด้วยเช่นกัน
คือ การบินไทย กับบางกอกแอร์เวย์ส
เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดความแข็งแกร่งทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยแบบครบวงจร
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า
ขณะนี้เริ่มเข้าสู่เทศกาลท่องเที่ยวถือศีลกินเจช่วงตั้งแต่วันที่ 15-26 ตุลาคม 2563 นั้น จึงขอความร่วมมือจาก “ผู้ประกอบกิจการ
ภัตตาคาร/ร้านอาหาร” หันมาร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมการรับรองตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA ซึ่งสามารถปฏิบัติได้ง่าย ๆ
ตามเกณฑ์มาตรฐานเบื้องต้น ของทั้งผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 กลุ่ม
“ผู้ประกอบการ-ผู้ให้บริการ(พนักงาน)-ผู้รับบริการ(ลูกค้า) เพื่อเข้าร่วมมาตราฐาน SHA โดยปฏิบัติตามสูตร 14-6-6
ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 “ผู้ประกอบการภัตตาคาร/ร้านอาหาร” ททท.แนะนำให้ดำเนินการดังต่อไปนี้คือ
1.จัดให้มีทางเข้า-ออก ทางเดียว
แก่ผู้เข้ามารับบริการภายในร้าน
กรณีหากมีทางเข้าออกหลายทางจะต้องมีจัดคัดกรองทุกเส้นทาง
2.จัดบริการตรวจวัดอุณหภูมิทุกคน
ทั้งพนักงานและเข้ามาใช้บริการในร้านทุกครั้ง
รวมทั้งการทำสัญลักษณ์ให้ผู้ผ่านการคัดกรอง
3.บันทึกประวัติพนักงาน
และประวัติการเดินทาง
4.อนุญาตให้เฉพาะผู้เข้ามาใช้บริการที่สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยเท่านั้นสามารถผ่านเข้าออกได้
5.จัดให้มีที่ล้างมือด้วยน้ำและสบู่
หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อทำความสะอาดมือในบริเวณก่อนเข้าร้านอาหารและจุดชำระเงิน
6.จำกัดจำนวนคนเข้าร้าน
และจัดพื้นที่รอคิวแยกจากส่วนที่นั่งรับประทานอาหาร รวมทั้งต้องจัดที่นั่งภายในร้านให้มีระยะห่างระหว่างบุคคลไม่ต่ำกว่า
1 เมตร
7.ทำความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ เช่น
โต๊ะอาหาร อุปกรณ์ที่ใช้ในการปรุงอาหาร ประกอบอาหาร
อุปกรณ์ที่ใช้ในการรับประทานอาหาร เรื่อยไปจนถึงการทำความสะอาดอื่น ๆ
ด้วยน้ำยาทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง
8.จัดให้มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดผิวสัมผัสร่วมอย่างน้อยทุก
2 ชั่วโมง
เช่น ที่จับประตูเข้าออกห้องน้ำและบริเวณทางเข้าออกภัตตาคาร ร้านอาหาร
9.บริการอาหารสำเร็จรูปจะต้องจัดหาอุปกรณ์ปกปิดอาหารโดยใช้อุปกรณ์หยิบจับ
หรือ ตัก ไม่ว่าจะเป็น ช้อน ทัพพี ที่คีบอาหาร และอื่น ๆ
10.มีการกำจัดขยะ ของเสีย กระดาษชำระ
และหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วอย่างเหมาะสม
11.จัดทำระบบระบายอากาศภายในร้านให้เพียงพอ
ติดตั้งและดูแลระบบการหมุนเวียน เพื่อป้องกันการเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
12.มีบริการการชำระเงินอย่างปลอดภัย
ลดการพูดคุย สัมผัส ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ
13.สื่อสารให้ความรู้ข้อแนะนำผ่านช่องทางต่าง
ๆ เพื่อร่วมกันลดความเสี่ยงและป้องกันโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19
14.ลดการใช้เสียงภายในภัตตาคารและร้านอาหาร
เพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของทุกคน
กลุ่มที่ 2 “ผู้ให้บริการหรือพนักงานในภัตตาคาร/ร้านอาหาร”
ทุกคนควรปฏิบัติให้ถูกต้องหลัก
6
เรื่องสำคัญ ได้แก่
1.ต้องดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย
สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หรือ เฟซชีล หมวกคลุมผม ถุงมือ
ให้เรียบร้อยทุกครั้งขณะปฏิบัติงาน 2.ล้างมือด้วยน้ำและสบู่
หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ 3.หากมีอาการไอหรือจาม
มีน้ำมูกหรือเหนื่อยหอบให้หยุดปฏิบัติแล้วไปพบแพทย์ทันที
4.เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร 5.พนักงานที่ทำหน้าที่จัดการขยะ
จะต้องล้างมือทันทีหลังเสร็จงานในการเก็บกระดาษชำระ
หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้ว ก็ต้องจัดการอย่างเหมาะสมก่อนทิ้งลงขยะ 6.ไม่ควรรับเงินด้วยการสัมผัสกับมือโดยตรง
อาจสวมถุงมือ หรือมีถาดรับเงิน และต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
กลุ่มที่ 3 “ผู้รับบริการหรือลูกค้าภัตตาคาร/ร้านอาหาร” เมื่อเดินเข้าไปยังร้านทุกแห่ง ททท.แนะนำให้ดูแลสุขอนามัยไปพร้อม
ๆ กัน 6
เรื่อง ได้แก่
1.ให้ความร่วมมือตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย
สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 2.เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร 3.ล้างมือก่อนและหลังใช้บริการด้วยน้ำและสบู่
หรือเจลแอลกอฮอล์ 4.ไม่ควรชำระเงิด้วยเงินสดเพื่อการสัมผัส
แนะนำให้หันไปชำระเงินโดยโอนผ่านแอพลิเคชั่นหรือพร้อมเพย์ ก็ได้ 5.ควรบริหารจัดการระยะเวลาในการรับประทานอาหารในร้านไม่ควรเกินครั้งละ
1 ชั่วโมง
และ 6.ลดการใช้เสียงภายในภัตตาคาร/ร้านอาหาร
นางสาวฐาปนีย์
ย้ำว่า ททท.ขอให้ทุกธุรกิจร่วมมือกัน
รักษาคุณภาพบริการให้คงอยู่ตลอดไป ภายใต้มาตรฐาน SHA นอกจากจะมีคุณูปการต่อนักท่องเที่ยวแล้วยังสามารถขายได้จริง
อีกทั้งขณะนี้ ททท.ทุ่มเทช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจทุกประเภท ทั้ง “ตลาดในประเทศ”
ได้เปิดทุกช่องทางโดยการทำออนไลน์ ออฟไลน์ ออนกราวนด์ รณรงค์และสร้างการรับรู้สื่อความหมายตราสัญลักษณ์
SHA เข้าถึงทั้งผู้ประกอบการ และผู้ใช้บริการครอบคลุมทุกกลุ่ม
ส่วน “ตลาดต่างประเทศ”
เร่งสร้างการรับรู้ให้ทั่วโลกรู้จักตราสัญลักษณ์ SHA อย่างแพร่หลาย โดย มอบหมายภารกิจให้ ททท.สำนักงานต่างประเทศ
29 แห่ง
เดินหน้าเผยแพร่ไปยังภาคีพันธมิตร บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยว
พนักงานหน้าร้านผู้ขายการท่องเที่ยวมาเมืองไทย นำจุดขาย SHA บวกกับเข้าสินค้าและกิจกรรมท่องเที่ยวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อวางแผนผลิตโปรแกรมเตรียมการขายท่องเที่ยวเข้ามายังไทยเมื่อถึงเวลารัฐบาลประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในช่วงเร็ว
ๆ นี้
นับจากนี้เป็นต้นไป
ททท.ขอเชิญชวนธุรกิจ “ภัตตาคาร/ร้านอาหาร” ทั่วประเทศ ทุกประเภทร้าน สามารถทยอยเข้ามาลงทะเบียน
เพื่อขอการรับรองตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA รวมพลังกันผลักดัน
“อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย” ผงาดขึ้นเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
ทำให้นานาประเทศเชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับแรกของโลกที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเมื่อสายการบินนานาประเทศสามารถเปิดบริการเดินทางระหว่างกันได้ตามปกติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น