TCEBผ่าแผนตลาดไมซ์ปี’64ชี้ช่อง“โอกาสใหญ่”โกย7หมื่นล้าน กระตุ้นท้องถิ่นเฮขายเทรนด์ใหม่“เฟสติวัลอีโคโนมี”ได้เงินเร็ว
TCEBผ่าแผนตลาดไมซ์ปี’64ชี้ช่อง“โอกาสใหญ่”โกย7หมื่นล้าน
กระตุ้นท้องถิ่นเฮขายเทรนด์ใหม่“เฟสติวัลอีโคโนมี”ได้เงินเร็ว
สมัครบัตรคิงเพาเวอร์รับอิ่มฟรี/กะรัตสะสมแต้มช้อปคุ้มค่าเงิน
คิงเพาเวอร์นำฝัน3นักเตะเด็กไทยเป็นจริงร่วมทดสอบในยุโรป
ททท.ขยับโผแต่งตั้งผอ.ภูมิภาคใหม่3คน“ภาคกลาง-เหนือ-ใต้”
ททท.เชียงรายยกกาดหมั้วครัวชาติพันธุ์ขายในกรุงถึง14ต.ค.
TCEBงัดไอเดียทริปตัวอย่างจัดOutingวันสต็อปทริปอยุธยา
เที่ยวสตูลวิถีใหม่สายSHAล่องใต้ไปสัมผัสจีโอปาร์ค/ถ้ำ/เกาะ
เพียงแค่ขยับร่างกายก็เท่ากับได้ป้องกันโรคทำสุขภาพดีได้
“ศักดิ์สยาม”นำทีมเช็คสุวรรณภูมิเฟส2-SAT1รับ60ล้านคน
การบินไทยงัดเก้าอี้ใหม่อีโคโนพลัสดึงลูกค้าบินยุโรป25ต.ค.
ศบค.เลื่อนนำต่างชาติลงภูเก็ตสับรางคนเที่ยวเจ16-25ต.ค.
นิด้าโพลล์ชี้คนไทยยังไม่พร้อมให้ต่างชาติเข้ามาใช้เงินเที่ยว
ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #TCEBเปิดแผนไมซ์ปี64 #ท่องเที่ยวไทยมั่นใจไปกับSHA ฟัง Live สดกดลิงค์นี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1466623630198357&id=100005522016696
ช่วงที่ 1 ผ่าแผนทีเส็บปี2564 กับ
“จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB”
รวมพลังสร้างรายได้ 7 หมื่นล้านบาท เล็ง“โอกาส” ตลาดอินเตอรนำร่อง 4 ประเทศ
ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี โดยเฉพาะ“จีน” ตอบรับพร้อมมาไทยมี.ค.64
ส่วนยุโรป “ออสเตรีย” เห็นสัญญาณดี
ส่วนอเมริกาไมซ์ซบหนักทั้งยกเลิกและเลื่อนสูญกว่าแสนล้านดอลล์ ลั่นพุ่งเป้ารุกหนัก
“ไมซ์ในประเทศ” ขับเคลื่อนด้วย 2 บิ๊กโปรเจ็กต์
เติมเงิน 10 ล้านบาทต่อยอด
“ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ควบรังสรรค์โปรเจ็กต์ใหม่ “Festival Economy” กระจายจัดเอ็กซิบิชั่นงานเทศกาล
4 ภาค
ดึงเม็ดเงินตรงลงท้องถิ่นทั่วไทย
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) TCEB
เตรียมพร้อมขับเคลื่อนแผนการตลาดไมซ์ป 2564
โดยใช้ฐานข้อมูลการวิเคราะห์จากหน่วย Intelligence Unit
ได้จัดทำสรุปจะเริ่มตั้งแต่ ตุลาคม 2563-กันยายน 2564 สถานการณ์การแข่งขันของอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งตลาดในประเทศและทั่วโลกยังไม่มีทิศทางชัดเจน
เพราะเรื่องการแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 เป็นตัวแปรสำคัญ โดยมุ่งมั่นจะต้องทำรายได้เข้าประเทศให้ได้รวมไม่ต่ำกว่า
70,000 ล้านบาท
จากไมซ์ต่างประเทศ 40,000
ล้านบาท
และไมซ์ในประเทศอีก 30,000
ล้านบาท
ทางทีเส็บมอง
“โอกาส” จะเริ่มมีไมซ์ตลาดต่างประเทศเข้ามายังไทยจะเริ่มได้ในช่วงเมษายน 2564 เป็นต้นไป
ส่วนนักธุรกิจจะเริ่มเดินทางได้เป็นระยะ ๆ
ตามที่รัฐบาลทยอยประกาศปลดล็อกเงื่อนไขต่าง ๆ เมื่อดูตัวเลขตลาดใหญ่ใน
“สหรัฐอเมริกา” ยกเลิกการจัดงานไมซ์มากถึง 88 % และเลื่อนจัดงาน 62 % มูลค่าความเสียหายมากถึง
100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
“อังกฤษ” ต้องเลื่อนจัดแข่งขันกีฬาระดับโลกรายการสำคัญซึ่งเป็นตัวทำเงินออกไป
“ยุโรป” อย่างออสเตรีย เป็นประเทศค่อนข้างเดินหน้าพอสมควร
จึงน่าจะบุกตลาดเอ็กซิบิชั่นได้บ้าง
“เอเชีย”
ประเทศแรก “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ยังมีโอกาสจัด China International Conference “มาเลเซีย”
เปิดโครงการ B Ready จะคล้ายเมืองไทยทำเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัย
แต่ไทยดำเนินการเรื่องโควิดได้ดีติดอันดับโลก “สิงคโปร์”
หน่วยงานรัฐจับมือกับทางเอกชนกลุ่มารีน่า เบย์ แซนด์
เปิดตัวเรื่องการจัดไมซ์ไฮบริดเป็นตัวชูโรง “ฮ่องกง” จัดงาน Wine Dine Festival 2020
โดยภาพรวมทุกประเทศทั่วโลกพยายามหาช่องทางการจัดงานได้
แต่ไทยโชคดีกว่าหลายประเทศสามารถบริหารจัดการเรื่องไวรัสโควิด-19 ได้ดี
จึงไม่ได้ติดล็อกดาวน์ ปี 2564
จึงยังคงพุ่งเป้าขยายผลสร้างรายได้ไมซ์จาก
“ในประเทศ” เป็นตลาดหลัก
ส่วนสัญญาณดีที่รัฐบาลไทยทยอยประกาศปลดล็อกดาวน์โดยทีเส็บเสนอผ่อนคลายมาตรการกับทางศูนย์บริหารสถานการณ์ความเสี่ยงไวรัสโควิด-19 (ศบค.)
โดยมี 4 ประเทศ
ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี
มีโอกาสผ่อนปรนมากที่สุดทางทีเส็บกำลังรอความชัดเจนอีกครั้ง
และการพัฒนาอุตสากรรมไมซ์ทีเส็บยังคงยืนหยัดปฏิบัติตามแนวทางของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
การทำ
“ตลาดไมซ์ต่างประเทศ” เข้ามายังไทย กว่าจะเดินทางเข้ามาได้ยังมีอีกหลายปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นบริการเปิดเที่ยวบินแบบประจำของสายการบินนานาชาติ
ขนาดของผู้ร่วมเดินทางมาจัดงานจะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ
ด้วยข้อจำกัดที่ยังไม่สามารถเดินทางได้ตามปกติ
ทีเส็บมองเห็นโอกาสจากตลาดจีนเป็นอันดับแรกที่ได้แจ้งความจำนงจะเดินทางออกมาได้เริ่มมีนาคม
2564 เป็นต้นไป
ทางเราคงพร้อมต้อนรับได้ช่วงเมษายนปีหน้าเป็นต้นไป กลุ่มหลักคือ
“เดินทางเพื่อเป็นรางวัลท่องเที่ยวฟรีหรือ Incentive แต่ขนาดก็มีจำนวนยังไม่มาก
ด้วยข้อจำกัดเรื่องมาตรการเข้าประเทศ แต่ทีเส็บก็พยายามให้ข้อมูลว่า “ไทย”
ยังเป็นประเทศที่สามารถรองรับตลาดไมซ์ระหว่างประเทศได้
อ้างอิงถึงคำยืนยันขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization :WHO)
ระบุไทยมีความปลอดภัย
ทุกฝ่ายจึงต้องรักษามาตรฐานนี้
รวมทั้งทีเส็บเองคงยังเดินหน้าการบริหารจัดการบุคลากรรับรองตลาดไมซ์ต่างประเทศที่จะเริ่มเดินทางเข้าไทย
เมื่อต่างประเทศต้องการเข้ามาเป็นประเทศแรก
ทุกหน่วยงานก็จะได้รับมือได้อย่างมีมาตรฐาน
นายจิรุตถ์กล่าวว่าไฮไลต์โครงการที่จะนำมากระตุ้นตลาดไมซ์ปี
2564 จะชูธีม
“ไมซ์วิถีใหม่ เติบโตอย่างยั่งยืน” ประกอบด้วย 1.กระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศเติบโตขึ้นอีก
20-30 % โดยมีหน่วยงานจัดงานต่าง
ๆ ตอบสนองได้ดีพอสมควร เมื่อเปรียบเทียบไทยกับประเทศอื่นที่ยังไม่สามารถจัดงานได้ 2.การเตรียมตัวต้อนรับการนำงานไมซ์ต่างประเทศเข้ามาจัดในไทย
เมื่อการ์ดเราดีปี 2565 จะดึงงานอินเตอร์เนชั่นแนลจำนวนมากเข้ามาใช้เงิน
3.การพัฒนาบุคลากรต้องเป็นหนึ่ง
ด้านมาตรฐานการจัดงานและนวัตกรรมที่นำมาใช้จัดงาน
เมื่อเปิดประเทศแล้วต้องมีวิทยาการจัดงานเป็นอย่างดี 4.การพัฒนาระบบนิเวศน์ไมซ์
ต้องส่งเสริมเป็นอย่างดี
ดังนั้นปี 2564
ระหว่างรอตลาดไมซ์ต่างประเทศ ทีเส็บต้องเพิ่มความเข้มแข็ง “ตลาดไมซ์ในประเทศ” เช่น
การกระจายงานไมซ์ลงสู่ภูมิภาคอย่างทั่วถึง การสร้างงานเอ็กซิบิชั่นต่าง ๆ
อยู่ในช่วงเวลาที่กำลังทำงานอย่างเต็มศักยภาพ
ส่วนการตั้งทีเส็บ
4 ภาค
เหนือ ใต้ อีสาน กลาง
เป็นการแผนใช้เวลาช่วงนี้ปรับโครงสร้างภายในบ้านหรือประเทศให้แข็งแรง
พอเปิดประเทศจะได้ดึงไมซ์ต่างประเทศเข้ามาใช้บริการอย่างประทับใจ
รวมถึงปรับจุดแข็งจุดอ่อน
วางแผนเจาะตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้อย่างแท้จริง
ขณะเดียวกันตลาดไมซ์ในประเทศก็เสริมความแข็งแกร่งมากขึ้น
โดยกระตุ้นองค์กรภาครัฐ เอกชน จัดงานไมซ์ในลักษณะต่างๆ ส่วน “ผู้ประกอบการโรงแรม”
คือเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย ปลอดภัย
แล้วทีเส็บไปกระตุ้นให้ทุกหน่วยงานมาใช้โรงแรมทั่วประเทศเป็นสถานที่จัดงาน
เพื่อให้มีรายได้ยืนอยู่ได้ มีเงินหมุนเวียนจ้างพนักงานให้อยู่ได้
เพื่อรอเวลาสถานการณ์ไมซ์โดยรวมฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้นี้
นายจิรุตถ์กล่าวว่าการเติมเงินสนับสนุนการจัดงานไมซ์ในประเทศปี
2564 จะทำอย่างเข้มข้น
2 โครงการหลัก
ประกอบด้วย โครงการแรก “ประชุมเมืองไทย
ปลอดภัยกว่า” ก็ยังต้องต่อยอดทำอย่างเข้มข้น โดยเสนอของบประมาณภาครัฐมาใส่ในปี
2564 อีกราว
10 ล้านบาท
เพื่อนำไปสนับสนุนให้ผู้จัดงานไมซ์ขนาด 30 คน ภายวันเดียว 6 ชั่วโมงขึ้นไป
ขอรับได้ 15,000 บาท/ครั้ง
กับผู้จัดงาน 30 คน
ทำแพกเกจกิจกรรมนอกพื้นที่ 2 วัน 1 คืน รับไป 30,000 บาท/ครั้ง
เพราะโครงการ
“ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า”
เป็นเครื่องมือสำคัญสามารถขับเคลื่อนหรือกระตุ้นตลาดไมซ์ในประเทศคึกคักมากยิ่งขึ้นต่อไปได้
โครงการที่ 2 ริเริ่มจัดงาน
Festival Economy :สร้างสรรค์งานเทศกาลขึ้นมาเพื่อปลุกกำลังซื้อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่นเจ้าของสถานที่จัดเทศกาลต่าง
ๆ เอ็กซิบิชั่นผลผลิตสินค้าไทย ทีเส็บลดสเกลลงแล้วส่งให้สำนักงานภาคสนับสนุน เช่น
งานเพชรพลอยจันทบุรี งานโอท็อป งานผ้าไหม งานข้าวร้อยเอ็ด
งานนอร์ธเทินล้านนาเอ็กซโป และอีกหลากหลายงานในแต่ละพื้นที่
เพื่อกระจายเม็ดเงินตรงลงสู่
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวที่ 1 สมัครบัตรคิงเพาเวอร์รับอิ่มฟรี/กะรัตสะสมแต้มช้อปไม่อั้น
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เชิญชวนสมัครสมาชิก ที่ คิง เพาเวอร์
รางน้ำ มหานคร พัทยา และภูเก็ต โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.สำหรับลูกค้าคนไทย
และลูกค้าชาวต่างชาติ ( Expat ) ที่ไม่เคยเป็นสมาชิกหรือหมดสถานะสมาชิกแล้วเท่านั้น
2.สมาชิก คิง เพาเวอร์ มีอายุ 1 ปี นับจากวันที่สมัครสมาชิก
3.บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง / แก้ไขเงื่อนไข โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
โดยมีโปรโมชั่นที่ คิง เพาเวอร์
รางน้ำ มหานคร พัทยา และภูเก็ต:ช้อปกันให้เพลินในการซื้อแพคเกจสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์
1.สมัครสมาชิกที่ คิง
เพาเวอร์ มหานคร สามารถเลือกรับกะรัตรีวอร์ดโปรโมชั่น หรือคูปองรับประทานอาหารที่ Thai
Taste Hub At Mahanakhon Cube
2.กรณีที่ลูกค้าเลือกรับคูปองรับประทานอาหารจะไม่สามารถรับกะรัตรีวอร์ดโปรโมชั่นได้
3.ลูกค้าจะได้รับโปรโมชั่นเมื่อสมัครและมียอดช้อป
(สุทธิ) ตามเงื่อนไขภายในวันที่สมัคร
4.การสะสมยอดซื้อสามารถใช้ร่วมกับ Cash
Card ได้
5.สมาชิกจะได้รับกะรัตรีวอร์ดโปรโมชั่น
ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2563 และ กะรัตหมดอายุ 31 ธันวาคม 2563
6. มูลค่าเงินในบัญชีสมาชิกใช้ซื้อสินค้าได้ที่
คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา ยกเว้นการซื้อสินค้าออนไลน์ที่ www.kingpower.com
7.กรณียกเลิกสมาชิก
ทางบริษัทฯ จะทำการเรียกคืนโปรโมชั่นโดยหักจากมูลค่าเงินคงเหลือในบัญชีสมาชิก
ส่วนการคูปองรับประทานอาหารที่ คิง
เพาเวอร์ มหานคร ก็ทำได้ง่าย ดังนี้
1.แลกรับคูปองรับประทานอาหารได้ที่จุดบริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ มหานคร
2.คูปองรับประทานอาหารหมดอายุภายในวันที่ทำการ 3.คูปองใช้แทนเงินสดสำหรับรับร้านอาหารที่ Thai Taste Hub at
Mahanakhon ชั้น 1 อาคารมหานคร
คิวบ์เท่านั้น 4.การใช้คูปอง Thai Taste
Hub ต้องนำคูปองไปแลก Cash Card เพื่อชำระค่าอาหาร 5.คูปองนี้ไม่สามารถแลกคืนหรือทอนเป็นเงินสด
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์นำฝัน3นักเตะเด็กไทยเป็นจริงร่วมทดสอบในยุโรป
นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์
ซิตี้ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้ร่วมมือกันระหว่าง 2 สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้กับบุรีรัมย์
ยูไนเต้ดซึ่งมีเจ้าของและมีวิสัยทัศน์เดียวกัน เปิดโอกาสให้นักเตะอาชีพของไทย
แสดงความสามารถคัดเลือกนักเตะเยาวชนเดินทางไปสร้างประสบการณ์ในเวทีระดับยุโรป
เพื่อต่อยอด และยกระดับวงการฟุตบอลของไทย โดยมี 3 นักเตะดาวรุ่งดีกรีทีมชาติไทยของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3 คน คืออยสุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด และศุภณัฎฐ์ เหมือนตา
เข้าร่วมทดสอบฝีเท้ากับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ช่วงฟุตบอลไทยลีกปิดฤดูกาลในปี 2020 เป็นเวลา 1
เดือน
นายอัยยวัฒน์ย้ำว่ามีความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย
และความตั้งใจแรกของเราที่เข้าบริหารสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ คือเราจะสนับสนุนความสามารถของนักเตะไทย
เลสเตอร์ ซิตี้
ให้ความสำคัญกับบุคลากรและการพัฒนาศักยภาพของนักเตะรวมถึงด้านสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะมาพัฒนาทักษะซึ่งเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการลงทุนด้านฟุตบอลระยะยาว
ปัจจุบันเลสเตอร์ ซิตี้ มีศูนย์ฝึกซ้อมแห่งใหม่ทันสมัยที่สุดในยุโรป
และมีศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาดีที่สุดเพื่อให้นักเตะทุกคนสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ในทุกช่วงเวลา
เมื่อ3 นักเตะดาวรุ่งเยาวชนไทยมีโอกาสได้ไปทดสอบฝีเท้าที่เลสเตอร์
ซิตี้ นับเป็นโอกาสที่จะได้โชว์ฝีเท้าและความสามารถของตัวเองในระดับยุโรป
ถ้าผลการทดสอบออกมาตามเกณฑ์ก็จะสนับสนุนให้ไปเล่นต่อที่สโมสรในยุโรป อาทิ
สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ และสโมสรฟุตบอลโอเอช ลูเวิน ประเทศเบลเยี่ยม ในอนาคต
ทั้งนี้หากการทดสอบนักเตะเยาวชนไม่ประสบความสำเร็จ
อย่างน้อยพวกเขาก็มีรายชื่ออยู่ในฐานระบบ Scouting ของยุโรป ที่ผ่านมาเลสเตอร์ ซิตี้
เล็งเห็นถึงศักยภาพของคนไทยด้านกีฬามาโดยตลอด โครงการต่างๆ ที่เลสเตอร์
ซิตี้และคิง เพาเวอร์ ทำมาเพื่อตอบโจทย์ว่าเราอยากเห็นคนไทยไปเล่นในสโมสรในยุโรป
ข่าวที่ 3 ตั้งผอ.ภูมิภาคใหม่3คน “กลาง-เหนือ-ใต้”
“ตะวันออก-อีสาน”คงเดิม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) รายงานว่า ได้แต่งตั้งผู้บริหารระดับ 9 เพิ่มใหม่แทนคนที่ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่อื่น
โดยอนุมัติให้เข้ามารับผิดชอบเป็นผู้อำนวยการภูมิภาคในประเทศเรียบร้อยแล้วทั้ง 5
ภูมิภาค ผู้อำนวยการใหม่ 3 คน ประกอบด้วย นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ
เป็นผู้อำนวยการ ททท.ภูมิภาคภาคกลาง นางปิ่นนาถ เจริญผล เป็นผู้อำนวยการภูมิภาคใต้
นางสาวสรัสวดี อาสาสรรพกิจ เป็นผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ
ส่วนที่ยังตำแหน่งเดิมตามปกติมี 2 คน คือ
นายวิบูลย์ นิมิตรวานิช ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก และนายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตลอดปี
2564 ผู้อำนวยการ
ททท.ทั้ง 5 ภูมิภาค
จะต้องร่วมมือทำการตลาดเชิงรุกกระตุ้นนักท่องเที่ยวภายในประเทศ
ออกเดินทางท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินกระจายสู่พื้นที่ 77 จังหวัด รวมกันให้ได้ไม่ต่ำกว่า 400,000 ล้านบาท
ข่าวที่ 4 ททท.เชียงรายยกกาดหมั้วครัวชาติพันธุ์บุกขายในกรุงถึง14ต.ค.63
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานเชียงราย รายงานว่า
ได้ร่วมกับ “เมืองสุขสยาม” ในไอคอนสยาม กรุงเทพฯ จัดมหกรรม
“กาดหมั้ว ครัวชาติพันธุ์” นำอาหารท้องถิ่นจานเด็ดของชาวชาติพันธุ์
พร้อมผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาพื้นบ้าน และกิจกรรมต่าง ๆ มานำเสนอกับชาวกรุง
ระหว่างวันนี้-14 ตุลาคม
นี้ บริเวณลานเมือง
1 เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G
ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับ สัมผัสกับประสบการณ์การท่องเที่ยววิถีถิ่นกลุ่มชาติพันธุ์
เมืองจำลองวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ผลิตภัณฑ์เครื่องเงินแท้ เสื้อผ้าเครื่องประดับ
เครื่องดนตรีล้านนาเมนูอาหารและเครื่องดื่มหาทานยากของเชียงรายจาก 11 ชนเผ่า
ได้แก่ ไทลื้อ ไทยวน ไทใหญ่ ไทเขิน ไทลาว เผ่าอาข่า เผ่าลาหู่ เผ่าดาลาอั้ง เผ่าปะกากะญอ
เผ่าอิ้วเมี่ยน และเผ่าม้ง
รวมทั้งการร่วมพูดคุยและทดลองดริปกาแฟกับบาริสต้าจากชนเผ่าอาข่า
ผู้เชี่ยวชาญทุกขั้นตอนก่อนจะมาเป็นเมล็ดกาแฟตั้งแต่การปลูก กระบวนการคั่วและดริป
กาแฟอาราบิก้า100% จากยอดดอย ทั้งเมล็ดกาแฟจากดอยตุง ดอยผาฮี ดอยช้าง ดอยปางขอน
ดอยแม่สลอง ชิมเมนูหาทานยากอาทิ กาแฟสับปะรดภูแล จิบชาเลือดมังกร
ชาอัสสัมพันปีหรือชาป่า และเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ อาหารเหนือหาทานยาก อาทิ
ยำหน่อไม้เทพธิดาดอยสาวน้อยบ้านนา, หลามใบบอน, ลาบคั่ว,
น้ำเงี้ยวเชียงราย ตลอดจนเสื้อผ้าหลากหลายชนเผ่าชาติพันธุ์
เครื่องเงินแท้จากคุ้มเงิน925 และ เครื่องดนตรีขับซอล้านนา
ศิลปะการแสดงจากคณะแม่ครูจำปา เครือข่ายอนุรักษ์วัฒนธรรมทางเหนือ
ห้ามพลาด !! มรดกภูมิปัญญาการนวดแบบล้านนา
โฮงฮอมพญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา อาทิ ย่ำขาง ตอกเส้น เช็ดใบไม้ แหกเขาควาย
นวดเอาม่าน และแพ็คเกจท่องเที่ยวเชียงรายในราคาพิเศษ บริเวณลานเมือง 1
เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G
ข่าวที่ 5 TCEBงัดไอเดียทริปตัวอย่างจัดOutingวันสต็อปทริปเมืองอยุธยา
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่าช่วงเดือนตุลาคม 2563 ทางทีมงาน Thai
MICE Connect ปี ได้ทำไอเดียตัวอย่างการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ให้พนักงานองค์กรและบริษัทต่าง
ๆ ชวนกันทำ Outing ทริปกินเที่ยวแบบวันสต็อปในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เริ่มจาก 1. “เช่ารถเดินทาง” จาก True
Leasing มีทั้งบริการรถเช่าขับเอง
รถเช่าพร้อมคนขับ มีให้เลือกทั้งรถมินิโค้ช เมอร์เซเดส - เบนซ์ สปรินเตอร์
พร้อมคนขับ รถบัสพร้อมคนขับ รถตู้พร้อมคนขับ มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ กรุงเทพฯ
พระประแดง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต พัทยา ดูเพิ่มที่ https://bit.ly/34e1eAr
2.จองที่พัก แนะนำทดลองพักที่ “อธิธารา โฮมสเตย์” อยู่ติดริมน้ำและสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนท้องถิ่น
สไตล์บ้านพักสไตล์ไทยแท้ที่มีบรรยากาศดี
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ใจกลางเมืองอยุธยา
สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีห้องพัก 10 ห้อง https://bit.ly/2Q1OUuL
3.ล่องเรือทานข้าวกับ “โบ้ท ทริป” บริการล่องเรือท่องเที่ยวในอยุธยา ลัดเลาะแม่น้ำสายสำคัญผ่านวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังและโบราณสถานต่าง
ๆ ตลอดสองฝั่งแม่น้ำรอบเกาะเมืองอยุธยาทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถเลือกท่องเที่ยวหรือทานอาหารไปด้วยพร้อมกับชมบรรยากาศสวย
ๆ ตลอดสองฝั่งแม่น้ำซึ่งประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ดูเพิ่มที่ https://bit.ly/2DTmjFL
นอกจากนี้ยังสามารถแวะเที่ยวสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
วัด หรือตลาดน้ำโดยรอบได้ด้วย
หน่วยงานหรือองค์กรใดต้องการจัดทริป
Outing สามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง Thai MICE Connect ทาง https://www.thaimiceconnect.com/
ช่วงที่
2 เที่ยวเมืองไทย มั่นใจไปกับ SHA วันนี้ชวนล่องใต้ไปทะเล “สตูล” เมืองมรดกโลก “จีโอปาร์ค”
แห่งแรกของประเทศ มีความหลากหลายให้ค้นหาการท่องเที่ยววิถีใหม่ในถ้ำ เกาะสวย ๆ
เพียบ สำหรับสุขภาพ “เพียงแค่ขยับร่างกายก็ป้องกันโรค” ได้แล้ว ทำอย่างไรต้องฟัง
และข่าวฮ็อตส่งท้ายสัปดาห์ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เตรียมนำทีมตรวจสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ในอาคาร SAT-1 วันพุธที่ 14 ต.ค.63
“การบินไทย”
ดิ้นทุกทางงัดใช้ “เก้าอี้ชั้นประหยัด อีโคโนมี พลัส” มาดึงดูดผู้โดยสารบินยุโรป
ช่วง 25 ต.ค.-31 ธ.ค.2563
ทางด้าน
“ศบค.ยอมเลื่อนนำต่างชาติเข้าภูเก็ต”
สับหลีกให้นักท่องเที่ยวไทยไปเทศกาลเจภูเก็ตอย่างสบายใจก่อน 16-25 ต.ค.นี้ และ “นิด้าโพลล์”
ย้ำผลสำรวจคนไทยยังไม่พร้อมรับต่างชาติเข้ามาเที่ยว
ท่องเที่ยววิถีใหม่สายSHAล่องใต้ไปสตูลชมจีโอปาร์ค/ถ้ำ/เกาะ
เที่ยวเมืองไทย
อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย มั่นใจไปกับ Amazing
Thailand Safty & Health Administration : SHA วันนี้ชวนลงใต้ไปเที่ยว “สตูล”
เมืองที่มียูเนสโก้ประกาศให้เป็น GEO PARK มรดกโลกอุทยานธรณีใต้พิภพทางด้านธรณีวิทยา
โบรารณคดี นิเวศวิทยา วัฒนธรรม แห่งแรกในไทย
สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์มาถึงสตูลแล้วต้องปักหมุดเที่ยวแห่งแรกคือ
“ถ้ำเลสเตโกดอน” ที่พบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ของช้างและแรดสมัยไพลสโตซีน
สามารถเที่ยวพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ของอุทยานอย่าง พิพิธภัณฑ์ธรณีสตูล
พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์ทุ่งหว้า
สตูลเป็นจังหวัดที่มีความสวยงามแปลกตาเป็นทิวเขาหินปูนและหมู่เกาะมากมาย
อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่พบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ จึงมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย
สามารถไปเที่ยวเกาะสวย ๆ อย่าง หลีเป๊ะ อาดังราวี ปราสาทหินพันยอด และงานประเพณียอดนิยมอย่าง ประเพณีไหว้ผีโบ๋
ประเพณีลอยเรือ เรียกได้ว่าเที่ยวได้แบบครบทุกมิติในเฉดใหม่ ๆ
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์ต้องไปก็มี
“ลานแสงมรกต ถ้ำภูผาเพชร” ชมความงามของหินงอกหินย้อย
ภายในได้ค้นพบวัตถุโบราษรคล้ายเพชร
และห้องแสงมรกตที่มีช่องแสงลอดเข้ามาเห็นสีเขียวมรกตทั้งห้อง
“พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสตูล”
สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมโคโรเนียล เคยเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 5 มีเรื่องราวความสำคัญทางประวัติศาสตร์
กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ
พร้อมทั้งรวบรวมประวัติศาสตร์สตูลไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้อย่างครบถ้วน
“น้ำตกวังสายทอง”
เป็นน้ำตกหินปูนคล้ายดอกบัวบานหลายชั้น ส่วนพื้นเป็นหินปนทราย เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
หรือบางครั้งนักท่องเที่ยวอาจจะได้เจอกับชาวเงาะชนพื้นเมืองของสตูลด้วย
ท่องเที่ยวไทย มั่นใจไปกับ SHA
ทุกการเดินทางวิถีใหม่
ต้องสวมหน้ากากหน้า หน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง รักษาความสะอาด
เพื่อให้เมืองไทยน่าท่องเที่ยวทุกที่ ทุกเวลา
เพียงแค่ขยับร่างกายก็เท่ากับได้ป้องกันโรคทำสุขภาพดีได้
ได้เวลาเปลี่ยนพฤติกรรมเนือยนิ่ง ขณะนั่งดูทีวี เล่นคอมพิวเตอร์
โทรศัพท์มือถือ หรือแม้กระทั่งการนั่งทำงาน นั่งเรียนหนังสือ ซึ่งจะทำให้ระบบการทำงานของลำไส้
ระบบการดูดซึม และย่อยอาหารมีประสิทธิภาพน้อยลง นำไปสู่การเกิดโรคได้ในที่สุด
จากนี้ไปสามารถป้องกันได้โดยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ ดังนี้
1. การทำงาน (Work Related PA) หรือการออกแรงในการทำงานในรูปแบบต่างๆ
แนะนำ : หากงานในอาชีพของคุณส่วนใหญ่
มีลักษณะการทำงานแบบนั่งอยู่กับที่ หรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ลองหาช่วงเวลาพัก
ลุกขึ้นมาขยับเคลื่อนไหว ยืดเหยียดร่างกาย เป็นระยะๆ ทุกๆ ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 10
นาที
2. การเดินทาง (Transportation) : การเดินทางที่ใช้การเดินเท้า หรือการขี่รถจักรยาน
เป็นเวลาตั้งแต่ 10 นาทีขึ้นไป
แนะนำ : หากการเดินทางของคุณในแต่ละวัน
เป็นการนั่งรถเป็นหลัก ลองปรับมาเพิ่มการเดินขึ้นบันได แทนการขึ้นลิฟต์
เลือกการเดินเท้า หรือขี่จักรยานให้มากขึ้น แทนการนั่งรถ
3. การออกกำลังกาย กีฬา และนันทนาการ (Recreation & Sport) : กิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายต่างๆ
แนะนำ : ในวันหยุด และช่วงเวลานอกเหนือจากงาน สามารถหากิจกรรมที่คุณสนใจทำ
เพื่อให้ได้เคลื่อนไหวมากขึ้น เช่น เต้น ไปเดินช็อปปิ้ง พาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่น
เล่นกีฬา ออกกำลังกายต่างๆ แทนกิจกรรมที่อยู่หน้าจอ อย่านั่งดูทีวี ดูมือถือ
หรือเล่นเกม
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
“รมว.ศักดิ์สยาม”จัดทีม14ต.ค.เช็คสุวรรณภูมิเฟส2-SAT1รับ60ล้านคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์สยาม
ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เตรียมนำทีมลงตรวจความคืบหน้าการพัฒนาสนามบินสุสวรรณภูมิ ในวันที่ 14 ตุลาคม
2563
ที่เพิ่งจะฉลองเปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 15 มีผู้โดยสารใช้สุวรรณภูมิเดินทางผ่านเข้าออกรวมกว่า
685 ล้านคน มีเที่ยวบินรวมทั้งหมด 4
ล้านเที่ยว ทำการขนส่งสินค้าทางอากาศทั้งหมด 17.5
ล้านตัน
ปีงบประมาณ 2563 ตลอด
11 เดือน ตั้งแต่ตุลาคม 2562-สิงหาคม
2563 มีสายการบินนานาชาติใช้บริการประจำ 111
สาย มีเที่ยวบินขึ้น-ลง รวม 201,456 เที่ยว ลดลง 42.18%
มีผู้โดยสารทั้งสิ้น 30.10 ล้านคน ลดลง 49.81%
มีปริมาณการขนส่งสินค้า 1 ล้านตัน ลดลง 22.68%
โดย
ทอท.ได้ใช้เงินลงทุน51,862 ล้านบาท ขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 จัดทำอาคารหลังใหม่มีความคืบแล้ว 95.23 เมื่อเปิดบริการจะเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้จาก
45 เป็น 60
ล้านคน/ปี
ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ความคืบหน้า ส่วนที่ 1 การก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่
1 (SAT-1) ขณะนี้คืบหน้าไปแล้วถึง 95.23%
งานโครงสร้างอาคารแล้วเสร็จ 100% ยังคงเหลืองานสถาปัตยกรรม
งานตกแต่งภายใน งานภูมิทัศน์ และติดตั้งระบบประกอบอาคารเท่านั้น
ส่วนที่
2 การติดตั้งระบบรถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ
(APM) ก็คืบหน้า
71.43% รับตู้รถไฟฟ้ามาแล้ว 2
ขบวน จากทั้งหมด 6 ขบวน ระหว่างนี้กำลังทดสอบการใช้งานด้วยระบบไฟฟ้า
และอยู่ระหว่างผลิตจะทยอยส่งมอบเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ อีก 4 ขบวน
เมื่อรับรถมาครบแล้วก็จะเริ่มทดสอบระบบร่วมกันอีกครั้ง โดยใช้เวลา 4
เดือน ตามแผนงานพร้อมจะเปิดให้บริการได้ประมาณเดือน เมษายยน 2564
จากอาคารผู้โดยสารปัจจุบันไปยังอาคาร SAT-1
ส่วนที่ 3 ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าคืบหน้า
75.51% กำลังติดตั้งระบบ เมื่อแล้วเสร็จ จะโดยใช้เวลา
12 เดือน เดินหน้าทดสอบระบบตามขั้นตอนสุดท้ายก่อนใช้งานจริง
ส่วนที่
4 งานก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้างโครงสร้างชั้นใต้ดินและพื้นชั้น 2, 3, 4
ของอาคารสำนักงาน และพื้นชั้น 6 จะแล้วเสร็จปี 2563 ขณะที่งานระบบประกอบอาคารของอาคารจอดรถจะเสร็จช่วงเมษายน
2564
ดร.นิตินัยกล่าวว่า
โดยภาพรวมภายในเดือนเมษายน 2565 จะทำอาคาร
SAT-1 ให้แล้วเสร็จ ร่วมมือกับทุกฝ่ายทดสอบการใช้เตรียมความพร้อมจะทำการทดสอบระบบการปฏิบัติงานต่าง
ๆ เพื่อการใช้งานในช่วงเวลาเดียวกันกับ ทอท.คาดจะเที่ยวบินและผู้โดยสารเริ่มฟื้นต่อเนื่องแล้วกลับมาเป็นปกติตั้งแต่ตารางบินฤดูหนาวเดือนตุลาคม
2565 เป็นต้นไป
ทอท.จะเปิดอาคารหลังใหม่ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
ประกอบด้วย
1.อาคารเทียบเครื่องบินรอง 4
ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น เริ่มจากชั้น B2
เป็นสถานีรถไฟ APM ชั้น B1 งานระบบต่าง ๆ ชั้น G ระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า
งานระบบ ชั้น 2 ผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 3
ผู้โดยสารขาออก และชั้น 4 ร้านค้าและอาหาร มีพื้นที่ทั้งหมด 216,000 ตารางเมตร
แบ่งเป็น พื้นที่ร้านค้าปลีก (retail)
กับร้านปลอดอากร (duty
free) 12,000 ตารางเมตร
2.ประตูทางออกเชื่อมต่อกับลานจอดอากาศยาน
มีพื้นที่ 960,000 ตารางเมตร โดยจัดให้มี 2.1 หลุมจอดประชิดอาคาร
28 หลุม รองรับเครื่องบินบริเวณ code F เช่น
A380 และ B747-8
ได้ 8 หลุมจอด และ code E เช่น
B747 และ A340
ได้ 20 หลุม
ข่าวที่สอง
การบินไทยงัดเก้าอี้ใหม่อีโคโนมีพลัสดึงลูกค้าบินยุโรป25ต.ค.63
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้นำบริการใหม่ “ชั้นประหยัด พลัส” :THAI Economy
Class Plus เก้าอี้ชั้นประหยัด พลัส ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารของการบินไทยที่จะเลือกบิน สู่ลอนดอน และแฟรงก์เฟิร์ต ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2563 ได้รับความสะดวกสบาย
พร้อมความเป็นส่วนตัวตลอดการเดินทางมากยิ่งขึ้น
ด้วยที่นั่งตรงกลางถูกเว้นว่างไว้แบบที่เว้นที่ สำหรับที่นั่ง 4 แถวแรกในชั้นประหยัด
เหมาะกับการเดินทางในยุค New Normal พร้อมรับสิทธิพิเศษและบริการที่มากกว่าชั้นประหยัด
1.บริการเช็คอินที่ช่องทางพิเศษพร้อมติดป้าย Priority ที่สัมภาระ 2.เพิ่มน้ำหนักกระเป๋าได้อีก 5
กิโลกรัม 3.สามารถใช้พื้นที่รับรองพิเศษ ผู้โดยสารขาออกสนามบินสุวรรณภูมิ 4.สามารถเลือกอาหารได้แบบชั้นธุรกิจ ดูรายละเอียดเพิ่มที่ https://bit.ly/30CptWf
ข่าวที่สามศบค.เลื่อนนำเข้าต่างชาติลงภูเก็ตสับรางให้คนเที่ยวเจ16-25ต.ค.
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) “ศบศ.”
เลื่อนการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยชุดแรกจากเดิม 8 ตุลาคม
เป็นหลังวันที่ 25 ตุลาคม 2563 เนื่องจากได้รับการประสานจากพื้นที่ภูเก็ตวันเวลาดังกล่าวตรงกับช่วงเทศกาลกินเจ
16 -25 ตุลาคม มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวภูเก็ตจำนวนมาก
จึงขอให้ชะลอการนำท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาในช่วงเดียวกัน
เพื่อลดความกังวลสร้างความสบายใจของทุกฝ่าย แต่มาตรการตรวจคัดกรองชาวต่างชาติที่จะเข้ามาไทยหลังเดือนตุลาคมจะยังคงมาตรการเดิมที่
ศบค.ได้หารือและประกาศไปแล้วจะต้องเข้าระบบกักกัน State Qualantine
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้อนุญาตให้ต่างชาติเดินทางเข้าไทยอยู่แล้ว
เพียงแต่ต้องมีใบขออนุญาตทำงาน โดยในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) หรือ
ศบศ. หารือถึงประเด็นนักธุรกิจจะไม่ขอเข้ากักกันโรค 14
วัน ศบค.จะหารือกันในที่ประชุมอีกครั้ง โดยใช้โมเดลเดียวกันกับครั้งที่ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกาเข้ามาไทย
หรืออาจจะปรับลดความเข้มข้นลงเล็กน้อย
เนื่องจากมีนักธุรกิจบางส่วนค่อนข้างละเอียดอ่อนกับมาตรการแล้วไม่มา
แต่จะยอมผ่อนคลายมาตรการมากเกินไปไม่ได้ เพราะต้องคำถึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในประเทศเป็นหลักด้วย
ข่าวที่สี่
นิด้าโพลล์ชี้คนไทยยังไม่พร้อมให้ต่างชาติเข้ามาใช้เงินเที่ยว
ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพลล์
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “8 ตุลาคม
ต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวแล้ว” ทำการสำรวจระหว่าง 1 – 2 ตุลาคม 2563 จากประชาชนอายุ
18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,318
หน่วยตัวอย่าง
เกี่ยวกับการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการเปิดให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้
ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2563 นี้ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องถูกกักตัวเพื่อเฝ้าระวัง
14 วัน ก่อนได้รับอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้ พบว่า 21.77% ระบุว่า
เห็นด้วยมาก เพราะ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ธุรกิจการท่องเที่ยว
และเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนในประเทศ แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตามที่รัฐได้กำหนดไว้อย่างเข้มงวด
20.49% ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย เพราะ ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว
ขณะที่บางส่วนระบุว่า
รัฐต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด และมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจน 16.77% ระบุว่า
ไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะ ไม่เชื่อมั่นในมาตรการป้องกันที่รัฐกำหนด
เกรงว่าจะเป็นการนำเชื้อไวรัสโควิด - 19 มาแพร่ระบาดในประเทศอีกครั้ง 40.21%
ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -
19 รอบ 2 ต้องการให้รักษาสถิติการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้ดีเเบบนี้ต่อไป
ยังไม่ต้องการให้เสี่ยงรับต่างชาติเข้ามา ขณะที่บางส่วนระบุว่าไม่เชื่อมั่น ในมาตรการป้องกันที่รัฐกำหนด และ 0.76%
ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น