บพท.หนุนม.ฟาฏอนีเสริมพลังมัสยิดชูโมเดลปัตตานีสันติสุข เปิดมิติความงดงาม-ลดภาพจำความรุนแรง-ยกระดับชุมชน
บพท.หนุนม.ฟาฏอนีเสริมพลังมัสยิดชูโมเดลปัตตานีสันติสุข
เปิดมิติความงดงาม-ลดภาพจำความรุนแรง-ยกระดับชุมชน
เรื่องโดย...##gurutourza #รายการรรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #บพท #ปัตตานีสันติสุข #มหาวิทยาลัยฟาฏอนีสาน #พลังมัสยิด
บพท. เดินหน้าหนุน “มหาวิทยาลัยฟาฏอนีสานพลังมัสยิด” ล้างภาพจำความรุนแรง
เสริมความรู้ยกระดับชุมชน เปิดมิติความสวยงาม สร้างสังคมพหุวัฒนธรรมสันติสุขในพื้นที่ปัตตานี
นายอับดุลฆอนี เจะโซะ อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ในฐานะหัวหน้าโครงการศึกษาวิจัยการขับเคลื่อนแพลตฟอร์มการเรียนรู้โดยใช้มัสยิดเป็นฐานในสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำงานวิจัยชิ้นนี้ โดยมุ่งเน้นที่จะนำเสนอความสวยงามของพื้นที่ที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยภาพความน่ากลัวของเหตุการณ์ความรุนแรงให้สังคมภายนอกได้รับรู้
“ภาพเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่ถูกถ่ายทอดออกไป
ทำให้ความสวยงามหลายมิติในพื้นที่ ทั้งทางธรรมชาติ
และความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมถูกฝังกลบ คนข้างนอกมองว่ามันน่ากลัว
ประกอบกับคนในพื้นที่มีความเข้าใจในเรื่องของสันติภาพหรือหลักคำสอนของศาสนายังไม่ถึงแก่นแท้
บางคนในพื้นที่ก็ถูกสั่งสอนหรือว่าถ่ายทอดด้วยแนวคิดที่ผิด ๆ ซึ่งจริง ๆ
แล้วหลักการอิสลามที่ถูกต้องคือการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
จึงเป็นที่มาที่ไปของการทำโครงการวิจัยชิ้นนี้”
นายอับดุลฆอนี กล่ว่า เนื้อหาของงานวิจัยชุดนี้แบ่งเป็น
5 โครงการย่อย ได้แก่
1. โครงการที่เป็นต้นแบบการเรียนรู้และนวัตกรรมชุมชนด้านคุณภาพชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรมโดยมัสยิดเป็นฐานในจังหวัดปัตตานี
2.โครงการต้นแบบการเรียนรู้และนวัตกรรมชุมชนด้านคุณภาพชีวิต (เศรษฐกิจชุมชนฐานราก) ในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยมัสยิดเป็นฐานในจังหวัดปัตตานี
3.โครงการการศึกษารูปแบบและกลไกของมหาวิทยาลัยฟาฏอนีในกระบวนการสร้างการเรียนรู้ร่วมกับมัสยิดโดยใช้โมเดลสันติภาพในจังหวัดปัตตานี
4. โครงการแหล่งเรียนรู้ยุคใหม่กับการขับเคลื่อนเมืองปัตตานีแห่งเศรษฐกิจความรู้
5. โครงการจัดทำแผนพัฒนาชุมชนเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์จังหวัดต่อการขับเคลื่อนแพลตฟอร์มการเรียนรู้โดยใช้มัสยิดเป็นแกนกลางเชื่อมโยงความร่วมมือของภาคีเครือข่าย
“เหตุผลที่เลือกขับเคลื่อนแพลตฟอร์มการเรียนรู้
โดยใช้มัสยิดเป็นแกนกลาง เป็นเพราะมัสยิด เป็นกลไกหนึ่งที่ใกล้ชิดกับคนในพื้นที่มากที่สุด
โดยมัสยิดที่ถูกเลือกจะพิจารณาจากคุณลักษณะที่สามารถเป็นตัวอย่างให้แก่มัสยิดอื่นๆ
นำไปขยายผลได้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายแห่งกระจายอยู่ใน 7 อำเภอ 10 ชุมชน เช่น
มัสยิดสุลตานมูซัฟฟาร์ซาห์ หรือมัสยิดกรือเซะ
ที่มีความโดดเด่นในมิติเชิงพหุวัฒนธรรม มัสยิดอัตตะอาวุน
ซึ่งโดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์วิถี
และความเป็นสื่อกลางที่สร้างความเข้าใจสังคมพหุวัฒนธรรม หรือมัสยิดตะลุบัน ซึ่งมีความโดดเด่นด้านกระบวนการจัดการการคลังชุมชนเพื่อชุมชน
พัฒนาคุณภาพชีวิตสู่สันติในสังคมพหุวัฒนธรรม รวมทั้งมัสยิดนูรุลชารีฟ
ซึ่งมีกองทุนคิดมัต เป็นกองทุนช่วยเหลือสาธารณประโยชน์
ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นสถาบันการเงินของชุมชน”
นายอับดุลฆอนี ยังกล่าวอีกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้นวัตกรชุมชนเป็นตัวแทนในแต่ละชุมชนที่ถูกคัดเลือกมา มีทั้งอิหม่ามหรือโต๊ะอิหม่าม เจ้าอาวาส ผู้นำทางศาสนา ผู้นำชุมชน เยาวชน ครู นักธุรกิจ และสมาชิกในชุมชนอีกหลากหลายอาชีพ โดยเขาเหล่านี้สามารถถ่ายทอดในเรื่องของสันติภาพ แต่อาจจะมีทักษะบางอย่างที่จะต้องเข้าไปสร้างหรือพัฒนาขึ้นในเรื่องขององค์ความรู้และวิธีการเพื่อจะทำให้ชุมชนได้รับการพัฒนาที่เร็วขึ้น
ส่วนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยชิ้นนี้
หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวว่าคณะผู้วิจัย
ได้เข้าไปถ่ายทอดองค์ความรู้การบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในพื้นที่มัสยิดกลางปัตตานี
ให้เกิดประโยชน์ในการสร้างรายได้แก่มัสยิด
ขณะเดียวกันก็นำองค์ความรู้ไปช่วยจัดระเบียบการบริหารจัดการกองทุนคิดมัต
ของมัสยิดนูรุลชารีฟ ให้เกิดประโยชน์ในการช่วยเหลือดูแลคนในชุมชนได้อย่างมั่นคง
รวมทั้งยังได้นำองค์ความรู้จากงานศึกษาวิจัยแบบที่ชาวบ้านมีส่วนร่วมไปช่วยพัฒนามัสยิดอื่นๆ
ในพื้นที่
นอกจากนี้ก็ยังบูรณาการความรู้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่ในการสร้างสันติสุขในพื้นที่ให้มีความยั่งยืน
ทั้งนี้โครงการวิจัยข้างต้น ยังได้ต่อยอดขยายผลนำไปเป็นส่วนหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ระดับจังหวัด
หรือเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาชุมชน แผนพัฒนามัสยิด
หรือแม้กระทั่งถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งในแผนพัฒนาองค์กรระดับจังหวัด
โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด หรือคณะกรรมการมัสยิด เป็นกลไกเชื่อมโยง
นายเฟาซาน อัลฟารีตี หนึ่งในนวัตกรชุมชนจากมัสยิดอีบาดุรเราะห์มาน (บราโอ) ต.ปูยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี กล่าวว่า ต้องขอบคุณทางบพท.และมหาวิทยาลัยฟาฎอนี ที่ได้ส่งมอบสิ่งดี ๆ จากงานวิจัยชิ้นนี้ให้มัสยิดและชุมชนซึ่งถือว่าทรงคุณค่าและมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง
“ผลจากงานวิจัยทำให้มีการถอดบทเรียนที่มีอยู่เดิมในการเป็นแบบอย่างให้กับมัสยิดหรือชุมชนอื่น ๆ ได้เข้ามาศึกษาดูงาน เนื่องจากมัสยิดแห่งนี้ถือเป็นแบบอย่างการเผยแพร่ศาสนาที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่เพียงคนที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ยังทำให้คนต่างศาสนาอื่น ๆ ได้เข้าใจในหลักของศาสนาอิสลามอย่างถูกต้องด้วย อีกทั้งยังทำให้เกิดการบริหารจัดการด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น”
โดยกระบวนการพัฒนาองค์ความรู้ที่สำคัญของโครงการวิจัยชิ้นนี้มีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการได้แก่ 1.IOK Syura (Islamisation of Knowledge Syura) หรือการประชุมแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน 2.PEACE Model หรือตัวแบบกระบวนการสันติภาพ 3. Hybrid Learning Platform IMC และ 4. Strategic Plan
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น