ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.แชร์เบื้องหลังโมเดลความสำเร็จWork fromHomeสู่Work from Anywhere ผุดโครงสร้างใหม่“ทำงานได้ทุกที่+ไฮบริด”หนุนท่องเที่ยวเข้าเป้า1.07ล้านล้าน

ททท.แชร์เบื้องหลังโมเดลความสำเร็จWork fromHomeสู่Work from Anywhere

ผุดโครงสร้างใหม่“ทำงานได้ทุกที่+ไฮบริด”หนุนท่องเที่ยวเข้าเป้า1.07ล้านล้าน

มี.ค.-พ.ค.65เปิดให้สต๊าฟปลดล็อกความเครียดเลือกใช้แหล่งเที่ยวทำงานได้

ช้อปคิงเพาเวอร์Online Summer Saleแบรนด์เนมลดสูงสุด 65% ถึง 18 เม.ย.นี้

สงกรานต์“รางน้ำนครา”17เม.ย.ช้อปชมจุใจวิถีไทยเพลงฉ่อยลำตัด-ระนาดเอก

ททท.ปลุกกระแสเจ้าบ้านที่ดีเจ้าภาพจัดเอเปคท่องเที่ยวครั้งแรก14-20 ส.ค.65

บางจาก”รับโล่สปน.62ปีผู้สนับสนุนกิจกรรมจิตอาสาเคียงข้าง5กลุ่มธุรกิจหลัก

ปทุมธานีวันเดียวเที่ยวครบสายมูไหว้ท้าวเวสฯ-สายกินFlorista-อาร์ตลาด100ปี

7 วิธีคลายร้อน!!แบบง่าย ๆ เมื่ออยู่ที่บ้านรู้แล้วจะรออะไรรีบลงมือทำได้ทันที

TCEB”นำคอร์ปอเรตต่างชาติรุกขายไมซ์เข้าไทยดึง57งานโกยเฉียด2พันล้าน

ลำพูนจัดวิถีถิ่นชาติพันธุ์ล้านนาบูมท่องเที่ยววัฒนธรรมยั่งยืน29เม.ย.-1พ.ค.นี้

 


วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz.ฟังทาง facebookLiveQFM97อ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #  # #

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้

 

ช่วงที่ 1 เจาะเบื้องหลังการจัดทัพองค์กรท่องเที่ยวกับ “สมฤดี จิตรจง” รองผู้ว่าการด้านบริหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมแชร์โมเดลความสำเร็จทัพหน้าและทัพหลังเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวชาติ ของสำนักงาน ททท. “ส่วนกลาง+ทั่วประเทศ+ทั่วโลก” ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ยาวนานกว่า 2 ปี ได้สูตรปรับโฉมรูปแบบทำงานวิถีใหม่ Work from Home สู่ต้นแบบ “อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ -Work from Anywhere” ควบคู่ “ระบบไฮบริด” ผสมผสานการทำงานผ่านออนไลน์และออฟไลน์   มี.ค.-พ.ค.65 นำร่องแผนปฏิบัติการทำงานได้ทุกที่ สร้างความสุขให้พนักงานกว่า 1,500 ชีวิต ปลดล็อกความเครียดเพิ่มประสิทธิภาพหนุนท่องเที่ยวโตตามเป้า 1.07 ล้านล้านบาท

 

นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านบริหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำโมเดลบริหารจัดการ ททท.ซึ่งเป็นองค์กรความเป็นเลิศทางการตลาดท่องเที่ยว ที่จะขอแชร์ประสบการณ์ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ตลอดช่วงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เรื่องแรก “พนักงาน ททท.” ทั้งสำนักงานใหญ่ สำนักงานทั่วประเทศ และสำนักงานทั่วโลก จะต้องทำงานให้ได้ในทุกสถานการณ์ แม้แต่การทำงานอยู่บ้าน Work from home หรือในสถานะที่โควิดเดลต้าหรือโอมิครอนระบาดมากขนาดไหนก็ตาม เพื่อดูแลประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรที่จะช่วยกันเป็นพลังสร้างรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ตามเป้าปีนี้ 1.07 ล้านล้านบาท

 

โดยเฉพาะเมื่อปี 2563 เป็นปีแรกในประวัติศาสตร์ที่ ททท.ต้องเผชิญกับการนำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นเลขเกือบ 0 คน แต่ ททท.ก็ไม่สามารถหยุดงานได้เพราะต้องรักษาสถานะทางการตลาดไว้ จึงต้องหาวิธีทำงานอย่างไรให้พนักงานเป็นปกติท่ามกลางโควิดและทุกคนต้องปลอดภัยด้วย

 

ทว่าเป็นความโชคดีของ ททท.ที่ ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ให้ความสำคัญกับเรื่อง “ระบบไอที” มีความจำเป็นต่อการทำงาน แล้วยังมองสำนักงานต่างประเทศต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอด ซึ่งมีบทเรียนตอน “ฮ่องกงประท้วง” สำนักงาน ททท.อยู่บริเวณนั้นพอดี จำเป็นจะต้องปิดแต่ก็ได้พัฒนาระบบ E-office ต่าง ๆ ขึ้นมา ซึ่ง ททท.ทำก่อนจะเกิดโควิดระบาดแล้ว ทดลองใช้กับสำนักงาน ททท.ต่างประเทศ

 

ททท.มีแผนรับมือกรณีเกิดปัญหาเรื่องของน้ำท่วม การประท้วงทางการเมือง หรือการต้องย้ายออฟฟิศ แต่ยังไม่เคยนำมาใช้กับแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการทำงานอยู่ที่บ้าน หรือ Work from Home ทั้งในส่วนกลาง ต่างจังหวัด และต่างประเทศ

 

ดังนั้นสถานการณ์โควิด-19 ถือเป็นสิ่งที่ดีในการปรับกระบวนการทำงานวิถีใหม่ ทดลองกับทดสอบแผนกับระบบที่วางไว้ว่าสามารถเดินหน้าได้หรือไม่ ปี 2563 อาจจะขลุกขลักอยู่บ้าง ก็ยังภาคภูมิใจเพราะ ททท.ถือเป็นหน่วยงานรัฐอันดับต้น ๆ ของประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในการนำโครงการ work from home เข้ามาใช้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ทดลองโดยมีระบบรองรับอยู่ถึงแม้จะไม่ได้ 100 % ททท.ก็สามารถทำงานได้ใกล้เคียงปกติ

 

มีบางช่วงรัฐบาลประกาศให้กลับเข้าทำงานในออฟฟิศได้ ททท.ก็ยังไม่ได้หยุดทดลองทำวิธีคู่ขนานกับ work from home มองว่ารูปแบบการทำงานแบบนี้จะต้องอยู่กับหน่วยงานอีกสักระยะ เนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงของอาการติดเชื้อโควิดเริ่มส่งผลรุนแรงกับผู้ป่วยน้อยลง แล้วคนของ ททท.ต้องเริ่มออกเดินทางต่างจังหวัด และต่างประเทศ

 

ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับ ททท.มีคนติดโควิด แล้วระบบสาธารณสุขอาจจะไม่ได้เตียงรองรับทั้งหมด ถึงกระนั้นก็จะต้องมีแผนรองรับไว้ มองเรื่อง “สุขภาพพนักงานเมื่อติดโควิด” ต้องรีบดูแลเพื่อรักษาได้ทันท่วงที ช่วงแรกปี 2563 พนักงาน ททท.สาขาต่างประเทศติดโควิด ก็จะไม่ได้รับการรักษาเพราะถือเป็นชาวต่างชาติ ททท.จึงได้จับมือกับกรมควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งมีนายแพทย์โสภณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ ให้ความช่วยเหลือ ให้ข้อมูล แนะนำ ททท.ดีมาก จนผ่านพ้นโควิดมาได้

 

ปี 2565 คน ททท.ก็ยังคงติดโควิด จึงได้จับมือกับทางโรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเป็น “Line Home Isolation” วางแผนไว้ว่าเมื่อพนักงาน ททท.ลูกจ้าง รวมแล้วกว่า 1,500 คน หากติดโควิดจะใช้วิธี “ลดการพึ่งพาใช้โรงพยาบาลทางสาธารณสุข” ซึ่งมีผู้ป่วยรอเตียงอยู่เป็นจำนวนมาก

 

ททท.ได้ใช้ไลน์กลุ่มดังกล่าวกับพนักงานกว่า 95 %  ด้วยการแนะนำ ให้ข้อมูล วิธีปฏิบัติหากติดโควิดแล้วต้องรักษาตัวอยู่ที่บ้านอย่างปลอดภัย โดยมีคุณหมอจากโรงพยาบาลรามาธิบดีแนะนำผ่านไลน์กลุ่ม และตัวดิฉันเองซึ่งเป็นรองผู้ว่าด้านบริหารคอยแนะนำพนักงานทุกคนด้วยตัวเอง จัดยา แล้วมีกลุ่มน้อง ๆ ททท.เป็นจิตอาสา ส่งยารักษาโควิดถึงบ้าน หรือจัดส่งอุปกรณ์ให้พนักงานที่ต้องการรักษษอยู่บ้าน เพื่อลดการพึ่งพาสถานที่ของสาธารณสุขเก็บไว้ให้ประชาชนคนอื่น ๆ ได้ใช้

 

โดยมีแผนงานดูแลพนักงาน ททท.ที่ติดโควิดรักษาตัวอยู่บ้าน จนหายเป็นปกติกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม เพื่อเป็น “ขวัญและกำลังใจพนักงานทุกคน” เมื่อออกไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอกแล้วเกิดติดเชื้อโควิดขึ้นมา ทางหน่วยงานจะดูแลเป็นอย่างดี

 

ททท.ได้ใช้วิธีดังกล่าวดูแลพนักงานองค์กรมาตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปัจจุบัน หลังจากนี้เป็นต้นไปโควิด-19 เริ่มซาลง แล้วรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศตามระบบ Test & Go ไม่ต้องตรวจหาเชื้อด้วย RT-PCR จากประเทศต้นทาง และจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลงจนเป็นการเดินทางปกติ

 

ดังนั้น ททท.โดย ดร.ยุทธศักดิ์ จึงมีนโยบายให้ขยายรูปแบบ ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะแนวทาง Work from Home ไปสู่ “Work from Anywhere คือ “อยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้” จึงทำเรื่อง “ระบบไฮบริด” ขึ้นมา ขณะนี้เป็นช่วงทดลองนำระบบมาใช้ปฏิบัติดังต่อไปนี้

1.ปกติพนักงานจะต้องทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ให้พนักงานทดลองเลือกวันหยุด 2 วัน อังคาร-พฤหัสบดี วันไหนก็ได้ จะติดกันหรือเว้นวันก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าให้หยุดทำงาน แต่เพื่อให้ทำงานจากที่ไหนก็ได้

จุดประสงค์ของการทำไฮบริดมี 2 นัยสำคัญ 1.สมัยก่อนพอมีคนภายนอกมาติดต่อจะบอกว่าพนักงานไปข้างนอกไม่สามารถติดต่องานได้ ต่อไปนี้จะไม่เจอปัญหานี้อีกแล้ว นั่นคือทุกคนสามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านระบบไอที 2.ลักษณะการทำงานของ ททท.แทบไม่มีวันหยุด บวกกับระยะหลังพนักงานมีความเครียดสูง งานหนักแต่ไม่ได้เพิ่มอัตรารับสมัครคนใหม่เข้ามานานกว่า 10 ปีแล้ว ทำให้เกิดภาวะงานจึงโหลด ฉนั้นการเปิดโอกาสให้พนักงานไป Workation ที่ไหนก็ได้สุขภาพก็จะดีขึ้น แล้วประสิทธิภาพการทำงานก็จะดีด้วยเช่นกัน

 

ททท.เคยดูงานศึกษาวิจัยจากต่างประเทศ องค์กรที่นำระบบ Workation กับ ไฮบริด เข้ามาใช้จะทำให้ “ประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรออกมาดีกว่าปกติทั่วไป” แทนการทำงานในออฟฟิศ 100 %

 

ตามแผนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน-พฤษภาคม 2565 ททท.กำลังทดลองใช้ระบบการทำงาน Workation +Hybrid ให้พนักงานสามารถเลือกหยุดวันธรรมดาแล้วไปทำงานที่ไหนก็ได้ แล้วจะติดตามประเมินดูว่าการทำงานจะสะดุดหรือไม่ การทำงานคล่องตัวหรือไม่ อุปกรณ์ไอทีขาดอะไรอีกบ้าง แล้วนำปัญหาต่าง ๆ มาวิเคราะห์แก้ไข จากนั้นในปี 2566 จะนำระบบการทำงานตามรุปแบบดังกล่าวมาใช้อย่างเต็มที่

 

นางสาวสมฤดี ย้ำว่า การเปิดโอกาสให้พนักงาน ททท. นำระบบทำงานที่ไหนก็ได้ผ่านอุปกรณ์ไอที นั้นไม่ได้หมายความว่า จะให้พนักงานหยุดงาน แต่เป็นการปรับรูปแบบทำงานวิถีใหม่ อยู่ที่ไหนก็ตาม การทำงานจะต้องไม่สะดุด เพราะมองว่าหาก “บุคลากรแข็งแรง” งานก็จะเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะทัพหน้า คือ “ผู้ว่าการกับฝ่ายบริหาร” ไปลุยทำตลาดทั้งในประเทศและทั่วโลก ส่วน “ทัพหลัง” เป็นพลทหารหรือพนักงานที่อยู่ข้างหลังต้องแข็งแรง

 

  นอกจาก ททท.จะปรับรูปแบบการทำงานวิถีใหม่แล้ว ยังเป็นปีปรับโครงสร้างองค์กรใหญ่ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยปรับมาตั้งแต่ 2562 ทางคณะกรรมการ (บอร์ด) ททท.เล็งเห็นถึงการนำไอทีมาพัฒนาท่องเที่ยว จึงมี “รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล” ขึ้นมา แล้วหลังจากปรับโครงสร้างใหญ่แล้วก็ประเมินเหมาะกับยุค New Normal ด้วยหรือไม่ เพราะจากนี้ไประบบการทำงานแบบราชการเดิม ๆ ต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว เพื่อให้เข้ากับบริบทสถานการณ์ต่าง ๆ

 

ดังนั้น ททท.จะต้องทบทวนอีกครั้งว่าปี 2565 หลังจากได้ปรับโครงสร้างไปแล้วเมื่อปี 2562 ตอนนี้ยังต้องปรับเพิ่มส่วนใดอีกบ้าง เพื่อให้งานท่องเที่ยวเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง

 

รวมถึงเรื่องสำคัญคือ “การสร้างองค์ความรู้ให้พนักงาน” ปรับปรุงหลักสูตรให้ความรู้ในลักษณะ New Normal มากขึ้น แต่ละปีถึงแม้จะไม่ได้รับพนักงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ขณะเดียวกันก็มีพนักงานเกษียณอายุ ประมาณปีละ 25-30 คน ซึ่งหมายความว่า “น้ำใหม่หรือพนักงานสายขาว” ซึ่งจะมีทีมพี่เลี้ยงคอยฟูมฟักให้น้อง ๆ เข้ามาแล้วทำงานได้เลยอย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่รับมาแล้วต้องฝึกอีก 8-9 เดือนถึงจะเริ่มทำงานได้

 

“ทีมพี่เลี้ยง” จะมีบทบาทสำคัญคอยปะกบ “พนักงานสายขาว” ให้ทำงานได้อย่างเข้มแข็ง โครงการนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญการพัฒนา ททท.ยุคปัจจุบัน สู่อนาคต ซึ่งทาง ผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ ให้ความสำคัญอย่างมากเรื่องการพัฒนาบุคลากรทำให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เมื่อ “คน-งาน” เข้มแข็ง การทำงานตลาดของ ททท.ก็จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงด้วย

 

นางสาวสมฤดี กล่าวว่า ปี 2566 การทำแผนเพื่อขับเคลื่อนบุคลากรด้วยไอทีนั้น ยังคงติดปัญหาอยู่พอสมควรที่ไม่ได้งบสนับสนุนการจัดหาอุปกรณ์ เพราะในระบบราชการต้องคำนึงถึงอายุการใช้งานซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดต้องใช้งานนานพอสมควร แต่ทางผู้ว่าฯ ยุทธศักดิ์ แนะนำให้พาวิธีที่จะทำให้แผนงานไม่สะดุดเน้นเรื่องการทำงานเป็นหลัก

 

จากการทำแบบสอบถามกับพนักงาน ททท.ที่ทำงานอยู่บ้านช่วงโควิด สะท้อนความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ต้องการได้อุปกรณ์ที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น แล็ปท็อป ไอแพ็ด ซึ่งพนักงานเงินเดือนไม่ได้สูงมากจึงไม่สามารถซื้อเป็นทรัพย์สินส่วนตัวแล้วนำมาใช้ทำงานขององค์กรได้ อีกทั้งการใช้งบประมาณตอนนี้ต้องเข้าใจว่า รัฐบาลต้องมุ่งไปยังเรื่องการใช้งบเพื่อดูแลป้องกันรักษาสุขภาพประชาชน ททท.ก็เข้าใจความจำเป็นดังกล่าว

 

รวมถึงข้อกำหนดของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับอุปกรณ์อิเลคทรอนิก ค่อนข้างจะยาวนานมากเกินไป ก็ส่งผลทำให้มีปัญหากับรุ่นใช้งานกับระบบบำรุงรักษาไม่มีสินค้าในตลาด เช่น หมึกปริ๊นท์ตกรุ่นไม่มีขายในท้องตลาด หรือเครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ มีผลให้ ททท.หรือหน่วยงานรัฐก้าวไปสู่องค์กรดิจิทัลไม่ได้เร็วนัก

 

นางสาวสมฤดี กล่าวว่า ผู้ประกอบการ หรือพันธมิตรทุกภาคส่วนที่จะติดต่อทำงานกับ ททท.นับจากนี้ไปจะได้รับบริการตามวิถีใหม่ Work from anywhere และไฮบริด นั้น  1.ทุกฝ่ายจะยังคงได้รับบริการตามปกติไม่สะดุด ด้านการติดต่อประสานงานได้ทั้งทาง Line และช่องทางโซเชียล เพราะพนักงานทุกคนจะต้องมี KPI ประเมินผลสำเร็จแต่ละงานด้วย 2.ตัวชี้วัดจะมีแบบ KPI กับ complitency แต่ละคนจะต้องรู้ว่าแต่ละเดือนจะต้องทำงานให้สัมพันธ์กับเรื่องใดบ้าง ซึ่งเป็นระบบที่สามารถครอสเช็คได้โดยอัตโนมัติ จึงขอให้มั่นใจว่าภาคเอกชนจะได้รับบริการจาก ททท.ดีกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถไประดมความเห็นทำตลาดนอกสถานที่กับเอกชนได้ด้วย

 

ปี 2565 จะเป็นปีที่ทุกบริษัท และองค์กร จะต้องปรับตัวเรื่องการทำงานครั้งใหญ่ ททท.พร้อมจะแชร์ประสบการณ์และแผนงานเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับแต่ละหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้บุคลากรมีพลัง มีความสุขกับการทำงานทุกวัน

 

ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 

ข่าวที่ 1 ช้อปคิงเพาเวอร์Online Summer Saleแบรนด์เนมลดใหญ่65%ถึง18เม.ย.นี้

 

         คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ชวนช้อปรับลมร้อนกับแคมเปญพิเศษ ส่งความสุขในช่วงเทศกาลสงกรานต์ กับการช้อปสินค้าแบรนด์เนม ราคาดิวตี้ฟรี เป็นของขวัญ ของฝาก ในแคมเปญ ONLINE SUMMER SALE รีบร้อนไปช้อป กับที่สุดของหน้าร้อน” ตั้งแต่วันที่ 8 - 18 เมษายนพบกับ 3 ดีลสุดคุ้ม พร้อมรับส่วนลดสูงสุดถึง 65% ช้อปได้ทันทีแบบไม่ต้องมีไฟลต์บิน ช้อปเลยคลิก : https://bit.ly/3LkNJkK
 

         ดีลที่ 1 สินค้าแบรนด์เนมลดสูงสุด 45% เมื่อช้อปครบ 3,000.- เพียงใส่รหัส GOSUMMER

         ดีลที่ 2 แจก 500 โค้ดพิเศษ เฉพาะวันที่ 13-15 เมษายน รับส่วนลดเพิ่มทันที 5% เมื่อช้อปครบ 6,000.- รับรหัสส่วนลดได้ที่หน้าเว็บไซต์ www.kingpower.com

 

ดีลที่ 3 วันที่ 18 เมษายน พลาดไม่ได้กับ POWER DEAL ช้อปสินค้าที่ร่วมรายการได้จุใจแบบไม่ต้องมีขั้นต่ำ สูงสุด 65% ไม่ต้องใส่รหัสส่วนลด

 

         รับฟรียาดม PARTEL POCKET INHALER คละสี ทุกการสั่งซื้อและพลาดไม่ได้กับอีกหนึ่งความพิเศษ! เฉพาะลูกค้า คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ เมื่อใส่รหัส SV CODE ลดเพิ่มทันที 5% เมื่อช้อปครบ 1,200 บาท

 

         พร้อมบริการ Home Delivery จัดส่งสินค้าฟรีทั่วประเทศ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 699 บาท เปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์เหนือขีดจำกัดได้แล้ว ที่ www.kingpower.com และ คิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชัน

 

ข่าวที่ 2 สงกรานต์“รางน้ำนครา”ช้อปชมจุใจวิถีวัฒไทยเพลงฉ่อยลำตัด-ระนาดเอก

 

คิง เพาเวอร์” ปลุกทุกคนมาร่วมส่งท้าย “สงกรานต์ไทยแลนด์ แดนอัศจรรย์” ภายใต้แนวคิด “อัศจรรย์รางน้ำนครา อัศจรรย์พัทยาวิถี อัศจรรย์นาวาศรีวารี อัศจรรย์นทีภูเก็ตไทย” เพื่อให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและประเพณีอันงดงามในบรรยากาศแบบไทยโบราณ

 

            วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน 2565 ส่งท้ายความสุขปีใหม่ไทย ที่ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” ชมการแสดงตอกย้ำถึงวัฒนธรรมประเพณีไทย ได้ตั้งแต่ 11.30 น. กับการแสดง 2 ชุด สลับมากันสร้างความสุขอย่างจุใจ ดูกันแบบเต็มอิ่ม รอบละ 1 ชั่วโมง คือ 

 

ชุดแรก -การแสดงขบวนแห่กลองยาวประกอบเพลงฉ่อยลำตัด หาชมได้ยาก รอบเช้า 11.30 น. และ บ่ายถึงค่ำอีก 2 รอบ ช่วง 14.00, 17.00 น.

 

ชุดที่ 2 -ชมการแสดงระนาดเอก จาก FINO THE RANAD โดย ปาเจร พัฒนศิริ ได้ถึง 3 รอบ เวลา 13.00, 15.00, 19.00 น.

 

พร้อม ๆ กับร่วมสรงน้ำพระประจำวันเกิดเพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ไทย พร้อมรับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิถีชีวิตและความเชื่อของคนไทยเรื่องตำนานสงกรานต์ การบูชาพระและดอกไม้ประจำวันเกิด ผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ศรีวารี พัทยา และภูเก็ต

 

ข่าวที่ 3 ททท.ปลุกกระแสเจ้าบ้านที่ดีเจ้าภาพจัดเอเปคท่องเที่ยวครั้งแรก14-20 ส.ค.65

 

นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคด้านการท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ครั้งแรก ระหว่าง 14 - 20 สิงหาคม 2565 ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ จะแสดงให้เห็นทิศทางการท่องเที่ยวภายหลังวิกฤตโควิด-19 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค นำไปสู่การจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในภูมิภาคให้ดีกว่าเดิม อันจะเป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมด้านการท่องเที่ยว ในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ซึ่งจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2565 โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเช่นกัน

 

ทางด้าน “การท่องเที่ยวไทย” จะสะท้อนยุทธศาสตร์การฟื้นฟูเขตเศรษฐกิจไทย ภายหลังวิกฤตการณ์โควิด-19ให้ความสำคัญกับ 6 เรื่อง ประกอบด้วย

 

1.การกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ

2.การสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

3.การส่งเสริมการกระจายรายได้แก่ผู้ประกอบการ

4.การจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งโรงแรม สายการบิน ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว

 

5.การให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้ความปกติใหม่ หรือ New Normal เน้นความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัย และการให้บริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

 

6.การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Tourism) ภายใต้นโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว 5 ประการ คือ การท่องเที่ยวที่ปลอดภัย - สะอาด - รักษ์สิ่งแวดล้อม -  เป็นธรรม – และยั่งยืน หรือ Safe – Clean – Green – Fair - Sustainable

    

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การจัดประชุมเอเปคถือเป็นเวทีของความร่วมมือที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย 21 เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคจะร่วมกันหารือเรื่อง 1.การเปิดเสรีทางการค้าการลงทุน 2.การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ 3.ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจวิชาการ และ 4.การท่องเที่ยว

 

สถิติสมาชิกเอเปคมีผลผลิตมวลรวมในประเทศหรือ GDP รวมกันทั้งสิ้นกว่า 53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1,700 ล้านล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าการค้ารวมกันเกือบครึ่งหนึ่งหรือ 50 % ของการค้าโลก

 

ในปี 2565 ประเทศไทยกำหนดหัวข้อหลักของการประชุม คือ เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยง สู่สมดุล มีประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยจะขับเคลื่อน  3 ประเด็น ได้แก่ 

 

1.การอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน มุ่งหารือเรื่องเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก (FTAAP)  E-Commerce เศรษฐกิจดิจิทัล 

 

2.การฟื้นฟูความเชื่อมโยงในเอเปค โดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยว มุ่งฟื้นการเดินทางข้ามพรมแดน อำนวยความสะดวกในการเดินทางระยะยาว รวมถึงการขยายขอบเขตของ APEC Business Traveler Card  

 

3. การส่งเสริมการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม โดยมีผลลัพธ์ในการจัดทำ Bangkok Goal ด้าน BCG ซึ่งจะเป็นเอกสารสำคัญที่จะได้รับการรับรองในการประชุมระดับผู้นำเอเปคเดือนพฤศจิกายน 2565

 

ในเวที “การประชุมระดับผู้นำ” จะย้ำเจตนารมณ์ที่จะผลักดันการฟื้นตัวจากโควิด-19 ที่ยั่งยืน สมดุล และครอบคลุม บรรลุเป้าหมายทางด้านสิ่งแวดล้อม ภูมิอากาศ และการพัฒนาที่ยั่งยืน 

 

ส่วนเวที “ด้านการท่องเที่ยว” จะจัดประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปคและระดับคณะทำงาน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ทีมงานและสื่อมวลชนต่างประเทศ กว่า 300 คน ซึ่งประเด็นหลักที่ประเทศไทยต้องการผลักดันในมิติการท่องเที่ยว ได้แก่ “Regenerative Tourism: การท่องเที่ยวฟื้นสร้างอย่างยั่งยืน” เพื่อสร้างการท่องเที่ยวที่นำไปสู่ความยั่งยืนและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกภาคส่วน โดยจะมีรูปแบบการจัดงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ใช้ผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อแสดงความสร้างสรรค์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสะท้อนแนวคิด BCG (Bio-Circular-Green Economy) และกระจายรายได้การท่องเที่ยวให้แก่เศรษฐกิจท้องถิ่น

 

ดร.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นอกเหนือจากการประชุมระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปคและคณะทำงาน ยังมีกิจกรรมคู่ขนาน ได้แก่   การจัดสัมมนาวิชาการ ภายใต้หัวข้อ “Co–Creating Regenerative Tourism”กิจกรรมทัศนศึกษาสำหรับผู้เข้าร่วมประชุมระดับคณะทำงาน และ  นิทรรศการบริเวณด้านหน้าห้องประชุม 

 

ในการประชุมเอเปคด้านการท่องเที่ยวปี 2565 ได้รับความร่วมมือจาก 5 โรงแรมคุณภาพในกรุงเทพฯ ที่ได้รับมาตรฐาน SHA ให้เป็นสถานที่จัดประชุมและที่พัก คือ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ โรงแรมเซนต์รีจิส โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ และโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ 

 

ข่าวที่ 4 “บางจาก”รับโล่สปน.62ปีผู้สนับสนุนกิจกรรมจิตอาสาเคียงข้าง5กลุ่มธุรกิจ

 

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นตัวแทนองค์กรเข้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เนื่องในโอกาสคล้ายวันสถาปนา สปน. ครบรอบปีที่ 62 และเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2565 ในรูปแบบออนไลน์

 

ตามที่ บมจ.บางจาก ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของสปน. ในด้านสาธารณกุศล รวมถึงกิจกรรมจิตอาสา สนับสนุนการศึกษาของเยาวชน และกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

ทาง สปน.มีพิธีมอบโล่ให้หน่วยงานที่สนับสนุนกิจกรรม เพื่อเป็นการขอบคุณหน่วยงานรวม 33 องค์กร ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ สปน. โดยมี นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกองค์กรด้วย

 

สำหรับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลักคือ

 

1.กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน เป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย และปรับเป็น Niche Products Refinery เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ low emission

 

2.กลุ่มธุรกิจการตลาด มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันกว่า 1,200 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ Non – oil ผ่านธุรกิจต่าง ๆ เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio และ EV charger

 

3.กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผ่านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของ บมจ. บีซีพีจี และรุกเข้าสู่ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่

 

4.กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และกำลังขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง

 

5.กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและธุรกิจใหม่ ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และมีสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เป็นผู้ลงทุน Corporate Venture Capital เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนวัตกรรมสีเขียว ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพ

 

            ช่วงที่ 2 พร้อมแล้วที่จะเปิดเส้นทางปลุกเหล่านักเดินทางออกเที่ยว “ปทุมธานี” วันเดียวเที่ยวครบ “สายมู” ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ เช็คอินวัดศรีสโมสรคลอง 7 อ.หนองเสือ กับวัดสายไหม อ.ลำลูกกา สายกินฟินต้องแวะ “Florista” ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี คาเฟ่สวนสวยสไตล์อังกฤษ “สายอาร์ต” อย่ามองข้ามตลาด 100 ปี คลอง 12 หกวา อ.ลำลูกกา รีบมาเลยก่อนจะตกเทรนด์ แล้วดับร้อน ด้วย “7 วิธีอยู่บ้านทำได้ง่าย ๆ “ พร้อมกับฟังข่าวฮ็อตส่งท้ายสัปดาห์  ข่าวแรก “TCEB นำคอร์ปอเรตต่างชาติสำรวจไทย” ขายได้แล้ว 57 งาน ฟันเหนาะเฉียด 2,000 ล้านบาท ข่าวที่สอง “ลำพูน” บูมจัดวิถีถิ่นวัฒนธรรมล้านนา 29เม.ย.-1พ.ค.65 บูมท่องเที่ยวยั่งยืนฟื้นชีวิตชาติพันธุ์ชาวลำพูน

 

พาเที่ยว -ปทุมธานีวันเดียวเที่ยวครบสายมูไหว้ท้าวเวสฯ-สายกินFlorista-อาร์ตตลาด100ปี

 

ได้เวลาปลุกสาวกนักเดินทางสายมูออกตะลอนเที่ยว “จังหวัดปทุมธานี” วันเดียวเที่ยวได้ถึง 6 แห่งแบบชีล เริ่มจาก ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ แวะชมมินิซู เดินชมสตรีทฟู้ดเก๋ ๆ  ในตลาด 100 ปี ก่อนกลับยังสามารถแวะไหว้ท้าวเวสสุวรรณแห่งเดียวได้ครบถึง 4 องค์ เพียงตื่นเช้าขึ้นมาแล้วเตรียมตัวออกเดินทางช่วงสาย ๆ 9 โมงเช้า วางแผนขับรถเช็คอิน ได้เลย

 

เช็คอินจุดที่ 1 เอาฤกษ์เอาชัย “ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ” ถือถุงเงินถุงทอง  (ปางขอพร สมปรารถนา)  หนึ่งเดียวในประเทศไทย ใน วัดศรีสโมสร คลอง 7 อ.หนองเสือ ท้าวเวสสุวรรณวัดนี้ไม่เหมือนอื่นใด ได้รับการปลุกเสกขึ้นโดยเกจิอาจารย์ ชื่อดังของเมืองไทยหลายรูป สร้างขึ้นเมื่อปี 2559 ความสูง 2.59 เมตร หล่อด้วยพิธีเททองหล่อโบราณ เป็นทองเหลืองผสมทองแท้

 

ท้าวเวสสุวรรณองค์นี้ มีเอกลักษณ์เฉพาะพิเศษ ที่ไม่เหมือนวัดใด โดยมือข้างซ้ายถือถุงเงิน-ถุงทอง สวมแหวนหมดครบทุกนิ้ว ยืนเฝ้าหีบทรัพย์สมบัติ เปรียบเหมือนเจ้าสัว ที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย เหลือกิน เหลือใช้ ถือเป็นมงคล ร่ำรวย มีทรัพย์สมบัติ นักท่องเที่ยวสามารถปิดทอง ขอพร และเมื่อสมหวังก็มักนำของสีแดงมาถวาย เช่น ดอกกุหลาบแดง น้ำแดง พวงมาลัยแดง

 

เช็คอินจุดที่ 2 ชมสวนสัตว์ Mini Zoo ธัญบุรี สวนสัตว์แห่งใหม่ที่ย้ายมาจากสวนสัตว์ดุสิต ที่เพิ่งเปิดให้เข้าชมฟรี เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565 เป็นต้นมา ภายในเปิดให้นักท่องเที่ยวชม 5 โซน  ได้แก่

 

1.ทุ่งกระเรียนไทย2.ส่วนแสดงสัตว์เลื้อยคลาน (เต่าซูลคาต้า, เต่าบึง)3.ส่วนแสดงแรคคูน4.ส่วนแสดงสัตว์ตระกูลลิง (ริงเทลลีเมอร์, ลิงกระรอก) 5.ส่วนแสดงหนูยักษ์คาปิบารา

 

เปิดบริการ “วันธรรมดา” ตั้งแต่ 9.30-16.30 น. “วันเสาร์-อาทิตย์” และวันหยุดนักขัตฤกษ์  ตั้งแต่ 8.30-17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์และยังมีตลาดต้นไม้  ให้ช้อป ชิม ชิลล์ ด้วย

 

เช็คอินจุดที่ 3 ร้าน “Florista Cafe And Eatery แวะกินมื้อเที่ยงในร้านเก๋ ๆ สไตล์อังกฤษ ตรง ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี  ห้อมล้อมด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิค สบาย ๆ สไตล์ไอหมอก ดอกไม้ และต้นไม้นานาพันธุ์ สดชื่น เปิดบริการทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 9 โมงเช้าเป็นต้นไป

 

ไฮไลต์มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ โพสต์ท่ากันให้สนุกสุดปัง โดยสวนด้านหน้า เป็นสวนสไตล์อังกฤษ ด้านหลังเป็น สวนทะเลหมอก เตรียมกล้องให้พร้อม แล้วแวะมาเที่ยวกัน

 

เช็คอินจุดที่ 4  “วัดป่าเจริญราช” ต.ทองหลาง อ.ลำลูกกา  เป็นศูนย์วิปัสสนากรรมฐานยอดนิยม มีอุโบสถแบบโบราณสวยงาม อันเกิดจากศรัทธาของผู้มาปฏิบัติธรรม ซึ่งสร้างจากไม้ทั้งหลัง ภายในมีภาพไม้สลักประดับอย่างสวยงาม

 

เช็คอินจุดที่ 5 “ตลาดโบราณ 100 ปี คลอง 12 หกวา” พาชมโลเคชั่นลับ ๆ ฉบับปทุมธานี ช้อปปิ้งพื้นบ้านในสถานที่มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ย้อนยุคสไตล์สายวินเทจ

 

พิเศษ!! ตลาดแห่งนี้มีถนนศิลปะหรือ STREET ART น่ารัก ๆ ซ่อนอยู่ตามมุมต่าง ๆ อันเกิดจากฝีมือของคนในชุมชน แล้วพลาดไม่ได้กับมุมที่ใครเห็นก็ต้องบอกว่าคุ้นตา คือสะพานกิมช้วน ชื่อมาจากเจ้าของร้านกาแฟโบราณ เตียย่งหลี ที่ตั้งอยู่เชิงสะพาน มักเห็นในละครและภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง และใครมาก็ต้องถ่ายคู่กับมุมนี้

 

ห้ามพลาด ลิ้มลอง "หน่อเค้า" เครื่องดื่มของคนสองใจ จากคำว่า หน่อ ที่แปลว่า สอง เค้า ที่แปลว่าปาก เมื่อมารวมกันกลายเป็น ชื่อเครื่องดื่มที่ ผู้ชงรังสรรค์ สร้างมาเพื่อให้เกิดรสชาติ ผสมระหว่าง โอเลี้ยงเข้มข้น กับ ชาดำหอมๆ แยกกันเป็นชั้น อยู่บนชั้นของนมข้นหวานที่หวานมัน ยิ่งทานแบบร้อน ในพื้นที่สุดขลัง ตลาดเก่าของจริงที่สร้างมากว่า 100 ปี นอกจากไข่ลวกแล้ว ยังมี หมูสะเต๊ะ มันน้อย น้ำจิ้มเข้มข้น ทานเป็นของว่าง เบาๆแล้ว รับรองอร่อยติดใจ

 

เช็คอินจุดที่ 6 “วัดสายไหม” ต.คูคต อ.ลำลูกกา ส่งท้ายความปัง ก่อนกลับเข้ากรุง ต้องไป “ขอพลัง#ท้าวเวสสุวรรณ” ได้ชื่อว่าเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย เป็นอธิบดีแห่งยักษ์ ใครหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา

 

ภายในวัดสายไหม มีท้าวเวสสุวรรณ ตั้งตระหง่าน ให้ขอพรได้ทั้งหมดถึง 4 องค์ องค์ที่ 1 สีแดง โดดเด่นในเรื่องอำนาจบารมี  องค์ที่ 2 สีเขียว โดดเด่นเรื่องการเก็บเงิน องค์ที่ 3 สีทอง โดดเด่นเรื่องสุขภาพ และองค์ที่ 4 สีเงิน โดดเด่นในเรื่องโชคลาภ

 

ท่านพระครูโสภณภัทรเวทย์ (หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก) พระเกจิที่มีชื่อเสียงของจังหวัดปทุมธานี ได้ประกอบพิธี บวงสรวงสมโภช และเบิกเนตร พุทธาภิเษก ท้าวเวสสุวรรณ เมื่อเร็ว ๆ นี้ วันที่ 10 มีนาคม 2565

 

เที่ยวใกล้กรุง เที่ยวใกล้ เที่ยวง่าย มาเช็คอินแบบไปเช้ากลับเย็นได้ทุกวันที่ จังหวัดปทุมธานี

 

สุขภาพ -7วิธีคลายร้อนแบบง่าย ๆ เมื่ออยู่ที่บ้านรู้แล้วรีบลงมือทำได้ทันที

 

ตอนนี้อากาศในบ้านเราร้อนรุนแรง ดังนั้น จึงควรหาวิธีรับกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจทำได้ ดังนี้

 

 

1.เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสม - ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีเนื้อบางเบา ทำจากผ้าฝ้าย และมีทรงหลวมเพื่อเพิ่มการระบายอากาศและลดความอับชื้น ทำให้เสื้อผ้าแห้งได้ไว การเลือกเสื้อผ้าโทนสีอ่อนแทนโทนสีเข้มอาจช่วยลดการดูดซับความร้อนได้ นอกจากนี้ เมื่อต้องออกแดดควรพกแว่นตากันแดด หมวก ร่ม หรือพัดลมพกพาขนาดเล็กติดตัวไปด้วย

 

2.เติมน้ำให้ร่างกายเสมอ -น้ำดื่มเย็น ๆ อาจช่วยบรรเทาความร้อน และความรู้สึกกระหายน้ำหลังจากการออกแดดหรือกิจกรรมที่ต้องอยู่สถานที่อบอ้าว การดื่มน้ำมาก ๆ หากต้องการดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติ น้ำมะพร้าว อาจเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะน้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยอิเล็กโทรไลต์หรือแร่ธาตุที่ช่วยรักษาน้ำภายในร่างกาย รวมทั้งผลไม้ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ อย่างแคนตาลูป แตงโม แตงกวา และสตรอเบอรี

 

 

3.ลดอุณหภูมิให้กับร่างกาย - การอาบน้ำให้บ่อยขึ้นจะอาจช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายและทำความสะอาดเหงื่อไคลได้ในเวลาเดียวกัน หรือหากไม่สะดวกที่จะอาบน้ำสามารถนำน้ำเปล่าหรือน้ำแร่กรอกลงขวดสเปรย์และนำไปแช่ตู้เย็น เมื่อกลับมาจากการสัมผัสกับแสงแดดสามารถนำสเปรย์มาฉีดเพื่อคลายร้อนได้ นอกจากนี้ หากมีครีมหรือโลชั่นสามารถนำไปแช่ตู้เย็น เมื่อนำออกมาทาอาจให้ความรู้สึกสดชื่นและสบายตัวกว่าการทาแบบปกติ

 

4.ทำให้บ้านเย็นขึ้น การเปิดประตูและหน้าต่างจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดี จะทำให้เกิดการหมุนเวียนของลมภายในบ้าน พัดความร้อนสะสมออกไป พร้อมกับเปิดพัดลมยังสามารถเพิ่มการไหลเวียนของลมได้อีกด้วย นอกจากนี้ การปลูกต้นไม้ภายในบ้านอาจช่วยทำให้บ้านเย็นและสดชื่นขึ้นได้อีกด้วย

 

5.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต - เปลี่ยนเวลาการทำกิจกรรมบางอย่างอาจช่วยคลายร้อนและลดเสี่ยงของโรคที่เกิดจากความร้อนได้ด้วย เช่น หากปกติออกกำลังกายในเวลาเที่ยงหรือบ่ายอาจเปลี่ยนเวลาเป็นช่วงเช้าก่อน 7 โมงหรือช่วงเย็นหลัง 5 โมงเย็นเป็นต้นไป นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในเวลากลางวันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถทำได้

6.ลดการรับประทานของร้อน อาหารไทยนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเผ็ดร้อน การรับประทานอาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนอาจทำให้รู้สึกร้อนและอุณหภูมิร่างกายนั้นสูงขึ้น รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้ว่าจะเป็นแบบแช่เย็นก็ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นและอาจเป็นอันตรายได้จึงควรเลี่ยงโดยเด็ดขาด และยังควรงดหรือจำกัดการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเนื่องจากคาเฟอีนอาจเพิ่มความเสี่ยงให้ร่างกายขาดน้ำได้

7.ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย - ความร้อนสามารถทำให้รู้สึกหงุดหงิด เครียด หรือความรู้สึกทางลบอื่น ๆ ได้ จึงควรหากิจกรรมทำในยามว่างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่าน โดยอาจเลือกกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น เล่นโยคะ ว่ายน้ำ หรือออกไปตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างห้างสรรพสินค้า ห้องสมุด หรือโรงหนัง

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก TCEB”นำคอร์ปอเรตต่างชาติขายไมซ์เข้าไทยดึง57งานโกยเฉียด2พันล้าน

 

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEBเปิดเผย ทีเส็บเดินหน้ากระตุ้นตลาดต่างประเทศทันที ขานรับนโยบายรัฐบาลเปิดประเทศ นำร่องรุกทำตลาดที่มีโอกาสฟื้นตัวเร็ว 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรก การจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (incentive) กับ กลุ่มที่ 2 ตลาดงานประชุมนานาชาติ จะต้องวางแผนระยะยาว

 

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม -1 เมษายน 2565 ทีเส็บได้จัดงาน 2022 Thailand MICE Familiarization Trip ขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เดินทางสำรวจพื้นที่จัดงานและทำกิจกรรม กรุงเทพ – ภูเก็ต โดยนำตัวแทนตลาดไมซ์อินเตอร์ 14 ประเทศ 15 ตลาด 43 ราย จากบริษัทตัวแทนการเดินทางไมซ์ (MICE Agent) บริษัทผู้ให้บริการจัดงานอีเวนต์ (Event Planner) นักวางแผนการจัดประชุม (Meeting Planner) ผู้แทนจากองค์กรธุรกิจ (Corporate) และกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการด้านบริหารจัดงานประชุม (Professional Conference Organizer - PCO)

 

ประกอบด้วย ตัวแทนจาก ออสเตรเลีย เบลเยียม บัลแกเรีย แคนาดา ฝรั่งเศส อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และ 1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 

 

            นายจิรุตถ์กล่าว เป้าหมายการจัดทริปให้ตัวแทนตลาดต่างประเทศครั้งนี้ มุ่งสร้างประสบการณ์ตรงจากการเข้ามาศึกษาเส้นทางดูความพร้อมและศักยภาพของไทย ทางด้านการจัดงานประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมวิชาชีพระดับนานาชาติ ที่จะได้เห็นสถานที่จัดงาน โรงแรมที่พัก รูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมวิธีการเดินทางเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนแนวปฏิบัติด้านสุขอนามัยในการจัดงาน จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการไมซ์ในต่างประเทศให้ตัดสินใจเลือกไทยเป็นสถานที่จัดงาน

 

            ทีเส็บจัดกิจกรรมแฟมทริปรวม 7 วัน และคืนสุดท้ายจัดงานเลี้ยงขอบคุณผู้ร่วมทริป  The Embrace of Thai Night โดยบริหารจัดการงานทั้งหมดให้เห็นถึงการจัดไมซ์แบบลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 6,603.19 kgCO2e เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 400 ต้น และวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในงานจะนำกลับมาใช้ใหม่ในงานอื่นต่อไป

 

ส่วนการพบเจรจากับผู้ประกอบการไทย ทั้งศูนย์ประชุมนานาชาติและโรงแรมต่าง ๆ เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของการนำงานมาจัดในไทย สามารถคาดการณ์จำนวนงานจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (lead) จากผู้ร่วมทริปเด่น ๆ 2 กลุ่มตลาด รวม 57 งาน คาดจะสร้างรายได้เข้าประเทศรวมทั้งหมด1,901,340,000 บาท ดังนี้

 

กลุ่มตลาดที่ 1 จัดประชุมนานาชาติ (Convention) จะเลือกมาไทยทั้งหมด 6 งาน จำนวนนักเดินทาง 14,600 คน สร้างรายได้ 919,800,000 บาท

 

กลุ่มตลาดที่ 2 การประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล จะได้ทั้งหมด 51 งาน จำนวนนักเดินทาง 15,580 คน สร้างรายได้ 981,540,000 บาท 

 

ข่าวที่สอง –ลำพูนจัดวิถีถิ่นชาติพันธุ์ล้านนาบูมเที่ยววัฒนธรรมยั่งยืน29เม.ย.-1พ.ค.65

 

นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ลำพูน พร้อมจัดงานประเพณีและวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ วิถีถิ่น วิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์ล้านนา ลำพูน ระหว่าง 29 เมษายน -1 พฤษภาคม 2565  ณ ศูนย์แสดงสินค้าโอทอป สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง  จังหวัดลำพูน

โครงการนี้ได้งบประมาณสนับสนุนจากงบยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนา จังหวัดลำพูน ตามแผนปฏิบัติราชการจังหวัดลำพูน ประจำปีงบประมาณ 2565

 

ตั้งเป้าร่วมกันจัดงาน เพื่อให้ลำพูนเป็นเมืองจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สําหรับประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ ควบคู่การกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่ให้เข้มแข็งและยั่งยืน ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นฟูและสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และรายได้ให้กับประชาชนในชุมชน

 

โดยการนำทุนทางวัฒนธรรม ทั้งที่เป็นภูมิสังคม ภูมิปัญญา และภูมิทางวัฒนธรรม มาพัฒนาและต่อยอดเพื่อให้เกิดมูลค่าอย่างสร้างสรรค์ได้ต่อไป

 

รวมถึงทำให้เป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการอนุรักษ์และสืบสานวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดลำพูน ให้คงอยู่สืบไป

 

นายบพิตร วิทยาวิโรจน์ วัฒนธรรมจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การจัดงาน “วิถีถิ่น วิถีวัฒนธรรมชาติพันธุ์ล้านนา ลำพูน” ถือเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี รวมทั้งมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ทั้ง 5 กลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดลำพูน ได้แก่ กลุ่มชาติพันธุ์ไทยอง กลุ่มชาติพันธุ์ไทยวนหรือคนเมือง กลุ่มชาติพันธุ์ไทลื้อ กลุ่มชาติพันธุ์มอญ และกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ให้เป็นที่รับรู้และเข้าใจแก่สาธารณชนทั่วไป ทั้งในกลุ่มเด็ก เยาวชน รวมถึงประชาชนในพื้นที่จังหวัดลำพูนและจังหวัดใกล้เคียง

 

จะเป็นอีกช่องทางในการช่วยสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ ผ่านกระบวนการสร้างการรับรู้ให้เป็นที่รู้จัก และกระบวนการ สร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นกับสาธารณชนทั่วไป เมื่อมีผู้รู้จักและเข้าใจ ก็จะช่วยรักษาวีถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ ให้คงอยู่ได้สืบไปได้ 

 

ภายในงานนักท่องเที่ยวจะได้พบกับ การสร้างสรรค์เมนูอาหารเพื่อสุขภาพและสินค้าชุมชน การออกร้านค้าผลิตภัณฑ์ของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่จังหวัดลำพูนกว่า 30 ร้านค้า การจำหน่ายสินค้าทำมือ งานหัตถกรรมและอาหารพื้นถิ่นของชาติพันธุ์ การจัดนิทรรศการอัตลักษณ์แสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ ร่วมสัมผัสกับประเพณีวัฒนธรรม ความเชื่อ ภูมิปัญญาของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ ลิ้มรสอาหารของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์

 

ไฮไลต์ “โซนบ้านกลุ่มชาติพันธุ์จำลอง” จัดให้มีการละเล่นงานประเพณี จำลองการจำหน่ายและสาธิตอาหาร งานหัตถกรรม ภูมิปัญญา ความเชื่อ สับเปลี่ยนกันในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ ให้มีความตื่นเต้นและน่าประทับใจ

 

ต่อด้วย “โซนลานขันโตก” และเวทีกลางแจ้ง ที่สามารถชมการแสดงที่จะมาสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแสดงเป็นช่วง สลับกับเสียงดนตรีเคล้าคลอกับบรรยากาศในงานตลอดงาน เป็นการแสดง แสง สี เสียง อย่างสุดประทับใจ ประกอบกับการรับประทานอาหารแบบขันโตก ที่จะได้นำอาหารมาเสิร์ฟเป็นแบบพื้นถิ่น และอาหารกลุ่มชาติพันธุ์ โดยไม่ซ้ำในแต่ละวัน

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.คุนหมิงดึงจีน3มณฑลเที่ยวไทยทางบก4ด่านเงินสะพัด

ททท.ปั๊มทัวร์จีนคุนหมิงแบบโอเวอร์แลนด์เงินสะพัดไทย 4 ด่าน ส.ค. 66- ปี ’67 กระหน่ำขาย “ New Ways to Amazing to Thailand” ล็อกเป้าจีน 4 ตลาดใช้จ่ายแสนบาท/ทริป-ดันอีสานอู้ฟู่ 20 จังหวัด ช้อป!!ของขวัญวันแม่ที่คิงเพาเวอร์ลด20%- Firster9 หมื่นไอเท็ม ฉลองวันแม่!พูลแมนคิงเพาเวอร์จัดบุฟเฟต์พรีเมี่ยมกลางวัน/ค่ำ กินฟินที่คิงเพาเวอร์มหานคร-รร.เดอะสแตนดาร์ดตลอดส.ค. 66 ททท.จัดแข่งผัดกะเพราโลก“ World Kaphrao 2023”ชิงเงินล้าน กลุ่มบริษัทบางจากโชว์ครึ่งปีแรก66กวาดรายได้1.48 แสนล้าน TCEB บุกจีนจัด Thailand MICE in China 2023 โกยไมซ์ 990 ล้าน เที่ยววันแม่ใกล้กรุงได้ที่อุทยานเบญจสิริ/ดรีมเวิลด์/สวนนงนุช เคล็ดลับ!!การรักษาแผลให้หายไวด้วยขั้นตอนง่ายๆทำได้เอง บินไทยฟื้นเร็ว!!ครึ่งแรกปี’66กำไร329%พกเงินสด5.1หมื่นล้าน เปิดขายแล้ว!!บัตรชม“โขน”สุดยิ่งใหญ่แห่งดูได้ 5 พ.ย.- 5 ธ.ค. 66   วันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ

TCEB นำงานวิจัยMICE for Sightแนะธุรกิจปรับตัวรับไมซ์10ปีหน้า

  นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" “ TCEB ”เปิดคัมภีร์ MICE for Sight ปลุกไมซ์จัดทัพใหม่ 10 ปีหน้า รับมือ Gen Z ผงาดผู้ทรงอิทธิพลไมซ์โลกเขย่าตลาดครั้งใหญ่ ปี 67 เร่งโกย 1.4 แสนล้านโหมซอฟท์เพาเวอร์/ไมซ์ซิตี้/ไมซ์ชุมชน รีบช้อป!!คิงเพาเวอร์เป็นไปได้5รายการรางวัลสูงสุดกว่า 4 ล้าน ด่วน 4 วันสุดท้าย!คิงเพาเวอร์อัดโปร SurpriseOnlineSale ลด 50% คิงเพาเวอร์ช้อปวนไปแจกทันที 3 ฟรี คูปอง/ตั๋ว/รถยนต์ LEXUS ท่องเที่ยวรุกเจรจาธุรกิจ TEJ 2023ฉลุย300นัดโกยญี่ปุ่น9ตลาด บางจาก-กรุงไทยเปิดแอปเป๋าตังจองซื้อหุ้นกู้ดิทัลดีเดย์ 30 ต.ค. เที่ยวประจวบนอนแคมป์ทะเลหมอกบ้านป่าหมาก-วิ่งปราณบุรี บินไทยโชว์ยูนิฟอร์มใหม่ลูกเรือแฟชั่นผ้าลดโลกร้อนเริ่ม1ม.ค.67 คาเธ่ย์ กรุ๊ปทุ่มลงทุนฝูงบินใหม่ A 320 neo เพิ่ม32ลำบินจีน/เอเชีย   วันเสาร์ที่  28 ตุลาคม 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97

ททท.ภาคเหนือ7เดือนปี66โกยแล้ว1.08แสนล้าน

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  ททท.ภาคเหนืออู้ฟู่ 7 เดือนแรกโกยได้แล้ว 1 แสนล้าน ต.ค.-ธ.ค. 66 ลุยขายเที่ยวไฮซีซัน 4 เทรนด์ใหม่มาแรง นำ The Link จับคู่ทัวร์ข้ามภาคสำเร็จ 3 เส้นทางสุดฮ็อต คิง เพาเวอร์แจกมันส์แจกฟินที่รางน้ำเสาร์16ก.ย.นี้ ช้อป KingPowerOnline รับแบบไม่ยั้ง2สุดคุ้มถึง24ก.ย. ช้อป DUTY FREE SALE นำบิวตี้แบรนด์โลกมาเต็ม ททท.ใช้ฟรีวีซ่าปั๊ม1.4แสนล้านชาเตอร์จีนเฮเข้าไทย บางจากโชว์อุตฯไทย-ไต้หวันชูนวัตกรรมธุรกิจสีเขียว TCEB ผนึก EECAutoPark หนุนไมซ์เอ็กซิบิชั่นอินเตอร์ เที่ยว Unseen “พิพิธภัณฑ์ป่าสัก-วัดขุนอิน-วัดปัญญา” 4วิธี“ปิดล้างเลี่ยงหยุด”ป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกพันธุ์ “สุดาวรรณ”รมว.ใหม่ท่องเที่ยวดึงต่างชาติ40ล้านคน กพท.-สมาคมแอร์ไลน์สไทยแบไต๋ตั๋วบินราคาแพง วันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2566 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyai