“สุกัญญา จันทร์ชู”ถอดบทเรียนทางรอดโรงแรมไทยหลังโควิด พลิกเกมใหม่3กลยุทธ์“ตลาด+เล่นราคาตรงเป้า+เปิดทางลูกค้าเลือก”ปรับด่วน“วิธีขาย-แผนแข่งต่างประเทศ-แผนจ้างงาน”
เปิดมุมมอง“สุกัญญา จันทร์ชู”ถอดบทเรียนทางรอดโรงแรมไทยหลังโควิด
พลิกเกมใหม่3กลยุทธ์“ปรับตลาด+เล่นราคาตรงเป้า+เปิดทางลูกค้าเลือก”
แนะใส่เกียร์เร่งฟื้นฟูพัฒนาด่วน“วิธีขาย-แผนแข่งต่างประเทศ-แผนจ้างงาน”
รับคุ้ม!!สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์ถึง8พ.ค.นี้รับฟรีเงินช้อปเพิ่ม1.8หมื่นบาท
“คิงเพาเวอร์มหานคร”จัดโปรท้าลมร้อนบัตรสกายไรด์+สกายวอล์คชั้น78
พูลแมนคิงเพาเวอร์จัด“STAND AND DING”พักดี+กินหรูฟรี2มื้อ+ลด10%
ททท.บูม“เมตาเวิร์สทุเรียน”แห่งแรกโลก6สวนดังจันทน์/ระยอง/ศรีสะเกษ
“บางจาก”ควงบีบีจีไอผนึกออยไลท์ขายน้ำมันชีวภาพเครื่องบินล้านลิตร/วัน
ระยอง!!เที่ยวสบ๊ายสบายกินทุเรียนก่อนใครเลือกคลายร้อนใน7เกาะสุดชีล
กรมอนามัยแนะหน้าร้อนเลือกซื้ออาหารทะเลปลอดภัย2วิธี+5การปรุง
การบินไทยผนึกรพ.บำรุงราษฎร์แจกสิทธิ์สมาชิกROPตรวจสุขภาพลดแรง
4แอร์ไลน์สโลกจ่อใช้ATM2022ดูไบโชว์เทรนด์บิน5ปีหน้าโตไม่ยั้งปีละ6%
ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการตลาดโรงแรมไทย
วันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #โรงแรมไทยพลิกเกมตลาดครั้งใหญ่หลังโควิด #คิงเพาเวอร์มหานคร #ATM2022ดูไบ
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/cIsx0K_BbG/
ช่วงที่ 1 เปิดมุมมอง “สุกัญญา จันทร์ชู” ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการตลาดโรงแรมไทย ชี้เป้า “เกมเปลี่ยนธุรกิจครั้งใหญ่” หลังโควิด- ทั้งโรงแรมท่องเที่ยว ตั้งแต่พฤษภาคม 65 เป็นต้นไป นักลงทุนฮึดสู้ต่อพร้อมถอดบทเรียน ลงมือทำด่วน 3 กลยุทธ์ กลยุทธ์แรก “พลิกเกมการตลาดวิถีใหม่” วิเคราะห์กำลังซื้อนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ แนะโรงแรมทั่วไทยหันอัดฉีด “โปรโมชั่น” เองลด 40 % สานต่อโปรเจ็กต์รัฐเราเที่ยวด้วยกัน 4 เฟส หลังกระแสตอบรับดีเกินคาดต่อเนื่อง กลยุทธ์สอง “ใช้เกมราคา” กางแผนเลือก “ช่วงเวลาขาย+เป้าอัตราเข้าพัก” ขานรับพฤติกรรมการใช้เงินของลูกค้า 3 แบบ “วีคเดย์วันธรรมดา-วันหยุดเสาร์อาทิตย์-เทศกาลหยุดยาว” กลยุทธ์ 3 “เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเลือก” ได้เต็มที่ ควบคู่การพัฒนาดูแล 3 เรื่องใหญ่ “การตลาด-คู่แข่งประเทศอื่น-แผนพัฒนาการจ้างงานและบริการ” นำไทยกลับมายืนหนึ่งผู้นำท่องเที่ยวเอเชียอีกครั้ง
นางสุกัญญา จันทร์ชู ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการตลาดโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ช่วงธุรกิจโรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกำลังจะก้าวพ้นวิกฤตโควิด-19 ซึ่งแยกได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 “ตลาดต่างประเทศ” ต้องปรับตัวตามสถานการณ์ สำคัญคือส่วนที่ 2 “ตลาดในประเทศ” ไทยเที่ยวไทย อาจจะต้องได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องจากรัฐบาลเหมือนโครงการเราเที่ยวด้วยกันอีกสักระยะก็น่าจะเป็นผลดี ควบคู่กับ “ผู้ประกอบการ/นักลงทุน” ก็ต้องเตรียมแผนเพื่อฟื้นฟูธุรกิจของตนเองด้วย
เพราะแนวโน้ม “การตลาด” หลังสถานการณ์โควิด-19 เมื่อรัฐบาลหยุดให้ความช่วยเหลือเลิกทำโครงการเราเที่ยวด้วยกันซึ่งรัฐเคยสนับสนุนงบประมาณค่าห้องพัก 40 % กับค่าใช้จ่ายรายวันแก่นักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นคนออกเดินทางใช้จ่ายเงินเองในส่วนที่เหลืออีก 60 % เมื่อทุกอย่างปิดสวิตท์ลง ภาคธุรกิจก็จะต้องพร้อมรับมือกับการหันมายืนด้วยตัวเอง โดยประเมินว่า “จะต้องออกเงิน” อีกเท่าไร โดยต้องยอมรับกำลังซื้อที่เกิดขึ้นจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันมาจากรัฐอุดหนุนบางส่วนคนจึงเดินทางเที่ยว แต่พอหมดโครงการแล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ
1.นักท่องเที่ยวในประเทศส่วนใหญ่คงไม่อยากจะควักเงินตัวเอง 100 % เพื่อใช้เดินทางท่องเที่ยวอย่างแน่นอน 2.นักท่องเที่ยวโดยรวมพร้อมจะท่องเที่ยวหรือไม่
เพราะฉนั้นกลยุทธ์การฟื้นฟูตลาดท่องเที่ยวในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
จะต้องประเมินถึง
เรื่องแรก-จังหวะเวลาและโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้จริง เช่น วันหยุดสุดสัปดาห์ปกติ วันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันธรรมดา นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางแตกต่างกัน ดังนั้น “ภาคธุรกิจ” จะต้องคิดใหม่ด้วยการคำนึงถึงความเป็นไปได้ด้วยว่า เมื่อรัฐไม่อุดหนุนเงิน 40 % ให้นักท่องเที่ยวแล้ว หลายพื้นที่อาจจะมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยลดลงจาก 100 % เหลือ 80 %
เรื่องที่ 2 -เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น
เพราะตอนนี้คนส่วนใหญ่คุ้นชินที่ภาครัฐช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวไปแล้ว
แล้วยังมองมาถึงผู้ประกอบการโรงแรม/ท่องเที่ยว
ด้วยว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปได้ทำอะไรเพื่อผู้บริโภคบ้างหรือเปล่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
“โรงแรมทั่วประเทศ” จะต้องใช้กลยุทธ์อย่างนี้ไปตลอด หากสิ้นปี 2565 เมื่อกำลังซื้อดีขึ้นเริ่มกลับสู่ปกติ
ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์จริงอย่างเหมาะสมต่อไป
แผนเดินหน้าการตลาดที่ช่วยรักษาตลาดได้ ภาคธุรกิจควรจะใช้กลยุทธ์หลักเรื่อง “ราคา” ทางโรงแรมอาจมีความจำเป็นต้องลดค่าห้องพักวันหยุดลงมาอีก 15-20 % และหันมาทำราคาโปรโมชั่นห้องพักขายช่วงวันธรรมดา Weekdays เพิ่มขึ้น เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวอาจยอมรับได้หากได้รับส่วนลด 40% แล้วจ่ายเอง 60 % ด้วยโมเดลคล้ายกันกับที่รัฐเคยอุดหนุนในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
กลยุทธ์ “ราคา” ที่ต้องทำให้สอดคล้องกับ “พฤติกรรมนักท่องเที่ยวในการใช้จ่าย” เป็นหัวใจสำคัญมาก ที่จะนำมาใช้ฟื้นฟูรายได้โรงแรมและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จากปัจจัยหลัก ดังนี้
ปัจจัยที่ 1 หลังสถานการณ์โควิดคนส่วนใหญ่จะระมัดระวังการใช้เงินค่อนข้างสูง เพราะต้องเจอวิกฤตมายาวกว่า 2 ปี แต่ได้ภาครัฐมาช่วยอุดหนุนเงินจึงทำให้คนออกมาเที่ยว เพราะมีโอกาสไปเที่ยวแถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าได้ถึง 40 % ตัวเองจ่ายแค่ 60 %
ปัจจัยที่ 2 โรงแรมจะต้องประเมินความต้องการลูกค้ากับรายได้ โดยจะต้องไปทำแผน 1.แบ่งสัดส่วนเปอร์เซนต์ผู้ใช้บริการระหว่าง “วันธรรมดา/weekdays” กับ “วันหยุดเสาร์อาทิตย์/Weekend” ให้ชัดเจน 2.กำหนดเป้าหมายจะต้องได้อัตราการเข้าพักถึง 100 % หรือกี่เปอร์เซนต์
โดยสรุปหลังสถานการณ์โควิด-19 การทำธุรกิจของโรงแรมทั่วประเทศจะต้องทำควบคู่กันไป 3 กลยุทธ์ คือ “ราคา-ช่วงเวลาการขาย-เป้าหมายอัตราการเข้าพักเฉลี่ยแต่ละช่วง”
นางสุกัญญากล่าวว่า ประเด็นเรื่อง “พฤติกรรมของนักลงทุนโรงแรม” ตอนนี้ กลุ่มแรก มีนักลงทุนที่สามารถขายกิจการออกไปได้ ก็ลอยตัวแล้ว กลุ่มที่ 2 ยังขายกิจการไม่ได้ ก็เริ่มหันมาปรับตัวทำธุรกิจอีกครั้ง เพราะเห็นแล้วว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีโอกาสกลับมาเหมือนได้ประมาณ 70 % บนปัจจัยเสี่ยงแบบปัจจุบันทันด่วนที่คนมีโอกาสกลับมาติดเชื้อโควิดรวดเร็วกระทบกับการเดินทาง แต่เรื่องเหล่านี้คนเริ่มคุ้นชินและหันหน้ามาสู้กับปัญหาเหล่านี้หลังผจญภัยกับโควิดมานานซึ่งเป็นผลกระทบแตกต่างจากสถานการณ์วิกฤตครั้งอื่น ๆ เพราะ 1.เกิดขึ้นยาวนาน 2.รุนแรงฉับพลัน
แต่ถามว่า
นักลงทุนจะอยู่รอดอย่างไร ?
ก็ต้องตอบว่า คนที่อยู่ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน เพราะ
1.โรงแรมเองต้องมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นต้องทำเกี่ยวกับ
“สุขภาพ-สุขอนามัย” ตามมาตรฐาน
ซึ่งจะเป็นเครื่องการันตีให้คนเข้าพักเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
2.บริการของโรงแรมจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ต่างจากอดีตสามารถประเมินอัตราการเข้าพักเฉลี่ยได้แม่นยำ แต่หลังโควิดทุกอย่างเกิดความไม่แน่นอน ส่งผลถึงการบริหารจัดการต้นทุนจ้าง “บุคลากร/แรงงานภาคบริการในโรงแรม” บางแห่งขาดคนทำงานประจำวัน บางโรงแรมขาดคนบริการเฉพาะวันที่มีผู้ใช้บริการเต็มร้อยเปอร์เซนต์ สภาพความเป็นจริงตอนนี้เกือบทุกโรงแรมเลิกจ้างงานบางส่วนไปแล้ว จะจ้างเฉพาะวันที่มีคนพักเต็ม ส่งผลถึงบริการที่อาจจะไม่สามารถทำแบบฟูลออปชั่นได้อีกต่อไป
สรุปการบริหารจัดการ “ต้นทุนค่าใช้จ่ายของโรงแรม” ยุคหลังโควิด โดยเฉพาะเรื่องคน ต้องหันมาทำในลักษณะ “พนักงาน 1 คนหมุนทำงานบริการได้หลายทักษะ” หรือ Multi-Skill เพราะฉนั้นแผนกอาหารและเครื่องดื่ม :Food and Beverage ก็จะต้องทำการลดเมนู ลดวัตถุดิบ ต่าง ๆ ลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงไปถึง 30-40 % ใช้ทรัพยากรทำอาหารเต็มที่
ปรากฏการณ์หลังโควิดจะเกิดการเปลี่ยนครั้งใหญ่ “การบริการ” ของโรงแรมและท่องเที่ยวทั้งระบบ รวมทั้งเปลี่ยนวิถีชีวิต เปลี่ยนกลไกทำตลาดการขาย เพื่อต้อนรับ “โควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น”
เมื่อประเทศไทยเดินไปถึงจุดที่ประกาศให้ “โควิดเป็นโรคประจำถิ่น” แล้ว ก็น่าจะเกิดผลเชิงบวก เพราะทั้งประเทศปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสาธารณสุขทำร่วมกันตลอด แล้ว “การเปิดประเทศ” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้นักเดินทางประเทศอื่น ๆ อยากจะมาเมืองไทย บวกกับ ความพร้อมและชื่อเสียงเก่าของเมืองไทย ก็น่าจะช่วยฟื้นรายได้ท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศกลับมาได้เร็วเช่นกัน
นางสุกัญญากล่าวว่า จากการพูดคุยกับนักธุรกิจในไทยพบว่า “โรงแรมกับร้านอาหาร” กลับมาทำได้ทันที ซึ่งใช้ช่วงโควิดปรับตัวเองอย่างเหมาะสม แล้วปัดฝุ่น “การตลาด” ด้วย ภาพที่เห็นคือ “เจ้าของกิจการคนรุ่นใหม่” ที่ยอมเสี่ยงตายเป็นกลุ่มที่ปรับตัวทางธุรกิจได้เร็วกว่าคนรุ่นอื่น เพราะเกิดมาพร้อมวิถีชีวิตการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล ออนไลน์ จึงเคยชินกับการเปลี่ยนปุ๊บปั๊บ แล้วคนรุ่นใหม่ก็มองผลกระทบเป็นเรื่องต้องเสี่ยงปรับตัวดีกว่ารอ โดยมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจด้วย
พฤติกรรมของ “นักลงทุนรุ่นใหม่” ใช้เงินลงทุนทั้ง 2 แบบ 1.ใช้เงินก้อนโตลงทุนทีเดียว เพื่อจะได้เสร็จไม่ต้องรอเวลานาน 2.ใช้เงินก้อนย่อย ๆ เน้นปรับปรุงธุรกิจให้ดีขึ้นตามลำดับ
ตลอดสถานการณ์โควิดต้องขอบคุณทุกธุรกิจและทุกภาคส่วนต่างก็ร่วมด้วยช่วยกัน ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทำให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีน่าเชื่อถือ ส่วนที่จะฝากไว้ให้ตระหนักกันมาก ๆ ในการฟื้นฟูธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด
เรื่องแรก “การตลาด” ต้องคิดใหม่ให้ตรงกับพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไประมัดระวังการใช้เงินมากขึ้น ดังนั้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และกิจการโรงแรม “อาจจะไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมภายในเร็ววัน” ทั้ง เรื่องรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว
เรื่องที่ 2 “คู่แข่งประเทศอื่น ๆ” ผลจากวิกฤตโควิดเกิดขึ้นกับทุกประเทศ ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทยเท่านั้น ดังนั้นการแข่งขันรอบใหม่จึงต้องดูคู่ต่อสู้ ดูปัจจัยทุกตัวที่จะอำนวยธุรกิจ เพราะปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเฉพาะผู้ประกอบการแต่เปลี่ยนแปลงผู้ซื้อด้วย ดังนั้นจึงต้องเลือกใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ ตอบโจทย์ กำลังซื้อจริง
เรื่องที่ 3 “การพัฒนาพนักงาน/การจ้างงาน” ต้องร่วมด้วยช่วยกันสร้างความรู้ ความเข้าใจ การกลับเข้าสู่อาชีพโรงแรม/ท่องเที่ยว อีกครั้ง รายได้และค่าครองชีพอาจจะไม่ได้ดีเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อถึงเวลาประเทศไทยกลับมาดีเหมือนเดิม อนาคตพนักงานก็จะมีโอกาสกลับไปรับเงินเดือนหน้าที่การงานที่ดีกว่า เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนควรจะดูแลตัวเองพึ่งพางานที่มีอยู่ อย่ามัวแต่หวังทำงานน้อย ๆ มีเงินเดือนสูง ๆ เพียงอย่างเดียว
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 รับคุ้ม!!สมัครสมาชิกคิงเพาเวอร์ถึง8พ.ค.นี้รับฟรีเงินช้อปเพิ่ม1.8หมื่นบาท
“คิง เพาเวอร์” ขยายสิทธิ์ สมัครสมาชิกกับ คิง เพาเวอร์ รับวันหยุดยาวนี้ อีกถึง 2 คุ้มสุด! สมัครเเละรับสิทธิพิเศษได้ตั้งแต่วันที่30 เม.ย. 65 - 8 พ.ค. 65ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ พัทยา และภูเก็ต30 เม.ย.- 1 พ.ค. 65, 7 – 8 พ.ค. 65 ที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี
คุ้มที่ 1 : รับเพิ่มไม่หยุด! ทุกการสมัคร 1.บัตร SCARLET 6,000 บาท รับเพิ่ม 1,500 บาท* รับวงเงินช้อปได้จริง 7,500 บาท 2.บัตร ONYX 60,000 บาทรับเพิ่ม 18,000 บาท* รับวงเงินช้อปได้จริง 78,000 บาท
คุ้มที่ 2 : รับเพิ่มอีกต่อ! รับฟรี! คูปองส่วนลดอีก 2 ใบ ลดรวม 5,500 บาท ใบที่ 1 คูปองส่วนลด 1,500 บาท เมื่อช้อป 6,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ใบที่ 2 คูปองส่วนลด 4,000 บาท เมื่อ ช้อป 15,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ
ให้สิทธิ์รับได้ คนละ1 สิทธิ์/วัน โดยนับสิทธิ์รวมกันทุกสาขา
รวมถึงการช้อปผ่าน CALL TO SHOP & CHAT TO SHOP(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
ดูรายละเอียดโปรโมชั่น ได้ที่ https://bit.ly/3O4mM6X
ข่าวที่ 2 “คิงเพาเวอร์มหานคร”จัดโปรท้าลมร้อนบัตรสกายไรด์+สกายวอล์คชั้น78
“คิง
เพาเวอร์ มหานคร” นำความสนุกตื่นเต้นท้าลมร้อนชวนไปเล่นด่วน
ๆ กับ “มหานคร สกายไรด์ส : Mahanakon Skyrides” ตั้งแต่วันนี้
- 30 กันยายน 2565 ได้ทุกวันตั้งแต่
10:00 - 21:30 น. สนุกกับกิจกรรมในร่มที่ให้ความรู้สึกเสมือนการกระโดดร่ม
พร้อมโลดแล่นไปกับธีมต่าง ๆ อาทิ ท่องเมืองกรุงเทพฯ ภูเขา และอวกาศ
พบกับโปรโมชั่น
“ราคาเซอร์ไพรส์” ซื้อบัตรพิเศษเล่นได้ 2 รอบ คือ รอบแรก 99 บาท และ รอบสอง 150 บาท จากปกติราคารอบละ 250 บาท สำรองบัตรล่วงหน้าได้ที่ https://bit.ly/Book-SkyWalk-Tickets โทร. 02-677-8721
จากนั้นก็รอซื้อบัตรขึ้น
“สกาย วอล์ค” ชั้น 78 ไปชมพระอาทิตย์ตกสวยสุด ๆ ได้ทั้งที่ชั้น 75 คิง เพาเวอร์ มหานคร แล้วขึ้นลิฟต์แก้วไปชมวิวกันต่อที่ชั้น
78 ได้เลย ราคาบัตรเข้าชมฯ
บัตรผู้ใหญ่ ทุกจันทร์-วันศุกร์ ราคา 530 บาท/คน วันเสาร์-วันอาทิตย์ ราคา 880 บาท/คน
บัตรเด็ก อายุ 3-15
ปี กับผู้สูงอายุ
อายุ 60 ปีขึ้นไป จ่ายเพียงคนละ 250 บาท
ข่าวที่ 3 พูลแมนคิงเพาเวอร์จัด“STAND AND DING”พักดี+กินหรูฟรี2มื้อ+ลด10%
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ชวนจองโปรโมชั่นสุดคุ้มที่โรงแรม “พูลแมน คิง เพาเวอร์” กรุงเทพฯ (รางน้ำ) กับ แพ็กเกจ “STAND AND DING” ระหว่างวันนี้-31 พฤษภาคม 2565 มอบสิทธิประโยชน์ชุดใหญ่ ราคา 3,199 บาทสุทธิ/ห้อง/คืน รวมห้องพักซูพีเรีย ฟรีอาหารเช้าและชุดอาหารมื้อค่ำ 2 คอร์ส สำหรับ 2 คน เช็คเอาท์ 16.00 น.
สมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ทุกประเภท ลดเพิ่ม 10% สมาชิก คิง เพาเวอร์ และแอคคอร์ พลัส
จองเลย https://bit.ly/3khntMQ
แพ็กเกจนี้รวมสิทธิประโยชน์มากมาย สุดยอดความคุ้มค่าเงินหลากหลายอย่าง ได้แก่
1.ชุดอาหารญี่ปุ่นมื้อค่ำ 2 คอร์ส ที่ห้องอาหารเท็นชิโนะ
เมื่อเช็คอินเข้าพักวันพฤหัสบดี – วันเสาร์ หรือชุดอาหารเวสเทิร์นมื้อค่ำ 2 คอร์ส ที่ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก เมื่อเข้าพักวันอาทิตย์ – วันพุธ
2. สะสมไนท์และคะแนน ALL - Accor Live Limitless
3.สมาชิกใช้สิทธิ์ตามสถานะบัตรตัวเองได้ (ไม่รวมสิทธิ์คนที่ 2)
4.เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าพักฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มในกรณีที่ไม่ขอเตียงเสริม ชำระเพิ่มเฉพาะค่าอาหารเช้า เด็กอายุ 6-11 ปี ราคา 350 บาทสุทธิต่อคน
สอบถามเพิ่มโทร. 02 680 9999 หรือ H6323-RE2@ACCOR.COM
ข่าวที่ 4 ททท.บูม“เมตาเวิร์สทุเรียน”แห่งแรกโลก6สวนดังจันทน์/ระยอง/ศรีสะเกษ
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า
ได้เปิดโครงการ Amazing Thailand Metaverse : Amazing Durian
การเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเข้าสู่เมตาเวิร์ส (Metaverse)
ไลฟ์สไตล์ด้านการท่องเที่ยวแบบใหม่ผ่านโมเดลต้นแบบ “สวนทุเรียนเสมือนจริง”
ปูพรมเตรียมความพร้อมให้ผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ศึกษา
เรียนรู้ ทดลองทำจริงควบคู่กันไป ร่วมสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้นักท่องเที่ยวโดยใช้
“สวนทุเรียน”เป็นธุรกิจแรกของโลก นำร่องเชื่อมโยงจากโลกเสมือนสู่โลกจริงบนแพลตฟอร์ม
Web 3 ครั้งแรกเข้ามากระตุ้นการท่องเที่ยว
เนื่องจาก ททท.
มองเห็นโอกาสการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างมูลค่าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น
การใช้เงินสกุลดิจิตอลเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยจนเกิดเป็น Tourism Metaverse
หรือพื้นที่เสมือนจริงบนแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยว ด้วยการสร้างประสบการณ์ความแตกต่างผ่านเทรนด์สมัยใหม่
ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวตลาดคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูงให้หันมาใช้จ่ายเงินเพิ่มคุณค่าประสบการณ์ท่องเที่ยว
ช่วงนำร่องโครงการมีสวนทุเรียนเข้าร่วม 3 จังหวัด 6 สวน ได้แก่ 1.จังหวัดจันทบุรี 3 สวน คือ สวนอรุณบูรพา สวนเคพี การ์เดนท์ 2.จังหวัดระยอง 2 สวน คือ สวนละไม สวนสุภัทราแลนด์ 3.จังหวัดศรีสะเกษ 1 สวน คือ สวนอิงธาร ททท.คาดอนาคตจะมีสวนทุเรียนอีกหลายแห่งสนใจและทยอยเข้ามาในโลก Metaverse Durian
โดย ททท. ร่วมกับเจ้าของสวนทุเรียนที่เข้าร่วมโครงการ และ Creator ชื่อดัง จัดทำ “NFT Collection Amazing Durian in Metaverse เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถ “ซื้อและมีสิทธิ์เป็นเจ้าของทุเรียน” ในฤดูกาลนี้ได้เป็นแห่งแรกของโลก พร้อมสิทธิประโยชน์อื่น ๆ มากมาย
พร้อมกับเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมสวนและร่วมสนุกกับประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบใหม่ฟรี รวมถึงสามารถซื้อและสะสม NFT Collection Amazing Durian in Metaverse ได้แล้ว ตั้งแต่ 29 เมษายน -31 สิงหาคม 2565 ทาง www.amazingthailandmetaverse.com จากอุปกรณ์ที่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS, Android หรือคอมพิวเตอร์พีซี
ส่วนการเลือกใช้ “ทุเรียน” เพราะเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของไทย ตอนนี้เข้าฤดูมีผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ททท. จึงได้นำทุเรียนสายพันธุ์ต่าง ๆ แบ่งเป็น
กลุ่มแรก -ทุเรียนที่พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด เช่น พันธุ์หมอนทอง พันธุ์ชะนี
กลุ่มที่ 2 สายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น เช่น พันธุ์หมอนทองภูเขาไฟ พันธุ์หลง-หลินลับแล ซึ่งมีเอกลักษณ์ถิ่นและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือที่เรียกว่าทุเรียน GI มารวมไว้ใน Metaverse เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงนักท่องเที่ยว ได้ศึกษา เรียนรู้ ทดลองทำจริง
สำหรับ “Amazing Thailand Metaverse : Amazing Durian” ททท.มุ่งสัมฤทธิ์ผล 2 เรื่อง คือ
เรื่องแรก เป็นโครงการที่จะใช้ต่อยอดการท่องเที่ยวอัจฉริยะ หรือ Smart Tourism สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ออกไปสัมผัสสวนทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์แล้วบนพื้นที่เสมือนจริง
เรื่องที่ 2 เป็นการประยุกต์สินทรัพย์ดิจิทัล” มาใช้ประโยชน์ส่งเสริมการท่องเที่ยวตามแผนกลยุทธ์ของททท.เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลในระบบนิเวศการท่องเที่ยวไทย อนาคตจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่ม Durian Lover และกลุ่มผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล (New Wealth) รวมทั้งช่วยเหลือภาคธุรกิจฟื้นฟูและยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีมากขึ้น
การเปิดตัวโครงการ “Amazing Thailand Metaverse : Amazing Durian” ครั้งนี้ ททท.ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน จากสวนทุเรียนที่มีคุณภาพและสนใจนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นธุรกิจต้นแบบในการดำเนินธุรกิจรูปแบบ Web 3.0
พร้อมกับมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้การอบรมความรู้ด้านเทคนิค การส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์สวนทุเรียนที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ Metaverse รวมทั้งจัดให้มีพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำและปรึกษาตลอดทั้งโครงการ
สำหรับ “Metaverse Durian” เป็น “แพลตฟอร์มที่จำลองสวนทุเรียน”
โดยอ้างอิงจากพื้นที่สวนจริง
โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ทุเรียนและข้อมูลสวนทุเรียนผ่านโลกเสมือนจริง ไม่ต้องใช้อุปกรณ์แว่น
VR ถือเป็นต้นแบบการทำ Animation on Web 3 ที่แรกของประเทศไทย ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 ระบบการสร้างตัวตน (Avatar) ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกออกแบบเองได้ตามความต้องการ สามารถรองรับผู้ใช้ (User) ที่เข้าพร้อมกันได้หลายร้อย User
ส่วน 2 มีกิจกรรมในรูปแบบ Gamification ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก สะสมเหรียญโทเคนหรือไอเทม เพื่อนำไปอัพเกรดความสามารถของตัวละครภายในเกมเพื่อแลกรับส่วนลดที่พัก สินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วยโวเชอร์อิเลคทรอนิกหรือ E-voucher เพื่อนำไปสู่การเดินทางในพื้นที่จริง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศและการใช้เงินท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในอนาคต
ขณะนี้ ททท.เปิดให้ “ผู้ประกอบการสวนทุเรียน” ที่สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่ม ติดต่องานกลยุทธ์ส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กองวางแผนลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ททท. โทร.0 2250 5500 ต่อ 2940-2945 หรือ www.amazingthailandmetaverse.com หรือ Facebook Page: AmazingThailandMetaverse
ข่าวที่ 5 “บางจาก”ควงบีบีจีไอผนึกออยไลท์ขายน้ำมันชีวภาพเครื่องบินล้านลิตร/วัน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจากฯ และนายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดหาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ สร้างหน่วยผลิตและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพแบบยั่งยืน ร่วมกับ นายธนวัฒน์ ลินจงสุบงกช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนโชค ออย ไลท์ จำกัด ผู้มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการน้ำมันพืชใช้แล้วชั้นแนวหน้าของประเทศมากว่า 40 ปี
ทางบางจากฯ ได้เตรียมจัดตั้งหน่วยผลิตใหม่ในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก เพื่อรองรับกระบวนผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) จากน้ำมันพืชใช้แล้วเป็นรายแรกในไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะใช้ทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้น มีแผนเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนด้วยกำลังการผลิตสูงสุดวันละ 1,000,000 ลิตรต่อวัน ในเร็ว ๆ นี้
น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF)
เป็นทางเลือกเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทั่วโลกกำลัง
ให้ความสนใจเนื่องจากตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์นั้นมีอัตราการปล่อยคาร์บอนน้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลถึง
80% จากการที่ประเทศไทยมีอัตราการบริโภคน้ำมันพืชสูงประมาณ 900,000 ตันต่อปี ซึ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทำให้เป็นโอกาสที่ดีในการนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาต่อยอดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูง
ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมาย Net Zero GHG Emissions ในปี ค.ศ. 2050 ของกลุ่มบางจากฯ สอดรับกับโมเดลเศรษฐกิจ "BCG" หรือ Bio-Circular-Green Economy เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว รูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ อย่างครบวงจร
ช่วงที่ 2 ร้อนนี้มองหาที่เที่ยว สบ๊าย สบาย ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ต้องไป “ระยอง” กินทุเรียนก่อนใคร กับ 31 สวนดัง แถมได้คูปองส่วนลดด้วย แล้วก็เลือกเช็คอินพักผ่อนตามที่เกาะสวรรค์ที่ชื่นชอบได้ถึง 7 เกาะ ระหว่างมื้อ “กรมอนามัย”แนะนำกินอาหารทะเลอย่างปลอดภัยเลือก 2 วิธี+5เทคนิคปรุงสุก ข่าวท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “การบินไทยผนึกโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” แจกสิทธิ์สมาชิก รอยัล ออร์คิด พลัส หรือ ROP รับส่วนลดเรื่องสุขภาพลดรัว ๆ 10-20 % ข่าวที่สอง -4สายการบินโลก “เอมิเรตส์-เอทิฮัด-ซาอุดิอาระเบีย-กาตาร์แอร์เวย์ส” ยึดเวทีมหกรรมขายท่องเที่ยว “อาระเบียน แทรเวล มาร์ต 2022” พ.ค.นี้ โชว์อนาคตรายได้การบิน5 ปีหน้าโตปีละ 6 %
พาเที่ยว -ระยอง!!เที่ยวสบ๊ายสบายกินทุเรียนก่อนใครเลือกคลายร้อนใน7เกาะสุดชีล
เที่ยวสะดวก เดินทางง่าย กิจกรรมหลากหลาย สบ๊าย สบาย สไตล์ตะวันออก มีทั้งผลไม้อร่อย และแหล่งท่องเที่ยวคลายร้อนจะชวนไปเช็คอินบนเกาะ ยอดนิยมที่มีให้เลือกถึง 7 เกาะ
ก่อนอื่น ททท. สำนักงานระยอง ร่วมกับสวนผลไม้ในจังหวัดระยอง 31 แห่ง เตรียมเปิดฤดูท่องเที่ยว
“กินทุเรียนก่อนใคร ไประยอง” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม -30
มิถุนายน 2565 มีโปรโมชั่น “แจกคูปองส่วนลด 100 บาท” เมื่อซื้อผลไม้ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป โดยให้นักท่องเที่ยวขอรับคูปองได้จากสวนผลไม้ที่เข้าร่วมโครงการกับ
ททท.ได้ทุกแห่ง โดยให้สิทธิ์คนละ 1 สิทธิ์เท่านั้น
นักท่องเที่ยวที่จะไปท่องเที่ยวแล้วใช้สิทธิ์ “กินทุเรียนก่อนใคร ไประยอง” มีกติกาดังนี้
1. นักท่องเที่ยวที่ได้รับสิทธิ์จะต้องแสดงหลักฐาน
"การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม" เมื่อมาใช้สิทธิ์
2. นักท่องเที่ยวที่ได้รับสิทธิ์จะต้องมีที่อยู่ตามบัตรประชาชน
"นอกเขตจังหวัดระยอง"
3. สามารถรับ
"คูปอง" จากสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ได้ตั้งแต่ 1
พฤษภาคม -30
มิถุนายน 2565 และสามารถใช้ "คูปอง" ได้ถึงวันที่ 30
มิถุนายน 2565 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด
4. สามารถใช้สิทธิ์
ณ สวนผลไม้ ที่เข้าร่วมโครงการ 31 แห่ง ตรวจสอบรายชื่อ
และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจ FACEBOOK ททท.สำนักงานระยอง
5. "คูปอง"
ใช้เป็นส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อผลไม้มูลค่า 500
บาทขึ้นไป ณ สวนผลไม้ ที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น
พร้อม ๆ กับ เลือกเช็คอินคลายร้อนในทะเลตามเกาะยอดนิยมซึ่งมีความสวยงามตามความชื่นชอบให้เลือกถึง 7 เกาะด้วยกัน
เกาะแรก “เสม็ด” มีชื่อเสียงคุ้นหูนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี วันนี้ยังคงความสวยทั้ง หาดทรายขาว น้ำทะเลใส มีหาดและอ่าวมากมาย มีครบทั้งที่พัก ร้านอาหาร คาเฟ่ กิจกรรมทางน้ำ ห้ามพลาด !!จุดชมวิวท้ายเกาะ ชมพระอาทิตย์ตกสวยทุกวัน ยามค่ำคืนก็นั่งดูโชว์ควงกระบองไฟสนุก ๆ
เป็นเกาะที่สามารถเดินทางไปเช้าเย็นกลับได้ด้วย โดยมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกพายเรือ ดำน้ำ กินซีฟู้ด ถ่ายรูปชีล สวยทุกมุมใหม่ ๆ
เกาะที่ 2 -เกาะทะลุ แหล่งน้ำใส หาดทรายขาวนุ่ม เดินชมธรรมชาติขึ้นไปยังจุดชมวิวมุมสูง มีแนวปะการังที่สวยงาม เหมาะกับการดำน้ำ แล้วก็มีสัญลักษณ์ “โพรงธรรมชาติ” น้ำทะเลทะลุผ่านได้ เป็นสัญลักษณ์เด่นของเกาะแห่งนี้
เกาะที่ 3 -เกาะกุฎี สวรรค์ของนักดำน้ำ และการพักผ่อนบนเกาะ อันเงียบสงบ
บรรยากาศดี และตอนช่วงน้ำลดจะได้เห็น “ถ้ำฤาษี” มีโพรงถ้ำเล็ก ๆ เด่นสวยด้วยหินสีสันงดงาม
เกาะที่ 4 -เกาะขาม เกาะขนาดเล็กๆ มีแนวปะการังและหินงาม หรือจะเดินพักผ่อนสูดโอโซนชายหาดก็ได้ ตอนน้ำลงจะเห็นสันทรายเล็กๆ เชื่อมต่อระหว่างเกาะขามกับเกาะกรวยได้สบาย ๆ
เกาะที่ 5 -เกาะมันใน ได้รับการจัดให้เป็น Unseen Thailand มีทะเลแหวกทอดยาวมาก นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปบนสันทรายขาวสะอาด ผ่านน้ำทะเลใสแจ๋ว ไฮไลต์คือมีแหล่งท่องเที่ยว “ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล” หายาก มาชมได้ที่นี่ที่เดียว
เกาะที่ 6 -เกาะมันกลาง เป็นอีกหนึ่งเกาะสวรรค์ชมโลกใต้ทะเลตะวันออก จุดดำน้ำสวย ๆ เพียบบนเกาะมีชายหาดสั้นๆ สลับกับโขดหินเล็กใหญ่ ถ้าไปช่วงน้ำลงจะเห็นสันทรายเป็นแนวทะเลแหวกเล็ก ๆ ให้เดินเล่นได้
เกาะที่ 7 -เกาะมันนอก เป็นมุมส่วนตัวของนักเดินทางที่ชื่นชอบความสงบมาก ๆ บนหาดทรายเนียน นุ่ม น้ำทะเลสีฟ้าใส ยามค่ำคืนช่วงไหนท้องฟ้าเปิดได้เห็นดาวเต็มท้องฟ้า เป็นบรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ
ตอนนี้แนะนำให้ออกเดินทางเที่ยว
ไม่ต้องเดี๋ยวอีกแล้ว “ระยอง” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกไป “กินทุเรียนก่อนใคร” แล้วเลือกเช็คอินพักผ่อนยัง
7
เกาะสวรรค์ทางธรรมชาติสวย ๆ ชีลแบบนี้เมืองไทยมีให้เลือกมากมาย
สุขภาพ -กรมอนามัยแนะหน้าร้อนเลือกซื้ออาหารทะเลปลอดภัย2วิธี+5การปรุง
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แนะนำ “การเลือกรับประทานอาหารทะเลหน้าร้อน” อย่างปลอดภัย เลือก 2 วิธี กับการปรุงด้วย 5 วิธี เพราะหน้าร้อนอาหารทะเลจะเน่าเสียง่าย จึงทำให้ผู้ประกอบการบางรายใช้วิธีการที่ผิดเพื่อรักษาความสด และชะลอการเน่าเสียของอาหารทะเลด้วยการนำมาแช่สารฟอร์มาลีน ซึ่งผิดกฎหมาย เพราะสารฟอร์มาลีนเป็นสารที่ห้ามนำมาใส่อาหาร จึงขอแนะนำประชาชนควรทำดังนี้
1.เลือกซื้ออาหารทะเลจากแหล่งที่เชื่อถือได้” เช่น ตลาดที่ได้มาตรฐานตลาด อย่าง “ตลาดสด น่าซื้อ” ของกรมอนามัย จะสุ่มตรวจการปนเปื้อนสารฟอร์มาลีน อยู่เสมอ
2.ควรสังเกตอาหารทะเลที่เลือกซื้อ เช่น “ซื้อปลา” ต้องเลือกปลาที่มีเหงือกสีแดง ไม่เขียวคล้ำ เนื้อแน่น กดไม่บุ๋ม ไม่มีกลิ่นคาว ตาใส ไม่ช้ำเลือดหรือขุ่นเป็นสีเทา “ซื้อปู” จะต้องเลือกปูที่ยังไม่ตาย ตาต้องใส และขาต้องติดตัวปูครบทุกขา “ซื้อกุ้ง” ต้องมีเนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นคาวเหม็นคล้ายกลิ่นแอมโมเนีย ครีบและหางต้องเป็นมันสดใส หัวกับตัวจะยังติดกันแน่น เพราะกุ้งที่ไม่สด หัวหรือส่วนที่เป็นเปลือกส่วนหัว จะไม่ติดกับตัว
ส่วนการปรุงเป็นเมนูอาหารรับประทาน
แนะนำปฏิบัติดังนี้
1.หากไม่นำมาปรุงกินทันที
ควรล้างทำความสะอาด
2.ส่วนที่เหลือแยกเก็บใส่ตู้เย็นในช่องแช่แข็ง
ใช้อุณหภูมิติดลบปรับตั้งได้ หากแช่ในอุณหภูมิ -1 ถึง 1
องศาเซลเซียส ระยะเวลาในการเก็บ ที่เหมาะสม 1-2 วัน เพื่อชะลอการเน่าเสีย
3.ก่อนนำวัตถุดิบจากช่องแช่แข็งมาปรุงอาหาร
ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
4.สำคัญl6fเน้นปรุงสุกด้วยความร้อน หลีกเลี่ยงการกินแบบดิบ หรือ สุก ๆ ดิบ ๆ
5.ขอให้ยึดหลัก กินร้อน
ช้อนกลางล้างมือ เพื่อลดความเสี่ยงโรคอาหารเป็นพิษ และอุจจาระร่วง
สิ่งที่ควรรู้ !! หากผู้บริโภค กินอาหารปนเปื้อนฟอร์มาลีนเข้าสู่ร่างกายในปริมาณ 60-90 มิลลิกรัม จะทำให้เป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร อาจมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง หัวใจเต้นเร็ว แน่นหน้าอก ปากและคอแห้ง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายท้องปวดท้องอย่างรุนแรง กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ปัสสาวะไม่ออก หมดสติ ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้เสียชีวิต เพราะระบบหมุนเวียนโลหิตล้มเหลว เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -การบินไทยผนึกรพ.บำรุงราษฎร์แจกสิทธิ์สมาชิกROPตรวจสุขภาพลดแรง ๆ
นายกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าและการตลาด บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยจีบมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มอบสิทธิประโยชน์ให้ "สมาชิก รอยัล ออร์คิด พลัส -ROP" ที่บินการบินไทย และไทยสมายล์ สามารถเข้ารับบริการตรวจรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และตรวจสุขภาพเชิงป้องกันที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ และคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางมะเร็ง เอสเพอรานซ์ ตลอด 7 เดือนนี้ เริ่ม 1 พฤษภาคม - 31 ธันวาคม 2565
สมาชิกบัตร ROP รับสิทธิประโยชน์ ได้ง่าย ๆ ดังนี้ เพียงแสดงตั๋วโดยสารหรือบัตรที่นั่งเที่ยวบินการบินไทย หรือไทยสมายล์ โดยใช้หมายเลขเที่ยวบิน TG ตามด้วยตัวเลข 4 หลัก ในเที่ยวบินที่เดินทางแล้วไม่เกิน 6 เดือน พร้อมบัตรสมาชิก ROP และหนังสือเดินทางหรือบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อรับสิทธิประโยชน์จากกลุ่มโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มากมาย
1.โปรแกรมตรวจสุขภาพ ลด 20%
2.บริการผู้ป่วยนอก ส่วนลด 40%
3.ห้องพักผู้ป่วย ส่วนลด 10 - 20%
4.รายการที่เข้าร่วมโครงการของไวทัลไลฟ์ ลด 15% สำหรับรายการที่เข้าร่วมโครงการของเอสเพอรานซ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 31 ธันวาคม 2565
สมาชิกที่สนใจใช้สิทธิ์ ติดตามรายละเอียด หรือสมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่าจากรอยัล ออร์คิด พลัส และการบินไทยได้ทางว็บไซต์ thaiairways.com/rop
ข่าวที่สอง-4แอร์ไลน์สโลกจ่อใช้ATM2022ดูไบโชว์เทรนด์บิน5ปีหน้าโตไม่ยั้งปีละ6%
The Middle
East’s Aviation รายงานว่า จากผลสำรวจของ Mordor
Intelligence ที่เตรียมนำเสนอสถานการณ์ภาพรวมในงานการท่องเที่ยวระดับอินเตอร์
“ATM -ARABIAN TRAVEL MART 2022” ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่
ระหว่าง 12-15 พฤษภาคม 2565 ณ ดูไบ
เวิลด์เทรด เซนเตอร์ (DWTC) กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
งานนี้ผู้นำสายการบินชั้นนำของตะวันออกกลางและของโลก
4 แอร์ไลน์ ได้แก่ เอมิเรตส์ เอทิฮัด
ซาอุดิระเบียแอร์ไลน์ส และกาตาร์แอร์เวย์ส ได้ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์เติบโตของธุรกิจบริการเครื่องบินส่วนตัว
และการบินพาณิชย์การเดินทางอีก 5 ปีข้างหน้า มีรายได้จากการบินจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า
6 %
ทั้ง
4 สายการบิน เตรียมจะมาพบกันในงาน ATM -Arabian
Travel Mart 2022 ณ ดูไบ เวิลด์เทรด เซนเตอร์ (DWTC) กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ผนึกกำลังกันตอกย้ำถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของตะวันออกกลางที่จะกระจายไปยังทั่วโลกมีสัญญาณบวกดีขึ้นตามลำดับ
นางแดเนียล
เคอร์ติส ผู้อำนวยการ เอ็กซิบิชั่น ตะวันออกกลาง การจัดงาน ATM 2022 กล่าวว่า กลุ่มสายการบินตะวันออกกลางจะรวมตัวกันมาเป็นพยานยืนยันถึงการบินและการท่องเที่ยวภายในภูมิภาคและระหว่างประเทศจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะตลาดการเดินทางเชิงธุรกิจโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์
ภายในงาน
ATM 2022 เดือนพฤษภาคม 2565 ที่กรุงดูไบปีนี้
บรรดาผู้บริหารแถวหน้าของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการบินจากสายการบินชั้นนำ จะเป็นผู้เสนอพร้อมวิเคราะห์ถึงเป้าการพัฒนาตลาดการบินเต็มรูปแบบ
ตัวอย่าง
เอทิฮัดแอร์เวย์ส รายงานเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ถึงผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
“เอมิเรตส์” รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ยืนยันการลงทุนนำฝูงบินซูเปอร์จัมโบ้ แอร์บัส A380 จำนวน 52 ลำ ได้เพิ่มบริการที่นั่งชั้น “พรีเมียม อีโคโนมี่” ต้อนรับการกลับมาของการเดินท่องเที่ยว รวมทั้งเดินหน้ารับมอบฝูงบินแอร์บัส A380 ลำที่ 123 แล้วเช่นกัน
โบอิ้ง เปิดเผยเมื่อเดือนมกราคม 2565 “กาตาร์ แอร์เวย์ส” ลงนามคำสั่งซื้อฝูงบินมูลค่ารวมสูงถึง 34,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อฝูงบินโบอิ้ง B737 MAX รวมกว่า 25 ลำ และฝูงบินโบอิ้ง B777X อีกกว่า 34 ลำ และยังเสนอทางเลือกเพื่อรอคำสั่งซื้อฝูงบินรุ่นอื่น ๆ ด้วย
ขณะที่ “ซาอุดิอาระเบียแอร์ไลน์ส” ก็มีแผนสั่งซื้อฝูงบินจากโบอิ้งและแอรับัสไม่ต่ำกว่า 100 ลำ เพื่อทำให้เป็นสายการบินชั้นนำของโลกที่มีฝูงบินรวมกว่า 250 ลำ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น