TCEB”ลุยแผนใช้นวัตกรรมดันไมซ์ไทยคึกครึ่งหลังปี’65 3เทรนด์ปัง“เทคเฟิร์ม-ไลฟ์สตรีมมิ่ง-CCTV”ชูWINNOVATIONไฮบริดจ์+ดิจิทัลเอ็กซิบิชั่น
“TCEB”ลุยแผนใช้นวัตกรรมดันอุตสาหกรรมไมซ์ไทยคึกคักครึ่งหลังปี’65
เทรนด์ใหม่มาแรง3ธุรกิจ“เทคเฟิร์ม-ไลฟ์สตรีมมิ่ง-CCTV”บุกตลาดอินเตอร์
ชูWINNOVATION-กระแสไฮบริดจ์+ดิจิทัลเอ็กซิบิชั่นโตไม่ยั้งฝ่าวิกฤตโควิด
คิงเพาเวอร์บูมของกินเล่นไทยสนั่นตลาดโลก5ร้าน5สูตรภูมิปัญญาพื้นบ้าน
คิงเพาเวอร์ชวนชิมโอมากาเสะร้านเท็นโกะ+Meat&Spiceมหานครอีเทอรี่
รมว.พิพัฒน์นำททท.ร่วมเวทีWTTC2022ลุยตลาดท่องเที่ยวอาเซียน/เอเชีย
“บางจาก”จัดโปรเติม800บาทแจกน้ำฟรี+เติม300บาทซื้อหอม/กระเทียมถูก
“จันทบุรี”มุมเที่ยวใหม่วิวเขาบ่อเตย/ลานหินสีชมพู-เกาะเปริดแหลมสิงห์
วิธีเก็บยาสามัญประจำบ้าน8ชนิดแบบไหนกินแล้วปลอดภัยกับครอบครัว
อวานีพลัสเขาหลักรีสอร์ตอัดโปรเบิ้มๆ3แพกเกจรับเลอแทปตูร์เดอฟรองซ์
ททท.บูมศาลาไทย+ท่องเที่ยวในมหกรรมพืชสวนโลกเนเธอร์แลนด์ปี’65
วันอาทิตย์ที่
24 เมษายน 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00
น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0และอ่านได้ทางwww.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #TCEB #เที่ยวจันทบุรี #ชมวิวเขาบ่อเตยลานหินสีชมพูเกาะเปริด
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้…https://fb.watch/cAyKcF1VpI/
ช่วงที่
1 ผ่าทิศทางเคลื่อนทัพนวัตกรรมเทคโนโลยีไมซ์กับ
“ศุภวรรณ ตีระรัตน์” รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB”
ตลาดในประเทศ ชู 3
โปรเจ็กต์ เก็บเล็กผสมน้อย “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” 2 เฟสแรกทำได้
300 ล้านบาท
“WINNOVATION แคมเปญ”
ปลุกใจปั้น “กลุ่มบริษัทเทคเฟิร์ม” ไลฟ์สตรีมมิ่ง CCTV
บริการโรบ็อต มาแรง ทีเส็บงัดกลยุทธ์ลุยแจกโวเชอร์เซอร์วิส 90,000 บาท- 1 ล้าน
“ตลาดต่างประเทศ” หนุนเทรนด์จัดงานสไตล์ “ไฮบริด+เสมือนจริงออนไลน์”
ขานรับลูกค้ายุคใหม่ “ดิจิทัลเอ็กซิบิชั่น”
ควบคู่ส่งเสริมกลยุทธ์จับคู่เจรจาธุรกิจ B to B ไมซ์ไทยสู้ไม่ถอยตามสิงคโปร์มาติด
ๆ
นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2565 มีแผนพัฒนานวัตกรรมอุตสาหกรรมไมซ์หลังจากรัฐบาลเร่งให้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจัดงานต่าง ๆ ทางสถานที่จัดงาน ผู้ประกอบการ ผู้จัดงาน ผู้ให้บริการ มีกำลังใจมากขึ้น ส่วนคนทั่วไปก็มั่นใจจะเข้าร่วมงานมากขึ้น แต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาก็สร้างความกังวลใจอยู่บ้างถึงยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ แล้วจะกระทบกับการเข้าร่วมงานต่าง ๆ หรือเปล่า
สถานการณ์ของทีเส็บจะล้อตามนโยบายของรัฐ โดยไม่จะไม่ล็อกดาวน์ เพราะบอบช้ำมากว่า 2 ปี ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ทางทีเส็บกับหน่วยงานทบวงกรมต่าง ๆ โดนตัดงบประมาณที่จะนำมาช่วยเหลือเยียวยาไมซ์ แต่การดำเนินงานในส่วนของเมืองก็ยังเดินหน้าต่อไป ที่เพิ่งจบไปคือ โครงการ “ประชุมเมืองไทยปลอดภัยกว่า” กระตุ้นจัดงานกลุ่มย่อย 30 คน/กลุ่ม ใช้งบไปประมาณ 20 ล้านบาท ขับเคลื่อนการจัดไมซ์ย่อย ๆ ได้กว่า 8,000 กลุ่ม มีทั้งจัดงานวันเดียวได้เงินสนับสนุน 15,000 บาท/งาน และจัดพักค้าง 1 คืนขึ้นไป ได้เงินสนับสนุน 30,000 บาท/งาน สามารถกระตุ้นได้ดี ทำให้จัดได้เป็นมูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท
ดังนั้นทีเส็บเตรียมเสนอของบประมาณขยายโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า เฟส 3” เพราะเห็นผลดี กระตุ้นการจัดงานไมซ์ข้ามภาค ตัวอย่าง ภาคกลางเลือกไปจัดงานในภาคเหนือ สมาคม/องค์กรธุรกิจ ไปจัดตามจังหวัดต่าง ๆ ขณะนี้รอดูงบประมาณจะมาอีกเมื่อไร ก็จะทำต่อไป
นางศุภวรรณกล่าวว่า ส่วนเรื่อง “นวัตกรรมไมซ์” ตั้งแต่เกิดโควิดประเทศไทยทุกอุตสาหกรรมหลอมรวมเรื่องนวัตกรรมกับเทคโนโลยีได้ค่อนข้างเร็วมาก ย้อนไปเมื่อ 3-4 ปีก่อนรัฐบาลมีนโยบายเดินหน้า Thailand 4.0 แต่ก็ยังไปกันอย่างช้า ๆ แต่พอเกิดโควิดทุกกลุ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงานโดยเฉพาะไมซ์ พอจัดงานต้องเกิดการรวมตัว เกิดความเสี่ยง ช่วงแรกที่ไม่ให้รวมตัวก็ต้องใช้ “เทคโนโลยี+ออนไลน์” เข้ามาช่วยกระตุ้น สถานประกอบการ ออร์แกไนเซอร์ต่าง ๆ หันมาหยิบเครื่องมือ “นวัตกรรมกับเทคโนโลยี” มาใช้ ทำให้หลายแห่งตอบโจทย์ลูกค้า
ซึ่งบางครั้งมางานไม่ได้แต่ยังต้องร่วมงานจึงเกิดการใช้ “Hybrid” ด้วยวิธีจัดงานจริงเชิงกายภาพควบคู่กับออนไลน์ คนร่วมงานจะอยู่ที่ไหนก็สามารถร่วมงานนั้น ๆ ได้ จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในกระแสนิยม ปัจจุบันงานต่าง ๆ ในประเทศไทยหันมาจัดแบบ “Hybrid” กันเกือบทั้งหมดแล้ว แนวทางนี้ส่งผลดีทำให้ “มีจำนวนคนเข้าร่วมได้มากกว่าปกติ” โดยไม่ต้องกังวลกรณีคนที่อยู่ในงานจริงเรื่องการใช้พื้นที่เว้นระยะห่าง
ขณะนี้ทีเส็บพยายามหาเทคโนโลยี
นวัตกรรม ให้สถานที่จัดงาน ช่วง 2 ปีที่เกิดโควิดเมื่อเปรียบเทียบกับ
“ประเทศคู่แข่ง” ไทยเรายังผลิต “บริษัท TEC FIRM” ได้น้อยอยู่
ดังนั้นจึงร่วมกับพันธมิตรไม่ว่าจะเป็น DEPA-สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA : Digital Economy Promotion
Agency) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช./NSTDA )
จากการเป็นสมาชิกทำเรื่องเทคเฟิร์ม
ก็รวมตัวกันเพื่อเร่งให้ผู้ประกอบการโซนดิจิทัลหรือเทคทั้งหลาย
หันกลับมาดูอุตสาหกรรมไมซ์ด้วย แล้วช่วยกันคิด “นวัตกรรม-เทคโนโลยีใหม่ ๆ”
ตอนนี้มีบริษัทที่ได้ขึ้นบัญชีผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ของทีเส็บแล้ว เป็น TEC FIRM List มีทั้งให้บริการด้านออนไลน์ ทำ livestreaming ทำเรื่องของ ROBOT ทำ CCTV การลงทะเบียนด้วยใบหน้า (Face Recognition) จำนวนมากขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศแล้วไทยก็ยังมีบริษัทเหล่านี้น้อยกว่า สิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ซึ่งมีพื้นฐานดิจิทัล เทคเฟิร์ม ที่รัฐบาลแต่ละประเทศให้การสนับสนุนค่อนข้างมาก
ตัวอย่าง ประเทศ “สิงคโปร์” ยกให้เห็นถึงความก้าวหน้า ทางรัฐบาลสิงคโปร์วางตำแหน่งประเทศไว้ชัดเจน 2 เรื่อง ได้แก่ 1.SMART NATION -ประเทศแห่งเทคโนโลยี 2.SUSTAINABLE -ความยั่งยืน เป็นภาพลักษณ์ของสิงคโปร์ ภายในประเทศนี้เทคเฟิร์มที่มีอยู่ครอบคลุมครบทั้ง MICE Tec, Tourism Tec, InnovationTec, Fintec ค่อนข้างจะมีมาตรฐานบวกกับรัฐบาลให้การสนับสนุนทุกกระทรวงดึงงานมาจัดในประเทศ
ส่วน “ประเทศไทย” ตอนนี้กำลังเน้นมาก ๆ คือ 1.สถานที่จัดงาน นำนวัตกรรมมาใช้ให้มากที่สุด ปี 2564-2565 ทีเส็บจึงทำโครงการ 2HY โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สถานที่จัดงาน อาจจะมาหลากหลายรูปแบบ เช่น สถานที่พิเศษการจัดงาน หรือ Special Venue เป็นภัตตาคาร ร้านอาหาร นำแนวปฏิบัติไฮยีนสุขอนามัยที่ได้มาตรฐานใบรับรองมาเสนอเป็นบริการไฮบริด ในวันที่ 20 เมษายน 2565 มีพิธีมอบ THAILAND MICE VENUE STANDARD :TMVS ลักษณะคล้ายมาตรฐาน SHA ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แต่ของทีเส็บจะให้มาตรฐานสถานที่จัดประชุม ศูนย์ประชุม โรงแรมที่มีห้องประชุม
ปี 2565 มีสถานที่จัดประชุมต่าง
ๆ ผ่านการประเมินตามมาตรฐานดังกล่าวกว่า 200 แห่ง
พร้อมกับยกระดับเป็นมาตรฐานอาเซียน แล้วนำไปประเมินห้องประชุมตามโรงแรมต่าง ๆ
ได้เช่นเดียวกัน เรียกว่า ASEAN
MICE VENUE STANDARD :AMVS มีผู้ผ่านการประเมินอีก
40 แห่ง
รวมแล้วทั่วประเทศทั้งหมดตอนนี้ผ่านการประเมินแล้วรวมกว่า 1,000 แห่ง
ซึ่งมีไฮยีน ปลอดภัย และบริการด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
นางศุภวรรณ กล่าวว่า ปี 2565 ได้วางตำแหน่งไมซ์ของประเทศไทย โดยใช้แคมเปญการนำรายชื่อบริษัทเทคเฟิร์มที่ได้มาตรฐานมาขึ้นทะเบียนในบัญชีทีเส็บ Qualify list โดยทีเส็บให้การสนับสนุนทั้งสถานประกอบการ และผู้จัดงาน เรียกว่า “WINNOVATION CAMPAIGN” ต้องเอาชนะโควิดให้ได้ เป็นการ “โวเชอร์บริการทางเทคโนโลยี” แก่ผู้จัดงาน และสถานที่จัดงาน มูลค่าตั้งแต่ 90,000 -1,000,000 บาท แต่จะต้องดูว่าแต่ละรายที่จะได้รับเข้าเกณฑ์ตามมาตรฐานใดบ้าง
กรณี “ผู้จัดงาน” จะให้โวเชอร์ตรงไปยังบริษัทเทคเฟิร์มที่รับผิดชอบงาน จะได้เงินสนับสนุนจากทีเส็บ เพื่อให้บริการ เช่น งาน Thailand Health Expo 2022 ที่พารากอน กรุงเทพฯ จัดเมื่อมีนาคม 2565 ทีเส็บร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สสส.ททท.รณรงค์สุขภาวะอนามัย ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้เด็กและผู้ใหญ่ภายในงาน โดยได้นำเทคเฟิร์มที่อยู่ในลิสต์เข้ามาทำไลฟ์สตรีมมิ่ง
ภายในงานตลอด 4 วัน มีหัวข้อพูดคุยกัน 50-80 เรื่อง ได้รับความสำเร็จเกินคาดเมื่อนำออนไลน์เข้ามาช่วยดำเนินการ ผลลัพธ์ 1.ดึงคนเข้ามาร่วมฟังเกินเป้าหมายถึง 2 เท่า จากที่ตั้งไว้ 20,000 พอถึงงานจริงมีถึง 40,000 ราย
2.มีโรบ็อตให้บริการเต็มสตรีมให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานได้ กระจายคนออกจากพื้นที่แออัดได้ เช่น โซนนวดสปาล้านนาที่มีคนต่อคิวจำนวนมาก โรบ็อตก็จะส่งเสียงให้ผู้คนกระจายตัว เว้นระยะห่าง และวัดอุณหภูมิคนเข้างานได้ด้วย รวมทั้งตอบโปรแกรมงานโดยโชว์ลิสต์งานแต่ละส่วนได้ และผู้เข้าร่วมงานยังสามารถกดสอบถามโรบ็อตถึงผังโซนจัดงานที่ต้องการจะไปเยี่ยมได้
3.การลงทะเบียนแบบแสกนจดจำใบหน้า เพื่อลดการสัมผัส 4.มีหุ่นยนต์บริการเจลล้างมือเพื่อความสะอาดปลอดเชื้อโรค 5.นำระบบ CCTV ชื่อ ซีล่าฟลอร์เข้ามาใช้วัดอุณหภูมิสามารถทำได้อย่างครอบคลุม เพราะปกติงานคอนซูเมอร์จะมีคนเข้าร่วมจำนวนมากแล้วตรวจวัดอุณหภูมิได้ไม่ครบทุกคน แต่ระบบนี้สามารถทำได้ครบทุกอย่าง ด้วยการมอนิเตอร์จากจอคอมพิวเตอร์ จะโชว์สีแดงทั้งคนอุณหภูมิสูงหรือพื้นที่ในงานที่มีคนกระจุกตัวหนาแน่น
ทั้งหมดนี้เป็น
“นวัตกรรม” ที่ทีเส็บนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์จากโครงการ WINNOVATION แคมเปญ
เช่น งานที่ผ่านมาสามารถแจกโวเชอร์จับคู่การเจรจาธุรกิจได้มากถึง 166 คู่
จากบริษัทเทคเฟิร์มที่เสนอตัวเข้ามาทำงานกว่า 30 บริษัท “บริการ” ที่ขายดีคือ “Live Streaming” กับ Online เพราะปัจจุบันสามารถทำได้เหมือนการประชุมจริง
ในโรงแรมที่มีเพลนารีรูม หรือคอนเวนชั่น
ตอนนี้ทางเทคเฟิร์มสามารถจัดประชุมออนไลน์ที่ทำได้เหมือนการประชุมในห้องจริงได้เลย
แบ่งห้องย่อย ๆ ได้หลายห้อง ตามหัวข้อจัดงาน
ตัวอย่าง ในงาน “ไทยแลนด์ เฮลท์ เอ็กซโป 2022” มีห้องย่อย 5 ห้อง แต่ละห้องก็มีวิทยากรร่วมทางออนไลน์ หรือมางานจริงแล้วเข้าในสตูดิโอที่จัดเตรียมไว้ ดังนั้นการจัดงานในรูปแบบไฮบริดและออนไลน์จะอยู่คู่กับไมซ์ตลอดไป ถึงแม้โควิดจะหายไปแล้วก็ตาม
นางศุภวรรณ
กล่าวว่า ปี 2565 การใช้นวัตกรรมไมซ์ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจในไทยยังไม่เห็นเด่นชัด
แต่ผลลัพธ์หลัก คือ
ประโยชน์ที่ 1 ช่วยเสริมให้สามารถจัดงานได้ทุกสถานการณ์ ในแบบเสมือนจริง ดิจิทัลเอ็กซิบิชั่น ทำให้ช่วงที่ผ่านมาสามารถเชื่อมโยงกันได้ทางออนไลน์ พอสถานการณ์เริ่มดีขึ้น “ตลาดโลก” คนก็ยังไม่ค่อยกล้าเดินทาง แม้แต่ในยุโรปจัดงานปกติแล้วแต่คนก็ยังไม่ได้ไปเข้างาน ดังนั้น “เทคโนโลยี” จึงทำให้ตลาดยังคงอยู่ได้ แต่จำนวนคนเข้าร่วมงานอาจจะน้อยลงบ้าง
เช่นเดียวกับตามจังหวัดต่าง ๆ ในไทย พอกลับมาจัดงานคนไม่กล้าเข้าร่วมงานจริง ก็ใช้วิธีจัดงานแบบผสมผสาน จัดสถานที่จริงบวกกับไฮบริด เช่น งานมอเตอร์โชว์ ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี จำกัดคนเข้างานเป็นรอบ วัดอุณหภูมิ ควบคู่กับการจัดออนไลน์
ประโยชน์ที่ 2 สามารถดึงคู่ค้าตลาดต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาไม่ได้
เข้ามาจับคู่เจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น งาน THAIFEX 2022 ที่ไบเทค
บางนา โดยที่มี เมสเซ่โคโลญจ์ ทำกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และหอการค้าไทย ในส่วนของ
“เอ็กซิบิชั่นเสมือนจริงออนไลน์” ครั้งต่อไปจะจัดงานเป็นไฮบริด
จัดในสถานที่จริงบวกออนไลน์ รวมทั้งงานอื่น ๆ ที่เป็นการจับคู่ธุรกิจ B to B ก็จะทำแบบไฮบริดด้วย
ประโยชน์ที่ 3 รายได้อาจไม่เท่าหรือน้อยกว่าจากการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเปรียบเทียบกับจัดในสถานที่มีคนเข้าร่วมจริง แต่สามารถดึงจำนวนคนเข้างานได้มากกว่าปกติ ซึ่งทุก ๆ ประเทศ และทุก ๆ ออร์แกไนเซอร์ อยากให้เดินทางมาร่วมงานจริงมากกว่า เพื่อให้เกิดการใช้เงินมาก ๆ ผลจากการซื้อขายออนไลน์ ส่วนใหญ่จะเป็น B to B จึงต้องวัดจากคำสั่งซื้อในอนาคต
โดยสรุป การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมทัพอุตสาหกรรมไมซ์ในยุคโควิด จะเกิดประโยชน์เด่น 1.ขยายลูกค้าได้มากขึ้น 2.เพิ่มโอกาสการนำเสนอคอนเทนต์หรือเนื้อหาสินค้า 3.ประชาสัมพันธ์งาน 4.ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่เป็นเจนมิลเลนเนียล ที่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีอยู่แล้ว
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์บูมของกินเล่นไทยสนั่นตลาดโลก5ร้าน5สูตรภูมิปัญญา
“คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” นำทัพเมนูเด็ดของกินเล่นแบบไทยจากชุมชนดัง 5 ร้าน 5 แบรนด์ เติบโตไปไกลถึงต่างประเทศ นำมารวมไว้ใน www.thaipowermarket.com มีทั้งขนมที่แปรรูปจากผลไม้ไทย เมนูอาหารว่าง ของกินเล่น ได้พัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นอาหารพื้นบ้าน มาเป็นเมนูสุดฮิตอย่างต้มยำ โป๊ะแตกและอีกมากมาย ทุกเมนูนำวัตถุดิบธรรมชาติมาผลิต ปลอดภัย มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ
ร้านที่ 1 รสมือจันท์ หรือ Rot Mue Chan จัดเต็ม “ต้มยำโป๊ะแตกซอสมังคุด” ของทานเล่นสุดแซ่บนำปลากรอบ ปลาหมึกหิมะ ปูกรอบ กุ้งอบแห้งมาคลุกเคล้าซอสมังคุด ให้รสอมหวานอมเปรี้ยว พร้อมเครื่องสมุนไพรอบกรอบ ช้อปได้ที่ https://bit.ly/3u77UwI
ร้านที่ 2 ลิซ่า เบเกอรี่ หรือ Lisa Bakery ต้นตำรับคุกกี้เม็ดมะม่วงหิมพานต์เจ้าแรกของไทย ชิ้นใหญ่ เต็มคำ กรอบนอกนุ่มใน สร้างสรรค์ความอร่อยมานานกว่า 45 ปีแล้ว ช้อปได้ที่ https://bit.ly/35DTNFQ ติดตามอร่อยระดับตำนานทั้งหมดได้ที่ https://bit.ly/3MdZZUB
ร้านที่ 3 บางกอกคุกกี้ หรือ Bangkok Cookies เจ้าของสูตร “คุกกี้ข้าวไทย” หรือข้าวแต๋นมินิ จากข้าวออร์แกนิกของจังหวัดบุรีรัมย์ นำมาเพิ่มรสชาติเข้มข้นสไตล์ไทยกับหลากหลายรสชาติ คลิกซื้อเลย https://bit.ly/3K8raiV ไปทำความรู้จักบางกอกคุกกี้กับสร้างอัตลักษณ์ขนมไทย https://bit.ly/3x498uw
ร้านที่ 4 แม่ตุ๊ก หรือ Mae Tuk ผู้นำ “ส้มตำรสไทยแบบอบกรอบ” นำภูมิปัญญาไทยมาผสานนวัตกรรมทันสมัย ตอบโจทย์คนรักส้มตำรสชาติต้นตำรับแต่อยู่ไกลบ้าน พกพาได้สะดวกพร้อมรับประทานได้ทุกเวลา ซื้อเลย https://bit.ly/3x9BeVz ดูข้อมูลความแซ่บนัวระดับอินเตอร์ที่ https://bit.ly/3K7Xjal
ร้านที่ 5 เพลินดี หรือ Plern Dee ผู้ผลิต “หนังปลาแซลมอนทอดกรอบ”
ของกินเล่นที่ได้รับความนิยมระดับสากล มีให้เลือกหลายรส ทั้งไข่เค็ม หรือรสต้มยํา ทุกรสอร่อย
กรุบกรอบ ไม่อมน้ำมัน กินเพลินทุกคำแถมดีต่อสุขภาพ สั่งซื้อได้ที่ https://bit.ly/3j7znIm ติดตามข้อมูลที่ https://bit.ly/3DEX04C หรือหาไอเดียจากหนังปลาแซลมอนทอดกรอบเพลินดี
มาทำเมนูอาหารไต้หวันตามไปจดสูตรที่ https://bit.ly/3j6iRbO
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ชวนชิมโอมากาเสะร้านเท็นโกะ+Meat&Spiceมหานครอีเทอรี่
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ นำความอร่อยมาชวนไปชิมเมนูเด็ดตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2565 เป็นต้นไป
เช็คอินความอร่อยแรก “ที่ร้าน “เท็นโกะ” โรงแรมแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ (รางน้ำ) เมื่อคิดถึงโอมากาเสะรสเลิศต้องแวะมาได้เปิดบริการทุกวันพุธ – วันอาทิตย์ เสิร์ฟ “โอมากาเสะ” มื้อค่ำ 2 รอบ ช่วงเวลา 18.00 น. และ 20.00 น. สั่งได้เลย 1.นิกิริคอร์ส ราคา 5,500 บาทสุทธิ 14 คำ 2.พรีเมียมคอร์ส ราคา 7,000 บาทสุทธิ 16 คำ
มาสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยและวัฒนธรรมโอมากาเสะแบบญี่ปุ่นแท้
ๆ ที่ถ่ายทอดและรังสรรค์รสชาติในทุก ๆ คำ อย่างพิถีพิถัน
ท่ามกลางบรรยากาศตกแต่งในสไตล์บ้านสวนญี่ปุ่น สำรองที่นั่งคลิก https://bit.ly/3EuD8BE
เช็คอินความอร่อยที่ 2 ที่ “มหานคร อีเทอรี่ -Mahanakhon Eatery” ได้ที่ร้าน “Meat & Spice by Another Hound Cafe” นอกจากเมนูเส้นแล้ว
ตอนนี้เพิ่มจานเด็ดข้าวให้ลิ้มลอง 4 เมนูใหม่ มาลิ้มลองได้ทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 11:00 - 22:00 น. Mahanakhon CUBE ชั้น G ดัง
1.ข้าวเนื้อปูจัมโบ้ ผักพริกเหลือง ใส่ถั่วแขก
2.กุ้งคลุกเกลือและเครื่องเทศทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
3.ข้าวหอมมะลิราดเนื้อแกะเต๋าทอดกระเทียมพริกไทยแบบบ้านๆ
4.ข้าวอกเป็ดชานอ้อย
น้ำพริก มะขาม ข้าวไรซ์เบอร์รี่และผักย่าง
นั่งรถไปไฟฟ้าลงสถานีช่องนนทรี
ทางออก 3 โทร. 02-677-8721 www.mahanakhoncube.com
ข่าวที่ 3 รมว.พิพัฒน์นำ ททท.ร่วมเวทีWTTCลุยตลาดท่องเที่ยวอาเซียน/เอเชีย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นำทีมผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. นายธวัช สุมิตรเหมาะ อุปทูตฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา เข้าร่วมงาน 21st World Travel & Tourism Council (WTTC) Global Summit ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวระดับทวิภาคี ส่งเสริมนโยบายการเดินทางเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียน เอเชีย
โดยได้เข้าพบบุคคลสำคัญ ๆ ประกอบด้วย คนแรก HE Bernadette Romulo-Puyat, Secretary, Department of Tourism รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ ที่โรงแรมมะนิลา แมริออต เพื่อหารือระดับทวิภาคีประเพ็นความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว จะร่วมมือกกันผลักดันให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยงระหว่างกันภายในภูมิภาค
คนที่ 2 Ms. Julia Simpson, ประธานบริหารสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC ) เพื่อหารือถึงความร่วมมือต่าง ๆ รวมทั้งได้กล่าวขอบคุณที่ได้นำมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA- Amazing Thailand Safety and Health Administration นำเสนอร่วมกับตราสัญญาลักษณ์ระดับนานาชาติอย่าง Safe Travels Stamp ของ WTTC เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสอดรับกับแนวทางขององค์กรอนามัยโลก (WHO) และ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกา (CDC)
คนที่ 3 พบหารือกับ Mr. Craig S. Smith ประธานบริหารโรงแรมแมริออต เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันด้วย
ขณะที่ นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ได้รับเกียรติขึ้นเวทีเสวนา Global Leaders Dialogue เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ “Rediscovering Travel” ร่วมกับผู้นำหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวจาก 11 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ซาอุดีอาระเบีย ญี่ปุ่น สเปน และอีกหลายประเทศ
โดย รมว.พิพัฒน์ และคณะได้เข้าร่วมกิจกรรมรับฟังการเสวนา และเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรอง Member and VIP Dinner ซึ่งทางสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) จัดขึ้นที่ National Museum of Natural History
ส่วน ททท.ได้จัดกิจกรรมพบปะหารือบริษัทนำเที่ยว และสื่อมวลชนท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ อาทิ Philippine Star, Manila Bulletin Lifestyle, Business Mirror, ANC, CNN Philippines ที่โรงแรม Conrad Manila เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ฟิลิปปินส์ และนำเสนอความคืบหน้าสถานการณ์ท่องเที่ยว พร้อมมาตรการการเดินทางเข้าไทย เพื่อจะได้ร่วมมือกันส่งเสริมกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยและประเทศต่าง ๆ ผ่อนคลายพิธีการเข้าเมืองให้นักเดินทางได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นปกติในเร็ววันนี้
ข่าวที่ 4 “บางจาก”จัดโปรเติม800บาทแจกน้ำฟรี+เติม300บาทซื้อหอม/กระเทียมถูก
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เอาใจลูกค้าในช่วงราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยได้จัดโปรโมชั่น ให้ผู้ใช้บริการแวะเติมน้ำมันปั๊มบางจาก ครบครั้งละ 800 บาท ได้รับสิทธิ์ ฟรี! น้ำดื่มขวดใหญ่ขนาด 1.5 ลิตร 1 ขวด มูลค่า 15 บาท ได้ตั้งแต่วันนี้- 31 พฤษภาคม 2565 หรือจนกว่าของจะหมด รับสิทธิ์ดังกล่าวได้ตามปั๊มบางจากที่ร่วมรายการทั่วประเทศหลายร้อยแห่งด้วยกัน
รวมทั้งบางจากฯ ยังได้จัดทำโครงการช่วยเกษตรกร โดยให้สิทธิสมาชิกบางจากเติมน้ำมันทุกชนิดตั้งแต่ 300 บาทขึ้นไป ซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งคือ กระเทียม หอมแดง หรือหอมใหญ่ ได้ทันที 1 ถุง มูลค่า 25 บาท สามารถซื้อได้ถึงวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2565
ตามที่ บมจ.บางจากฯ ได้รับซื้อผลิตภัณฑ์มาจำหน่าย ร่วมช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหัว 3 ชนิด ได้แก่ หอมแดง หอมใหญ่ และกระเทียม ตอนนี้เป็นฤดูกาลทำให้มีผลผลิตออกมาพร้อมกันจำนวนมาก จึงเข้าไปช่วยซื้อพืชหัวสามชนิดดังกล่าวนำมาสมนาคุณลูกค้าให้ได้บริโภควัตถุดิบอาหารคุณภาพดีในราคาประหยัด และได้มีส่วนร่วมช่วยเกษตรกรกับบางจากด้วย
ช่วงที่ 2 เที่ยวสบ๊าย สบาย สไตล์ตะวันออก มาค้นหาสถานที่แห่งใหม่ ๆ ช่วงซัมเมอร์นี้ มีวิวกระตุ้นต่อมสายแอดเวนเจอร์ไปปีนผาริมทะเลชมวิว 2 แห่งใหม่ “วิวเขาบ่อเตยกับลานหินสีชมพู” คุ้งกระเบน กับ “เกาะเปริด” อำเภอแหลมสิงห์ สวยประทับใจขนาดไหน ต้องมาเช็คอิน แล้วแชร์บอกต่อได้ด้วยตัวเองทุกวัน ต่อด้วย “สุขภาพ-เก็บยาสามัญประจำบ้าน” 8 อย่างแบบไหนกินแล้วปลอดภัย ห้ามพลาดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “อวานี เขาหลัก รีสอร์ต” จ.พังงา อัดโปรห้องพักรวมทุกอย่าง 3 แพกเกจ เอาใจแฟนคลับมหกรรมปั่นตู เดอร์ ฟรองซ์ 11-16 พ.ค.นี้ ข่าวที่สอง “ททท.บูมศาลไทย+ท่องเที่ยว” ในมหกรรมพืชสวนโลกเนเธอร์แลนด์ปี65
พาเที่ยว -“จันทบุรี”มุมใหม่วิวเขาบ่อเตย/ลานหินสีชมพู-เกาะเปริดแหลมสิงห์
เที่ยวสบ๊าย สบาย สไตล์ตะวันออก ทริปนี้มีแหล่งท่องเที่ยวมุมใหม่ ใน “จันทบุรี” เมืองแห่งลุ่มน้ำจันทบูร และอยู่ติดทะเลมาชวนไปลองกัน 2 แห่งใหม่ ลองตามไปเที่ยวกัน
แห่งที่ 1 มี 2 จุดชม คือ “วิวเขาบ่อเตย X ลานหินสีชมพู” ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน จันทบุรี ที่อยู่ภายใต้การดูแลกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืช อันสืบเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ มีหน้าที่พัฒนา
“ลานหินสีชมพู x จุดชมวิวเขาบ่อเตย ” ตั้งอยู่ริมชายฝั่งติดภูเขา มีพื้นที่ลานกางเต็นท์ริมทะเล ชายหาดลงเล่นน้ำได้ บริเวณนี้มีลานจอดรถ บริการห้องน้ำ สะดวกสบาย ไฮไลต์คือจุดชมวิวและเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สวยงาม ให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบได้เลือก 2 เส้นทาง
เส้นทางแรก “จุดชมวิวลานหินสีชมพู “หรือ “หินทรายอาร์โคส” เปิดให้เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.30 น. หากต้องการรอชมพระอาทิตย์ตกดิน แนะนำให้ขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ก่อน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินเลียบชายทะเลแล้วเลาะโขดหินชมวิวไปเรื่อย ๆ จนถึงลานหินแห่งนี้ จะได้เห็นหินทรายอาร์โคสซึ่งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กมากสีแดงอมชมพู ยิ่งตอนแสงอาทิตย์สาดส่องมากระทบลงบนหิน จะเกิดแสงประกายวิบวับ สวยงามแปลกไปอีกแบบ สร้างความตื่นตาตื่นใจได้มากทีเดียว
เส้นทางที่ 2 “จุดชมวิวเขาบ่อเตย” ลักษณะทางกายภาพเป็นเวิ้งอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยว เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบผจญภัย เพราะจะต้องใช้พลังปีนป่ายขึ้นไปยืนมุมสูงของผา ซึ่งเป็นจุดชมวิวเมื่อมองลงมาจะสามารถเห็นทะเลกับท้องฟ้าแบบ 180 องศา
จากเขาบ่อเตยเดินลงมาเลียบชายทะเลใช้เวลาชั่วโมงครึ่งจะเชื่อมถึงจุดชมวิวลานหินสีชมพูได้ด้วยเช่นกัน
ฤดูท่องเที่ยวที่เหมาะช่วงน้ำลงตอนกลางวันจะอยู่ระหว่างกุมภาพันธ์-มิถุนายน ของทุกปี
สำหรับบัตรเข้าอุทยานฯ เพื่อไปชมวิวลานหินสีชมพูและวิวเขาบ่อเตย 1.คนไทย คนละ 20 บาท 2.รถมอตเตอร์ไซต์คันละ 20 บาท 3.รถยนต์ คันละ 60 บาท 4.ค่ากางเต็นท์คนละ 40 บาท
สอบถามเพิ่มได้ที่ ททท. จันทบุรี โทร. 0 3948 0220, 06 2595 1902
แห่งที่ 2 จุดชมวิวซันชายเกาะเปริด - ผาสุขนิรันดร์ ในอำเภอแหลมสิงห์ เมื่อไปถึงจันทบุรีแล้ว สายแอดเวนเจอร์ต้องแวะเช็คอิน นักท่องเที่ยวนำรถไปจอดตรงวัดเกาะเปริด แวะทำบุญ แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงจุดชมวิวเติมประสบการณ์แปลกใหม่สร้างภาพความประทับใจจากธรรมชาติหาดูได้ยาก เมื่อได้ไปยืนอยู่บนหน้าผาสูง ๆ ชมวิวน้ำทะเลสีฟ้าใสกระทบกับโขดหิน
ตรงจุดนี้มีบันไดยาวทอดลงไปในทะเล เชิญชวนนักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดสัมผัสไอเย็นจากน้ำทะเล รวมถึงคาเฟ่ให้ได้นั่งชิลๆ รับลมทะเลรอต้อนรับอยู่ด้วย
สำหรับ “เกาะเปริด” เมื่อครั้งอดีตเป็นเกาะกลางทะเลใกล้ชายฝั่ง เป็นถิ่นอาศัยของชาวเรือและชาวประมงใช้เป็นที่ตั้งบ้านเรือนจำนวนมาก ต่อมาได้สร้างความสะดวกการเดินทางเข้าออกด้วยการสร้างถนนเชื่อมระหว่างชายฝั่งกับเกาะ ทำให้ภาพของเกาะกลางทะเลหายไป ทุกวันนี้จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ อีกแห่ง
“เที่ยวจันทบุรี” วันนี้แบบสบ๊าย สบาย สไตล์ตะวันออก ได้ใน 2 แห่งใหม่ “ลานหินสีชมพูคู่วิวเขาบ่อเตย” กับ เกาะเปริด แหลมสิงห์” ทำให้ทุกวัน เป็นวันแห่งความสุขของทุกคน
สุขภาพ – ยาสามัญประจำบ้านเก็บได้นานแค่ไหนกินแล้วถึงจะปลอดภัย
ปกติแล้วทุกบ้านจะมีตู้ยา หรือมุมยาสามัญประจำบ้านกันแทบทั้งนั้น
เราไม่มีทางรู้เลยว่า สุขภาพร่างกายของเราจะเจ็บป่วยขึ้นมาวันไหน จะปวดหัว ตัวร้อน
ไม่สบาย หรือเผชิญแมลงสัตว์ กัดต่อย เมื่อไร การมียาสามัญประจำบ้านติดไว้เพื่อความอุ่นใจ
จึงขอแนะนำให้ตรวจสภาพยาว่า “หมดอายุเมื่อไร” หากนำมากินจะอันตรายหรือไม่
ดูรายละเอียดได้ตามนี้
1.ยาเม็ดทั่วไป เช่น
ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดรูปทรงกลม ทรงรี หรือทรงไหนก็ตาม หากไม่ได้ระบุวันหมดอายุ
จะเก็บได้ไม่เกิน 1 ปี
และถ้าสังเกตแล้วพบว่าเม็ดยามีลักษณะเยิ้ม แตก ชื้น บิ่นหรือว่าเปลี่ยนสี
ทิ้งได้เลยไม่ต้องรอจนครบ 1 ปี
2.ยาเม็ดชนิดแคปซูล มีอายุการเก็บรักษาไม่เกิน
1 ปี เช่นเดียวกับยาเม็ด แต่ถ้าเม็ดยาแตกออกจากกัน บวม ชื้น
หรือสีแคปซูลเปลี่ยนไป ก็แปลว่าถึงเวลาต้องทิ้ง
3.ยาน้ำที่มีตะกอนเล็กน้อย เช่น ยาแก้ไอน้ำดำ ยาน้ำแผนโบราณ ยาน้ำสตรี ยาธาตุ ควรเก็บไว้ไม่เกิน
6 เดือนหลังจากเปิดใช้ และต้องสังเกตว่ามี
สี กลิ่น รสเปลี่ยนไปหรือไม่ เมื่อเขย่าขวดแรงๆ ยาจะต้องกลับมาเป็นเนื้อเดียวกัน
หากไม่เป็นเนื้อเดียวกัน หรือตะกอนเกาะกันแน่นก็แปลว่ายาเสื่อมคุณภาพแล้ว
4.ยาน้ำที่เป็นน้ำใส เช่น
ยาน้ำขับลมเด็ก หรือยาน้ำเชื่อม หากพบว่ามีตะกอนหรือขุ่น เหมือนมีเยื่อเบาๆ
ลอยอยู่ หรือกลิ่น สี รส เปลี่ยนไป แสดงว่ายาเสื่อมสภาพหรือเสียแล้วให้ทิ้งทันที
และไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน
5.ยาชนิดผงละลายน้ำ เช่น
ยาปฏิชีวนะบางชนิด เมื่อเสื่อมคุณภาพ ผงยาจะจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง
ไม่สามารถละลายน้ำได้ หรือบนภาชนะที่บรรจุจะมีไอน้ำ หรือหยดน้ำเกาะ ยาประเภทนี้
เมื่อผสมน้ำแล้ว มีอายุการเก็บรักษาสั้นมาก คือ ไม่เกิน 7 วันในอุณหภูมิห้อง
และ 14 วันหากแช่ตู้เย็น
6.ยาหยอดตา ยาป้ายตา หลังเปิดใช้จะมีอายุเพียง
1 เดือนเท่านั้น ใครที่รู้ตัวว่าเก็บไว้เกินหนึ่งเดือน
นำไปทิ้งได้เลย แต่ อย่าลืมดูด้วยว่า มีสารกันเสียผสมอยู่ด้วยหรือไม่
เพราะหากไม่มีสารกันเสียผสมอยู่ ควรใช้ให้หมดภายใน 1 วัน !
7.ขี้ผึ้ง หรือยาชนิดครีม ยายอดฮิตติดบ้าน ไม่ว่าจะเป็นยาหม่อง บาล์ม ขี้ผึ้งแก้พิษแมลง
หรือยานวดชนิดต่างๆ ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน
หรือถ้าตัวยาเริ่มแยกชั้น มีสี เนื้อสัมผัส ความหนืด เปลี่ยนไป
หรือมีของเหลวไหลออกมาเยิ้มที่ผิวหน้าของยา และมีกลิ่นเหม็นหืน
ก็เป็นสัญญาณว่ายาเสื่อมคุณภาพแล้ว
8.ยาชนิดเจลใส นอกจากไม่ควรเก็บไว้เกิน
6 เดือนแล้ว หากพบว่าเนื้อเจลที่เคยใส กลายเป็นเนื้อขุ่น
และเนื้อยาไม่เกาะเป็นเนื้อเดียวกันแปลว่ายาเสื่อมคุณภาพ กรณีเจลแอลกฮอล์ที่ทุกบ้านต้องมีเก็บไว้ได้นานถึง
3 ปีหากยังไม่เปิดใช้ แต่ถ้าเปิดใช้แล้วควรรีบใช้ภายใน 3
เดือน
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก -อวานีพลัสเขาหลักรีสอร์ตอัดโปร3แพกเกจรับเลอแทปตูร์เดอฟรองซ์
“อวานี พลัส เขาหลัก รีสอร์ท” จังหวัดพังงา รายงานว่า ในฐานะโรงแรมพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการการจัดแข่งขันจักรยานทางไกลระดับโลก “เลอแทป ไทยแลนด์ บาย ตูร์ เดอ ฟรองซ์” : L’Étape Thailand by Tour de France) ครั้งที่ 3 จัดในไทยที่จังหวัดพังงา ระหว่าง 13-15 พฤษภาคม 2565 จึงได้ทำแพกเกจรองรับไว้ 3 แพกเกจ ดังนี้
แพ็กเกจที่ 1 L’Étape Thailand 2022 VIP Edition” เปิดโอกาสให้นักปั่นที่เข้าร่วมการแข่งขันเลือกใช้บริการ
เข้าพักได้ระหว่าง 11 –
16
พฤษภาคม 2565 ราคาเพียง 9,800 บาทสุทธิ/ห้อง/คืน สำหรับ 2 คน โดยได้รวมห้องพัก อาหาร รถรับส่ง
รวมถึงส่วนลดพิเศษทั้งห้องพัก อาหาร และสปา สำหรับ 2 คน พร้อม *ตั๋ว ชุดเสื้อแข่ง
และชุดอุปกรณ์สำหรับการแข่งขัน (สำหรับ 1 ท่าน) ใน
แพกเกจที่ 2 L’Étape Thailand 2022 VIP Edition ด้วยห้องพักแบบดีลักซ์ สำหรับ 2 คน พร้อมบริการ 1.บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าทุกวัน ที่ห้องอาหาร เอเลเมนท์ส 2.ตั๋วเข้าแข่งขันระดับวีไอพี 1 ใบ 3.เสื้อแข่งและชุดอุปกรณ์ 1 คน 4.รถรับ-ส่ง จากสนามบินภูเก็ต และจากโรงแรมไปยังเส้นทางจุดเริ่มต้นแข่งขัน 5.อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ บรรจุกล่องพิเศษในวันแข่งขัน 15 พฤษภาคม 5.ห้องพักราคาพิเศษเข้าพักต่อเนื่องหลังจบกิจกรรมการแข่งขัน ราคา 4,000 บาท/ห้อง/คืน และส่วนลดต่าง ๆ ได้แก่
-ส่วนลด 25% ค่าอาหารและเครื่องดื่ม
(ยกเว้นรับประทานอาหารในห้องพัก และมินิบาร์) ค่าบริการสปาทรีทเมนต์
(ยกเว้นสปาโปรโมชั่น)
-เช็คอินเข้าพักก่อนเวลาตั้งแต่ 10:00 น. และเช็คเอาท์ล่วงเวลาได้จนถึง 18 : 00 น. https://www.avanihotels.com/en/khao-lak-phang-nga/offers/l-etape-thailand-2022-vip-edition
แพกเกจที่ 3 L’Étape Thailand 2022ห้องพักของกองเชียร์และแฟนคลับผู้เฝ้ารอชมการแข่งขันแมทช์นี้ ราคาสุดคุ้มเริ่มต้นเพียง 3,000 บาทสุทธิ/คืน สำหรับ 2 คน จองได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน เพื่อเข้าพักช่วง 11 – 16 พฤษภาคม 2565
โดยได้รวมสิทธิประโยชน์หลัก ๆ คือ 1.ห้องพัก เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบ
2.บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าประจำวัน
2 คน ที่ห้องอาหาร เอเลเมนท์ส
สำรองห้องพักและดูรายละเอียดแพกเกจทั้งหมดที่ www.avanihotels.com/en/khao-lak-phang-nga/offers/2022-l-etape-thailand
ข่าวที่สอง -ททท.บูมศาลาไทย+ท่องเที่ยวในมหกรรมพืชสวนโลกเนเธอร์แลนด์ปี’65
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้นำประเทศไทยเข้าร่วมงาน EXPO 2022 Floriade Almere เนเธอร์แลนด์ ในโอกาสปี 2565 จะเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างไทยและเนเธอร์แลนด์ครบรอบ 418 ปี และแสดงถึงศักยภาพความแข็งแกร่งในเวทีโลก รวมถึงได้จัดต่อเนื่องจากความสำเร็จในงาน World Expo 2022 ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีผู้เข้าชมงานกว่า 2.3 ล้านคน โดยมี “พาวิลเลี่ยนหรือศาลาไทย” ติด 1 ใน 5 ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุด
ภายในงานได้นำเสนอ “ศาลาประเทศไทย” ให้ผู้เข้าชมงาน EXPO 2022 Floriade Almere ได้เพิ่มประสบการณ์ดี ๆ ของไทยได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงของคนไทยกับน้ำ รวมถึงวิถีชีวิต ประเพณี ความเชื่อ และอาหาร โดยมีให้เลือกชมได้ 3 โซน ประกอบด้วย
โซนที่ 1 ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย – พร้อมข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของประเทศไทยและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร แบบจำลอง BCG: เมืองสีเขียวของกรุงเทพฯ และความสัมพันธ์ไทย-เนเธอร์แลนด์
โซน 2
Future Products – ดินแดนสมุนไพรไทย กล้วยไม้ อาหารในอนาคต
โซน 3 Showroom – ข้อมูลสินค้าท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทยในอนาคต
แนวคิดหลักของงานคือ Growing Green Cities และนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับเมืองในอนาคต ดังนั้นสำหรับประเทศไทยจึงเป็นโอกาสที่จะได้แสดงความก้าวหน้าของอาณาจักรในด้านนวัตกรรมอาหารและสินค้าเกษตร การพัฒนากระบวนการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน และแนวทางการจัดการที่ยั่งยืน รวมทั้งวิถีชีวิตและประเพณีวัฒนธรรม
งาน EXPO 2022 Floriade Almere เป็นงานมหกรรมพืชสวนนานาชาติครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นงานระดับ A1 ที่จัดขึ้นทุกๆ 10 ปี และประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 50 ประเทศ และททท. เป็นหนึ่งใน 60 องค์กรที่เข้าร่วม
สามารถเข้าร่วมงาน EXPO 2022 Floriade Almere ได้ทาง www.thailandfloriade2022.comเพื่อสัมผัสประสบการณ์ทัวร์เสมือนจริงของศาลาไทย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM
97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น