ATMดูไบชี้ปี’72ทัวร์เอเชียเงินสะพัด 2.5 ล้านล้านดอลล์
“จีน”แรงไม่หยุด-เจนวาย/มิลเลนเนียลหันเที่ยววัฒนธรรม
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #ATMดูไบ
ดูไบเปิดข้อมูลใหม่งาน ATM ย้ำ “Euromonitor International” สำรวจอนาคตการท่องเที่ยว “เอเชียแปซิฟิก”เนื้อหอมสุดปี’72 เงินสะพัดกว่า 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ “ทัวร์จีน” กำลังซื้อสูงสุด ค่าการใช้เงินเฉลี่ย 300 เหรียญสหรัฐ/คน/วัน ด้าน “ซาอุดิอาระเบีย” ผู้เล่นใหม่เน้นวิจัยชิงตลาด และเทรนด์ตลาดเจนวาย มิลเลเนียล หันเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
Euromonitor International รายงานข้อมูลล่าสุด การท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญโดยคาดการณ์จะเกิดการใช้จ่ายเพื่อการเดินทางระหว่างประเทศสูงถึง
2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยเฉพาะปี 2572 การเดินทางภายในประเทศจะสูงถึง 4.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”
คาดจะเกิดการเดินทางขาออกประเทศ ปี 2568 จะเติบโต (CAGR) 7% แบ่งเป็นการเดินทางภายในภูมิภาค
61% ของทั้งหมด พร้อมพยากรณ์ปี 2572 การเดินทางนอกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจำนวน
1 ใน 3 จะเลือกใช้วิธีจองการท่องเที่ยวผ่านระบบออนไลน์
75 %
อ้างอิงถึงการเสวนาในงาน Arabian Travel
Market : ATM 2025 ได้เชิญบุคคลสำคัญจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมารวมตัวกัน
ทำการสำรวจ “อนาคตการเดินทางในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” ที่ Mingie Wang ผู้สื่อข่าวไชน่า เดลี่ เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย โดยได้นำเสนอประเด็นหารือเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเดินทาง
การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และการกลับมาของการเดินทางออกนอกประเทศ โดยเฉพาะ “ตลาดจีน”
โดยให้ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดสำคัญระดับโลกดังกล่าวด้วย
ร่วมกับผู้ร่วมเวทีเสวนา
นำโดย Alhasan Aldabbagh ประธานตลาด APAC สำนักงานการท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบีย เกรี่ บาวเวอร์แมน ผู้ก่อตั้ง Check-in
Asia, Boon Sian Chai กรรมการผู้จัดการและรองประธานตลาดต่างประเทศ Trip.com
Group และ Shahab Shayan ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กรมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
ระหว่างการประชุมแต่ละคนได้เน้นย้ำถึง
“การเปลี่ยนแปลงในการตัดสินใจซื้อทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” ต่างขับเคลื่อนการเดินทางเชิงประสบการณ์
ดิจิทัลไลเซชั่น มีความต้องการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นที่จะดื่มด่ำการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
“แดนเนียล
เคอร์ติส” ผู้อำนวยการฝ่ายจัดนิทรรศการ ME, Arabian Travel Market เปิดเผยว่า
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวกว่า 60% จองทริปเดินทางไปชมคอนเสิร์ตและงานกีฬา
ส่วนอีกกว่า 40% ได้รับอิทธิพลจากแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น TikTok
ที่น่าสนใจ คือภาพยนตร์และโทรทัศน์ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญเช่นกัน เห็นได้จาก
“การจองที่พักในไทย” เพิ่มขึ้นจากกระแสภาพยนตร์ The White Lotus เผยแพร่สร้างกระแสความนิยมทั่วโลก
“Tourism Economics” จัดทำรายงานในนามของ ATM ระบุ
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และแอฟริกา พบ“จำนวนคืนท่องเที่ยว” มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นระหว่างปี
2568-2573 มากกว่า 2 เท่า โดยเฉพาะจาก
“สาธารณรัฐประชาชนจีน” และ “ตะวันออกกลาง” คาดภายในปี 2573 จะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง
189 % “อินเดีย” จะเป็นตลาดการท่องเที่ยวได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชีย
แปซิฟิก
ขณะที่ “ยอดใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยว”
สูงสุดทั่วโลก จะเฉลี่ยประมาณ 300 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/วัน จากการเดินทางท่องเที่ยวต่าง
ๆ รวมถึงที่พัก อาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าปลีก การใช้จ่ายเงินระดับสูงนี้ส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวจีน
ซึ่งมีอำนาจการซื้อสูงต่อเนื่องและมีอิทธิพลต่อเทรนด์การเดินทางทั่วโลก
สำหรับ
เศรษฐกิจดูไบ (D33) ถือเป็นกุญแจสำคัญทำให้ดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประสบความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ในตลาดเอเชียแปซิฟิก โดยเน้นเพิ่ม
“แบ่งส่วนตลาด” ควบคู่กลยุทธ์การบอกเล่าเรื่องราว ด้วยวิธีใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เช่น เว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอ Bilibili แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ก
และอีคอมเมิร์ซ Red Note รวมถึงการเชื่อมโยงทางอากาศอย่างแข็งแกร่งผ่านสายการบินนำโดย
เอมิเรตส์ กับฟลายดูไบ หน่วยงานการท่องเที่ยวดูไบยังคงวางตำแหน่งเมืองให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว
เข้าถึงได้ สร้างแรงบันดาลใจดึงดูดนักเดินทางทั่วเอเชียเข้าสู่ประเทศเติบโตดีต่อเนื่อง
ทางด้าน
“ซาอุดิอาระเบีย” ในฐานะผู้เล่นใหม่ในตลาดการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้ใช้แนวทางเน้นเฉพาะพื้นที่เป็นหลัก
โดยตระหนักถึงความหลากหลายของภูมิภาค ที่แตกต่างกันประกอบด้วย 49 ประเทศ โดยมีหน่วยงานการท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียเดินหน้าศึกษาตลาดแต่ละแห่งอย่างใกล้ชิด
ตั้งแต่ 1.ความชอบด้านอาหาร 2.ความแตกต่างทางวัฒนธรรม
3.การเพิ่มประสบการณ์การเดินทางให้เหมาะสม
กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ได้รับการสนับสนุนจากความร่วมมือจากสื่อ
องค์กรการค้า หน่วยงานวิจัย ช่วยกันทำให้แน่ใจว่าข้อเสนอของซาอุดีอาระเบียจะตรงใจนักเดินทางทั่วทั้งภูมิภาคอย่างแท้จริง
เคอร์ติส
กล่าวว่า เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการตัดสินใจเดินทางสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
โดยผู้บริโภคต่างพึ่งพาดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และ AI เป็นอย่างมาก การวางแผนเน้นใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นหลัก
นักเดินทางได้เปลี่ยนแปลงวิธีค้นหาและจองทริป แม้ดิจิทัลของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันอย่างมากแต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงในเอเชีย
แปซิฟิก คือความสำคัญด้านความไว้วางใจ โดยเฉพาะเนื้อหาที่สร้างโดยเพื่อนร่วมงาน
ซึ่งยังคงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในทุกขั้นตอนของการเดินทาง
ส่วนข้อสรุปจากเวทีผู้ร่วมอภิปรายใน ATM
2025 ได้นำเสนอการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมุ่งประเด็นสำคัญรองรับ “ตลาดคนรุ่นใหม่”
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตามผลการวิจัยของ Trip.com ระบุกลุ่ม
Gen Y และกลุ่มคนรุ่นใหม่มิลเลนเนียล 30-40 % ยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้เน้นความยั่งยืนไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องชดเชยคาร์บอนและการปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
แต่ยังครอบคลุมถึงการสนับสนุนวัฒนธรรมและมรดกในท้องถิ่นอีกด้วย
สำหรับ
“ATM” เป็นงานระดับโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในดูไบ ช่วยส่งเสริมการเติบโตให้อุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยว
งานดังกล่าวได้นำทุกภาคส่วนและกลุ่มอุตสาหกรรมการเดินทางมารวมเข้าไว้ด้วยกัน แล้วสร้างข้อตกลงทางธุรกิจได้
2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การจัดงาน ATM ครั้งต่อไป
กำหนดระหว่าง 4-7 พฤษภาคม 2569 ที่ ดูไบ
เวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น