วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568

เปิดใจ "นิตินัย ศิริสมรรถการ" CEO คิงเพาเวอร์ลุย5ภารกิจแก้ดิวตี้ฟรีDisruptionพลิกสู่Next Move

 

ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ซีอีโอ คิง เพาเวอร์ เปิด 5 ภารกิจ นำดิวตี้ฟรีไทยพลิกโฉมสู่ Next Move

เจาะลึก !!“นิตินัย ศิริสมรรถการ” ซีอีโอใหม่ “คิง เพาเวอร์”

งัด5ภารกิจนำดิวตี้ฟรีไทยพ้น Disruption สู่ยุค Next Move

ถอดรหัสลับ“ดีลจ่ายผลตอบแทน”ผูกท่องเที่ยวขาขึ้น/ขาลง

คิงเพาเวอร์แจกโปรเดือดทุกทำเลในเมือง-สนามบินมิ.ย.68

ช้อปขาเข้าKing Power LandingStore“สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง”

คิงเพาเวอร์จัดกระหึ่ม“ศรีวารี-พัทยา”ลดแล้วลดอีก 20-40%

“ททท.-Fastwork”ชูWorkation#3 แจก100 เดียวเที่ยวทั่วไทย

บางจากครึ่งปีหลัง ตลท.นำหุ้นBCPใช้คำนวณดัชนี SET50

TCEB หนุน SPLASH-Soft Power Forum 2025ไฮไลต์6โซน

สุขทันทีสุดฟินตลาด“ปัญญ์สู่ Market 3”เมืองน่าเที่ยวราชบุรี

8 วิธีง่าย ๆ ในการล้าง“ผัก-ผลไม้”เพื่อการกินอย่างปลอดภัย

6 เดือนแรกปี’68 ต่างชาติเที่ยวไทยทำรายได้แค่7.4 แสนล้าน

ททท.-KTCงัด“Isan Greencation”เที่ยวอีสานลด50%ถึง15ก.ย.

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #บางจาก  #

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/p/1J8XAaQetN/

ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แผนพลิกโฉมดิวตี้ฟรีไทยสู่ Next Move ใช้เวลา “60 วันการรอ AOT” เปิดทางออกคู่ขนาน 5 ภารกิจ ลุยปลดล็อกธุรกิจพ้น Disrutpion  ยกเครื่องใหญ่ “Hardware-Software-Peopleware” ตั้งเป้า 1-2 ปีหน้า นำทรัพยากร “ปั้นธุรกิจใหม่ไม่เหมือนใคร” สร้างอนาคตปังกว่าเดิม พร้อมถอดรหัส “ดีลจ่ายผลตอบแทน” ยุคเริ่มประมูลกับสถานการณ์ปัจจุบันนำมาสู่สูตรคำนวณ “สมดุลรายได้จริง” ภายใต้จุดเปลี่ยนท่องเที่ยวไทยขาลงแรง และในสัญญาได้แบ่งภารกิจไว้ชัดเจน “ประเทศ” ต้องดึงทั่วโลกมาเที่ยวเพิ่มทุกปี “เอกชน” กระตุ้นกำลังซื้อโตมีเงินจ่ายครบตามดีล


ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิง เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์จริงการดำเนินธุรกิจ “ร้านค้าปลอดอากร” (Duty free) ของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีวงจรคล้ายคลึงกับอีกหลายธุรกิจคือมี “ขาขึ้นและขาลง” ซึ่งบางอุตสาหกรรมอาจจะหายไปแล้วบางธุรกิจยังไปต่อได้ขึ้นอยู่กับการปรับตัวทำ “กิจกรรมการตลาด” เดินหน้า “ฟื้นยอดขายหมุนเวียน” กลับคืนมาในแต่ละวันกลับมาให้ได้

ส่วน “อุตสาหกรรมดิวตี้ฟรีขาลง” ครั้งนี้ วิเคราะห์เบื้องต้นเกิดจาก “วัฏจักรอุตสาหกรรม” ซึ่งมีปัจจัยแย่งแข่งขันชิง “กำลังซื้อ” จากตลาดหลักคือ “นักท่องเที่ยวจีน” ปี 2568 จีนมาเที่ยวไทยแผ่วลงมากขึ้นลงตามฤดูกาล แล้วยังมีอุปสรรคที่ส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจหลายปัจจัย เช่น

ปัจจัยที่ 1 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้าไทยโดยเฉพาะ “ทัวร์จีน” ลดลงอย่างรวดเร็ว และมีพฤติกรรมเดินทางเปลี่ยนมาเป็นหมู่คณะ (G.I.T.) เป็นมาลำพังแบบเดี่ยว ๆ (F.I.T.) จึงส่งผลกับการบริหารจัดการตลาดเป็นโจทย์ยากมากขึ้นเรื่องการดึงกำลังซื้อมาสู่ดิวตี้ฟรีในเมือง (duty free downtown)

ปัจจัยที่ 2 เหตุสุดวิสัยจากโรคระบาดทั่วโลก เกิดขึ้นกับหลายอุตสาหกรรม รวมทั้ง คิง เพาเวอร์ ด้วย ช่วงออกจากสถานการณ์โควิด-19 ปี 2563-2566 ต้องเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้ง “ดิวตี้ฟรีและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว”  ต่างจาก่อนเกิดโควิดเป็น “ยุครุ่งเรือง” ช่วงนั้นแม้แต่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) ยังเปิดประมูลพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรี และเมกะโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน “อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” เวลาผ่านไปเพียง 3 ปี “ยุครุ่งเรือง” หายวับทันที แม้ตอนอยู่ “ในอุโมงค์โควิด” หลายอุตสาหกรรมยังพอเห็นแสงสว่างบ้างต่างจากสภาพจริงตอน “ออกจากอุโมงค์” กลับพากันล่มสลายอย่างรวดเร็ว

 


ดร.นิตินัย กล่าวว่า ตอนนี้ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี (KPD) “รอคำตอบ” จากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT/ทอท.” หลังยื่นหนังสือขอหารือแนวทาง “ยกเลิกสัญญาอนุญาต” ให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT ที่ไม่ได้มาจากความผิดของคิง เพาเวอร์” แต่เพราะมีผลกระทบรุนแรงเป็นเหตุสุดวิสัยจาก 7 ปัจจัย

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 บอร์ด AOT มีมติแต่งตั้ง “คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยาน” พร้อมทั้ง “จ้างที่ปรึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ” ศึกษาทางเลือกวิธีแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ AOT โดยเร็วภายใน 60 วัน

ระหว่าง “รอคำตอบจาก AOT” ถึงกรอบแนวทางใหม่ ทาง “คิง เพาเวอร์” ได้เร่งส่องสภาพธุรกิจภายในของตนเองทั้งหมดด้วย ประกอบด้วย

 


ภารกิจที่ 1 “แยกโครงสร้างปัญหา” ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ทำยอดขายได้ไม่ดีแล้วเป็นปัญหาให้เกิดการล่มสลาย ต้องรีบดึงตัวเองออกจากตรงนี้ก่อน ส่วนที่ 2 หากเป็นวัฎจักรปกติทางธุรกิจก็จะใช้วิธีใส่ทรัพยากรเข้าไปทำให้ทุกอย่างฟื้นตัวดีขึ้น

ภารกิจที่ 2 วางตำแหน่งใหม่ในธุรกิจคิง เพาเวอร์ ต้องทำเร่งด่วนอย่างแม่นยำ เดินหน้าสู่ “Next Move :ก้าวต่อไป” เพื่อออกจากช่วงภาวะ “ขาลง” เป้าหมายหลักต้อง “รีบกำจัดให้หายไปโดยเร็วที่สุด” เพราะหากวางตำแหน่งไม่ถูกต้องแล้ว “ใส่ทรัพยากร” ในจังหวะเกิด “Disruption :การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ในอนาคตอาจจะไม่เหลือทรัพยากรที่มีค่าไปทำธุรกิจอีกต่อไ

ตอนนี้ต้องยอมรับความจริงว่า “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ถูกปัญหาDisruption โอบล้อมหลายปัจจัย ทั้ง 1.กำลังซื้อหลักลาดจีนหายไป 2.อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ชะลอเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมการเที่ยว 3.อี-คอมเมอร์ซ เข้ามาแทนที่คน 4.Generation Gap ช่องว่างการบริหารงานระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนกลุ่มเดิม ทำงานได้ดีทั้งคู่เพียงแต่ยังมีช่องว่างหรือการสื่อสารระหว่างกัน 5.ตัวแปรอื่น  เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เกิด Disruption ขึ้น

ดร.นิตินัย ย้ำว่ากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ปัจจุบันแม้ต้องเผชิญ Disruption แต่ยังคงสามารถ “รับมือ” และ “หาทางออก” ได้อยู่ ด้วยวิธี “ตรวจสภาพธุรกิจ” อย่างจริงจัง ร่วมมือกันทั้งภายในองค์กรและกับพันธมิตรต่าง ๆ นำทางออกที่ดีมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย

ภารกิจที่ 3 ทำโครงสร้างหลังบ้านใหม่ให้เข้มแข็ง หลัง 60 วันเมื่อได้คำตอบจาก AOT น่าจะปรับทีมดีขึ้นแล้วก้าวต่อสู่ “ธุรกิจถัดไป” อาจต้องขยับ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ปรับโฉมสู่ธุรกิจใหม่ ส่วนที่ 2 พัฒนาจากรากฐานธุรกิจเดิมเลือกใช้การดำเนินงานแบบใหม่ โดยไม่ทำตามตลาดทั่วไป 

ดร.นิตินัยได้เปิดทาวน์ ฮอลล์ พูดคุยกับพนักงานเมื่อ 24 มิถุนายน โดยยกตัวอย่างธุรกิจภาพยนตร์ “Block Buster บริการเช่าวิดีโอ” เผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปเป็นการให้เช่า VCD กับ DVD ต่อด้วยเครื่องเล่น Blueray ซึ่งสูญพันธุ์ไปเร็วมาก ตอนนี้เป็นยุค “สตรีมมิ่ง” แข่งกันด้วย resolution ที่มีความแม่นยำละเอียดชัดเจนแบรนด์ใดเหนือกว่ากัน

“ธุรกิจดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์” เปรียบเทียบแล้วก็มี “ข้อเสีย” ช่วงตอนอยู่ใน “อุโมงค์โควิด-19” ยาวนานเกิน 3 ปี ส่วน “ข้อดี” จะสามารถกระโดดข้ามขั้นด้วยการพัฒนาใหม่เหมือนตัวอย่างอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดดจาก DVD ไปสตรีมมิ่งเลย ใช้วิธีไล่ตาม resolution  ระหว่างพูดคุยกับพนักงานในทาวน์ฮอลล์มีบางส่วนตั้งคำถามว่าเมื่อ “จุดแข็ง” คิง เพาเวอร์ จะนำไปช่วยพัฒนาอะไรต่อไป เป็นสิ่งที่ต้องร่วมกันคิดต่อยอดอนาคต 2 ปีข้างหน้า

ส่วนการ “บริหารจัดการธุรกิจ” จะทำ 3 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 จัดลำดับปัจจัยที่ทำให้เกิด Disruption นำมาปรับใช้ธุรกิจอย่างแม่นยำชัดเจน ขั้นที่ 2 เลือกปรับโฉมสู่ธุรกิจใหม่ไม่เหมือนใคร ปูทางสู่อนาคต 2 ปีหน้า ขั้นที่ 3 สร้างโมเดลธุรกิจบนเส้นทางใหม่เน้นเป้าหมายความสำเร็จ โดยใช้ 3 อย่าง ได้แก่ 1.Hardware สามารถซื้อได้  2.Software นำเรื่องการบริหารจัดการเข้ามาใช้เสริมเทคโนโลยี

3. Peopleware องค์ความรู้ของคนในองค์กร ต้องปิดช่องว่างการสื่อสารระหว่างวัย เพราะโมเดลธุรกิจเพ้อฝันมีมากมาย แต่อาจจะไม่สำเร็จก็ได้ จึงต้องใช้เวลาสร้าง จากประสบการณ์ตอนเป็นผู้นำ AOT ได้ริเริ่มสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เด็กจบใหม่ช่วยกันเดินในอาคารผู้โดยสารสนามบินเก็บขยะทุกเช้า ใช้มนุษย์เป็นผู้ขับเคลื่อนความสำเร็จ แล้วผมเองก็เชื่อ “การลองใช้โมเดล” จะมีไม่กี่แบบนำมาใช้จัดโครงสร้างองค์กรสู่เป้าหมายให้ความสำเร็จได้

ผมเชื่อมั่น “การจัดระเบียบกองทัพในองค์กร” ให้ดี โดยเฉพาะระบบหลังบ้าน พร้อมกับจัดทำกรอบแนวคิดหรือ Mind Set ให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งที่ดีในชีวิต วางการบริหารใช้ข้อมูลสร้างองค์ความรู้ทุกเรื่อง ให้คนที่รู้ภาษา AI ใช้ให้ถูกวิธีด้วยการแปลงเป็นภาษานำเสนอที่ประชุมได้ทุกครั้ง ไม่ใช่เพียงแค่ให้ AI บอกว่าอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ต้องสามารถระบุ “พฤติกรรมผู้บริโภค” เลือกใช้ข้อมูลจาก AI ตอบโจทย์ธุรกิจตนเอง ส่วนผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ก็จะทำการตลาดได้ตรง โดยมีพนักงานรุ่นใหม่คอยนำเสนอเทคอย่างถูกต้องป้อนอยู่ตลอดต้องสร้างมนุษย์สั่ง AI ทำงานให้ได้คุณภาพ


ภารกิจที่ 4 เร่ง “Recover :ฟื้นฟูธุรกิจ” ด้วยกองทัพบุคลากรกับจัดระบบหลังบ้านใหม่ให้ดี ขุดปัญหาที่ก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงหรือ disruption อย่างชัดเจน ระดมทรัพยากรที่เหลือ “เร่งสร้างคน” ต้องทำด่วนอย่างน้อยภายใน 1-2 ปีนี้ นำ “กลุ่มเด็กใหม่ ๆ” กับ “คนเก่า” ใช้ทักษะด้าน AI เทคโนโลยีแลกเปลี่ยนวิธีทำงานร่วมกัน เพื่อให้รอดพ้นออกจากยุคธุรกิจซัดกันแหลก ตามโครงสร้างธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ยังต้องแข่งกับทั่วโลกด้วย จึงจำเป็นต้องใช้ “คนที่มีพลัง” มากกว่าปัจจุบัน ผนวกการพัฒนาเทคโนโลยี สร้าง “สะพานธุรกิจใหม่”ในระยะยาว 

โดยจะนำ “กองทัพใหม่” พาอนาคต บริษัท คิง เพาเวอร์ ปังในอุตสาหกรรมให้สำเร็จตามเป้าหมายภายใน 1-2 ปีนี้


ภารกิจที่ 5 “ถอดรหัสตัวเลข”ผลการดำเนินงาน การจ่ายผลตอบแทน” ตามข้อตกลงสัญญากับ AOT ซึ่งมีทั้งค่าใช้จ่าย การลงทุนต่าง ๆ บนพื้นฐานตั้งแต่เริ่มประมูลใช้เกณฑ์ “จ่ายผลตอบแทน” เลือกใช้การจ่ายผลตอบแทนสูงกว่า ระหว่าง 1.เงินค้ำประกันจ่ายขั้นต่ำ หรือ Minimum guarantee ปีละ 20 % กับ 2.จ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามยอดขายรายปี หรือ Revenue Sharing ซึ่งบางปีสูงกว่าเงินค้ำประกันขั้นต่ำ คือทะยานไปถึง 40 % ของรายได้ ตามปกติแล้วไม่มีการขายสินค้าชนิดใดสามารถทำส่วนต่างรายได้ (margin) ได้ถึง 40 % 

ด้วย “โครงสร้างการจ่ายผลตอบแทนเดิม” ในสถานการณ์ “ปัจจุบัน”  ที่แตกต่างจาก “สมมุติฐานเริ่มต้นเปิดประมูลตอนแรก” เปลี่ยนแปลงมหาศาลหลังเกิดโควิด-19 แล้วภารกิจที่ตกลงกันไว้คือ “ประเทศ” จะนำเข้านักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้ามาไทย ส่วน “บริษัท/ธุรกิจ” จะใช้กลยุทธ์กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้ใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นได้จากการซื้อของใน “ร้านค้าดิวตี้ฟรี” มีสินค้าแบรนด์หรูราคาและมูลค่าสูงทำรายได้ที่ดี

หลังโควิด-19 ได้เปลี่ยน “การจ่ายผลตอบแทนใหม่” ใช้วิธีคำนวณ “ปริมาณนักท่องเที่ยวต่อหัว (Quatity x ราคา (Price) : P x Q ” โดย “รายได้รวมเท่าเดิม” แล้วสร้างสมดุล จากข้อตกลงการแยกหน้าที่กันรับผิดชอบ ซึ่งโมเดลใหม่อาจเกิดคำถามว่า AOT เสียรายได้หรือไม่ ตอบว่าเสียโดยเป็นธรรม อันเกิดมาจากตามข้อตกลงได้แบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบตามเนื้อหาหลังเกิดโควิดเกิดขึ้นตามข้อเสนอในสัญญา

วิธี “แปลงสูตรคำนวณจ่ายผลตอบแทน” ตามสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านมา ระหว่าง AOT กับ คิง เพาเวอร์ ทำบนพื้นฐาน “สมดุลรายได้ตามจริง”

สามารถตรวจสอบข้อมูลแต่ละสูตรคำนวณตามความเห็นชอบไปแล้วตั้งแต่ “เอกชนยื่นซองประมูล” พอบริบทเปลี่ยน ยอดการคำนวณจึงไม่คงที่ เป็นไปตามสถานการณ์ใหม่ ณ วันนั้น ๆ แล้วปัจจุบันโลกเปลี่ยนแบบสุดวิสัยนั่นคือสภาพจริง “ธุรกิจ” มีได้และเสียกับขาขึ้นและขาลง แต่ก็ขึ้นอยู่กับ “การทำดีล” ณ วันนั้น ๆ ด้วยบริบทแตกต่างกัน โดยยังคงยึดหลัก “ความเป็นธรรม” ตามปรากฏการณ์จริง

เนื่องจากวันยื่นประมูลกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ใส่ผลตอบแทนปีละ 15,000 ล้านบาท ภายใต้ดีลและสถานการณ์รอบข้างแบบหนึ่ง ภายใต้องค์ประกอบของข้อเสนอ (proposal) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา แตกต่างจากบริบทปัจจุบันปัจจัยต่าง ๆ เพี้ยนจากความเป็นจริงทั้งหมด จึงนำมาซึ่งการขอหารือแนวทางกันใหม่อีกครั้งระหว่าง คิง เพาเวอร์ กับ AOT ครั้งนี้ ที่ทุกฝ่ายกำลังรอคำตอบที่จะนำไปสู่ทางออกที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายต่อไป

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์แจกโปรเดือดทุกทำเลในเมือง-สนามบินมิ.ย.68

คิง เพาเวอร์ ชี้เป้าดีลดี ช้อปมันส์ได้ทุกโลเคชั่น แจกโปรเดือดรับกลางปี ส่งท้ายดือนมิถุนายน 2568 ช้อปได้สุด  ดังนี้

1.ช้อปที่สาขาในเมือง คิง เพาเวอร์ รางน้ำ มหานคร และภูเก็ตรับส่วนลดสูงสุด 30%เมื่อช้อปสินค้าตามเงื่อนไขที่กำหนด (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)

พิเศษ! สำหรับสมาชิก คิง เพาเวอร์ เท่านั้น

- รับส่วนลด On – top 5% สินค้าราคาปกติ เฉพาะสินค้าแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอางที่ร่วมรายการ)

-ช้อปคุ้ม ได้เพิ่มยิ่งกว่า รับเงินเพิ่มถึง 30% เพียงซื้อ Cash Card 7,000 บาท นำใช้ช้อปจริง 10,000 บาท

 

2.ดีลพิเศษ ช้อปที่ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี และพัทยา 28 มิ.ย. 2568 - 29 มิ.ย. 2568 เท่านั้น

-ลดสูงสุด 50% + OnTop สูงสุด 20%

-แจกฟรี เฉพาะวันหยุด รับคูปองส่วนลด 40%

 

3.ดีลพิเศษ ช้อปที่ คิง เพาเวอร์ ซิตี บูทีก ที่ ONE BANGKOK แจกคูปอง ลดสูงสุด 40% ซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ 1 ชิ้น ได้คนละ 1 สิทธิ์ /วัน

 

4.ช้อปที่สาขาสนามบินคิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต  รับส่วนลดสูงสุด 30%

 

ข่าวที่ 2 -ช้อปขาเข้าKing Power LandingStore“สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง”

 

คิง เพาเวอร์ แนะนำบริการช้อป สะดวกสบาย กลับจากต่างประเทศ ไม่ต้องหิ้วของฝากให้เมื่อย! แลนด์ปุ๊บ ช้อปปั๊บ ที่ “King Power Landing Store” โซนศูนย์รวมของฝากเด็ด ๆ

 

จัดเตรียมไว้ให้นักเดินทางและนักช้อปครบทุกสไตล์ พร้อมให้เลือกสรรแบบไม่ต้องขนข้ามประเทศให้หนักกระเป๋าด้วย ทุกทริปการเดินทางต่างประเทศแวะได้ทันทีในแต่ละโซน 2 สนามบิน ดังนี้

 

“สนามบินสุวรรณภูมิ” อยู่ตรงบริเวณ อาคารผู้โดยสาร ชั้น 2 ตรงข้ามประตูทางออก 3 และ ประตูทางออก 10

 

“สนามบินดอนเมือง” อยู่ตรงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ชั้น 1 ประตูทางออก 7

 

ข่าวที่ 3-คิงเพาเวอร์จัดกระหึ่มศรีวารี-พัทยาลดแล้วลดอีก20-40%

 

ลดแล้ว ลดอีก ที่ “คิง เพาเวอร์” ในเมืองท่องเที่ยว 2 แห่ง ศรีวารี และพัทยา ลดขนาดนี้แล้วได้สินค้าแบรนด์ดังแบบนี้ ต้อง คิง เพาเวอร์ เท่านั้น รับรัว ๆ ดังนี้

 

1.ฟรี! คูปองส่วนลด 40% สำหรับซื้อสินค้า 1 ชิ้น 1 สิทธิ์ /วัน เฉพาะวันที่ 28 - 29 มิถุนายน 2568 ได้คนละ 1 สิทธิ์ / วัน

 

ผู้ถือบัตรเครดิตร่วม คิง เพาเวอร์ กับธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทยสามารถร่วมรายการได้ แต่คูปองไม่สามารถแลกคืนหรือทอนเป็นเงินสดได้ และคูปองส่วนลดหมดอายุภายในวันแลกรับ

 

2.ลดได้อีก 10% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยและแลกคะแนนเท่ายอดใช้จ่าย

 

3.มีสินค้าไอเทมเด่น  ๆ ที่เข้าร่วม Seasonal Sale ลด 50 % ร่วมรายการ ตรวจสอบสินค้าที่ร่วมรายการเพิ่มเติม และตรวจสอบเงื่อนไขที่มีการเปลี่ยนแปลงที่จุดขาย หรือ Contact Centre 1631

 

4.ลูกค้าคนไทยที่ไม่เคยเป็นสมาชิก คิง เพาเวอร์ หรือหมดสถานะสมาชิกแล้วเท่านั้น สมัครใหม่ได้ ถือไว้ใช้ได้ถึง 2 ปี โดยสามารถรับส่วนลดและสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตั้งแต่ 5-20 %

 

ข่าวที่ 4-“ททท.-Fastwork”ชูWorkation#3แจก100เดียวเที่ยวทั่วไทย

 

ททท.แท็กทีม Fastwork งัด “Workation Paradise Throughout Thailand Season 3” เปิดเกมรุกฟรีแลนด์ยุคใหม่ 3 ตลาดใหญ่ “Digital nomads-Freelancers-Remote Workers” เร็ว ๆ นี้ รอรับได้เลย “โวเชอร์ 100 เดียวเที่ยวได้งาน” ดึงผู้ประกอบการทั่วไทย 200 แห่ง แจกสิทธิ์อื้อ

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เปิดเกมรุกผนึกความร่วมมือกับ Fastwork ลุยเจาะฟรีแลนซ์ยุคใหม่ 3 ตลาดใหญ่ โดยเตรียมเปิดตัว Workation Paradise Throughout Thailand Season 3” อย่างเป็นทางการ เดินหน้ายกระดับไทยเป็นศูนย์กลาง “Work & Travel” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่องเที่ยวและดิจิทัลของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืน

 

โดยได้ร่วมกับแพลตฟอร์มฟรีแลนซ์อันที่ได้รับความนิยมดับต้น ๆ ของเมืองไทย สร้างกระแสการท่องเที่ยวได้ทำงานด้วยหรือ Workation ให้กลับมาแรงทรงพลังมาอีกครั้ง เข้าถึงนักเดินทางตลาดคุณภาพในและต่างประเทศ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 

 

กลุ่มที่ 1 ผู้เชี่ยวที่ทำงานด้วยดิจิทัลที่ใดในโลกก็ได้ : Digital Nomads

 

• กลุ่มที่ 2 คนทำงานอิสระ : Freelancers

 

• กลุ่มที่ 3 คนทำงานเคลื่อนสถานที่ไปได้ทั่วประเทศ : Remote Workers

 

ทั้ง ททท.และแพลตฟอร์มดัง Fastwork ผนึกกำลังกันกิจกรรมสุดพิเศษมากมายตลอดโครงการ “Workation Paradise Throughout Thailand Season 3” เช่น

           

เที่ยวเป็นทีม ททท. จัดให้” กดรับสิทธิพิเศษภายใต้โครงการ และออกเดินทางไป Workation ลุ้นรางวัลสุดพิเศษมากมาย

           

“100 เดียว เที่ยวได้งาน” ซื้อ Voucher ท่องเที่ยวผ่าน Fastwork ราคาเพียง 100 บาท

           

“สิทธิพิเศษ” สถานประกอบการท่องเที่ยวชั้นนำทั่วไทยพร้อมมอบส่วนลดกว่า 200 แห่ง ทั้งที่พัก ร้านอาหาร พื้นที่ Co-working และอื่น ๆ อีกมากมาย

 

“เปิดใช้สิทธิ์ในโครงการ” เร็ว ๆ นี้ โดยจะนักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดโครงการและกิจกรรมต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์: www.tourismthailand.org/workationthailand

 

ข่าวที่ 5-บางจากครึ่งปีหลัง ตลท.นำหุ้นBCPใช้คำนวณดัชนีSET50

 

BCP หุ้นบางจากเข้าตาตลาดหลัทรักย์ เลือกให้ติด “SET50” รอบครึ่งปีหลัง ก.ค.-31 ธ.ค.68 ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน โชว์พลังธุรกิจความแข็งแกร่งยั่งยืน พร้อมมอบผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้น

 

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BCP” ได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้เป็นหนึ่งในหลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 ช่วงรอบครึ่งหลังปี 2568 มีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2568  เป็นการยืนยันถึงแนวทางดำเนินกลยุทธ์ของบริษัทมุ่งเน้นเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้โครงสร้างธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร

 

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบางจากให้ความสำคัญเรื่องการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงได้ขยายฐานนักลงทุนใหม่อย่างเป็นระบบ ส่งผลทำให้ได้การตอบรับเป็นอย่างดี สร้างผลตอบแทนโดยรวมแก่ผู้ถือหุ้น (Total Shareholder Return – TSR) ของบริษัทอยู่ระดับหัวแถวของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบันก็ยังคงยึดมั่นสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนให้ผู้ถือหุ้นในระยะยาวต่อไป

 

สำหรับ SET50 ถือเป็นดัชนีสำคัญสะท้อนความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง มักใช้เป็นดัชนีอ้างอิงในการลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เมื่อ บมจ.บางจาก ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมดัชนีครั้งนี้ด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความเชื่อมั่นในการลงทุนในหุ้น BCP ได้ด้วย

 

ข่าวที่ 6- TCEB หนุน SPLASH-Soft Power Forum 2025 ไฮไลต์ 6 โซน

 

นายภูริพันธ์ บุนนาค รักษาการผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บสนับสนุนงานมหกรรมใหญ่แห่งปี “SPLASH -Soft Power Forum 2025คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (THACCA) เป็นเจ้าภาพจัดระหว่างวันที่  8-11 กรกฎาคม 2568 ที่ชั้น G ฮอลล์ 1-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เตรียมตัวให้พร้อม เร็ว ๆ  นี้จะเปิดลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมเป็นหมู่คณะฟรี

 

ภายในงาน SPLASH  ปี 2568 จะงานเดียวที่อาจเปลี่ยนเส้นทางของผู้คน ด้วยพลังของซอฟต์พาวเวอร์ ที่มาพร้อมกับแรงบันดาลใจของ “ตัวท็อป” ระดับแนวหน้าวงการ พร้อม “โอกาส” ต่อยอดทุนวัฒนธรรมของไทยใกล้ตัว ให้กลายเป็น “โอกาสทางรายได้” ในตลาดโลกระยะยาว

 

ระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 พบกันที่ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตื่นตากับองค์ความรู้และโอกาสใหม่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจต่อยอดความสำเร็จได้ใน 6 โซน 6  ประสบการณ์

 

โซนที่  1 Visionary Stage เวทีเสวนานานาชาติ ระดมวิสัยทัศน์จากผู้นำและนักคิดระดับโลก รวบรวมผู้นำทางความคิดที่จะมาแลกเปลี่ยนโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศไทยในตลาดโลกCreative Culture Village

 

โซนที่  2 โชว์เคสศักยภาพ การส่งเสริมและพัฒนา 14 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์

 

โซนที่  3 THACCA Pavilion ศูนย์รวมองค์ความรู้ ยุทธศาสตร์ และการเตรียมพร้อมสู่ตลาดโลกด้วยซอฟต์พาวเวอร์

 

โซนที่  4 Glo-cal Networking พื้นที่จับคู่ธุรกิจ การลงทุน และการสร้างเครือข่าย

 

โซนที่  5 Workshop Masterclass กิจกรรมพิเศษ การอบรมเสริมทักษะ และโปรแกรมการศึกษาสำหรับทั้งเยาวชนและผู้ประกอบวิชาชีพ

 

โซนที่  6 Experiential Zone  พื้นที่จัดแสดงเทคโนโลยีสร้างสรรค์และประสบการณ์ซอฟต์พาวเวอร์ในธีม Multisensory Mindfulness Experiences! หรือการทำสมาธิและสร้างสติในวิธีแบบใหม่ๆ

 

ช่วงที่ 2 ออกไปเที่ยวฟิน ๆ สัมผัสสุขภาคกลางที่ตลาด “ปัญญ์สู่ Market 3” อำเภอสวนผึ้ง จ.ราชบุรี 5 ก.ค.นี้ เปิดพื้นที่จัดกิจกรรมหลากหลาย “ช่วงเช้า” ร่วมฟรีฮีลกายใจ สุขภาพ “ช่วงค่ำ” ซื้อบัตรชมคอนเสิร์ฟฟินกับอาหารอร่อย ๆ แล้วฟัง “8 วิธีง่ายในการล้างผักผลไม้” อย่างปลอดภัย เกาะติดข่าวฮ็อต ข่าวแรก “ต่างชาติเที่ยวไทย6เดือนแรกปี68” ทำเงินได้แค่ 7.4 แสนล้าน ข่าวที่สอง “ททท.-KTC” ลุยขาย ISAN Greencation เที่ยวอีสานลดใหญ่ 50%ถึง 15 ก.ย.นี้

 

ท่องเที่ยว –สุขทันทีที่ตลาด“ปัญญ์สู่ Market 3”เมืองน่าเที่ยวราชบุรี

 

สุขทันที ที่เที่ยวไทย ในภาคกลาง ทาง ททท. สำนักงานราชบุรี ชวนไปเช็คอินงานดี ๆ  “ปัญญ์สู่ Market 3” เมืองน่าเที่ยวราชบุรี สัมผัสตลาด น่ารัก ฮีลใจ บนพื้นที่สีเขียวใต้ร่มไม้ใหญ่ รอต้อนรับนักเดินทางทุกคนมาพักผ่อน นั่งเล่น รับลมเย็น ๆ พบปะพูดคุยสบาย ๆ วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 1 ทุ่มครึ่ง ที่ เดอะ ฮาร์โมนี่ รีสอร์ต อ.สวนผึ้ง ช่วงเช้าเปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมฟรี ช่วงค่ำจัดรอบพิเศษขายบัตรดื่มด่ำอาหารและคอนเสิร์ตฟิน ๆ

 

“ช่วงกลางวัน” เข้างานฟรี ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น.สนุกกับกิจกรรมมากมายใน 3 โซน

 

โซนที่ 1 งานตลาดสุขภาพ : สินค้าออร์แกนิก งานคราฟท์ สินค้าทำมือ และงานศิลปะ

โซนที่ 2  Workshop ดูแลสุขภาพ : Sound Healing คลาสศิลปะบำบัด  ตรวจสุขภาพเบื้องต้นกับแพทย์แผนไทยและแผนจีน เวิร์คช้อปปฐมพยาบาลเบื้องต้น และวิธีทำ CPR

 

โซนที่ 3 ห้องสมุดในสวน : สนามให้เด็ก ๆ วิ่งเล่น และ Talk เรื่องราวต่าง ๆ ของธรรมชาติ

 

“ช่วงค่ำ Evening Gathering ซื้อบัตรเข้าชมงาน 18.00 - 19.30 น.

 

ฟังคอนเสิร์ตในสวนสุดพิเศษ! “A Flowing Heart : เล่า ร้อง ฟัง ชิลล์” โดยครูแก้วและครูพลอย นักร้องเสียงทรงพลังจากเวที “เดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์  มาร่วมใช้พลังเสียงเพลงดูแลร่างกาย จิตใจ และเป็นส่วนหนึ่งในการภาวนาสมาธิดีฮีลใจได้ด้วย

 

“บัตรเข้างาน” คนละ 1,000 บาท บริการจองล่วงหน้าหรือเออรี่เบิร์ด ภายใน 30 มิถุนายน 2568 จ่ายแค่คนละ 699 บาท

 

“พิเศษสุด” เมื่อซื้อบัตร A Flowing Heart + Sound Healing Retreat ทำกิจกรรมช่วงกลางวัน จ่ายค่าบัตรรวมเพียงคนละ 1,200  บาท เปิดให้จองล่วงหน้าราคาพิเศษภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เหลือเพียงคนละ 899 บาท

 

ททท.สำนักงานราชบุรี แนะนำให้สอบถามและจองเที่ยวงาน “ปัญญ์สู่ Market 3” ได้ทาง เพจ : ปัญญ์สู่ Punsu Workshop Space - Library & Farm  โทร. 064-539-2692  หรือ Line id : nettysiri

 

 

สุขภาพ –8 วิธีง่ายๆในการล้าง“ผัก-ผลไม้”กินอย่างปลอดภัย

 

องค์การอาหารและยา (อย.) ได้แนะนำ 8 วิธีง่าย ๆ ในการ “ล้างผัก ผลไม้” แล้วปลอดภัยในการกินแถมดีต่อสุขภาพด้วย ทำได้ดังนี้

1.แช่เบกกิ้งโซดาลดสารพิษได้ 80 – 95%

2.แช่น้ำอุ่น 20 ลิตร ผสมกับเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ แช่ผักผลไม้นาน 15 นาที

3.ล้างอีกครั้งด้วยน้ำสะอาด

4.เปิดให้น้ำไหลผ่าน ลดสารพิษได้ 54-63%

5.เปิดน้ำไหล ถูใบผักให้สะอาด

6.น้ำส้มสายชู ลดสารพิษได้ 27-37% 

7.น้ำเปล่า 4 ลิตร ผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ

8.แช่ผักและผลไม้นาน 10 นาที

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก –6เดือนแรกปี’68 ต่างชาติเที่ยวไทยรายได้แค่7.4แสนล้าน

 

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมียอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 22 มิถุนายน 2568 จำนวนรวมทั้งสิ้น 16,043,941 คน สร้างรายได้ 743,582 ล้านบาท (จากเป้าหมายปรับใหม่ประมาณ 1.75 ล้านล้านบาท เดิม 2.1 ล้านล้านบาท) โดยมีนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 มาเลเซีย 2,190,363 คน อันดับ 2 สาธารณรัฐประชาชนจีน 2,172,944 คน อันดับ 3 อินเดีย 1,133,696 คน อันดับ 4 รัสเซีย 1,015,077 คน อันดับ 5 เกาหลีใต้ 745,887 คน

 

เฉพาะช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 16-22 มิถุนายน 2568 นักท่องเที่ยวทุกตลาดฟื้นตัวแล้ว ประกอบด้วย “ตลาดระยะไกล” (Long haul) เริ่มเข้าสู่ซัมเมอร์ ฮอลิเดย์ จึงเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นจากภูมิภาคยุโรป ทำให้ “รัสเซีย”เดินทางสะสมแล้วกว่า 1 ล้านคน “ตลาดระยะใกล้” (Short haul) สถานศึกษาเริ่มปิดภาคเรียน ทำให้ “สาธารณรัฐประชาชนจีน”

 

ระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2568 ภาพรวมตลอดสัปดาห์มีต่างชาติเดินทางมาไทยสะสม 522,670 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 18,277 คน  3.62 % เฉลี่ยวันละ 74,668 คน ประกอบด้วย 5 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 สาธารณรัฐประชาชนจีน 75,435 คน เพิ่ม 10.89 % อันดับ 2 มาเลเซีย 74,735 คน เพิ่ม 0.15 % อันดับ 3 อินเดีย 48,723 คน ลดลง 0.79 % อันดับ 4 สิงคโปร์ 27,502 คน ลดลง 11.63 % อันดับ 5 เกาหลีใต้ 23,021 คน เพิ่ม 11.76 %

 

แนวโน้มสัปดาห์ถัดไป ระหว่าง 23-29 มิถุนายน 2568 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยแบบทรงตัว ยังคงได้อานิสงจากปัจจัยเดิมๆ คือ  ปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬา มาตรการรัฐบาลไทยอำนวยความสะดวกการเดินทางหรือ Ease of traveling การยกเว้นบัตรตม.6 ส่งเสริมสายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมาไทย

 

ข่าวที่สอง –ททท.-KTCงัด“Isan Greencation”เที่ยวอีสานลด50%ถึง15ก.ย.

 

ททท. แท็กทีม KTC จัดแคมเปญ “Isan Greencation” เที่ยวอีสาน กรีน ซีซั่น แจกสมาชิกบัตรเคทีซีไม่ยั้งลดสูงสุด 50 % วันนี้ -15 ก.ย.68 ที่พัก ร้านอาหาร โรงแรม คาเฟ่ เข้าร่วมกว่า 110 แห่ง พร้อมแจกอี-คูปอง ปั๊ม PT ลัยเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ไลฟ์สไตล์ชองเที่ยวเมืองไทย

 

 

นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นำ ททท.จับมือกับ เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแคมเปญ “Isan Greencation” อีสานเย็นดี Green Season นี้มีดีล ตอกย้ำผู้นำด้านไลฟ์สไตล์สร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวภาคอีสานช่วงฤดูฝนด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษ ตั้งเป้าเจาะตลาด “นักเดินทางรุ่นใหม่” ชวนกันมาสัมผัสเสน่ห์ไทย วัฒนธรรม-ธรรมชาติ ใช้จ่ายเงินกระจายรายได้สู่ชุมชน

 

ตลอดปี 2568 ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดินหน้าผลักดันการท่องเที่ยวอีสานผ่านแนวคิด “ประเพณี  สีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา” เน้นถ่ายทอดเรื่องราว “1 ภูมิภาค 5 มรดกโลก วัฒนธรรมสองฝั่งโขง” นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านเทศกาลดนตรี  งานประเพณี อาหารพื้นถิ่น สร้างความประทับใจที่แตกต่างในแต่ละฤดู ขานรับนโยบายรัฐบาลเน้นส่งเสริมให้ในประเทศเที่ยวได้ตลอดทั้ง 365 วัน

 

การจัดแคมเปญ Isan Greencation” อีสานเย็นดี Green Season นี้มีดีล  ททท. กับพันธมิตรบัตรเคทีซี พร้อมมอบสิทธิประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว เมื่อ “ใช้จ่ายเงินแต่ละครั้ง” ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวภาคอีสาน ผู้ใช้บัตรเคทีซีจะได้รับส่วนลดพิเศษจากผู้ประกอบการทั่วอีสานที่เข้าร่วมโครงการมูลค่าสูงสุดถึง 50 % ช่วยเอกชนในพื้นที่มีรายได้และส่งเสริมการตลาดเที่ยวภาคอีสานอย่างคึกคักตลอดฤดูฝนปีนี้

 

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี กล่าวว่า เคทีซีมุ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่อง จึงได้จัดทำ แคมเปญ “Isan Greencation” อีสานเย็นดี Green Season นี้มีดีล เริ่มตั้งแต่ 23 มิถุนายน – 15 กันยายน 2568  กระจายทั่ว “ภูมิภาคอีสาน” ซึ่งมีความหลากหลายทั้งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ธรรมชาติ อาหาร วิถีชีวิต ตอบโจทย์พฤติกรรมนักเดินทางหลายสไตล์  ตลอดแคมเปญได้มอบสิทธิพิเศษให้ “สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี” ทุกประเภทใช้บริการผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการกว่า 110 แห่ง ให้ส่วนลดสูงสุด 50 % จากโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่

 

พิเศษ!! ส่วนลด  1.“ห้องพัก” ราคาเริ่มต้น 990 บาท  2.E-coupon ส่วนลดน้ำมัน PT มูลค่า 100 บาท มอบให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า มาสเตอร์การ์ด และยูเนี่ยนเพย์ เมื่อมียอดใช้จ่ายครบ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลล์ สลิป ตามร้านค้าที่ร่วมรายการ ตลอโครงการรวม 2,000 สิทธิ์

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เปิดใจ "นิตินัย ศิริสมรรถการ" CEO คิงเพาเวอร์ลุย5ภารกิจแก้ดิวตี้ฟรีDisruptionพลิกสู่Next Move

  ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ ซีอีโอ คิง เพาเวอร์ เปิด 5 ภารกิจ นำดิวตี้ฟรีไทยพลิกโฉมสู่ Next Move เจาะลึก !! “นิตินัย ศิริสมรรถการ” ซีอีโอใหม่ ...