“นิตินัย” CEO “คิง เพาเวอร์”พลิกดิวตี้ฟรีไทยNext Move
ใช้กุญแจ5ดอกแก้Disruptionนำธุรกิจเชิดหัวสู่อนาคตใหม่
อ่านใน มติชนออนไลน์... https://www.matichon.co.th/publicize/news_5247743
เปิดใจ
“นิตินัย ศิริสมรรถการ” ซีอีโอใหม่ “คิง เพาเวอร์” ลั่นพร้อมใช้กุญแจ 5 ดอก ปลดล็อกปัญหา Disruption พลิกโฉมธุรกิจดิวตี้ฟรีก้าวสู่อนาคตใหม่
Next Move ในจังหวะรอคำตอบชัด ๆ จาก AOT ภายใน 60 วันนี้ ลุยจัดทัพองค์กร ถอดบทเรียนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวขาลง
ไขรหัสลับตัวเลขผลตอบแทน เร่งสร้างสมดุลรายได้ตามสภาพจริง
ดร.นิตินัย
ศิริสมรรถการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท คิง
เพาเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด คนใหม่ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงแนวทางการนำ “ธุรกิจดิวตี้ฟรีคนไทย”
ที่ยืนหยัดสร้างชื่อในเวทีโลกมา 3 ทศวรรษ ( 36ปี ) ปี 2568 ตั้งเป้าก้าวข้าม “Disruption : การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” โดยใช้สถานการณ์ “ขาลง” ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกับร้านค้าปลอดอากรของไทย
จัดทัพธุรกิจพลิกโฉมสู่ “อนาคตใหม่ : Next
Move” ให้ได้ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
โดยจะใช้ช่วง “60 วัน” ระหว่างรอกรอบแนวทางใหม่จาก “บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
หรือ AOT” ที่ได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองทางเลือกในการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร
ณ ท่าอากาศยาน และที่ปรึกษาสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เคาะแนวทางอันเหมาะสม กรณีคิง เพาเวอร์
ดิวตี้ฟรี (KPD) ขอหารือ “ยกเลิกสัญญาอนุญาต” ธุรกิจดิวตี้ฟรี
5 สนามบิน AOT
“ดร.นิตินัย” ยืนยันพร้อมใช้ความจริงเดินหน้า
“สร้างสมดุลรายได้” แก้ไข “จุดอ่อน” คัดเลือก “จุดแข็ง” ที่ คิง เพาเวอร์ มีอยู่ทั้งหมด
เป็น “กุญแจ” สำคัญไขทางออกจาก Disruption รอบด้าน นำพาทุกฝ่ายก้าวสู่สถานการณ์
Win Win ร่วมกัน ด้วยกุญแจ 5 ดอก
ดังนี้
กุญแจดอกที่ 1 แยกโครงสร้างปัญหาที่เกิดขึ้น
ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ประเมิน “ยอดขายสินค้าดิวตี้ฟรีที่ลดลง” เพราะเหตุสุดวิสัยหลังออกจากอุโมงค์โควิด-19
ซึ่งเกิดต่อเนื่องยาวนานกว่า 5 ปี ต้องแก้ด้วยวิธีรีบนำธุรกิจออกจากจุดนี้ให้ได้ก่อน
ส่วนที่ 2 เช็คสภาพธุรกิจหากเป็น “วัฏจักรปกติ”
ต้องเร่งวาง “ตำแหน่งธุรกิจใหม่” ให้ถูกต้องแม่นยำเพื่อก้าวต่อไป โดยใช้วิธี
“ใส่ทรัพยากรที่ทรงพลัง” เข้าไปในจังหวะเกิด Disruption เพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
กุญแจดอกที่ 2 ปลดล็อก Disruption ที่กำลังรุมเร้า กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ซึ่งมีอยู่หลายปัจจัย เช่น 1.นักท่องเที่ยวจีนกับปริมาณต่างชาติแต่ละสนามบินหายไปจากไทยอย่างรวดเร็ว
2.พฤติกรรมของนักเดินทางในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเปลี่ยนรูปแบบไปจาก
360 องศา 3.อี-คอมเมอร์ซ เข้ามาแทนที่คน
4.ช่องว่างระหว่างวัยด้านการสื่อสารภายในองค์กรของคนรุ่นใหม่กับคนกลุ่มเดิม
5.ปัจจัยอื่น ๆ
“วิธีแก้ไข” ระหว่างนี้จะต้อง “ปรับโครงสร้างหลังบ้านใหม่”
ให้เข้มแข็ง จัดทัพทีมงานให้ดี ขั้นตอนต่อไปเมื่อ AOT ให้คำตอบชัดเจนแล้วเตรียมตัดสินใจก้าวสู่ “ธุรกิจถัดไป” โดยอาจจะขยับ
2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ปรับโฉมสู่ธุรกิจใหม่ไม่เหมือนใคร
หรือ ส่วนที่ 2 พัฒนาธุรกิจเดิมแล้วเลือกใช้วิธีดำเนินงานแบบใหม่แตกต่างจากตลาดทั่วไป
กุญแจดอกที่ 3 จัดระเบียบกองทัพใหม่ในองค์กรตั้งเป้ามุ่งสู่ความสำเร็จ โดยปรับกรอบความคิด
(Mindset) พนักงานทุกระดับ สร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ทั้ง 3
ส่วน คือ 1.Hardware เลือกซื้อความทันสมัยเข้ามาใช้ให้มากที่สุด
2.Software
เพิ่มการระบบบริหารจัดการต่อยอดจากเทคโนโลยีทั่วไป 3.Peopleware ปิดช่องว่างระหว่างวัยคนในองค์กรจะต้องสื่อสารโดยใช้องค์ความรู้ที่แตกต่างกันของ
“คนรุ่นใหม่” มีความเก่งด้านดิจิทัล กับ “คนรุ่นเดิม” ซึ่งเชี่ยวชาญการใช้ม้าเหล็ก
ช่วยกันถ่ายทอดเทคนิคให้ทุกเจนเนอเรชั่นใช้ความสามารถร่วมกันได้ทั้งสองอย่าง
พร้อมรับมือกับธุรกิจที่แข่งขันขันกันดุเดือดขนาดนี้
ไม่เฉพาะในประเทศแต่เป็นระดับโลกด้วย จึงต้องใช้คนที่มีพลังมากกว่าปัจจุบัน
ผสานเข้ากับการพัฒนาเทคโนโลยีเป็น “สะพานสร้างธุรกิจใหม่”
ที่มั่นคงในระยะยาว
กุญแจดอกที่ 4 ถอดบทเรียนธุรกิจดิวตี้ฟรี เพื่อฟื้นฟูหรือ
Recovery โดยมองไปข้างหน้าให้เห็นความท้าทายที่รออยู่ แล้วใช้โอกาสวันนี้เตรียมพร้อมพัฒนาการเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง
เลือกเรียนรู้จากหลาย ๆ อุตสาหกรรม โดยมี ตัวอย่างแรก บริษัท ปตท.จำกัด
(มหาชน) ผู้นำพลังงาน ได้ขยายสู่ธุรกิจค้าปลีก ทำแบรนด์อะเมซอน และอื่น ๆ มากมาย
เพราะเห็นถึงปัจจัย disruption ที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่างที่
2 อุตสาหกรรมบันเทิง Block Master บริการให้เช่าวิดีโอ พัฒนาสู่ VCD DVD จากนั้นก็ทำเป็นเครื่องเล่น
Blueray ซึ่งสูญพันธุ์จากตลาดเร็วมาก
ตอนนี้หันมาแข่งกันด้วยสตรีมมิ่งด้วยจุดแข็ง resolution ที่มีความแม่นยำละเอียดชัดเจนของแต่ละแบรนด์ใครเหนือกว่ากัน
“ธุรกิจดิวตี้ฟรี”
ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ก็เช่นกัน ต้องถอดบทเรียนอุตสาหกรรมเหล่านี้เพื่อนำมาประยุกต์ใช้สร้างอนาคตใหม่หรือ
Next Move นำพาธุรกิจเปลี่ยนแปลงก้าวพ้นจากการโดน disruption
ให้ครบรอบด้าน แล้วหาทางออกและวิธีรับมือเตรียมพร้อมไว้ทุกสถานการณ์นับจากนี้เป็นต้นไป
กุญแจดอกที่ 5 ประมวลผล “รหัสตัวเลขการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน” ของธุรกิจดิวตี้ฟรีสนามบินระหว่าง
คิง เพาเวอร์ กับ AOT ต้องเปรียบเทียบผลจากเวลา 2 ช่วง
คือ
ช่วงที่
1 เริ่มเปิดประมูล ปี 2562
เกิดในยุคสถานการณ์เศรษฐกิจการท่องเที่ยวขาขึ้น จึงได้เลือกใช้ “ตัวเลขผลตอบสูงกว่า”
จาก 2 ส่วน คือ 1.เงินค้ำประกันการจ่ายขึ้นต่ำ
(Minimum guarantee) อัตรา 20% กับ 2.จ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามยอดขายรายปี (Revenue
Sharing) ซึ่งอาจสูงถึง 40 %
ช่วงที่
2 ปัจจุบัน
สถานการณ์ท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภาพรวมขาลง ตลาดหลักจากจีนหายไปจำนวนมาก สภาพตามจริงจึงไม่มีธุรกิจใดทำส่วนต่างกำไรขั้นต้น
(margin) ได้สูงถึง 40 %
เพราะหากประมวลผลเปรียบเทียบ “โครงสร้างการจ่ายผลตอบแทนเดิม”
กับ “สถานการณ์ปัจจุบัน” ที่แตกต่างจากสมมุติฐานตอนแรกช่วงเริ่มต้นเปิดประมูล
เหตุการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปมากหลังออกจากโควิด-19 ซึ่งตามข้อตกลงได้ “แบ่งหน้าที่” กันคือ “ประเทศและท่าอากาศยาน”
จะนำนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วน “ผู้ประกอบธุรกิจ”
จะคิดกลยุทธ์กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวใช้เงินซื้อสินค้าต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ดึงเงินเข้าประเทศให้ได้มากที่สุด
ด้วยแรงดึงดูดจาก “สินค้าดิวตี้ฟรีหรูหรา” โดยมีแบรนด์ระดับโลกมากมายขายได้มูลค่าราคาสูง
แต่หลังโควิด-19 มีเหตุการณ์ไม่สอดคล้องตามสมมุติฐานเดียวกันกับตอนเริ่มประมูล จึงเกิดการเปลี่ยน
“สูตรคำนวณใหม่” ใช้วิธีนำ “ปริมาณนักท่องเที่ยวต่อหัว (Quantity) x ราคา (Price)” เพื่อสร้าง “สร้างสมดุลรายได้” ตามจริงของทั้งสองฝ่ายตามหน้าที่รับผิดชอบที่แบ่งไว้แล้วตั้งแต่ต้นตอนเอกชนยื่นซองประมูล
เพราะด้วยธรรมชาติของธุรกิจ “มีได้มีเสียกับขาขึ้นและขาลง”
ในช่วงเวลาต่างกันทุกอย่างก็ควรยึดหลัก “ความเป็นธรรม” เนื่องจากตอนยุครุ่งเรือง
คิง เพาเวอร์ ใส่ตัวเลขผลตอบแทนปีละ 15,000 ล้านบาท
ภายใต้ดีลตามสถานการณ์รอบข้าง ณ ขณะนั้น สอดคล้องกับองค์ประกอบตามข้อเสนอที่ทำไว้
(proposal) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสัญญา ขณะที่ปัจจุบันเกิดเหตุสุดวิสัยปัจจัยต่าง
ๆ เพี้ยนไปจากความจริงทั้งหมด นำมาซึ่งการหารือแนวทางใหม่ขอยกเลิกสัญญาอนุมัติที่ คิง
เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี กำลังรอคำตอบชัด ๆ จาก AOT ภายใน 60 วันนี้
“คิง
เพาเวอร์” พร้อมจะใช้กุญแจทั้ง 5 ดอก คลี่คลาย disruption
นำธุรกิจคนไทยสร้างชื่อเสียงเชิงบวกในเวทีโลก พลิกโฉมสู่ Next
Move อนาคตใหม่ ฟื้นความสำเร็จกลับมาเป็นเสาเศรษฐกิจของประเทศอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น