ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ททท.ใส่เกียร์แรงในประเทศดันเราเที่ยวด้วยกันใหม่2สูตร“4.1+พลัส” ปี’65บูมหน้าฝน-ปี66เล่นเกมใหญ่ทัวร์วันธรรมดา/ชุมชน

ททท.ใส่เกียร์แรงในประเทศดันเราเที่ยวด้วยกันใหม่2สูตร“4.1+พลัส”

ระดมเอกชนทั่วประเทศอัดฉีดโปรแรงดีลพิเศษโดนปั๊ม6.5แสนล้าน

ปี’65บูมหน้าฝน-ปี66เล่นเกมใหญ่5ภาคปลุกทัวร์วันธรรมดา/ชุมชน

คิงเพาเวอร์จัดFASCINATING PAYDAYช้อปสนุกสิ้นเดือนลด70%

เลอสปาพูลแมนคิงเพาเวอร์ชวนใช้บิ๊กโปรวันนี้-30มิ.ย.ลดกว่า50%

ททท.ปลุกเอกชนจัดเต็มรับเปิดประเทศเร่งดึงรายได้1.8ล้านล้าน

บางจากจับมือธนโชคออยล์ลุยผลิตไบโอดีเซลได้5ล้านลิตร/เดือน

นครนายกเที่ยวหน้าฝนใกล้กรุง “เขาช่องลม-อ่างเก็บน้ำวังบอน”

BDMSทุ่ม2.3หมื่นล้านผุดโปรเจ็กต์เวลเนสเรสซิเดนท์กลางกรุง

ททท.งัดทัวร์กีฬาโหมจัดแข่งปั่นจักรยานนำร่องฟื้นรายได้3แห่ง

 

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 


 วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังfacebookLiveQFM97อ่านที่www.facebook.com/penroongyaisamsaen บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋  #KingPower  #TAT   #TheBigBroadมหานครคิวบ์  #เขาช่องลม #บางจาก

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้ https://fb.watch/dhq2xPWyz5/

            ช่วงที่ 1 ใส่เกียร์แรง กับ “ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำทัพตลาดเที่ยวไทยปลุกเที่ยว “หน้าฝน” 4 เดือน ปั๊มรายได้ทะลุ 6.65 แสนล้าน เปิดมหกรรมควบ 2 สูตร “เราเที่ยวด้วยกันเฟส 4.1” นำเงินรัฐอัดฉีด 1.5 ล้านสิทธิ์ ภายใต้ พรบ.คุ้มครองสิทธิ PDPA + “เราเที่ยวด้วยกัน พลัส” ชวนธุรกิจทั่วประเทศเทโปรอัดฉีดดีลพิเศษขายได้แบบไร้ขีดจำกัด พร้อมผ่าแผนตลาด 5 ภูมิภาคปี 2566 “ภาคกลาง-เหนือ-ใต้-ตะวันออก-อีสาน” เล่นเกมใหญ่ ปลุกพลังคนทั้งประเทศเที่ยว “วันธรรมดา-ชุมชน-ไทยแลนด์ เฟสติวัล เอ็กซ์พรีเรียนท์”


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้กระตุ้นการท่องเที่ยวหน้าฝนหรือกรีนซีวันภายในประเทศที่ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมกันแล้ว ครอบคลุมทั้ง 5 ภูมิภาค หากย้อนดูสถิติก่อนเกิดโควิด-19 กรีนซีซันจะเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (low season) มีนักท่องเที่ยวรวมอยู่ประมาณ 70 ล้านคน-ครั้ง แต่พอช่วงโควิดตลอด 2 ปีที่ผ่านมาลดลงเหลือเพียง 20 ล้านคน-ครั้ง ขณะนี้เป็นหลังโควิดแล้วต้องบูทตลาดคนไทยให้มากที่สุดนำตัวเลขไปเติมช่วงมีนาคมซึ่งมีโอมิครอนระบาด

 

สถิติการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ตลอด 5 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-พฤษภาคม 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียง 50 ล้านคน-ครั้ง รายได้ประมาณเกือบ 1.9 แสนล้านบาท

ส่วนอีก 7 เดือนหลัง มิถุนายน-ธันวาคม 2565 มีความเป็นไปได้ที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 14-15 ล้านคน-ครั้ง เฉพาะช่วง 4 เดือน คือ “มิถุนายน-กันยายน 2565”  เป็นช่วงท่องเที่ยวกรีนซีซันหรือบางคนอาจจะเรียกว่าโลว์ซีซัน แต่ ททท.ทั้ง 5 ภูมิภาค พยายามนำเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวเด่น ๆ เช่น ท่องเที่ยวสวนผลไม้ วันธรรมดาน่าเที่ยว เที่ยวไทย 5 ภาค อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม จึงน่าจะทำให้ช่วงกรีนซีซันสามารถกระตุ้นได้รวมประมาณ 40-50 ล้านคน-ครั้ง

พอเข้าสู่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 จะเป็นไฮซีซันแล้ว จึงคาดหวังไว้สูงอาจจะได้นักท่องเที่ยวมาเติมรวม 3 เดือนอีกประมาณ 75 ล้านคน-ครั้ง เมื่อรวมแต่ละช่วงฤดูท่องเที่ยวแล้วก็จะทำรายได้ 2.9-3 แสนล้านบาท

เมื่อรวมตลอดทั้งปี 2565 ก็น่าจะทำได้ คือ จำนวนนักท่องเที่ยว 165 ล้านคน-ครั้ง รายได้ตามเป้าคือ 656,000 ล้านบาท



นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า ตลอดกรีนซีซันนี้จึงเชิญชวนคนไทยออกไปเที่ยวกันได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นแนะนำ 4 กลุ่มประสบการณ์ดังนี้

กลุ่มที่ 1 นักเดินทางที่ชอบสโลว์ไลฟ์ “ภาคกลาง” พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ เช่น อ่างเก็บน้ำเขาวง สุพรรณบุรี สวยงามเทียบชั้นปางอุ๋งได้เลย “ภาคเหนือ” ชมความสวยงามสีเขียวในอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน ล่องลำน้ำเข็ก จ.พิษณุโลก หรือ “อีสาน” วังน้ำเขียว นครราชสีมา

กลุ่มที่ 2 ผู้ชื่นชอบสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติดอกไม้อย่างใกล้ชิด ไปได้ทุกที่ เช่น ทุ่งดอกกระเจียว อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จ.ชัยภูมิ  เที่ยวเบตง จ.ยะลา หรือ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

กลุ่มที่ 3 ดื่มด่ำวิถีชีวิตและการท่องเที่ยวสร้างสรรค์เชิงเกษตร ท้องนาต่าง ๆ กลางหุบเขา อำเภอปัว จ.น่าน หรือสะพานพาดผ่านท้องนา จ.นครนายก สะพานมอญ บ้านอิต่อง จ.กาญจนบุรี

กลุ่มที่ 4 หลงรักศิลปวัฒนธรรมงานประเพณีเด่น ๆ ได้แก่ เดือนกรกฎาคมนี้เทศกาลแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี เทศกาลชักพระ กับงานห่มพระธาตุ จ.นครศรีธรรมราช  ห่มพระธาตุ จ.พัทลุง เทศกาลบวชนาคลูกแก้ว จ.แม่ฮ่องสอน เทศกาลแห่นางแมว จ.ศรีสะเกษ

ส่วนแผนกระตุ้นเที่ยวในประเทศผ่านโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน" ซึ่งจัดทำสูตรใหม่เพิ่มเป็น 2 สูตร คือ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4.1 ส่วนต่อขยาย” ทางรัฐบาลให้เพิ่มมาอีก 1.5 ล้านสิทธิ์ โดยใช้กติกาเดิม สนับสนุนค่าห้องพัก 40 % ค่าใช้จ่ายรายวัน ค่าตั๋วเครื่องบิน ขณะนี้กำลังรอทางกระทรวงการคลังประกาศให้เริ่มลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ในเดือนมิถุนายน 2565 ส่วนขั้นตอนอยู่ระหว่างปรับให้สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล หรือ PDPA -Personal Data Protection Acts เมื่อทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ทางธนาคารกรุงไทยเจ้าของแอพลิเคชั่นเป๋าตังค์ส่งสัญญาณว่า จะเริ่มได้ ตั้งแต่ 1 มิถุนายน นี้ ก็จะสิ้นสุด 30 กันยายน ถ้าหากเริ่ม 15 มิถุนายน ก็จะขยายไปให้ถึง 15 ตุลาคม 2565

 

ททท.จะเริ่มพูดคุยกับ “ผู้ประกอบการโรงแรม/ท่องเที่ยว” ทำเพิ่มคู่ขนานกันไปอีก 1 โครงการ คือ “เราเที่ยวด้วยกัน พลัส” เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมขายตามสิทธิ์ในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนต่อขยาย” อาจจะด้วยสมัครไม่ทัน จำนวนผู้สมัครเต็มแล้ว

ดังนั้นผู้ที่ต้องการจะทำโครงการด้วยก็จะมาร่วมได้ใน “เราเที่ยวด้วยกัน พลัส” ได้ ทำ “โปรโมชั่นดีลพิเศษ” สินค้าบริการ ห้องพักโรงแรมราคาพิเศษ มอบให้กับนักท่องเที่ยว  สำหรับ “พลัส” หมายถึง ททท.เปิดช่องทางความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่อยู่นอกโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนต่อขยาย ได้ขายควบคู่กันไปด้วย

โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน พลัส” เป็นกิมมิก ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต้องสแกนหน้า และใช้สิทธิ์ผ่านแอพลิเคชั่นเป๋าตังค์แต่อย่างใด เป็นการเพิ่มยอดขายด้วยโปรโมชั่นแพกเกจควบคู่กับโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ส่วนต่อขยาย ในการซื้อขายนักท่องเที่ยวจะจ่ายเงินตรงเข้าไปยังผู้ประกอบการโดยตรง

ททท.จะช่วยบันเดิ้ลแพกเกจให้ผู้ประกอบการในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน พลัส พร้อมกับเป็นแขนขาทำการตลาด ทำประชาสัมพันธ์ช่วยขายให้ได้ดีมากขึ้น

ส่วนสิทธิของผู้ประกอบการที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการ กำลังให้ ผู้อำนวยการภูมิภาค ททท.ทั้ง 5 ภาค ไปสำรวจข้อมูลว่ามีผู้ประกอบการแต่ละภาคสนใจเข้าร่วม “เราเที่ยวด้วยกัน พลัส” มากน้อยขนาดไหน เรื่อยไปจนถึง ซูเปอร์ แอพลิเคชั่นอย่าง “โรบินฮู้ด” ซึ่งมีทั้งในส่วนของโรงแรม และบริการต่าง ๆ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้เช่นกัน เป็นการส่งเสริมการขายอย่างแท้จริง

 


ขณะเดียวกัน ททท.ได้ทำโครงการกระตุ้นการตลาดอีกหลากหลาย ไฮไลต์คือ “โครงการเที่ยวไทย 5 ภาค อะเมซิ่ง ยิ่งกว่าเดิม” จะนำเสนอผ่านคอนเท็นต์เพิ่มประสบการณ์ ทำกลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง โดยมี “แอ๊ด คาราบาว” ศิลปินดังเป็นผู้ร้องเพลงดังกล่าวเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปดาวโหลดได้ฟรี ทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งประเทศหากเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็สามารถโหลดเพลงโดยไม่มีลิขสิทธิ์เพื่อรวมพลังกันส่งเสริมการท่องเที่ยว

นางสาวฐาปนีย์กล่าวว่า ขณะนี้ ททท.ร่วมประชุมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ทำแผน “เตรียมความพร้อมเปิดประเทศ” เพื่อทำการตลาดกระตุ้นตลาดช่วง 6 เดือนหลัง ทำให้เข้าเป้าตามโจทย์จะต้องชวนคนออกมาเที่ยวตลอดปีนี้ให้ได้ 160 ล้านคน-ครั้ง ช่วงมิถุนายน-สิงหาคม นี้ เน้นหลัก ๆ คือ

1.การท่องเที่ยวด้วยกระแส “ทำงานเที่ยวได้-Workation Paradise Thailand” นักท่องเที่ยวตอบรับเป็นอย่างดีและมีผู้ประกอบการผลิตแพกเกจขายได้ยอดดีมาก

2.การท่องเที่ยวศรัทธานำทาง เส้นทางนำเที่ยว เป็นในส่วนของ เส้นทางสายมู เส้นทางสายศรัทธา เส้นทางแก้ชง...เสริมมงคลปีขาล นำเรื่องศรัทธามาเป็นตัวเชื่อมเข้ากับการท่องเที่ยว จากการประเมินในพื้นที่จังหวัดที่มีเทศกาลงานบุญจำนวนมากจะมีคน “อัตราการเข้าพัก” ในพื้นที่นั้น ๆ สูงมาก โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

3.การท่องเที่ยวงานเทศกาลหรือ Festival Experient ใช้ความเป็นอัตลักษณ์พื้นที่ และซอฟท์เพาเวอร์ มานำเสนอผ่านเทศกาลโดยจัดกระจายทั่วประเทศ ขณะนี้จัด “แสงเรืองรอง ท้องทะเลอันดามัน” ภาคใต้ 3 จังหวัด ภูเก็ต-กระบี่-พังงา นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติตอบรับดีมาก

สำหรับ “การเดินหน้าแผนตลาดท่องเที่ยวในประเทศปี 2566” ทั้ง 5 ภูมิภาค เหนือ กลาง ตะวันออก ใต้ อีสาน ได้ทำ SWOT วิเคราะห์สถานการณ์โดยรวมถึงจุดแข็ง-จุดอ่อน จุดดีต่าง ๆ ผนวกกับเทรนด์ต่างประเทศด้วยว่าจะ ประเทศไทยจะเป็นคู่แข่งกับประเทศอื่นรุกเจาะกลุ่ม “นักท่องเที่ยวไฮเอนด์” นั้น จะต้องแข่งขันกับใครบ้าง

 


ดังนั้น “การบ้าน” ที่ได้รับก็เป็นการคิดภาพรวมที่จะนำมาใช้เริ่มตั้งแต่ปีนี้ ได้แก่ “ภาคอีสาน” ชูธีม “หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน หรือ ISAN IN LOVE” ใช้สัญลักษณ์สีไอเบอรี่ สร้างแรงบันดาลใจในการเดินทาง เน้นในแต่ละส่วนคือ  ส่วนที่ 1 ความหลงรักแผ่นดินอีสาน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองซึ่งมีอยู่หลายจังหวัดสามารถยกระดับเป็นเมืองหลักได้ มีสินค้านำเสนอขาย แหล่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) งานศิลปะหัตถกรรม เมนูประสบการณ์ต่าง ๆ 

ส่วนที่ 2 ส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา จะใช้ Workation Pagage ตอนนี้ขยายเป็น Workation Paradise Througout Thailand จะเพิ่มอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในอีสานได้มากขึ้น และ ส่วนที่ 3 กิจกรรมธรรมชาติ วัฒนธรรม

“ภาคกลาง” ใช้ธีม Trendy C2 ภาคกลาง โทนสีแดงเลือดนก C ที่เน้น 2 อย่าง 1.สร้างกระแสด้วยประสบการณ์การเดินทาง Creative Experient 2.ตอกย้ำให้เห็นถึงเสน่ห์ภาคกลาง Charming of Central นำเสนอการท่องเที่ยวพลังบวกต่าง ๆ ฉนั้นโครงการที่จะได้สัมผัส การท่องเที่ยวอินเทรนด์ การท่องเที่ยวพลังศรัทธา มนต์เสน่ห์จังหวัดต่าง ๆ อาหารถิ่น โครงการที่เกี่ยวข้องกับ Let Chill และ Chic ตลอดทั้งปี

 

“ภาคตะวันออก” ใช้ธีม Ease At East :สบ๊าย...สบาย สไตล์ตะวันออก โทนสีเขียวมรกต เน้น เที่ยวสบาย อยู่สบายกินสบาย กิจกรรมทุกแคมเปญจะเน้นเที่ยวหรู อยู่สบาย สไตล์แต่ละจังหวัด สายกินรายจังหวัด เป็นการตอบโจทย์ตลาดคุณภาพ นำเสนอตลอดทั้งปี สินค้าต้องยกให้ ทัวร์สวนผลไม้ ท่องเที่ยวแคมปิ้ง และ Gramping

“ภาคใต้” ใช้ธีม “หรอยแรง แหล่งใต้” นำเสนอการใช้คำสื่อถึงมิติต่าง ๆ ทั้ง ความอร่อย ความสนุก ความเพลิดเพลิน เที่ยวเกาะแก่งที่ต่าง ๆ หรอยให้สุดหยุดที่แต่ละจังหวัดในภาคใต้

“ภาคเหนือ” ใช้ธีม “เสน่ห์วันวาน เมืองเหนือ” โทนสีครามน้ำเงิน เน้นถึงการกลับคืนสู่วิถีดั้งเดิม สื่อให้รู้สึกถึงดื่มด่ำบรรยากาศ ประสบการณ์มากมาย ตามเส้นทาง อาหารถิ่น ศิลปะและหัตถกรรม (Arts & Craft) วิถีชีวิตที่มีอัตลักษณ์โดดเด่น กับ Unseen ต่าง  ๆ และ North on the Road , North Exclusive, เที่ยวเท่ ๆ , เสน่ห์วันวาน แต่ละจังหวัดในภาคเหนือ

ทั้งหมดนี้เป็นแฟลกชิพของแต่ละภาค ซึ่งจะช่วยเติมเต็มให้แต่ละจังหวัดมีจุดขายที่แกร่งมากยิ่งขึ้น โดยมีโครงการใหญ่ในประเทศเป็นเสาหลักที่ยังมีอยู่ตลอด คือ ท่องเที่ยววันธรรมดา ท่องเที่ยวชุมชน ไทยแลนด์ เฟสติวัล เอ็กซ์พรีเรียนท์ เพื่อทำให้การขับเคลื่อนตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ ปี 2566 ฟื้นเศรษฐกิจประเทศกลับมาอย่างรวดเร็ว ก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคงยั่งยืน

 ฟังข่าวต้นชั่วโมง

 


ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์จัดFASCINATING PAYDAYช้อปสนุกสิ้นเดือนลด70%

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นัดนักช้อปออนไลน์ที่ชื่นชอบแคมเปญ “FASCINATING PAYDAY” ช้อปสนุกทุกสิ้นเดือนต่อเนื่องแบบจุใจตลอด 5 วัน จัดโปรโมชั่นแจกส่วนลดพิเศษช่วงหน้าร้อนสูงสุดถึง 70% ทาง www.kingpower.com  และ คิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชั่น เริ่มช้อปได้ตั้งแต่วันนี้ 27 – 31 พฤษภาคม 2565 พบกับทัพสินค้าแบรนด์ดังในราคาดิวตี้ฟรี ที่คัดเลือกนำมามอบความสุขให้ทุกคนแบบไม่มีขีดจำกัด มากกว่า 10,000 รายการ  ทั้งเครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม  สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ แว่นกันแดด และอีกหลากหลายชนิด

สามารถช้อปได้ง่ายมาก โดยไม่ต้องมีไฟลต์บิน จะนั่งอยู่บ้านหรืออยู่ที่ไหนก็สนุกกับการช้อปสินค้าราคาดิวตี้ ฟรี ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช้อปเลยคลิก : https://bit.ly/38vkTk9  

ห้ามพลาด !! ดีลเด็ดสินค้าดีโปรปังเลือกได้ตามที่ชอบได้ถึง 3 ดีลพิเศษ  ดังต่อไปนี้

ดีลที่ 1 เปิดดีลให้ช้อปได้ตั้งแต่วันที่ 27 – 31 พฤษภาคม 2565  เอาใจสายชิลกับโปรโมชั่น PAYDAY 5 วันช้อปสนุกทุกสิ้นเดือน ด้วยการมอบส่วนลดสูงสุดถึง 30 % เมื่อช้อปครบ 4,000 บาท เพียงแค่คลิกแล้วใส่รหัส FPMAY จากนั้นก็ลุยเลือกซื้อสินค้าได้แบบไม่ต้องยั้ง คัดสินค้าแบรนด์มาให้เลือกทั้ง RAYBAN, TOMMY HILFIGER, TITONI, THE HISTORY OF WHOO, EVIDENS DE BEAUTÉ, KOSÉ, BOTTEGA VENETA, LANVIN, PRADA, RAY-BAN, SWAROVSKI., BALLY, CHATO STUDIO และอื่น ๆ

 

ดีลที่ 2 เปิดดีลให้ช้อปได้เฉพาะวันที่ 28 – 29 พฤษภาคม 2565 จัดช่วงเวลาพิเศษให้ 2 วันเท่านั้น กับ FASCINATING PAYDAY EXCLUSIVE CODE เข้ามาช้อปสินค้าแบรนด์เนมราคาดิวตี้ฟรี มีส่วนลด 30% บวกลดเพิ่มทันทีอีก 5% เมื่อช้อปครบ 4,000 บาท เพียงคลิกแล้วใส่รหัส FPMAY5 กับสินค้าละลานตาโดนใจ

 

ดีลที่ 3 ดีลสุดท้ายของเดือน ช้อปได้เฉพาะวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ภายใน 24 ชั่วโมงเท่านั้น กับโปรโมชั่น FASCINATING PAYDAY POWER DEAL พาเหรดดีลสุดคุ้มราคาพิเศษแบบไม่ต้องมียอดช้อปขั้นต่ำ แถมลดสูงสุดถึง 70 % เลือกช้อปสินค้าแบรนด์เนมราคาพิเศษ SELECTED ITEMS มากมาย ทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น มีทั้งแบรนด์ POLA, 111 SKIN, SWAROVSKI, KIPLING, HUGO BOSS, GUCCI, MONTBLANC และอื่น ๆ

 

คิง เพาเวอร์ พร้อมเปิดประสบการณ์ช้อปออนไลน์ได้ทุกวัน สะดวกง่ายแค่ปลายนิ้ว พร้อมรับสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ได้แก่ 1.ช้อปครบ 1,200 บาท ลดเพิ่มอีก 5%  เพียงใส่รหัสส่วนลด SV Code หรือรับรหัสส่วนลดจากพนักงาน คิง เพาเวอร์ 3.ลูกค้าสมัครสมาชิกใหม่ออนไลน์ทุกคนรับไปเลยส่วนลดพิเศษ 200 บาท

 

4.เลือกซื้อสินค้าตามชอบเลือกแบ่งจ่าย 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือน  5.จ่ายผ่านบัตรเครดิตรับเงินคืนสูงสุด 8,000 บาท 7.รับของสมนาคุณสุดพิเศษจากแบรนด์ดัง (Gift with Purchase) 7.ช้อปขั้นต่ำ 699 บาท/ครั้ง รับฟรีบริการ Home Delivery จัดส่งฟรีทั่วประเทศ      

 


ข่าวที่ 2 เปิดแล้ว!!TheBigBoardคิงเพาเวอร์สปอร์ตบาร์ดิจิทัลชั้น5มหานครคิวบ์

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ แนะนำบริการธุรกิจใหม่ล่าสุด “The Big Board สปอร์ตบาร์ดิจิทัลสมัยใหม่แห่งแรกของเมืองไทยใจกลางสีลม-สาทร เพิ่งจะเปิดบริการช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2565 บนชั้น 5 อาคาร มหานคร คิวบ์ เปิดทุกวันตั้งแต่ 17.00 -24.00 น. โชว์จุดขายดีไซน์องค์ประกอบบาร์แตกต่างไม่เหมือนใคร ให้กลายเป็นศูนย์รวมบริการครบวงจร สามารถแฮงเอาท์ก็ได้ จัดประชุมและทำงานแบบผ่อนคลายก็ได้ในพื้นที่ Co-Working Space แบบโดนใจ ผนวกรวมพื้นที่ทำกิจกรรมความสนุกในการติดตามความเคลื่อนไหวการเทรดสินทรัพย์คริปโตเคอเรนซี่แบบเรียลไทม์ทั่วโลก

พื้นที่ทุกตารางนิ้วใน “The Big Board” พร้อมร่วมสร้างประสบการณ์ความสุดประทับใจ ตอบโจทย์พฤติกรรมคนยุคใหม่ตามกระแสโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว   


 “สปอร์ตบาร์ The Big Board แห่งใหม่นี้ลูกค้าจะได้สัมผัสดีไซน์ความแปลกใหม่ทันสมัยสุด ๆ ที่มาพร้อมการตกแต่งร้านด้วยแถบอิเล็กทรอนิกส์แสดงการเทรดสินทรัพย์ทั่วโลก สามารถใช้งานได้จริงแบบเรียลไทม์โดยไม่หยุดพัก เพื่อมอบความพิเศษให้นักลงทุนยุคใหม่ใช้เงินในระบบคริปโตเคอร์เรนซี่ได้ตลอด

 

ส่วนโถงทางเดินเข้าร้านตกแต่งด้วยลายเส้นจากไฟ LED ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกเทคโนโลยีล้ำยุค นำทางเข้าสู่ “กิจกรรมความบันเทิง” หลากหลายภายในร้าน ซึ่งมีมากกว่าเสียงเพลงคือ กิจกรรมความสนุกจากสปอร์ตผ่านการชมถ่ายทอดสดกีฬาจากทั่วโลกด้วยจอโพรเจกเตอร์ขนาด 200 นิ้ว รองรับผู้เข้าร่วมพร้อมกันได้กว่า 100 คน

รวมทั้งมีป้ายแสงไฟ LED ให้ผู้ใช้บริการได้เกาะติดสถานการณ์ความเคลื่อนไหวสินทรัพย์ดิจิทัลจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งกระดานหุ้น คริปโตเคอร์เรนซีแบบเรียลไทม์ และมีพื้นที่ทำกิจกรรม โค-เวิร์กกิ้ง สเปซ ใช้จัดประชุมงาน ของกลุ่มบุคคล องค์กร เรื่อยไปจนถึงจัดกิจกรรมพิเศษให้กลุ่มลูกค้าในโอกาสต่าง ๆ ได้ เช่น จัดการแข่งขันเกมออนไลน์ จัดเลี้ยงสังสรรค์ จัดเลี้ยงขอบคุณลูกค้า



ภายในมีบริการหลัก  ๆ ประกอบด้วย  Networking Table, Terrace, Stadium, Exchange Bar, มุมที่นั่งเลาจน์ส่วนตัว 2 ส่วน มุมที่นั่ง VIP อีก 3 ส่วน เป็นจุดที่ดีที่สุดเพื่อรับชมกีฬาจอใหญ่ภายในร้านกับชมโซนเกมอาร์เคด (Game Arcade)

พร้อมมี “บริการอาหารและเครื่องดื่ม” สไตล์ Twisted Modern Metro โดดเด่นด้วยคอนเซปต์ Fun-Real,-Grunge เน้นสนุกสนาน ของจริง จับต้องได้ ดิบและดุดัน  โดยมีเชฟกับบาร์เทนเดอร์มืออาชีพประสบการณ์กว่า 10 ปี รังสรรค์พร้อมกับดีไซน์แต่ละเมนูให้กลมกลืนเข้าบรรยากาศร้านทุกเวลา

ส่วนการลงทุน The Big Board ในมหานคร คิวบ์ มีพันธมิตรหลักคือ Zipmax เป็นบริษัทคริปโตเคอร์เรนซีทำหน้าที่บริหารจัดการพื้นที่ร้านในโซน เกม อาร์เคด   ตู้เกมคริปโต โต๊ะวิสกี้ปอง รวมถึงการจัดนิทรรศการศิลปะ NFT จากศิลปินออนไลน์ที่จะหมุนเวียนมาจัดแสดงตลอดทั้งปี

 


ข่าวที่ 3 เลอสปาพูลแมนคิงเพาเวอร์ชวนใช้บิ๊กโปรวันนี้-30มิ.ย.ลดกว่า50%

 

โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ แนะนำบริการที่ “เลอ สปา” ชั้น 4 ของโรงแรม ระหว่างวันนี้ – 30 มิถุนายน 2565 มีโปรโมชั่น ทรีตเมนต์สปาและบริการนวดแผนไทยที่ดีสุด เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.OO น. – 22.00 น.ในบรรยากาศเงียบสงบที่จะคืนพลังกายและจิตใจเสมือนเป็นสวรรค์แห่งสปา ด้วยแพกเกจผ่อนคลายให้เลือกหลายเมนู เช่น การนวดแผนโบราณ การทรีทเมนต์ร่างกาย การดูแลผิวหน้าและอื่นๆ อีกมากมาย

มีโปรแกรมเพื่อสุขภาพได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มพลังงาน เพิ่มความสมดุล และการดีท็อกซ์ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ตามโปรโมชั่นลดกว่า 50 % ประกอบด้วย

แพกเกจแรก -   นวดไทย  90 นาที  ราคา 1,200 บาทสุทธิ จากราคาปกติ 2,400 บาทสุทธิ

แพกเกจสอง -   ขัดผิวกาย  60 นาที ราคา 1,200 บาทสุทธิ (จากราคาปกติ 2,266 บาทสุทธิ )

ก่อนเข้ารับบริการสปา จะต้องแสดงเอกสารการฉีควัคซีนหรือผลตรวจที่เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง

 


ข่าวที่ 4 ททท.ปลุกเอกชนจัดเต็มรับเปิดประเทศเร่งดึงรายได้1.8ล้านล้าน

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำผู้บริหาร ทททประชุมร่วมกันเพื่อเเตรียมความพร้อม “เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเต็มรูปแบบ” หลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศมาตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา โดยยกเลิกใช้มาตรการ Test & Go การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของนักเดินทางต่างประเทศเข้าไทย ทำให้สถิติระหว่างมกราคม- 23 พฤษภาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยรวมแล้วกว่า 1,016,000 คน ไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 2,360 % สร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,424 %

ตลอดปี 2565 ททท.ตั้งเป้าหมายจำนวนและรายได้ขานรับสัญญาณดีโดยนำเข้าต่างชาติเที่ยวเมืองไทยให้ได้ถึง 7-10 ล้านคน สร้างรายได้รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมทั้งหมดประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท โดยพยายามจะทำให้ได้ตามเป้าตั้งแต่มิถุนายน-ธันวาคม นี้ วางแผนจะนำเข้าให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านคน ก็จะได้ถึง 7 ล้านคน เมื่อรวมกับช่วง 5 เดือนแรก 3 เดือนแรก มกราคม-มีนาคม ทำได้รวม 1.5-2 ล้านคน รวมแล้วก็เกือบ 10 ล้านคน

โดยยังคงรอ “ตลาดกลุ่มหลัก” จากนักท่องเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน ตอนนี้มีสัญญาณดีขึ้นเรื่อย ๆ  หากสถานการณ์ภายในประเทศเรื่องโควิด-19 เป็นศูนย์เรียบร้อย แนวโน้มจีนจะทยอยเดินทางมาไทยเริ่มได้ตั้งแต่ปลายปี 2565 และช่วงเทศกาลตรุษจีนต้นปี 2566

ขณะนี้ ททท.ได้แบ่งตลาดพุ่งเป้าเน้นทำการขายเชิงรุกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ตลาดระยะไกลจากยุโรปและอเมริกา ที่จะเริ่มเดินทางหนาแน่นช่วงฤดูท่องเที่ยว (high season) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป

กลุ่มที่ 2 ตลาดระยะใกล้จากอาเซียนและเอเชีย เริ่มจากประเทศที่มีรอยต่อติดกับไทย เอเชียใต้อย่าง อินเดีย และตะวันออกกลาง

ตลอดเดือนพฤษภาคม 2565 ททท. ได้นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเดินทางไปร่วมงานเทรดแฟร์ท่องเที่ยวระดับอินเตอร์เนชั่นแนลควบคู่กับการทำโร้ดโชว์ นัดหมายตัวแทนผู้ซื้อจับคู่ขายกับผู้ขายจากไทยทั้งในตลาดอินเดีย เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง หลายประเทศด้วยกัน เนื่องจากเป็นตลาดนักเดินทางคุณภาพสูงกลุ่มแรก ๆ ที่สามารถเข้ามาเที่ยวเมืองไทยได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป

 


ข่าวที่ 5 บางจากจับมือธนโชคออยล์ลุยผลิตไบโอดีเซล5ล้านลิตร/เดือน

นายปฏิวัติ ทิวะศะศิธร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและค้าน้ำมัน และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ-โรงกลั่น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  ในฐานะกรรมการบริษัท BCP Trading จำกัด หรือ BCPT และ นายธนวัฒน์ ลินจงสุบงกช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil Methyl Ester หรือUCOME)

โดยบางจากฯ เป็นผู้มีสิทธิ์รับซื้อรายเดียวในประเทศไทย ด้วยปริมาณซื้อขายกว่า 5 ล้านลิตร/เดือน ดำเนินงานผ่านบริษัท BCPT กิจการค้าน้ำมันในกลุ่มบางจากฯ ปัจจุบันเป็นผู้ค้าน้ำมันอิสระอันดับหนึ่งในตลาดสิงคโปร์ในการวางแผนจัดจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้วสำหรับใช้ทั้งในและต่างประเทศ

ไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้วกำลังเป็นที่ต้องการของธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลก จากกระแสตื่นตัวเรื่องความมุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรเทาภาวะโลกร้อน เนื่องจากเป็นการนำเอาวัตถุดิบเชื้อเพลิงชีวภาพเหลือใช้จากภาคครัวเรือนมาใช้ประโยชน์สูงสุดในเชิงเศรษฐกิจ สอดรับกับโมเดลเศรษฐกิจ “BCG” หรือ Bio-Circular-Green Economy เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว โดยประเทศไทยมีอัตราการบริโภคน้ำมันพืชสูงถึง 900,000 ตันต่อปี

การลงนามครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากความร่วมมือจัดหาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ สร้างหน่วยผลิตและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพแบบยั่งยืน ระหว่างกลุ่มบางจากฯ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนโชคฯ ที่ได้ลงนามไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อรองรับการจัดตั้งหน่วยผลิตใหม่ในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF) จากน้ำมันพืชใช้แล้วเป็นรายแรกในไทย สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน


            ช่วงที่ 2 เที่ยวเมืองไทยฤดูฝน เที่ยวง่าย ๆ สบ๊าย...สบาย แนะนำเส้นทางใกล้ชิดธรรมชาติ “นครนายก” กรีนซีซันนี้มี 2 แห่งมาชวนขับรถไปเที่ยวกันอยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทั้งสองแห่งคือ ที่ “เขาช่องลม” กับ “อ่างเก็บน้ำวังบอน” แล้วฟังแพทย์ดาหน้ากันออกมาบอก “คนไทยควรลดกินเค็ม-หวาน-มัน” แบบด่วน ๆ เพราะผลิตภัณฑ์ที่สำรวจพบมีปริมาณน้ำตาล ไขมัน เกินกำหนดทั้งสิ้น และข่าวส่งท้าย ข่าวแรก “BDMSทุ่ม2.3 หมื่นล้านเปิดเมกะโปรเจ็กต์เวลเนสเรสซิเดนท์กลางกรุง” ข่าวที่สอง “ททท.งัดทัวร์กีฬาจัดแข่งปั่นฟื้นรายได้ทั่วไทย” นำร่อง นครพนม สุราษฎร์ธานี เชียงราย


ท่องเที่ยว - นครนายกเที่ยวหน้าฝนใกล้กรุง “เขาช่องลม-อ่างเก็บน้ำวังบอน”

เที่ยวสบ๊าย...สบาย สไตล์ตะวันออก ต้อนรับความชุ่มฉ่ำช่วงหน้าฝน  กับเส้นทางธรรมชาติใหม่ ใกล้กรุง “จังหวัดนครนายก”  2 เส้นทางสบาย ๆ

เริ่มที่ “เขาช่องลม”  ตั้งอยู่บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล หมู่ที่ 2 บ้านคลองสีสุก หมู่ที่ 1 บ้านท่าด่าน ตำบล หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก การันว่าเป็นดินแดนแห่งความเขียวขจี ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเดินทางไปสูดโอโซนบริสุทธิ์ ด้วยการนั่งเรือชิล ๆ ชมวิวป่าเขาบริเวณ “เขาช่องลม”  ที่ซ่อนตัวอยู่หลังเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เขตจัดการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 6 

 


“เขาช่องลม” เป็นการเรียกตามชื่อของน้ำตก มีลักษณะเป็นช่องธารน้ำไหลผ่านโขดหินน้อยใหญ่ ในช่วงน้ำน้อยสามารถเดินมุ่งหน้าสู่น้ำตก ด้วยการเดินลัดเลาะไปตามโขดหิน ผ่านเส้นทางทุ่งหญ้าเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ แวะถ่ายรูปสวย ๆ ระหว่างทางอย่างมีความสุข

หากจะไปเที่ยวเขาช่องลม จะมีบริการล่องเรือ ติดต่อได้ที่ 089-493-1200 ค่าล่องเรือ ขนาด 1-7 คน 1,500 บาท หากเดินทางพร้อมกัน 8 คน ขึ้นไป ราคา 200 บาท



 

จุดที่ 2 “อ่างเก็บน้ำวังบอน” เหมาะกับสายผู้หลงรักแคมปิ้ง ชื่นชอบพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ แวะมาได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ได้ที่อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ในตำบลนาหินลาด อ.ปากพลี อยู่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีเฉพาะสถานที่ให้กางเต็นท์ กับห้องอาบน้ำ (มีบริการห้องสุขาสำหรับผู้พิการ) และร้านค้าเล็ก ๆ อำนวยความสะดวกเท่านั้น 

“กิจกรรมยอดนิยม” ต้องยกให้ ผู้ที่หลงรัก เดินป่า ดูนก พายเรือแคนูไปชมน้ำตกวังบอน โรยตัวจากหน้าผาจริง 4 แห่ง ผ่านสายน้ำตก 5 แห่ง

กิจกรรมดังเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม จึงขอให้นักท่องเที่ยวก่อนการเดินทางควรจะติดต่อสอบถามข้อมูลล่วงหน้าจากเจ้าหน้าที่ก่อน จะได้สนุกทุกทริปที่ออกเที่ยวเมืองไทย

 


สุขภาพ -คนไทยกินอาหารหวาน-มัน-เค็ม เสี่ยงสูงป่วยเป็นNCDs

การบริโภคอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็มสูงเหล่านี้ และหากบริโภคบ่อยๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคเบาหวาน ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม และอาจารย์ประจำหน่วยโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นำเสนอผลสำรวจภายใต้โครงการข้อมูลความเสี่ยงด้านอาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของอาหารพร้อมส่งพร้อมรับประทานยอดนิยมในกรุงเทพฯ ประเทศไทย มีรายงานการวิเคราะห์สารอาหารของอาหารและเครื่องดื่ม 40 รายการ ในแอปพลิเคชันอาหารออนไลน์ ปี พ.ศ.2565 แบ่งเป็นอาหารจานเดียว 25 รายการ ขนมหวาน 5 รายการ และเครื่องดื่มรสหวาน 10 รายการ

การวิเคราะห์สารอาหารเหล่านี้ยังไม่รวมเครื่องปรุง เช่น น้ำปลาพริก น้ำจิ้ม พบอาหารจานเดียว 23 รายการ จากทั้งหมด 25 รายการ มีปริมาณโซเดียมสูงกว่า 0.6 กรัมต่อมื้อ ตามที่กรมอนามัยแนะนำให้บริโภค โดยอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงสุด คือ ส้มตำปูปลาร้า มีปริมาณโซเดียมเฉลี่ย 5 กรัมต่อ 1 จาน ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 2 กรัมต่อวัน ซึ่งหมายความว่าส้มตำปูปลาร้า 1 จาน มีปริมาณความเค็มสูงเกือบ 3 เท่าของการบริโภคโซเดียมตลอด 1 วัน หรือคิดเป็นปริมาณโซเดียมสูงมากถึง 8 เท่าต่อ 1 มื้อ อีกทั้งยังพบปริมาณโซเดียมสูงมากเกินกว่า 0.6 กรัมต่อมื้อ ในกาแฟเย็น ซาลาเปาไส้หมูสับ ชิฟฟอนใบเตยและปาท่องโก๋ นับเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องเร่งช่วยกันแก้ไข

ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน นำเสนอเรื่องเครื่องดื่มรสหวานจาก 10 รายการ พบ 8 รายการ มีน้ำตาลเกินกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 25 กรัมต่อวัน และมีเพียงเมนู 2 รายการเท่านั้นคือ อเมริกาโนเย็นและน้ำเต้าหู้ที่มีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยไม่ถึง 16 กรัม ส่วนชาน้ำผึ้งมะนาวมีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ย 53.1 กรัม น้ำตาลเกิน 2 เท่าต่อ 1 วัน หรือเทียบเท่าน้ำตาลเกือบ 13 ช้อนชา หากคิดต่อ 1 มื้ออาหารควรมีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ยประมาณ 8 กรัมต่อมื้อ ทั้ง 10 รายการ มีปริมาณน้ำตาลเกิน 8 กรัมต่อมื้อ โดยชาน้ำผึ้งมะนาวมีปริมาณน้ำตาลเกือบ 7 เท่าต่อมื้อ ถือว่าปริมาณน้ำตาลเกินกว่าความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน

 รศ.พญ.ประพิมพ์พร ฉัตรานุกูลชัย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ย้ำว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำไม่ควรบริโภคไขมันเกิน 30% ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน หรือคิดเป็นปริมาณไขมันต่อ 1 มื้อ เฉลี่ยอยู่ที่ 25 กรัม และอาหารที่มีไขมันสูง เช่น หมูสามชั้นทอด มีไขมันเฉลี่ยสูงถึง 67.1 กรัม ซึ่งถือว่ามีปริมาณไขมันสูงเกือบ 3 เท่าต่อมื้อ หรือ 86 % ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน ส่วนหมูปิ้ง (55.6 กรัม) คอหมูย่าง (48.6 กรัม) มีปริมาณไขมันเกินถึง 2 เท่าต่อมื้อ และคิดเป็นร้อยละ 71 และร้อยละ 62 ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับตลอดทั้งวัน

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง


ข่าวแรก - BDMSทุ่ม2.3หมื่นล้านผุดเมกะโปรเจ็กต์เวลเนสเรสซิเดนท์กลางกรุง

บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) BDMS รายงานว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทอนุมัติ ให้บริษัทและหรือบริษัทย่อย เช่าที่ดินระยะยาวจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์  13 ไร่ 60.18 ตารางวา ตรงบริเวณมุมถนนสารสินและถนนหลังสวน (ตรงข้ามสวนลุมพินี) แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

เพื่อใช้เงินประมาณ 23,545 ล้านบาท  พัฒนาการลงทุนโครงการ BDMS Silver Wellness & Residence  ต่อเนื่อง 30 ปี และต่อสัญญาเช่าได้ 30 ปี  ซึ่งทาง BDMS ได้ตั้งบริษัทย่อยถือหุ้นอยู่100 % ในนาม บริษัท บีดีเอ็มเอส ซิลเวอร์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว พร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เน้นพื้นที่สีเขียว 170,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นแต่ละส่วนคือ

ส่วนที่ 1 Silver Wellness อาคารพร้อมเครื่องมือทางการแพทย์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร 

ส่วนที่ 2 Silver Residence อาคารที่พักอาศัยอาคารชุดพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เจาะกลุ่มผู้สูงวัยทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยจะนำเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยให้บริการแบบครวงจร 

สำหรับแผนพัฒนาการลงทุนของ BDMS หลัก ๆ จะประกอบด้วย 5 โครงการหลัก ได้แก่ 1.ศูนย์ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน -BDMS Siver Wellness & Longevity 2. 2.ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพชุมชน -Living Health Community Center 3.โรงแรมส่งเสริมสุขภาพ -Wellness Hotel 4.ศูนย์วิจัยนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ -Lifespan Innovation Center 5.ศูนย์รับและส่งต่อผู้ป่วย -BDMS Referral Network

 


ข่าวที่สอง –ททท.งัดทัวร์กีฬาโหมจัดแข่งปั่นจักรยานนำร่องฟื้นรายได้3พื้นที่

         

            นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. เปิดเผยว่า ททท.ได้นำการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sport Tourism) เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดการเดินทางภายในประเทศช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ด้วยกิจกรรม Amazing Thailand Bike Ride 2022 จัดแข่งขันปั่นจักรยาน 3 ภูมิภาค 3 จังหวัด ระหว่างพฤษภาคม-มิถุนายน 2565 ภายใต้โครงการ Amazing Sports & Extreme Month เจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยสร้างประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างและมีคุณค่าแก่นักท่องเที่ยวปั่นแข่งขันและปั่นสนุกสนานทั้งประเภท Bike Ride และ Fun Ride  รณรงค์การเดินทางท่องเที่ยวสู่เทรนด์ใหม่ๆ  ท่องเที่ยวสร้างสรรค์เศรษฐกิจหมุนตาม BCG-Bio Circular-Green-Economy บวกเข้ากับท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (Low Carbon)  

           

             

            ททท.เชิญชวนนักท่องเที่ยวสมัครเข้าร่วมปั่นในโครงการ Amazing Thailand Bike Ride 2022 ใน 3 จังหวัด ทริปต่อไปปั่นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่าง 11 – 12 มิถุนายน เชียงราย ระหว่าง 25 – 26 มิถุนายน 2565 ส่วนที่เพิ่งจัดเสร็จสิ้นไปในจังหวัดนครพนมเมื่อ  21 – 22 พฤษภาคม 2565 

 

            โดยได้ใช้การแข่งขันแต่ละครั้ง แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ ควบคู่กับการเปิดตลาดโดยคัดเลือกร้านค้าต่าง  ๆ ในท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องนำสินค้าชุมชนและกีฬามาเปิดบูธขาย ได้แก่ ร้านอุปกรณ์กีฬา ร้านอาหาร ร้านผลิตภัณฑ์ชุมชน จัดการแสดงดนตรี  พร้อมกิจกรรมความสนุกมากมาย จะช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนกระจายไปยังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการกับผู้ประกอบการในแต่ละพื้นที่จากผู้เข้าร่วมจับจ่ายใช้เงิน

 

            ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันแต่ละจังหวัด สมัครได้จะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่

 

            1.การแข่งขันจักรยานประเภทจักรยานระยะสั้น (Fun Ride) ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร เปิดประชาชนทั่วไป ไม่จำกัดอายุ สมัครได้สนามละไม่เกิน 500 คน

 

            2.การแข่งขันจักรยานประเภทจักรยานเสือหมอบ (Bike Ride) ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร แบ่งเป็น 4 รุ่น ได้แก่ 1.ประเภททั่วไปชาย   2.ประเภทชายอายุ 45 ปีขึ้นไป 3.ประเภททั่วไปหญิง 4.ประเภทหญิงอายุ 45 ปีขึ้นไป  200 คน

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ททท.นครราชสีมาพลิกโฉมตลาดท่องเที่ยวปี67

  รุ่งทิพย์ บุกขุนทด  ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา ททท.นครสีมานำธุรกิจพลิกโฉมตลาดปี 67 เที่ยวโคราช-ชัยภูมิ ปลุกกระแส 3 วัยเที่ยวมุมใหม่เมืองย่าโม 3 มรดกโลก 10 อำเภอ จัดชุดใหญ่ Soft Power365 วัน 2 จว. 5 จุดขาย-สงกรานต์สนุกแน่ สมัคร!!สมาชิกคิงเพาเวอร์มี.ค.รับกิฟท์โวเชอร์/กะรัต/ส่วนลด THE POWER BAND# 4คิงเพาเวอร์แจก2ล้านนักดนตรีอาชีพ พลูแมนคิงเพาเวอร์ชูแพ็คเกจ Wedding แจก12รายการ2-3มี.ค. ททท.หนุน PELUPO ปักหมุดพัทยาบูมเที่ยวเทศกาลดนตรีโลก บางจากนำโมเดลสมดุลเพื่อโลกยั่งยืน ESG ส่งต่อผู้อบรมกปร. สุขทันทีนั่งรถม้าเที่ยวลำปาง-วัดพระพุทธบาทผาหนามลำพูน นายกฯจุดฝันไทยฮับบินโลกดันสุวรรณภูมิติดท็อป 20 รุก 5 ส่วน 800 บูธร่วมมหกรรมลดกระหน่ำเทศกาลเที่ยวไทยถึง 3 มี.ค. 67 วันเสาร์ที่  2 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อ

TCEBนำไมซ์ปี67โร้ดโชว์เทรดโชว์ทั่วโลก-จัดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) "TCEB" บิ๊ก TCEB ปี 67 ปั๊มยอดไมซ์โตลุยโร้ดโชว์/เทรดโชว์ทั่วเอเชีย ในประเทศจัดกระหึ่ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”พ.ค.นี้   3-7 มี.ค.ประชุมโดฮาลุ้นข่าวดี !! ไทยเจ้าภาพ Korat Expo2029 ดับร้อน!!ที่คิงเพาเวอร์ช้อป4มันส์ลดแจกแลกฟรี-31มี.ค.67 คิงเพาเวอร์จัดเต็ม 3.3 BEAUTY TRIO” ช้อป 3 อย่างลด 25% ททท.นำร่องจัด AIR-MAZING ไทยฮับท่องเที่ยว/การบินปี67 บางจากแจกมี.ค.67นำปั๊มเอสโซ่เดิม & บางจากมอบ2โปรดี สุขทันทีที่เที่ยวแดนใต้นราธิวาสเมืองพหุวัฒนธรรม5พิกัด AWC ปี’66ทำ5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ Trip.com- ททท.ไลฟ์สตรีมขายสงกรานต์โกยต่างชาติ150ล. วันอาทิตย์ที่   3 มีนาคม 2567 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen #gurutourza # รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์ FM97  # เพ็ญรุ่งใยสามเสน # เท

เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก

  เปิดใจ “พศิน ลาทูรัส”ทายาท”นารายา”พลิกโมเดลแบรนด์ไทย ถอดบทเรียนโควิดปรับมุมคิดธุรกิจรุ่งปั้นสินค้าใหม่บุกทั่วโลก คิงเพาเวอร์ชวนช้อปออนไลน์แบรนด์เนมลด 70%26-31 ต.ค.นี้ สนุกกับ SUPER SURPRISE ดีลพิเศษราคาดิวตี้ฟรีที่คิงเพาเวอร์ ก.ท่องเที่ยวตีปีกรับทัวร์ต่างชาติ 3 เฟส-ไฟเขียวแล้ว 10 แอร์ไลน์ ไทยจ่อดึงลองสเตย์ต่างชาติซื้ออสังหาฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด “ TCEB” ชูไทยแลนด์ไมซ์สตาร์ตอัพปั้นนวัตกรรมใหม่5โปรเจ็กต์ หนาวนี้เที่ยว“นครพนม”ปลอดภัยมั่นใจเส้นทางสาย SHA ริมโขง วิธีเลือกกินเพื่อหลีกเลี่ยงความอ้วนควบคู่การลดโรคมากมาย ไทยสมายล์ขายตั๋วชุดเที่ยวไทยเหมาจ่าย4ใบเริ่มที่3.8พันบาท ไทยเวียตเจ็ทขายตั๋ว5บาท/เที่ยวโปร2เส้นทางใหม่ในประเทศ กรมเจ้าท่าฟุ้งแผนทำ10ท่าเรือรองรับวันสต็อปเที่ยวเจ้าพระยา   นายพศิน ลาทูรัส ซีอีโอฝ่ายพัฒนาธุรกิจ  บริษัท นารายณ์ อินเตอร์เทรด จำกัด ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” ในวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทาง facebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง