“AWC”ตีปีกQ1ปี’65นำทัพ3กลุ่มธุรกิจกำไรพุ่ง200%
ขานรับเปิดประเทศนำทีมฟื้นเศรษฐกิจไทยโตยั่งยืน
@2ปัจจัยบวกบริษัทฟื้นต่อเนื่อง+มาตรการผ่อนคลาย
@โชว์พันธกิจสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่ากับทุกพันธมิตร
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #AWC #กำไรไตรมาสแรก200เปอร์เซนต์
“AWC” โชว์ไตรมาส 1 ปี’65 โกยกำไรสุทธิ 645 ล้านบาท โตกว่าปีก่อน 200 % ได้แรงหนุน 2 ปัจจัย บวก “บริษัทฟื้นตัวต่อเนื่อง+นโยบายเปิดประเทศ” ลั่นนำทัพ 3 กลุ่มธุรกิจ “โรงแรม-ศูนย์การค้า-อาคารสำนักงาน” กลับมาแข็งแรงโตอย่างยั่งยืนด้วยพันธกิจ“สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า”
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” เปิดเผย ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวมตามงบการเงิน 2,782 ล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน รายได้เพิ่มขึ้น 151 % มีกำไรสุทธิ 645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200 % แรงส่งทำให้ไตรมาสแรกปีนี้ดีมาจาก ปัจจัยบวก คือ
ปัจจัยที่ 1 บริษัทฟื้นตัวต่อเนื่อง จากตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ถึงแม้ช่วงต้นปี 2565 โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะยังแพร่ระบาดระดับสูง แต่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าก่อนหน้านี้ รวมทั้งประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจดีขึ้นด้วย
ปัจจัยที่ 2 ผลดีจากนโยบายการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศมีแนวโน้มดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ธุรกิจทุกกลุ่มของบริษัทฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างมาก
แสดงถึงความสามารถการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ทันท่วงที
สร้างความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็วภายในปี 2565 และอนาคจะโตแบบก้าวกระโดดด้วย
บริษัทมีกำไรสุทธิจากผลประกอบการโดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรม เพิ่มขึ้น 51.9 % เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการดำเนินงานของทรัพย์สินคุณภาพของบริษัทที่จะได้รับผลดีจากตลาดนักท่องเที่ยวกลับมาหลังเริ่มประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ
ส่วน “รายได้รวมของบริษัท”ไตรมาส 1 ปี 2565 มาจาก 1.อัตราการเข้าพักในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในตลาด High-to-Luxury เป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประเมินจากโรงแรมในกลุ่มบริษัทมีค่าผลการดำเนินงานเทียบกับโรงแรมคู่แข่งกลุ่มเดียวกันดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ คือ
“กลุ่มธุรกิจโรงแรมของบริษัท” ที่มีค่า RGI (Revenue Generating Index) สูงสุดอยู่ที่ 245.9 รวมถึงโรงแรมในกลุ่มกลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะตลาดจัดประชุมสัมมนา (MICE) ได้อานิสงส์จากนโยบายการเปิดประเทศ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของทางภาครัฐ
กลุ่มธุรกิจศูนย์การค้า” สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ เนื่องจากสถานการณ์ธุรกิจภาพรวมเริ่มฟื้นกลับตัว ทำให้มีจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผนวกช่วงต้นปีมีการจัดเทศกาลสำคัญช่วยกระตุ้นลูกค้าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
“กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน” มีจำนวนผู้เช่ารายใหม่เข้าทำสัญญาการเช่าพื้นที่สำนักงาน บนทำเลที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นเรื่องมาตรฐานการให้บริการ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ รวมถึงปัจจัยด้านมาตรการกำกับดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของอาคารสำนักงานเกรด A และ A- ของทางบริษัทที่ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
ตอกย้ำถึงกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตทรัพย์สินของบริษัท (Well-Diversified) จึงทำให้ AWC สามารถลดความผันผวนของรายได้และการดำเนินงานอย่างมั่นคงแข็งแรง
ขณะเดียวกันบริษัทมีโปรแกรม “AWC Infinite Lifestyle” เชื่อมโยงการให้บริการของทุกกลุ่มธุรกิจผ่านทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างประสบการณ์การและความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ผู้มาใช้บริการ เสริมสร้างฐานลูกค้าและเพิ่มแรงจูงใจเข้ามาใช้บริการต่อเนื่องอย่างสะดวกรวดเร็วไร้รอยต่อ สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
ตลอดวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 กว่า 2 ปีที่ผ่านมา AWC ยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์dkiดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
ร่วมสร้างคุณค่าในระยะยาว และเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ปี 2565 เริ่มต้นแผน
เมื่อเดือนมกราคม ด้วยการเปิด โครงการแรก “เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งใหม่ริมสายน้ำเจ้าพระยา
โครงการที่ 2 เปิดโรงแรม “มีเลีย เชียงใหม่” ปักธงเชนมีเลียแห่งแรกในภาคเหนือ เมื่อเดือนเมษายน 2565 เป็นต้นมา เดินหน้าผลักดันเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวระดับลักชัวรี่ภาคเหนือ
ทั้งนี้ AWC มีความมุ่งมั่นจะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจในกลุ่มทั้งหมดเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจ
“สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน 3 ส่วนหลัก ได้แก่
ส่วนที่ 1 การลงทุน โครงการคุณภาพเพื่อเสริมศักยภาพและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าทุกกลุ่ม
ส่วนที่ 2 พัฒนาโครงการ ให้เป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง
สะท้อนถึงการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ผ่านกลยุทธ์การดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก
ส่วนที่ 3 สร้างคุณค่า ในระยะยาวร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อช่วยยกระดับการแข่งขันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการ
และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยให้ได้รับการยอมรับระดับสากล
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น