ผ่าแผน“ไทย-สิงคโปร์”พลิกเกมใหม่เปลี่ยนโลกหลังโควิดปลายปี’65 AmazingThailandเบียดสู้Singaporesillientรุกชิงตลาดโลกทัวร์ยั่งยืน
ผ่าแผน“ไทย-สิงคโปร์”พลิกเกมใหม่เปลี่ยนโลกหลังโควิดปลายปี’65
AmazingThailandเบียดสู้Singaporesillientรุกชิงตลาดโลกทัวร์ยั่งยืน
รัฐบาลสิงคโปร์ทุ่มงบพลิกโฉมประเทศ4แบบโกยคนรวยคุณภาพสูง
ช้อปคิงเพาเวอร์10แบรนด์โลกขายครั้งแรกไทยที่King PowerFirster
คิงเพาเวอร์ชวนชิม’อันเดรียอิตาเลียน’อีทเทอรี่+HoneyNukaรางน้ำ
ททท.+เอกชนรุกหนักเจาะทัวร์เศรษฐีซาอุโต10เท่าเริ่มก.ค.-ส.ค.65
บางจากชวนสมัครสมาชิกบัตรใหม่อัพความฟินเพิ่ม2ต่อถึง31พ.ค.
เที่ยวเพชรบุรีหน้าฝนชีลเขานางพันธุรัต-สายมูทัวร์ในเมือง10วัดปัง
5กลุ่มของกินป้องกันโรค“สมองเสื่อม”ต้องรีบกันไว้ก่อนบานปลาย
“เมอร์เคียวสมุยฉวงบีชธนา”ชิงเปิดวิลล่าหรูใหม่ติดทะเล81ห้อง
แทรเวลโลก้าลุยแล้วปลุกคนไทยเที่ยวนอกฟีเจอร์ใหม่3แพกเกจ
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม
2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
#AmazingThailandAmazingNewChapters #Singaporesilient
#อีทเทอรี่ไทยเทสต์ฮับ #เที่ยวเพชรบุรีหน้าฝน
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/d9vcWN9LFl/
ช่วงที่ 1 เจาะลึก !! เกมใหม่เปลี่ยนโลกชิงผู้นำตลาดท่องเที่ยวหลังโควิด
กับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” คอลัมนิสต์ท่องเที่ยว วิเคราะห์ ถนนทุกสายมุ่งสู่ New
Normal “ท่องเที่ยวยั่งยืน” แห่ติดอาวุธชิงตลาดโลกขานรับ 4 เทรนด์ กลุ่มรายได้สูง-ใช้จ่ายสูง-กลุ่มสนใจพิเศษ 4.กลุ่มรักพร้อมจ่ายเพิ่มเที่ยวอย่างรับผิดชอบ “ประเทศไทย”
งัดจุดขาย “ปีท่องเที่ยวไทย -อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ :Amazing New
Chapters” จัดทัพตลาด 5 ปีหน้าตอบโจทย์เศรษฐกิจ
2 โมเดลเปลี่ยนโลก “BCG+HAPPY Model” แบทเทิลกับ
“สิงคโปร์” ชูบิ๊กโปรเจ็กต์ “Singaporesilient” ฟื้นรายได้โดยให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
“กลุ่มดั้งเดิม-กลุ่มอนาคต” ด้วยคอนเซ็ปต์ลุยพัฒนาจุดขายเมืองใหม่ 4 แบบ “เมืองคุณภาพธุรกิจไมซ์+เมืองสุขภาพในฝัน+เมืองแห่งความยั่งยืนในระบบ Global Destination Sustainable Index+เมืองแทรเวลเทค”
ขณะนี้ “การเปิดประเทศ” หลังโควิด-19
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับมาให้เร็วที่สุด ด้วยการพึ่งพารายได้จากนักเดินทาง
จึงเกิดปรากฎการณ์
“เกมใหม่เปลี่ยนโลก” ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งต้องจมอยู่กับพิษร้ายไวรัสมายาวกว่า
2 ปีเศษ ทำให้ประชากรโลกกว่า 7,000 ล้านคน ธุรกิจ เศรษฐกิจ ระบบสาธารณสุข เกือบล่มสลาย
กระทั่งทุกประเทศต้องหันมาจัดระเบียบชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal
เข็มไมล์
“การเปลี่ยนโลกการค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยว” หันหัวไปในทิศทางเดียวกัน
นั่นคือ ให้น้ำหนักความสำคัญกับการก้าวสู่วิถีใหม่ด้วยเทรนด์ “ความยั่งยืน”
ผู้คนที่ออกเดินทาง แหล่งทรัพยากรธรรมชาติทางการท่องเที่ยว ธุรกิจการค้า
ถึงเวลาต้องปรับตัวขนานใหญ่ด้วยเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจระหว่าง
“ประเทศไทย” กับ “สิงคโปร์”
ทั้งสองประเทศในอาเซียนตั้งเป้าวิ่งสู่จุดหมายปลายทางเดียวกันใช้ “ท่องเที่ยวเป็นอาวุธสร้างรายได้จากตลาดคุณภาพ”
จะต่างกันตรงแนวคิดเชิงกลยุทธ์ นโยบายรัฐบาล
พลังร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
“ประเทศไทย”
โดย “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ททท.
ตั้งเข็มไมล์เดินเกมพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยประกาศใช้พลังของ “ปีท่องเที่ยวไทย
-Visit Thailand
Year 2565-2566”
ติดอาวุธการตลาดไร้พรมแดนด้วยแคมเปญ“Amazing Thailand :Amazing New Chapters”
ผนวกกับการจัดทำแผนอนาคตท่องเที่ยวอีก 5 ปีข้างหน้า พ.ศ.2566-2570 โดยมุ่งตอบโจทย์นโยบายประเทศ
2 โมเดลหลัก
คือ 1.BCG Economy Model และ 2.Happy Model ซึ่งเป็นความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่
ตามแผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 ในฐานะ Strategic Leader “ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม
สะท้อนทิศทางและเป้าหมายการท่องเที่ยวไทย
มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ควบคู่การยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง (High
Performance Organization) โดยกำหนดแนวทางการดำเนินงานไว้
3 ระยะ หรือ 3 เฟส คือ
เฟสที่ 1 ระยะสั้น 1 ปี พ.ศ. 2566 ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว
เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมในทุกมิติ
เฟสที่ 2 ระยะกลาง 2 ปี พ.ศ.2567-2568 เดินหน้าเปลี่ยนสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีมูลค่า
เฟสที่ 3 ระยะยาว 2 ปี พ.ศ. 2569-2570
มุ่งให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ตามที่ ททท.
ได้กำหนดวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์สำคัญ (SO : Strategic Objective) ด้วยไฮไลต์การเดินหน้า
3 SO ประกอบด้วย
SO1 Drive Demand : มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน
SO2 Shape Supply : สร้างคุณค่าและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
SO3 Thrive for Excellence : ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง
มุ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพผ่านการสร้างเรื่องราว
ทำให้เกิดการส่งมอบคุณค่าประสบการณ์เหนือระดับ (Storytelling and Experience-based) ผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายผ่านการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว
ททท.พยายามนำพาทั้งองคาพยพร่วมกันขับเคลื่อนระบบนิเวศน์การท่องเที่ยว
(Tourism
Ecosystem) ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน มุ่งสร้างรายได้จาก
4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มรายได้สูง
2.กลุ่มใช้จ่ายสูง 3.กลุ่มนักท่องเที่ยวความสนใจพิเศษ
4.กลุ่กนักท่องเที่ยวที่รักและยินดีจ่ายเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เกมเปลี่ยนโลกท่องเที่ยวของประเทศไทยใหญ่สุดคือ
“รายได้” จากตลาดคุณภาพทั่วโลก ปี 2565 ตามเป้าหมายล่าสุดผู้นำ
ททท.จะทำให้ได้ทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทรวม 1.3-1.8 ล้านล้านบาท
จากตลาดต่างประเทศ แสนล้านบาท และตลาดในประเทศอีก 5 แสนล้านบาท
จากนั้นปี 2566 จะพลิกฟื้นรายได้ กลับมายืนเทียบเท่าปี 2562
ที่ประเทศไทยเคยทำสถิติไว้ถึงปีละ 3 ล้านล้านบาท
ปี
2565 ททท. ทำรายได้รวม 1.3-1.8 ล้านล้านบาท จากต่างชาติ 6 แสนล้านบาท 7-10 ล้านคน โดยก่อนหน้านี้ตั้งไว้
5-15 ล้านคน และคนไทยเที่ยวในประเทศอีก 7-8 แสนล้านบาท จำนวน 160 ล้านคน-ครั้ง
ขณะที่ “สิงคโปร์” ใช้อาวุธหลักทำโครงการ “Singaporesilient” ด้วยการถอดบทเรียนโควิด-19 แล้วเริ่มทันทีปี 2565 เบื้องต้นหวังทำรายได้ท่องเที่ยวอย่างน้อย 19,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ มีนักท่องเที่ยว 3.3 แสนคน ชูแนวทางระยะยาวภายใต้ชื่อ “ Singaporesilient” มาจาก 2 คำ คือ “Singapore” ชื่อประเทศ และ “Resilient” เพื่อฟื้นเศรษฐกิจประเทศในระยะยาวคืนสภาพอย่างยืดหยุ่นและมีความคล่องตัวสูง
ในปี 2562 ก่อนโควิดสิงคโปร์เคยมีรายได้จากท่องเที่ยวคิด
4% ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) และทำลายสถิตินำเข้านักท่องเที่ยวต่างชาติได้สูงสุดถึง
19.11 ล้านคน สร้างรายได้สูงถึง 27,700ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ พอเกิดโควิดปี 2563 ลดลงเหลือแค่ 2.74 ล้านคน
เมื่อทั่วโลกเริ่มเปิดอีกครั้งสิงคโปร์ใช้
“Singaporesilient” แก้โจทย์ด้วยวิธีพัฒนาหลักการที่ใช้ “คนเป็นตัวแปร -People Centric Excellence” วิเคราะห์พฤติกรรมคนแล้วสร้างประสิทธิภาพให้เกิดเป็นตลาดท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญด้วย
3 คำถาม คือ
1.ฐานนักท่องเที่ยวเดิมที่ต้องรักษาคือใคร ? วิเคราะห์เสร็จก็เดินหน้าเจาะตลาดพร้อมกับต่อยอดอนาคตทันที
2.ฐานนักท่องเที่ยวที่จะเติบโตในอนาคตคือใคร ? วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงถึงเทรนด์อนาคตของการท่องเที่ยว
กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงหรือเหมาะกับสิงคโปร์เป็นใครแล้วจึงลงมือบุกสร้างการเติบโตในระยะยาว
3.ขีดความสามารถเพียงพอจะจับฐานนักท่องเที่ยวกลุ่มใดบ้าง ? วิเคราะห์ตัวเองว่ามีศักยภาพด้านใด จึงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มใดได้บ้าง
ตอนนี้ “สิงคโปร์” รัฐบาลนำร่องอัดฉีดงบประมาณ 500
ล้านเหรียญสิงคโปร์ ทันที
มอบหมายให้การท่องเที่ยวสิงคโปร์ หรือ STB -Singapore Tourism
Board
เป็นเจ้าภาพเริ่มเคลื่อนทัพ“ต่อยอดยกระดับการท่องเที่ยว” ปี 2565 หลังจากหาคำตอบพบแล้วว่า
“ลูกค้าท่องเที่ยวของสิงคโปร์คือใคร”พร้อมกับตั้งเป้ายกระดับประเทศเป็น “Global-Asia
node”
พุ่งเป้าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ
หรือBusiness Tourism
โดยการปล่อยอาวุธหลักใช้ “Singaporesilient”
เป็นหัวหอกสร้างวิสัยทัศน์ให้สวรรค์ของนักท่องเที่ยวด้วยการแปลงโฉมครั้งใหม่เปลี่ยนเมืองสร้างจุดขาย
4 แบบ
แบบที่ 1 -เมืองคุณภาพของนักธุรกิจ
บูมเป็นศูนย์กลางการประชุมผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ชูจุดแข็งศักยภาพการเป็นเมืองที่เหมาะกับอุตสาหกรรม
MICE ที่ดีที่สุด เมื่อปี 2564 สิงคโปร์ทำแผนส่งเสริม Event
Industry Resilience Roadmap ทางด้านการลงทุนสาธารณูปโภค ระบบขนส่ง
ความปลอดภัย นวัตกรรมเพื่อดึงดูดกลุ่มธุรกิจและองค์กรโดยเฉพาะ
เรื่อยไปจนถึงการจัดทำโปรเจ็กต์ CleanEnviroSummitSingapore บวกเรื่องความยั่งยืน การพัฒนาเมือง
ความมั่นคงด้านอาหาร และพลังงาน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเข้าประเทศควบคู่กันไปด้วย
ช่วงเมษายน - พฤษภาคม 2565 สิงคโปร์จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน MICE
สำคัญ 3 รายการ คาดจะมีผู้เข้าร่วมงานรวมกันกว่า
25,000 คน ได้แก่ 1.งานสัปดาห์น้ำนานาชาติสิงคโปร์ -Singapore
International Water Week 2.การประชุมสุดยอดพลังงานสะอาดสิงคโปร์ -CleanEnviro
Summit Singapore) 3.งานเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล -Asia Tech x Singapore
รวมทั้งรุกไปยังตลาดระยะไกลหานักลงทุนจากยุโรปและอเมริกา
โดยเปิดสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่บรัสเซลส์ เบลเยี่ยม และซานฟรานซิสโก
สหรัฐอเมริกา ไว้คอยทำหน้าที่เพื่อประสานและอำนวยความสะดวกสบาย ให้ข้อมูลความรู้ดึงกลุ่มทุนเลือกสิงคโปร์เป็นสถานที่จัดไมซ์รูปแบบต่าง
ๆ ในระยะยา
แบบที่ 2 เมืองแห่งสุขภาพในฝันของคนเมือง
หลังโควิดคนทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุขภาพ
ลุยเปลี่ยนแปลงเป็นประเทศศูนย์กลางการเดินทางเชิงสุขภาพองค์รวมทางการท่องเที่ยว
(Medical Hub +หMedical Tourism”
สิงคโปร์หันมาส่งเสริมพัฒนาอย่างจริงจัง ให้คนภายในประเทศมีสุขภาพดี
เป็นเมืองศูนย์กลางด้านสุขภาพของทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ หรือ Urban
Wellness Heaven
ผนึกความร่วมมือภาครัฐและเอกชนทำหลายโครงการ ไฮไลต์คือ Wellness
Festival Singapore โครงการ multi-sensory pop-up ในสวนพฤกษศาสตร์ Gardens
by the Bay ทำโปรแกรมศิลปะและสุขภาพที่หอศิลปะแห่งชาติ
National Gallery
เรื่อยไปจนถึงรัฐบาลสิงคโปร์ได้นำที่ดินสาธารณะให้เป็นประโยชน์ในมิติทางสุขภาพมากขึ้น
เช่น ทำสวนออกกำลังกาย มีลานสเก็ต เล่นเซิร์ฟ สกี สโนว์บอร์ด สนับสนุนการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับสุขภาพ
เช่น สร้างโรงแรมให้ผู้เข้าพักที่ต้องการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะ สนับสนุนร้านอาหารประเภท
Eat Clean
แบบที่ 3 เมืองแห่งความยั่งยืนของโลก สิงคโปร์วางยุทธศาสตร์ภายในปี
2573 ตั้งเป้ายกระดับเป็นประเทศท่องเที่ยวสีเขียว หรือSingapore
Green Plan เริ่มจากการเปลี่ยนโฉมท่องเที่ยวก่อนเป็นอุตสาหกรรมแรกทันทีปี
2565 ด้วยการลงทะเบียนสมัครเข้าร่วม จัดอันดับดัชนีเมืองที่หมายแห่งความยั่งยืนโลก
หรือ Global Destination Sustainability Index เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับเมืองระดับโลกอื่น
ทั้งทางด้านความยั่งยืน การปฏิบัติงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
ต่อเนื่องจากหลายปีก่อนหน้านี้ “สิงคโปร์”
ได้พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญชูจุดเด่นเรื่องพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน
เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม จากนั้นในปี 2565 สิงคโปร์เดินหน้าส่งเสริมนวัตกรรมสีเขียวเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนกับภาคธุรกิจ
ทั้ง โรงแรม เรือสำราญ สายการบิน ต้องยกระดับสร้างความยั่งยืนให้มีมาตรฐานระดับสากลและวัดผลได้ชัดเจน
ขณะนี้สิงคโปร์เตรียมยื่น “ขอรับการรับรอง” เป็นประเทศจุดหมายการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนภายใต้หลักเกณฑ์และมาตรฐานของสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั่วโลก
(Global Sustainable Tourism Council’s Destination) ควบคู่การสร้างพื้นที่นำร่องทดลองทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เช่น โรงแรมคาร์บอนต่ำ ระบบชดเชยคาร์บอนฟุตปริ๊นท์ นวัตกรรมจัดการขยะ ต่อยอดในอนาคตให้ผู้ประกอบการธุรกิจต่างชาติเข้ามาศึกษาดูงานได้
แบบที่ 4 เมืองไฮเทคของการท่องเที่ยว ด้วยศักยภาพความเป็นประเทศผู้นำเทคโนโลยี
บวกกับโลกสมัยใหม่สามารถใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบประสบการณ์แนวใหม่ รัฐบาลกับเอกชนจึงร่วมมือกันสร้างแพลตฟอร์มส่งเสริมการใช้ดิจิทัลท่องเที่ยว
เช่น รัฐบาลเซ็นสัญญากับผู้นำเทคโนโลยีการเงินอย่าง DBS
Bank VISA Mastercard เปิดให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นใช้ระบบสังคมไร้เงินสดบริการนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันทาง การท่องเที่ยวแห่งสิงคโปร์ ก็จับมือกับ
Traveloka บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทำให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายการเดินทางของตลาดตะวันออกเฉียงใต้ 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย
ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม
นอกจากนี้รัฐบาลสิงคโปร์ยังผลักดันเรื่องแทรเวลเทค
เชิญชวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวชุมชนและธุรกิจขนาดย่อม นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ AR
VR AI เข้ามาช่วยเรื่องการจดจำใบหน้า
สินทรัพย์ดิจิทัล ปี 2564 มีโรงแรมกว่า 30 แห่ง สร้างระบบการยืนยันตัวตนนักท่องเที่ยวแบบอิเล็กทรอนิกส์
หรือ E-Visitor Authentication System เข้ามาใช้ในธุรกิจ
รวมทั้งการทุ่มงบประมาณด้าน เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาส่งเสริมทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย
เช่น Market Partnership Program ให้เงินแบบ Funding แก่ธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ นำไปทำการตลาด และเปิดใช้เงิน
2
ล้านดอลลาร์สิงคโปร์โครงการ SG Stories Content Fund นำนักสร้างสรรค์หรือเครเอเตอร์ดังมาช่วยทำ
Storytelling ในระดับเวิลด์ไวด์
เมื่อประมวลผลโพลล์ล่าสุดของ “Expedia
Group” ที่จับมือกับ “Wakefield Research Sustainable
Travel Study” ที่ได้ทำสำรวจความเห็นขอนักเดินทางทั่วโลกช่วงกุมภาพันธ์
- พฤษภาคม 2565 จำนวน 11,000 คน ครอบคลุมตลาดนักเดินทางหลัก ๆ ของทุกทวีป 11
ประเทศ ได้แก่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก บราซิล สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส
เยอรมนี อินเดีย จีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
เป็นโพลล์ที่เน้นเรื่องการทำความเข้าใจทัศนคติ
พฤติกรรม และค่านิยมเกี่ยวกับความยั่งยืนในการเดินทางท่องเที่ยว โดยมีสรุปเป็นสาระสำคัญคาดการณ์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวปี
2565 ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่น่าสนใจ 4 เรื่อง
คือ 1.ภูมิทัศน์ของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 2.ยินดีจ่ายแพงขึ้นเพื่อความยั่งยืน 3.สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่น
4.ความท้าทายและโอกาสของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เรื่องที่ 1 ภูมิทัศน์ของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน -ตั้งแต่ขั้นตอนการค้นหาแหล่งท่องเที่ยว
การวางแผนท่องเที่ยว การจองที่พัก การคมนาคม รวมถึงจุดหมายปลายทาง
โดยให้น้ำหนักกับแต่ละองค์ประกอบ ดังนี้
• 69%
ของนักท่องเที่ยวมองหาทริปที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
• 66% ของนักท่องเที่ยวต้องการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน
• 65%
ของนักท่องเที่ยวสนใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและความเป็นชุมชน
• 52%
ของนักท่องเที่ยวอยากไปเยี่ยมชมสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก
สถิติช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2563-2565 พบว่า
3 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวเลือกวิธีเดินทางหรือที่พักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าแบบทั่วไป
และ กว่า 7 ใน 10
ของนักท่องเที่ยวจะหลีกเลี่ยงจุดหมายปลายทางหรือเลิกใช้บริการขนส่งทันที
หากมีสิ่งบ่งชี้ว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ยั่งยืน
เรื่องที่ 2 ยินดีจ่ายแพงขึ้นเพื่อความยั่งยืน -นักท่องเที่ยวกว่า 74%
เห็นพ้องต้องกันว่าการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมีต้นทุนสูง
อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นกว่าครึ่งหนึ่งก็เต็มใจจะจ่ายแพงขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ย 38%
หากจะช่วยให้ทริปนั้นมีส่วนช่วยลดมลพิษ เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม และนำไปสู่ความยั่งยืนของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
โดยแบ่งประเภทค่าใช้จ่ายที่นักท่องเที่ยวยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นได้
6 กลุ่ม ได้แก่ 1) ค่าอาหาร 55% 2) ค่ากิจกรรม 53% 3) ค่าการเดินทาง 51% 4)
ค่าที่พัก 51% 5) ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลหรือของฝาก 47% และ 6)
บริษัททัวร์หรือผู้ให้บริการท่องเที่ยว อยู่ที่ 44%
เรื่องที่ 3 สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่น นักท่องเที่ยว
มีแนวโน้มจะสนับสนุนที่พัก ลักษณะการเดินทาง
และเลือกจุดหมายปลายทางที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตชุมชน
แม้ว่าอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น นักท่องเที่ยวยังเต็มใจที่จะเสียสละความสะดวกสบายส่วนตัวในบางมิติเพื่อเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักเดินทางภายใต้กรอบแนวคิดความยั่งยืน
เช่น
•50% ยินดีสละความสะดวกสบายส่วนตัว
เช่น เลือกเดินแทนการใช้รถในระยะทางใกล้ ๆ
•49%
พร้อมเผชิญความลำบากมากขึ้นเพื่อความยั่งยืน เช่น เลือกใช้การขนส่งสาธารณะแทนรถแท็กซี่
•47% ยินยอมเสียเวลาตนเอง เช่น
ถึงจุดหมายช้ากว่ากำหนด หากตอบโจทย์ยั่งยืนมากกว่า
•47%
ตัดสินใจเลือกที่พักที่อาจไม่สะดวกสบาย เช่น ระยะทางไกล ขาดสิ่งอำนวยความสะดวก
•43%
เต็มใจที่จะใช้ระยะเวลาเดินทางไปยังจุดหมายนานขึ้น
•43% เลือกที่พักที่มีแนวทางบริการบนพื้นฐานความยั่งยืนเพื่อความสบายใจ
เรื่องที่ 4 ความท้าทายและโอกาสของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จากการศึกษาพบว่านักท่องเที่ยว 43% เลือกเดินทางไปเมืองขนาดใหญ่ อีก
34% เริ่มหันเหไปท่องเที่ยวเมืองที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก และ 23%
เลือกพักผ่อนภายในรีสอร์ท ซึ่งนักท่องเที่ยว 3 กลุ่ม เน้นสถานที่ที่มีมาตรฐานดความยั่งยืน ด้วยการตอบคำถามต่อกลุ่มตัวอย่างว่า
“การเดินทางแบบใดที่คุณจะเลือกใช้บริการ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม”
นักท่องเที่ยวมีเปอร์เซนต์เลือกวิธีเดินทางดังนี้ 1.เครื่องบิน 30% 2. รถไฟ 28% 3.ใช้บริการถยนต์/รถเช่า
26% และ 4. ใช้บริการรถสาธารณะ 16%
การเคลื่อนทัพท่องเที่ยวหลังโควิด-19
ตอบโจทย์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวมุ่งสู่ “การท่องเที่ยวยั่งยืน” กันทั้งโลก
“ประเทศไทย” เลือกใช้อาวุธ “Visit Thailand Year”
ต่อเนื่อง 2 ปี
ด้วยหัวหอกหลัก “Amazing
Thailand :Amazing New Chapters” ส่วน
“สิงคโปร์” ชู “Singaporesillient”
ทุ่มงบประมาณล็อตใหญ่พลิกโฉมเมืองใหม่ 4 แบบ ปูพรมชิงส่วนแบ่งตลาดคุณภาพเต็มรูปแบบ
ผลจะออกมาเป็นอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวแรก- ช้อปคิงเพาเวอร์10แบรนด์โลกขายครั้งแรกไทยที่King PowerFirster
“FIRSTER
EXCLUSIVE BRAND” พาเหรดสินค้ามาให้ช้อปที่คิง เพาเวอร์ 2 แห่ง ! King
Power Firster มหานคร และสยามสแควร์ ซอย 7 นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทย
ที่เจ้าของผลิตภัณฑ์บิวตี้ไอเทมแบรนด์ดังระดับโลก ยกทัพกันมาเอาใจสายยูนีค เลือกโดยไม่ลังเลแบรนด์ไหนดี แบรนด์ไหนโดน
ต่อแถวมาช้อปได้แล้ววันนี้เป็นต้นไป โดยไม่ต้องบิน
ช้อปเลยที่ FIRSTER
คิง เพาเวอร์
มหานคร และ FIRSTER สยามสแควร์ ซอย 7 หรือเลือกช้อปออนไลน์ได้ที่ https://bit.ly/3LUOjqb
กับแบรนด์โลกยอดนิยมทั้งจากเอเชียและยุโรป
ควงกันมานำเสนอตลาดเมืองไทย
เริ่มต้นจากแบรนด์ “เอเชีย”
พาเหรดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและความงามชื่อดัง แบรนด์ยอดนิยมแดนกิมจิเกาหลีได้แก่ 1.
Abib สกินแคร์ที่ร์เน้นสร้างความชุ่มชื้นเหมาะกับผู้มีผิวแพ้ง่าย 2. BEIGIC .แบรนด์วีแกนสกินแคร์อีกสไตล์ 3.Dasique
เมกอัพที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดอกไม้ผลิบาน
4.NAMING แบรนด์เครื่องสำอางสไตล์มินิมัลโดนใจคนรุ่นใหม่และวัยต่าง ๆ 5.Chantecaille
แบรนด์สกินแคร์กับเมกอัพสุดหรูติดท็อปชาร์ตอย่าง
ชื่อดังระดับโลกที่มีแนวคิดจากหลักพฤกษศาสตร์ที่มีคุณค่ายอดเยี่ยมกับผิวของคนเรา
ตามมาด้วยแบรนด์ “ยุโรป” กำลังได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ คือ 1.Balmain
Hair Couture ลักซ์ชัวรีแบรนด์จากฝรั่งเศส 2.L:A BRUKET ออร์แกนิกสกินแคร์จากชายฝั่งตะวันตกของสวีเดน
3.CULTI MILANO น้ำหอมพร้อมเครื่องประทินผิว และเครื่องหอมชื่อดังจากอิตาลี 4.Verso
Skincare จากสวีเดนสกินแคร์คุณภาพสูงเน้นการค้นคว้าวิจัยอิงหลักวิทยาศาสตร์
5. Woods Copenhagen บิวตี้แบรนด์เชื้อสายเดนิชที่จะมาเติมเต็มลุคในแบบสาวสแกนดิเนเวียน
ทั้ง 10 แบรนด์ จากเอเชียและยุโรป
เลือกปักธงครั้งแรกในเมืองไทย ที่ King FIRSTER คิง เพาเวอร์ มหานคร และ FIRSTER
สยามสแควร์ ซอย
7
ซึ่งสามารถเลือกซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ด้วย
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์ชวนชิม“อันเดรียอิตาเลียน”อีทเทอรี่+Honey Nuka”รางน้ำ
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
แนะนำความอร่อยหลายสไตล์ได้ที่ “อีทเทอรี่ มหานคร” คิง เพาเวอร์ มหานคร ลิ้มรสอาหารอิตาเลี่ยนแบบต้นตำรับได้แล้ววันนี้
ที่ร้าน “อันเดรีย อิตาเลียน
เรสเตอร์รองท์ แอนด์ กริลล์” เชฟอันเดรีย
โบนิฟาโช ผู้ดูแลร้านอาหารอิตาเลี่ยนดังเมืองหัวหิน นำอาหารสูตรต้นตำรับมาบริการใจกลางกรุง
มีให้เลือกทั้ง พิซซ่า และโฮมเมดพาสต้า
โดยเชฟให้ความสำคัญคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพนำมาประกอบอาหาร เพื่อให้ลูกค้าได้อิ่มเอมไปกับรสชาติตามแบบฉบับอาหารอิตาเลี่ยนสูตรดั้งเดิม
สำรองโต๊ะ: https://bit.ly/Eatery_Booking
ส่วนที่ “ไทย เทสต์ ฮับ” คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ที่ “Café Honey Nuka” ร้านเครื่องดื่มที่ใช้ความหวานจากน้ำผึ้งเป็นหลัก ผสมผสานกับรสเปรี้ยว
หอม หวาน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของส้มยูซุแท้จากญี่ปุ่น 🇯🇵 เปิดแล้วบนชั้น 3 ชวนมาชิมเครื่องดื่มคลายร้อนเติมความสดชื่นระหว่างช้อป
กับ “ส้มยูซุญี่ปุ่น” ผสานความหวานหอมด้วยน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ
มีเมนูหลากหลายให้เลือกดื่มเพิ่มความสดชื่นอย่างหลากหลาย
เช่น Soda Honey
Yuzu, Oolong Honey Yuzu, Black Tea Honey Yuzu เรื่อยไปจนถึง
ไอศรีม Honey Comb กับ ซอร์เบ็ท Yuzu และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับ
ร้านอาหารต่าง ๆ ในศูนย์รวมสตรีทฟู้ด “ไทย เทสต์ ฮับ คิงเพาเวอร์” นอกจากน้องใหม่“Café Honey Nuka” แล้ว ทุกร้านมีบริการสั่งอาหารผ่านฟู้ดเดลิเวอรีทั้ง
Robinhood, LINE MAN หรือ GrabFood เปิดบริการทุกวัน
ตั้งแต่เ 10.00 – 20.00 น.
ข่าวที่ 3 ททท.ผนึกเอกชนรุกหนักเจาะทัวร์เศรษฐีซาอุโต10เท่าเริ่มก.ค.-ส.ค.65
นายฉัททันต์
กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง
และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปทำโร้ดโชว์ Amazing Thailand Roadshow to Saudi Arabia ครั้งแรกในกรุงริยาด
ซาอุดีอาระเบีย หลังรัฐบาลไทยกับซาอุดิอาระเบียสานสัมพันธ์ใหม่ที่ดีต่อกัน
จึงทำให้โร้ดโชว์ท่องเที่ยวครั้งนี้ได้รับความสนใจจากบริษัทนำเที่ยวจากซาอุดีอาระเบียซึ่งมีกลุ่มบริษัทตัวแทนผู้ซื้อ
(buyers) เข้าร่วมงานกว่า 120 ราย และพร้อมจะนำนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยได้ทันทีช่วงวันหยุดฤดูร้อนเดือนกรกฎาคม
– สิงหาคม 2565
ส่วนปี 2566 ททท.ตั้งเป้าจะกระตุ้นนักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียเดินทางเข้าไทยให้ได้
300,000 คน เพิ่มขึ้นเป็น 10
เท่าจากฐานปี 2562 มีเพียง 30,000 คนเท่านั้น
โดยจะเดินหน้าส่งเสริมตลาดซาอุดีอาระเบียนำร่องเบื้องต้นก่อน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มรักษาพยาบาล
เนื่องจากผลลัพธ์จากโร้ดโชว์ครั้งนี้ มีเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่เดินทางร่วมงานในฐานะผู้ขาย
(sallers) ได้แสดงความเห็นโดยยืนยันว่า
จากการพูดคุยธุรกิจกับบริษัทตัวแทนผู้ซื้อท่องเที่ยวของซาอุดิอาระเบียแล้ว
แต่ละบริษัทล้วนเป็นกลุ่มคุณภาพและกระตือรือร้นให้ความสนใจรวมทั้งรู้จักแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นอย่างดีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น
กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา
เพียงแต่ช่วงก่อนหน้านี้ทั้งไทยและซาอุดิอาระเบียว่างเว้นจากการทำการตลาดไปนานหลายปี
ดังนั้นการทำโร้ดโชว์ของ ททท.ครั้งนี้
ทางกลุ่มผู้ซื้อจึงมีความกระตือรือร้นแบบเร่งด่วนในการเข้ามาแลกเปลี่ยนความคืบหน้าสถานการณ์ข้อมูลทางการท่องเที่ยว
เพราะขณะนี้ตลาดหลักในซาอุดิอาระเบียพร้อมจะเที่ยวเมืองไทยแล้วหลัก ๆ มี 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มครอบครัว 2.กลุ่มคนรุ่นใหม่วัยทำงานหรือ Millennial 3.กลุ่มเดินทางเป็นคู่
(Couple) และ 4.กลุ่มแต่งงาน/ฮันนีมูน Honeymooner
รวมทั้งบริษัทตัวแทนผู้ซื้อการท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียเอได้ระบุความต้องการที่จะขอให้ผู้ประกอบการในไทย
จัดเตรียมบริการบริษัทนำเที่ยว (DMCs) ที่มีความชำนาญพิเศษไว้ดูแลตลาดซาอุดีอาระเบีย
เช่น มัคคุเทศก์/ล่ามภาษาอารบิก มัคคุเทศก์/ล่ามสุภาพสตรี
เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มสตรี
ส่วน “กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน” จากไทยที่ร่วมโร้ดโชว์ครั้งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
ด้วยการนำเสนอแพคเกจเบื้องต้น ทำการตรวจสุขภาพ และการรักษาโรคที่มีความซับซ้อน อย่าง
กลุ่มโรคมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งทางกลุ่มโรงพยาบาลมีแผนงานจะกลับมาบุกเจาะอีกครั้งหลังจากนี้
โดยพุ่งเป้าไปยังกลุ่มตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม (Medical Tourism)
ข่าวที่ 4
บางจากชวนสมัครสมาชิกบัตรใหม่อัพความฟินเพิ่ม2ต่อถึง31พ.ค.นี้
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดให้ “สมัครสมาชิกใหม่”
แล้วแวะเติมน้ำมันได้ทุกปั๊มบางจากทั่วไทย สามารถอัพเวลความฟินได้ 2 ต่อ ตั้งแต่วันนี้- 31 พ.ค. 65
นั่นคือเมื่อสมัครสมาชิกใหม่ แล้วขับรถไปอัพเวลความฟิน
ได้เลยที่สถานีน้ำมันบางจาก เจอตรงไหนแวะได้ทันที เพื่อรับ 2 ต่อ
ต่อที่ 1: รับเลย 100 คะแนน!!
เมื่อสมัครสมาชิกบางจากและรูดใช้บัตรครั้งแรก
ต่อที่ 2: รับส่วนลดอินทนิล 25 บาท!! เมื่อเติมน้ำมันบางจาก E20
S EVO, E85 S EVO หรือ Hi Premium Diesel S B7 สะสมครบ 1,000 บาท ขึ้นไป
ดูข้อมูลเพิ่มและลงทะเบียนรับสิทธิ์ไดที่ https://member.bcpgreenmiles.com/bcpxbcr
สมาชิกที่รับบัตรที่ปั๊มแต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนครั้งแรกโปรดลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้งานบัตรและรับสิทธิโปรโมชั่น http://bitly.ws/q8DL
ช่วงที่ 2 สายฝนเย็นฉ่ำ
เที่ยวไทย เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ทริปนี้แนะนำเที่ยว“เพชรบุรีหน้าฝน” ที่
“วนอุทนานเขานางพันธุรัต” ดื่มด่ำธรรมชาติร้อยเรียงเส้นทางในวรรณคดี
กับชวนสายมูไปตะลอนสำรวจในอำเภอเมือง 12 วัดปังดังเด่นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์
และข่าวฮ็อตท้ายชั่วโมง ข่าวแรก-เมอร์เคียว เกาะสมุย บีช ธนา”
ชิงเปิดวิลล่าหรูใหม่รับทัวร์คนรวยหลังโควิด 81 ห้อง และ “แทรเวลโลก้า” ไม่รอช้าอัดแพกเกจชวนคนไทยเที่ยวนอกฟีเจอร์ใหม่
3 แพกเกจ
พาเที่ยว- เที่ยวเพชรบุรีหน้าฝนชีลที่เขานางพันธุรัตชวนสายมูทัวร์ในเมือง10วัดปัง
ฝนมาแล้ว...จะไปเที่ยวที่ไหนกันดี แนะนำทริปดี ๆ เที่ยวภาคกลาง “จังหวัดเพชรบุรี”
กับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติแนวใหม่แบบฟิน ๆ และสายมูต้องห้ามพลาด
ในอำเภอเมืองเพชรบุรีมีวัดปัง ๆ ให้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลือกตามจริตที่ชอบได้ถึง
12
วัดด้วยกัน
ฟินแรก ที่ “วนอุทยานเขานางพันธุรัต” ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกวัน
08:00-17:00
น. พอไปถึงจะเหมือนกับหลุดเข้าไปในวรรณคดี ภายในพื้นที่ได้จัดเส้นทางเชื่อมโยงกับวรรณคดีไทยตามตำนานนางพันธุรัตจากเรื่องสังข์ทอง
ที่นางรับพระสังข์มาเป็นลูกบุญธรรม เกิดเรื่องราวมากมายของสังข์ทองในชุดเจ้าเงาะ กระทั่งนางพันธุรัตจึงเสียใจจนอกแตกตายกลายเป็นภูเขาลูกนี้
จึงดีไซน์ชื่อเส้นทางท่องเที่ยวตามเนื้อเรื่องในวรรณคดี เช่น กระจกส่องหน้านางพันธุรัต
เมรุนางพันธุรัต บ่อชุบตัวพระสังข์ จุดชมวิวคอกช้าง สวย สนุก ตื่นตาตื่นใจ
ได้เห็นมุมสูงเมืองเพชรบุรี สอบถามได้ที่ โทร. : 032 433 661
ฟินสายมู
ต้องตะลอนเที่ยววัดใน “อำเภอเมืองเพชรบุรี” มีสถานที่ท่องเที่ยว เสริมบารมี
หน้าที่ การงาน การเงิน สักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลือกได้ถึง 12 วัด ลองแวะได้เลย คือ ถ้ำเขาหลวง วัดมหาธาตุวรวิหาร วัดเกาะ
วัดสระบัว วัดเขาบันไดอิฐ วัดพระแก้วน้อย วัดพระพุทธไสยาสน์
วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดเพชรพลี วัดกำแพงแลง วัดข่อย วัดพลับพลาชัย
จะขอแนะนำเบื้องต้นสัก 3 จุด คือ
จุดแรก“ถ้ำเขาหลวง” ตำบลธงชัย เป็นถ้ำหินปูนที่มีความงดงามจากการสรรค์สร้างของธรรมชาติ
มีหินงอกหินย้อยกันสวยงามแล้ว (ทั้งหินเป็น-หินตาย) ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเพชรบุรี
จุดที่สอง “วัดมหาธาตุวรวิหาร”
ถนนดำเนินเกษม ตำบลคลองกระแชง มี พระปรางค์ 5 ยอด สีขาว เป็นเอกลักาณ์โดดเด่นความสวยงาม
ภายในพระวิหารหลวงอลังการด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงาม กับ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดวัดมหาธาตุ
จุดที่สาม “วัดสุวรรณาราม”
ตำบลท่าราบ
เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญมากของเพชรบุรี สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
เป็นแหล่งรวมฝีมืองานช่างเพชรบุรีมากมาย ได้มารวมตัวกันสร้างผลงานสุดปราณีตอ่อนช้อยและงดงาม
โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์ นำเสนอด้วย “ภาพเทพชุมนุม” สวยสะดุดตา
ทำให้ผู้ถ่ายทำภาพยนต์เคยใช้วัดสุวรรณารามเป็นฉากในภาพยนตร์หลายเรื่องด้วยกัน
เที่ยวเพชรบุรีหน้าฝน
สนุก ได้อรรถรส นอกจากวนอุทยานเขานางพันธุรัตน์ วัดดังมากมายในอำเภอเมืองแล้ว
เพชรบุรี ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และวิถีชุมชนอีกมากมาย ให้มาเที่ยวได้ทุกวัน
สุขภาพ 5กลุ่มของกินป้องกันโรค
“สมองเสื่อม”ต้องรีบกันไว้ก่อนบานปลาย
ทั่วโลกกำลังมีคน “สมองเสื่อม” เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีประชาชนทั่วโลกป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมกว่า
55 ล้านคน และคาดอีก 8 ปีข้างหน้าจำนวนจะเพิ่มขึ้นเป็น 78 ล้านคน (40%) จึงขอแนะนำ 5 กลุ่มอาหารที่ควรรับประทานเพื่อบำรุงสมองดังต่อไปนี้
กลุ่มที่ 1 น้ำมันปลา ที่ดีต่อสมอง ควรสกัดมาจากส่วนของเนื้อ หนัง
หัว และหางของปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า หรือปลาเทราต์
ซึ่งเป็นปลาที่ขึ้นชื่อว่ามีกรดไขมันโอเมก้า 3
สูง
กลุ่มที่ 2 บลูเบอร์รี่ ผลไม้ชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก
โดยเฉพาะสารที่มีชื่อว่า “แอนโทไซยานิน” เป็นสารที่ทำให้บลูเบอร์รี่มีสีม่วงครับ
สารตัวนี้ช่วยต่อต้านการอักเสบที่มีผลกระทบต่อสมอง
และยังมีงานวิจัยรองรับอีกด้วยครับว่า
บลูเบอรี่สามารถเพิ่มความทรงจำในเด็กและผู้สูงอายุได้จริง
กลุ่มที่ 3
ขมิ้น -เครื่องเทศชนิดนี้คนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่รสชาติที่ร้อนแรงเท่านั้นนะครับ แต่สารสำคัญในขมิ้นก็โดดเด่นเช่นกัน
ในขมิ้นประกอบไปด้วยสารสำคัญที่ชื่อว่า “เคอร์คูมิน” ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า
เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ และมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสมองของเราครับ
กลุ่มที่ 4 บรอกโคลี -ใครชอบทานบรอกโคลี
เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลสมองครับ เพราะบรอกโคลีเป็นผักที่มี “วิตามินเค” สูงมาก
มีงานวิจัยพบว่า...วิตามินเคในบรอกโคลีมีความสัมพันธ์ต่อการส่งเสริมความจำ อีกทั้ง
ยังช่วยปกป้องความเสียหายของสมองได้ด้วยครับ
กลุ่มที่ 5 -ดาร์กช็อกโกแลต ขนมหวานก็ช่วยบำรุงสมองได้นะค
แต่ต้องเลือกให้ทานให้ถูกชนิดด้วย
โดยเฉพาะดาร์กช็อกโกแลตที่มีสัดส่วนของโกโก้ตั้งแต่ 70% ขึ้นไป เป็นขนมหวานที่ดีต่อสมองมากๆเลย
เพราะร่างกายจะได้รับสารสำคัญที่ชื่อว่า “ฟลาโวนอยด์” ซึ่งมีนักวิจัยพิสูจน์ได้ว่า
“ช่วยเพิ่มความจำ ส่งเสริมการเรียนรู้ และยังทำให้อารมณ์ดี” ด้วย
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก “เมอร์เคียวสมุยฉวงบีชธนา”ชิงเปิดวิลล่าหรูใหม่ติดทะเล
81ห้อง
นายการ์ธ ซิมมอนส์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แอคคอร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น
และเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า โรงแรมเมอร์เคียว สมุย เฉวง บีช ทานา อยู่ที่
17/135 หมู่ 3 บ่อผุด เกาะสมุย
วันนี้พร้อมเปิดตัวประสบการณ์ใหม่ที่จะยกระดับการพักผ่อนไปอีกขั้นกับการเปิดตัวโซนใหม่ติดชายหาด
ห้องพักและวิลล่าใหม่ 81 ห้อง
นำแบรนด์มอร์เคียวซึ่งเป็นเสมือนประตูสู่จุดหมายปลายทาง
เพราะโรงแรมแบรนด์นี้แต่ละแห่งจะบอกเล่าเรื่องราวที่โดดเด่นเกี่ยวกับสถานที่
ผู้คนและวัฒนธรรม ล่าสุดของเมอร์เคียว สมุย เฉวง บีช ทานา พร้อมจะนำเสนอความงามตามธรรมชาติของเกาะสมุยและประสบการณ์แบบท้องถิ่น
เกาะสมุยถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เรามั่นใจว่าประสบการณ์ใหม่
ๆ ของทางรีสอร์ท จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
โดยได้เพิ่มประสบการณ์การรับประทานอาหารรูปแบบใหม่ที่ทันสมัยและน่าตื่นเต้นในโซนใหม่ของเมอร์เคียว
สมุย เฉวง บีช ทานา ได้แก่
1.Carpe Diem บาร์ริมชายหาดบรรยากาศสบาย ๆ
ที่ชาวเกาะสามารถเพลิดเพลินกับค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจจากชายหาดรวมถึงของว่างเบา
ๆ
2.La Moon รูฟท็อปบาร์กลางแจ้งสุดโรแมนติก
เหมาะสำหรับการจิบเครื่องดืมยามพระอาทิตย์ตกพร้อมอิ่มอร่อยกับทาปาสแบบฟิวชั่น
สามารถเพลิดเพลินไปกับการนับดาวบนท้องฟ้าของเกาะสมุยในขณะจิบค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชื่อของดวงดาว
เหล้ารัมท้องถิ่นถูกใช้เป็นส่วนผสมหลักเพื่อชูเอกลักษณ์และรสสัมผัสแบบท้องถิ่น
3.Cielo ห้องอาหารซึ่งเปิดตลอดทั้งวันที่ให้บริการเมนูอาหารท้องถิ่นและอาหารนานาชาติ
พร้อมบริการ “สระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่”
ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นปาล์มที่ร่มรื่นใจกลางรีสอร์ท
สามารถมองเห็นวิวทะเลที่กว้างขวาง สำหรับผู้ที่อยากออกกำลังกาย
ฟิตเนสพร้อมให้บริการเครื่องออกกำลังกายหลากหลายชนิด
นายพุทธพงศ์ บุรุษหงส์ ผู้จัดการทั่วไป
โรงแรมเมอร์เคียว สมุย เฉวง บีช ธนา กล่าวว่า “เมอร์เคียว
สมุย เฉวง บีช ธนา เฟสใหม่นี้
จะเพิ่มความพิเศษและความน่าตื่นเต้นให้กับย่านหาดเฉวง
นักท่องเที่ยวสามารถซึมซับกับการพักผ่อนบนเกาะสมุยผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ
ในโรงแรมของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นริมชายหาดที่สวยงาม
ผ่อนคลายท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้เขตร้อนและทะเลสีฟ้าอันเงียบสงบ นั่งเล่นริมสระว่ายน้ำที่สวยงาม
หรือชิมอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น
รีสอร์ทของเราจะเป็นสถานที่พักผ่อนริมทะเลแห่งใหม่ที่ทันสมัย
โรงแรมเมอร์เคียว สมุย เฉวง บีช ทานา ตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง
เช่น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เกาะหมู วัดพระใหญ่
สามารถเดินทางไปยังงานฟูลมูนปาร์ตี้บนเกาะพะงันได้โดยสะดวก
รีสอร์ทตั้งอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติสมุยประมาณ 5 กิโลเมตร ห่างจากท่าเรือบางรัก
7 กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือหน้าทอน 25 กิโลเมตร
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
https://all.accor.com/hotel/8502/index.en.shtml อีเมล
H8502-re@accor.com หรือติดต่อ
+66 (0) 77 915657
ข่าวที่สอง
–แทรเวลโลก้าลุยแล้วปลุกคนไทยเที่ยวนอกฟีเจอร์ใหม่3แพกเกจ
นางสาวปณิชา ธนณาเคนทร์ ผู้จัดการ ทราเวลโลก้า ประเทศไทย เปิดเผยว่า
ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต้อนรับการเปิดประเทศครั้งใหม่ด้วยแคมเปญ 'Now
the World is Possible' มาเชิญชวนคนไทยที่สนใจเที่ยวต่างประเทศตามเส้นทางบินสู่เกาหลีใต้
สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ตุรกี สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร พร้อมทั้งเปิดช่องทางให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงโรงแรมทั่วโลก
ควบคู่กับข้อเสนอดีที่สุดในฟีเจอร์ Xperience ผู้ช่วยจัดทริปบนแพลตฟอร์มให้การเดินทางออกมาสมบูรณ์แบบ
ขณะนี้ทราเวลโลก้าเปิดทางเลือกให้นักท่องเที่ยวคนไทยเตรียมตัวออกเดินทางท่องโลกได้
3 แพกเกจเด่น ๆ คือ
แพกเกจที่ 1 International Travel Page นำเสนอจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว
rihv,ส่วนลดต่าง ๆ และอัพเดทดข้อมูลด้านกฎข้อบังคับการเดินทางแต่ละแห่ง
บวกประกันการเดินทาง และชุดตรวจเชื้อโควิด-19 เ
แพกเกจที่ 2
Now the World
is Possible แคมเปญที่บ่งบอกถึงทั่วโลกมีความพร้อมและรอให้คนออกเดินทางสำรวจได้อีกครั้งด้วยความมั่นใจ
แพกเกจที่ 3
International
Travel Fair จัดขึ้นในประเทศไทย ระหว่าง 25-31 พฤษภาคม 2565 ต่อเนื่องในเวียดนาม มาเลเซีย
และฟิลิปปินส์ มาพร้อมกับข้อเสนอ และโปรโมชั่นดี ๆ มากมาย
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง
สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น