ถอดรหัส!!โรงแรมทั่วไทยพลิกวิธีลงทุนใหม่หลังโควิดหนีปัจจัยเสี่ยงสูง “โซลทวิน”ใช้แบรนด์โลกไอบิสสไตล์แบงคอกทวินทาวเวอร์รุกตลาดโลก
ถอดรหัส!!โรงแรมทั่วไทยพลิกวิธีลงทุนใหม่หลังโควิดหนีปัจจัยเสี่ยงสูง
“โซลทวิน”ใช้แบรนด์โลกไอบิสสไตล์แบงคอกทวินทาวเวอร์รุกตลาดโลก
โรงแรมเบนเข็มธุรกิจสู่BCGโมเดลปูพรมชิงส่วนแบ่งตลาดเทรนด์ยั่งยืน
ช้อปคิงเพาเวอร์ใช้Click&Collectสุวรรณภูมิ+กิฟท์โวเชอร์ฟรีใช้ที่ภูเก็ต
คิงเพาเวอร์วางขายแล้วที่สุวรรณภูมิSwatchคอลเลคชั่นอาร์ตโลก6รุ่น
ททท.บูมเที่ยว“Bliss Camp”ภาคกลาง17จังหวัดปั๊มตลาดเจนวาย-แซด
บางจากผนึกแสนสิริลุยต่อยดอโปรเจ็กต์นำขยะกำพร้าทำพลังงานไฟฟ้า
เทรนด์เที่ยวเกษตรอินทรีย์กินเมนูออร์แกนิก“ตลาดสุขใจ-ฟาร์มฝันแม่”
กรมอนามัยแนะวิธีป้องกันระวังสัตว์มีพิษ/แมลง4ชนิดที่มาช่วงหน้าฝน
KTCควงไฮแอทรีเจนซี่กรุงเทพฯแจกโปรบัตรวีซ่าสุดคุ้มบุฟเฟต์กินไม่อั้น
รร.อลอฟท์ชวนใช้โปรดีWeekend Vibesเที่ยวกทม.ได้นานถึง31ก.ค.65
กรรมการบริหารโรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ และอดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0 MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower
#TAT #ClickandCollect #ไอบิสสไตล์แบงคอกทวินทาวเวอร์
#ท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://fb.watch/diHza5veCD/
ช่วงที่ 1 ถอดรหัสธุรกิจโรงแรมเมืองไทยหลังโควิดกับ
“ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการบริหารโรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์
และอดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย เอกชนลุยเปิดแล้วทั่วประเทศ 70 % ปรับวิธีลงทุนใหม่เลี่ยงความไม่แน่นอนเสี่ยงสูง2 ปัจจัย “ปัญหาฉบับพลันกับรอตลาดต่างประเทศโตจริง”
ย้ำยุคบูมห้องพักผุดเป็นดอกเห็ดมีลูกค้าต่างชาติ 40 ล้านคน
ปี’65 ยุคฟื้นฟูลุ้นนักท่องเที่ยว 10
ล้านคน พร้อมเปิดแผนลงทุนอนาคต “โรงแรม เดอะ โซล ทวิน ทาวเวอร์” ดึงเชนยักษ์โลกแอคคอร์กรุ๊ปนำแบรนด์ดัน
“ไอบิส สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” ใหญ่สุดในเมืองไทย บุกตลาดยุคใหม่
มุ่งสู่กลุ่มคุณภาพสร้างความยั่งยืนภายใต้กรีนโฮเตล BCG โมเดล
ลดคาร์บอน รักษาสิ่งแวดล้อม
นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ กรรมการบริหารโรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ และอดีตนายกสมาคมโรงแรมไทย
เปิดเผยว่า สถนการณ์หลังโควิด-19 เมื่อรัฐบาลยกเลิก Test & Go กับนักเดินทางทั่วโลกเข้าไทย
ในส่วนของธุรกิจโรงแรมเมืองไทยทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว
ยังต้องใช้ทยอยลงทุนปรับปรุงและเปิดบริการ เนื่องจาก 2 ปัจจัย
คือ 1.ความเสี่ยงที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดโรคระบาดหรือปัญหาใดเข้ามาแบบฉับพลันอีกบ้าง
2.นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาแบบค่อยเป็นค่อยไป
ไม่ได้มาพร้อมกันครั้งละมาก ๆ
ส่งผลให้ผู้ประกอบารต้องประมวลผลอย่างใกล้ชิดรอจังหวะเปิดตามสัดส่วนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว
สถิติเดือนพฤษภาคม
2565 หลังยกเลิก Test & Go มีรายงานนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทยเฉลี่ยวันละ
10,000-20,000 คน อาจจะทำได้เดือนละ 1 ล้านคน
นั่นหมายความว่าสิ้นสุดปี 2565 ตามคาดการณ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) จะมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเที่ยวเมืองไทยประมาณ 7-12 ล้านคน
แนวโน้มมีสัญญาณดีขึ้น
แต่ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นกลุ่มซัพพลายได้ลงทุนห้องพักไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 30-40 ล้านคน พอนักท่องเที่ยวลดลงไปเป็นจำนวนมากเหลือปีละไม่ถึง 10 ล้านคน โรงแรมในเมืองท่องเที่ยวก็น่าจะเปิดห้องพักประมาณ 70 % ของทั้งหมด และบางส่วนเองก็ไม่พร้อมจะกลับมาเปิดด้วยเช่นกัน เรื่อยไปจนถึงการใช้เงินลงทุนปรับปรุงโรงแรมเนื่องจากปิดชั่วคราวมากว่า 2 ปี แต่ละโรงแรมคงจะต้องดูเงินในส่วนนี้ด้วย
นางศุภวรรณ
กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มโซลทวิน ทาวเวอร์
จับมือกับเชนแอคคอร์ผู้บริหารโรงแรมระดับโลกเปิดเป็น “ไอบิส สไตล์ แบงคอก ทวิน
ทาวเวอร์” เพราะหลังโควิด-19
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปที่จะหันมามองหาที่พักโรงแรมที่มี
“แบรนด์” ซึ่งเน้นมาตรฐานความสะอาด ความปลอดภัยต่าง ๆ ถ้าหากการมีแบรนด์แล้วช่วยทำให้
“เกิดความเชื่อมั่น” แก่นักท่องเที่ยวมากขึ้น ทางโซล ทวิน
จึงจะทดลองขอใช้แบรนด์อาจจะเป็นสักระยะหรือระยะยาวต่อไป
ตามพฤติกรรมของผู้บริโภคนั่นเอง เนื่องจากหลังเปิดโลกให้เดินทางได้เหมือนเดิม
การแข่งขันทางธุรกิจห้องพักย่อมสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ความเป็นไปได้ที่ประกาศใช้แบรนด์
“ไอบิส สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” ขนาดใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย นั้น มีขั้นตอนจะต้องวางแผนปรับปรุงแต่ละส่วนให้ทันสมัยมากขึ้น
สอดคล้องกับแบรนด์ให้ได้ก่อน จึงต้องใช้เวลาสักระยะ
อย่างเร็วสุดน่าจะเกิดขึ้นได้เริ่มเปิดอย่างเร็วสุดหรือบางส่วนปลายประมาณปี 2565 และครบสมบูรณ์ปี 2566
เมื่อมีแบรนด์ “ไอบิส ไลฟ์สไตล์ แบงคอก ทวิน ทาวเวอร์” จะเปลี่ยนชัดเจน คือ 1.โทนสีภายนอกอาคารทั้งหมด 2.ห้องพักกว่า 600 ห้อง 3.ห้องอาหาร เดิมมีชื่อเสียงด้านอาหารจีน แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็จะต้องดูกันต่อไป 4.ห้องจัดประชุม สัมมนา ยังคงเป็นหัวใจของโรงแรม ในส่วนห้องอาหารและเครื่องดื่มเคยทำรายได้หลักให้โรงแรมมาตลอด จึงยังต้องคงบริการส่วนนี้ไว้อย่างแน่นอน
สำหรับการวางเป้าหมายสู่โรงแรมสร้างสรรค์เข้าสู่เทรนด์โลกเรื่อง “ความยั่งยืน” ก่อนหน้านี้ได้ปูพรมลงทะเบียนเข้าร่วม Green Hotel มาอย่างต่อเนื่อง จากนี้ก็จะเข้าร่วมโครงการโรงแรมหนึ่งใน BCG Model และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์/Low Carbon เมื่อเปิดภายใต้แบรนด์ใหม่ “ไอบิส สไตล์” ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สิ่งที่โรงแรมโซล ทวิน ทาวเวอร์ มุ่งเน้นการช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และจะทำเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ได้เข้าร่วมกับทางสมาคมโรงแรมไทยและทางหอการค้าไทยทำโครงการดังกล่าวด้วย
โครงการทำกรีน
โฮเต็ล หัวใจสำคัญที่สามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรม 1.ลดการใช้พลาสติก เลิกใช้ขวดน้ำพลาสติกในห้องพักแล้วใช้ขวดแก้วแทน 2.การแยกขยะ ช่วยป้องกันการเกิดสารปนเปื้อนต่าง ๆ
โดยเฉพาะขยะเปียกจากเศษอาหาร แยกไม่ให้ปนเปื้อนแล้วนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไป
นางศุภวรรณ กล่าวว่า ผลจากนโยบายรัฐบาลเปิดประเทศเลิกใช้ Test & Go ตรวจหาเชื้อโควิดจากนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือ 1.จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยเพิ่มจากปกติวันละ 10,000 เป็น 20,000 คน รวม ๆ แล้วเดือนพฤษภาคมนี้จะได้ถึง 1 ล้านคน 2.ตลาดเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะหลักระยะไกลจาก สหราชอาณาจักร เข้ามามากเป็นอันดับ 1 ต่างจากตอนแรกจะมีสิงคโปร์ซึ่งอยู่ในอาเซียนอยู่ใกล้ เดินทางได้เร็ว หรือคนอาจจะอั้น จึงเข้ามามากสุด 3.เปลี่ยนโลว์เป็นไฮซีซัน เดิมพฤษภาคมของทุกปีจะเป็นนอกฤดูกาลเดินทางหรือ Low Season ตอนนี้สถานการณ์กลับเป็นฤดูเดินทางคนทยอยเข้ามาขึ้น กรกฎาคม-สิงหาคม-กันยายน จะเป็นช่วงฤดูเดินทางหนาแหน่นหรือ Peak Season ด้วยเหมือนกัน จากซัมเมอร์ฮอลิเดย์ ก็มียุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ซึ่งจีนตอนนี้อาจจะต้องรออีกสักระยะ
พฤติกรรม
“การใช้เงินของนักท่องเที่ยว” บางประเทศเปลี่ยนแปลง 1.กลุ่มประเทศที่ระมัดระวังการใช้จ่าย
เพราะค่าเงินเปลี่ยนไป เช่น มาเลเซีย ค่าเงินริงกิตแลกเป็นเงินไทยเหลือแค่ 1
ริงกิต แลกได้แค่ 7 บาท จากเมื่อก่อนแลกได้ถึง
10 บาท และเป็นกลุ่มนักเดินทางระดับบีลบลงไป 2.กลุ่มลูกค้าหากเป็นระดับเอพลัส
มีกำลังการจ่ายสูงก็ไม่ได้สนใจที่จะใช้จ่ายเงินได้ทุกอย่าง
ดังนั้น
“การทำตลาดของโรงแรมและการท่องเที่ยว” น่าจะเปลี่ยนทิศทางมุ่งสู่ “ตลาดคุณภาพ”
เป็นหลัก ซึ่งเริ่มได้จากทุกภาคส่วนที่จะเริ่มทำตลาดแนวใหม่ เช่น
สร้างสรรค์การเพิ่มกิจกรรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินมากขึ้น เช่น
ห้องพักบวกทำสปาหรือเวลเนส และอื่น ๆ
นางศุภวรรณกล่าวว่า
นับจากนี้เป็นต้นไป โรงแรมที่เริ่มทยอยเปิดจะต้องให้น้ำหนักความสำคัญเรื่องหลัก
อันดับ 1 บริการ อันดับ 2 ความสะอาด
ต้องดูให้มากขึ้น ทั้งห้องพักและทุกพื้นที่ภายในโรงแรม
อดีตบางแห่งอาจจะมองข้ามนับจากนี้ไปจะต้องดูเรื่องความสะอาดเป็นหลักมาก ๆ ด้วย
อันดับ 3 บุคลากรกับฮาร์ดแวร์ต้องดูแลพัฒนาบริการให้ดีด้วยเพื่อทำให้ธุรกิจโรงแรมเดินหน้าสู่ความยั่งยืน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 ช้อปคิงเพาเวอร์ใช้Click&Collectสุวรรณภูมิ+กิฟท์โวเชอร์ฟรีใช้ที่ภูเก็ต
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ นำเสนอช้อปสบายแค่คลิกเดียวกับบริการ “KING POWER CLICK & COLLECT” เลือกช้อปสินค้ากว่า 10,000 รายการ บนออนไลน์ทาง www.kingpower.com หรือ King Power Application เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ช้อปออนไลน์ตามขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถไปรับได้ที่ Collection Point ที่สนามบินขาเข้าหรือขาออกแต่ละสนามบินได้ เป็นบริการอำนวยความสะดวก ทำให้ทุกการเดินทางท่องเที่ยวของทุกคนมีความสุข เดินตัวปลิวไปหาประสบการณ์แปลกใหม่หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ได้ทั่วเมืองไทย รวมถึงไปท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลก โดยมีแคมเปญโดน ๆ ดังนี้
แคมเปญแรก -คิง เพาเวอร์สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ สามารถใช้บริการ KING POWER CLICK & COLLECT ช่วยให้การช้อปปิ้งสินค้า
ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ห้ามพลาด!!
เดินชมสินค้าจริงก่อนได้ทางหน้าร้านที่สนามบินสุวรรรณภูมิ แล้วคลิกซื้อทางออนไลน์ KING
POWER CLICK & COLLECT แนะนำจุดศูนย์รวมสินค้าราคาดิวตี้ฟรียอดนิยม
3 โซน คือ
โซนแรก-ความงามและสุขภาพหรือ
Beauty & Wellness
โซนที่
2 น้ำหอมและเครื่องสำอางค์ หรือ Perfumes &
Cosmetics
โซนที่ 3 สินค้าพิเศษเพื่อการเดินทางท่องเที่ยว หรือTravel Exclusive ตอบโจทย์นักเดินทาง จะช้อปให้ตัวเอง หรือเป็นของฝากแทนความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่ม ณ จุดขาย หรือที่ King Power Contact Centre 1631 ก็ได้เช่นกัน
แคมเปญที่ 2 –รับฟรี ! GIFT VOUCHER 500 บาท คิง เพาเวอร์
มอบสิทธิพิเศษสุดคุ้มให้กับนักเดินทางเหล่าขาช้อปเมื่อใช้บริการ KING POWER CLICK & COLLECT
รับกิฟท์โวเชอร์นำไปใช้เป็นส่วนลดในเมืองท่องเที่ยวทั่วจังหวัดภูเก็ตกว่า
50 แห่ง ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และสปาชั้นนำ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565 เมื่อคลิกซื้อสินค้าดิวตี้ ฟรี
ออนไลน์ ครบ 5,000 บาทสุทธิ/ใบเสร็จ รับทันทีกิฟท์โวเชอร์
ซึ่งสามารถให้ผู้อื่นรับคูปองใช้สิทธิ์แทนได้ เพียงคลิกเพื่อช้อปได้เลยที่ https://bit.ly/3JrsvBc
หรือลองดูรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมกับพันธมิตรธุรกิจที่เข้าร่วมแคมเปญที่ https://bit.ly/3L4oYc2
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์วางขายแล้วที่สุวรรณภูมิSwatchคอลเลคชั่นอาร์ตโลก6รุ่น
คิง เพาเวอร์ อัพเดทนาฬิกาแบรนด์ดัง ขณะนี้ทางค่าย Swatch จับมือกับ Centre Pompidou พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยระดับโลกถ่ายทอดผลงานศิลปะระดับมาสเตอร์พีซสู่นาฬิกาสุดอาร์ต 6 สไตล์ มาวางขายแล้วที่ “คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ” พบกับคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด Swatch X Centre Pompidou ได้รวบรวม 6 ผลงานศิลปะระดับโลกมาถ่ายทอดความงดงาม เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมดื่มด่ำงานศิลป์ระดับตำนานได้อย่างง่ายดายไปกับ Swatch
นาฬิกาสุดอาร์ตทั้ง 6 สไตล์ ได้ถ่ายทอดลงบนนาฬิกาโมเดลยอดฮิตอย่าง GENT ขนาดหน้าปัด 34 มม. และ NEW GENT ด้วยขนาดหน้าปัด 41 มม.ประกอบไปด้วยผลงานจากศิลปินชื่อดังระดับโลก ได้แก่ Amedeo Modigliani, Robert Delaunay, Frida Kahlo, Piet Mondrian และ Wassily Kandinsky
ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ Swatch เปิดประตูพาแฟนคลับเข้าสู่โลกแห่งศิลปะกับ คอลเลคชั่น Swatch X Centre Pompidou ระดับมาสเตอร์พีซ 6 ผลงาน จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป Centre Pompidou แลนด์มาร์กสำคัญ ณ กรุงปารีส มาบรรจงดีไซน์ลงในนาฬิกาทั้ง 6 เรือน
นักช้อปสามารถติดรายละเอียดการสถานที่วางจำหน่ายได้เพิ่มเติมทาง
Line OA @swatch_th Facebook: SWATCHTHAILAND Instagram: @SWATCH_TH
ข่าวที่
3 ททท.บูมเที่ยว“Bliss Camp”ภาคกลาง17จังหวัดปั๊มตลาดเจนวาย-แซด
นางสาวจุฑาทิพย์ เจริญลาภ
ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง ททท.
เปิดเผยว่า เดินหน้ากระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวในประเทศโดยได้จัดทำ "Central See You เสน่ห์กลางใจ” ภายใต้แนวคิด “เทรนดี้ C2 ภาคกลาง” ระหว่าง 24- 26 มิถุนายน 2565
นำร่องที่แก่งลานรัก จังหวัดสระบุรี ตั้งเป้ารุกเจาะนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่กลุ่ม
Gen Y – Z มาร่วมเปิดประสบการณ์เที่ยวแบบเทรนดี้สไตล์แคมป์ปิ้ง
รวมทั้งการตอบโจทย์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวไทยหลังโควิด-19 ที่เน้นออกเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ ผ่านกิจกรรม “Bliss
Camp เพิ่มพลังชีวิต ติดธรรมชาติ” ที่มุ่งชวนสัมผัสเสน่ห์อันหลากหลายของภาคกลางรวมทั้งหมด
17 จังหวัด
ททท.พร้อมจะใช้โครงการ "Central See You เสน่ห์กลางใจ” กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพิ่มการจ้างงาน วันเพิ่มพักค้างคืนในสระบุรี สร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่แก่ผู้ประกอบการ และผลักดันการทำตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยให้ได้เป้าหมายรวมทั้งประเทศตลอดปี 2565 จะมีคนเที่ยวในประเทศ160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 626,000 ล้านบาท พึ่งพาการท่องเที่ยวในการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เติบโตกลับมาเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศทำให้คนมีงานทำ มีรายได้ มากขึ้นอีกครั้ง
ผอ.จุฑาทิพย์ กล่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคกลาง วางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและประชาสัมพันธ์เบื้องต้น 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมที่ 1 มีเดีย แฟม ทริป นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจเส้นทางท่องเที่ยว 4 จังหวัด คือ สระบุรี-ลพบุรี-พระนครศรีอยุธยา-ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 27 – 29 พฤษภาคม 2565 ร่วมกันทดสอบสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่ และเก็บข้อมูลประชาสัมพันธ์ พื้นที่เชื่อมโยงในจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ ซึ่งใช้เวลาเดินทางระยะสั้น ๆ
กิจกรรมที่ 2 จัดทำโครงการ “Bliss Camp เพิ่มพลังชีวิต
ติดธรรมชาติ” ระหว่าง 24 –
26 มิถุนายน 2565 ที่แก่งลานรัก จ.สระบุรี ดีไซน์กิจกรรมในงานให้มีความหลากหลาย
สามารถส่งมอบประสบการณ์และความรู้สึกใหม่ที่ดี ๆ ทำให้บรรยากาศในแคมป์เต็มไปด้วยความสุข 6 โซนหลัก ประกอบด้วย
1.โซน Art & Craft กิจกรรมเด็ด 17 จังหวัดภาคกลาง 2.โซน Showcase กิจกรรมสาธิต ใช้ชีวิตแคมป์ปิ้ง 3.โซน Activities กิจกรรมสนุก สไตล์ Extreme 4.โซน Camping ชาวแคมป์กางเต็นท์ พักผ่อนแบบชิลๆ 5.โซน Food & Drink ร้านค้าชุมชน อาหารและเครื่องดื่ม 6.โซน Entertainment ขับกล่อมบรรยากาศภายในแคมป์ด้วยเสียงดนตรีและความสนุกสนานจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ สิงโต นำโชค และวงนั่งเล่น
ขณะเดียวกัน
ททท. ภูมิภาคภาคกลางได้ทำประชาสัมพันธ์โครงการ และกิจกรรมผ่านรายการของเครือข่ายพันธมิตร
รวมทั้งเผยแพร่ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่
ร่วมมือกันสร้างรายได้และสร้างความมั่นใจให้คนออกมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น
ผนวกกับการช่วยเหลือผู้ประกอบการพลิกฟื้นกิจการกลับมาสร้างสินค้าท่องเที่ยวของประเทศให้แข็งแกร่งอีกครั้ง
ข่าวที่
4 บางจากผนึกแสนสิริลุยต่อยอดโปรเจ็กต์นำขยะกำพร้าทำพลังงานไฟฟ้า
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บางจากร่วมกับ “แสนสิริ” ผู้นำอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย ต่อยอดเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนที่สอดคล้องกัน จัดกิจกรรมเชิญชวนลูกบ้านและบุคคลทั่วไป เปลี่ยน 'ขยะกำพร้า' สู่ 'พลังงานไฟฟ้า' ภายใต้โครงการ Waste to Worth: ขยะกำพร้าสัญจร
เมื่อเร็ว ๆ นี้จัดกิจกรรม รวบรวมปริมาณขยะกำพร้าได้กว่า 1,460 กก. ซึ่งทางแสนสิริรวมพลังครอบครัวแสนสิริ พนักงานและบุคคลทั่วไปนำส่งขยะกำพร้า ไปตั้งจุดรับหน้าฮาบิโตะ มอลล์ (Habito Mall)
โครงการดังกล่าววางแผนต่อยอดกิจกรรม ขยยทำในเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้แสนสิริอื่น ๆ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการช่วยลดปริมาณขยะไปสู่ภูเขาขยะให้ได้มากที่สุด รุกหน้าตามเป้าหมาย Net-Zero สู่การเป็นอสังหาฯ ไทยรายแรกปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็น "ศูนย์" ด้วย'ขยะกำพร้า'
เนื่องจาก
“ขยะกำพร้า” เป็นขยะมูลฝอยที่รีไซเคิลไม่ได้ ขายต่อไม่มีมูลค่า
ไม่ผ่านกระบวนการกำจัดที่ถูกต้อง จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษระบุว่า
สถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องของรัฐและเอกชนมีกว่า 85%
และเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในบริเวณและสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง
ตลอดจนภาวะโลกร้อน
ซึ่งทาง
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม
มีการตั้งเป้าหมาย Net Zero ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปีค.ศ.
2050 มุ่งเน้นด้านการบริหารจัดการทรัพยากรเป็นประเด็นที่บริษัทฯ
ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยมองในมุมการจัดการของเสียนั้นได้ดำเนินการจัดการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องตามนโยบาย
BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอันสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและวาระแห่งชาติ
โดยสนับสนุนการจัดการขยะอย่างถูกวิธี
ลดผลกระทบต่อสังคมจากปริมาณขยะถูกทิ้งในบ่อและลดปริมาณมลพิษทางอากาศจากการฝังกลบ
จากการริเริ่มตั้งจุดรับขยะกำพร้าที่ปั๊มบางจากในกรุงเทพฯ
ปริมณฑลร่วมกับเอ็น 15 เทคโนโลยีตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 มีกระแสตอบรับที่ดี จึงได้ต่อยอดความร่วมมือกับทางแสนสิริ
ตั้งจุดรับขยะกำพร้าหน้าฮาบิโตะ มอลล์ (Habito Mall) เมื่อ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน
พนักงานและบุคคลทั่วไปที่ต้องการกำจัดหรือทิ้งขยะกำพร้า โดยเอ็น 15
เทคโนโลยีได้รวบรวมนำไปเข้าสู่กระบวนการกำจัด ด้วยการบดและสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ
โดยได้นำขยะไปใช้ในโรงงานเพื่อทดแทนถ่านหินในเตาเผาปูนซีเมนต์ กลายเป็นพลังงานทดแทนอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแม้จะยังไม่ใช่วิธีจัดการที่ดีที่สุด เนื่องจากมีการเผา แต่ถือเป็นการเผาด้วยอุณหภูมิสูง กำจัดความเป็นพิษได้ดีกว่า รวมทั้งอยู่ภายใต้การควบคุมมลพิษและบำบัดไอเสียตามมาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนปล่อยสู่บรรยากาศ เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งช่วยลดขยะที่ต้องไปฝังบ่อกลบที่ก่อให้เกิดก๊าซมีเทน และยังช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย
ช่วงที่ 2 เที่ยวไทยไม่ตกเทรนด์ในภาคกลาง ทริปดี ๆ เส้นทาง “เกษตรอินทรีย์”
ชมแหล่งเพาะปลูกพื้นที่ต้นแบบ “สวนสามพราน” ช้อปผลิตภัณฑ์เครือข่ายทั่วประเทศที่
“ตลาดสุขใจ” นครปฐม เดินทางไป ชิมเมนูออร์แกนิกที่ “ฟาร์มฝันแม่” จ.ราชบุรี
แล้วแนะนำให้วางแผนไปต่อยังอันดามัน ภูเก็ต กระบี่ พร้อมกันกับฟังแพทย์แนะนำ
“วิธีป้องกันระวังสัตว์พิษ/แมลง 4 ชนิด”มาช่วงหน้าฝน
ข่าวโปรเด็ด ๆ ของโรงแรมทั่วกรุง ข่าวแรก “เคทีซีผนึกโรงแรมไฮแอทรีเจนซี”
ให้สมาชิกบัตรเคทีซีวีซ่ารับโปรบุฟเฟต์กินกุ้งแม่น้ำได้ไม่อั้น ลด 50 % ข่าวที่สอง “โรงแรมอลอฟท์สุขุมวิท” Weekend Vibes
ชวนพักกรุงเทพฯราคาซูเปอร์เซฟได้นานขึ้น รับสิทธิ์อื้อซ่า
ท่องเที่ยว - เทรนด์เที่ยวเกษตรอินทรีย์กินเมนูออร์แกนิก“ตลาดสุขใจ-ฟาร์มฝันแม่”
การเดินทางหาประสบการณ์ใหม่หลังโควิดกับการท่องเที่ยวมุมใหม่ ทริปนี้ แนะนำ เส้นทางท่องเที่ยวตามแหล่ง "เกษตรอินทรีย์"ทั่วไทย ซึ่งมีความหมายและวิธีทำเกษตรอินทรีย์ ที่มากกว่าปลอดสารเคมี แล้วตอนนี้คนรุ่นใหม่ก็นิยมหันท่องเที่ยวแบบอินทรีย์ หรือ “Organic Tourism” ซึ่งมีเมนูอินทรีย์ หรือOrganic food บริการด้วย
ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง กับสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) นำเสนอทริปท่องเที่ยวเส้นทงดี ๆ ที่ได้พรีเซนเตอร์รักษ์โลกอย่าง “อเล็กซ์ แรนเดล” ชวนไปร่วมเรียนรู้ และเที่ยวแบบอินทรีย์ด้วยกัน
เส้นทางแรก “ตลาดสุขใจ” อ.สามพราน จ.นครปฐม จุดเริ่มต้นของสามพราน โมเดล ซึ่งมีพื้นที่ปลูกพืชวัตถุดิบอาหาร ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมพร้อมการสาธิตขั้นตอนการทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ติดแม่น้ำนครชัยศรีกว่า 30 ไร่ รวมถึงมี “ตลาดสุขใจ” ซึ่งมีเครือข่ายจากทั่วประเทศนำสินค้าเกษตรอินทรีย์วางขายกว่า 50 บูธ ให้แวะช้อปได้ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น
เส้นทางที่ 2
ปักหมุดที่ "ฟาร์มฝันแม่" จังหวัดราชบุรี ใกล้ ๆ กรุงเทพฯ
เป็นทริปเที่ยวต่อเนื่อง เน้นเรื่องลิ้มรสอาหารปรุงจากวัตถุดิบอินทรีย์ ตามสูตร "Farm to Table" ฟาร์มแห่งนี้ได้พลิกฟื้นจากผืนดินแห้งแล้ง
ที่สารเคมีถูกทำลายอย่างหนัก กระทั่งวันนี้แปลงโฉมพัฒนาระบบนิเวศน์ใหม่ แล้วสร้างสรรค์เมนูอาหารอินทรีย์มีดีไซน์เก๋
ๆ ทุกจานอย่างสวยงาม
ตอนเริ่มต้นเปลี่ยนแปลง
“ฟาร์มฝันแม่” เป็นฟาร์มไข่แดงที่ล้อมรอบด้วยพื้นที่เกษตรที่ใช้เคมี ทว่าวันนี้เกษตรกรรอบข้างเห็นประโยชน์จึงหันมาทำเกษตรอินทรีย์
ขยายกลุ่มเครือข่ายอินทรีย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นอีกเส้นทางทั้งเทรนดี้
เที่ยวสนุก กินเมนูอร่อย กินปลอดภัย อีกแห่งในภาคกลาง
นอกจากนี้ ททท.ยังได้ทำเส้นทางท่องเที่ยวเกษตรอินทรีย์ -Organic Tourism ในแหล่งท่องเที่ยวโด่งดังฝั่งอันดามัน ภูเก็ต และ กระบี่ ด้วยคอนเซ็ปต์ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือeco friendly” และ กินอาหารออร์แกนิกเพื่อสุขภาพแข็งแรงอายุยืน ช่วยฟื้นฟูตัวเองและธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน
สุขภาพ – กรมอนามัยแนะวิธีป้องกันสัตว์พิษ/แมลง4ชนิดที่มาช่วงหน้าฝน
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แนะนำประชาชน ช่วงหน้าฝนประชาชนควรจัดสภาพแวดล้อมทั้งในบ้านและบริเวณรอบบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่รกรุงรัง เพื่อป้องกันแมลง สัตว์มีพิษที่พบบ่อย 4 ชนิด ได้แก่
1. งู มักอาศัยอยู่ในบริเวณที่ชื้นแฉะ รก และมีแหล่งอาหาร เช่น หนู
โดยให้สำรวจบริเวณรอบบ้านปิดช่องทางที่หนูและงูสามารถเข้ามาได้รวมทั้งตรวจสอบระบบท่อไม่ให้มีรูรั่วหรือรอยแตก
ควรตรวจสอบรองเท้าก่อนใส่ เนื่องจากงูอาจหลบซ่อนอยู่ หากพบงูอยู่ในบ้านให้โทร 199
เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการกรณีถูกงูกัดให้ปฐมพยาบาลโดยล้างแผลด้วยน้ำสะอาด
ห้ามกรีดหรือดูดบริเวณที่ถูกกัด ไม่ควรขันชะเนาะ รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที
และจดจำลักษณะงูที่กัดเพื่อแจ้งแพทย์ให้การรักษาที่ถูกต้อง
2. ตะขาบ เมื่อโดนกัดจะมีอาการปวด คัน บวมแดงบริเวณที่ถูกกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาด
และประคบน้ำอุ่นครั้งละประมาณ 10 นาทีเพื่อลดอาการบวมหลีกเลี่ยงการเกา
แกะบริเวณที่ถูกกัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อหากพบว่ามีอาการบวมหรือปวดเพิ่มขึ้น
ให้รีบไปพบแพทย์
3.แมงป่อง ผู้ที่ถูกแมงป่องต่อย จะปวดบวมบริเวณที่ถูกต่อย
โดยมากจะมีอาการในวันแรกและมักหายได้เองส่วนรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีหัวใจเต้นเร็วหายใจเร็ว
ความดันโลหิตสูง ปวดกล้ามเนื้อและกระดูก
ปฐมพยาบาลโดยทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาดและประคบเย็นครั้งละประมาณ10
นาที เพื่อลดอาการบวมและ
4. แมลงก้นกระดก ลำตัวเป็นปล้องๆ
มีสีดำสลับสีแดงหรือสีแดงอมส้ม ห้ามตีหรือขยี้ด้วยมือเปล่า
ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษเขี่ยแมลงออกไปหากสัมผัสโดนตัวแมลง
พิษของมันจะทำให้ปวดแสบปวดร้อน มีอาการคัน ผิวไหม้ ผื่นแดง
และเป็นตุ่มน้ำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น คือ จุ่มหรือแช่บริเวณที่โดนแมลงในน้ำเย็น 5
- 10 นาที
สลับกับการเป่าให้แห้งหากมีอาการอักเสบรุนแรงให้รีบพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้ วิธีการป้องกัน คือ ดูแลและหมั่นทำความสะอาดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้มีมุมอับชื้น หรือเป็นแหล่งหลบซ่อนอาศัยของแมลง สัตว์มีพิษ คัดแยกขยะก่อนทิ้ง และทิ้งขยะหรือเศษอาหารในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งเพาะพันธุ์ ส่วนบริเวณภายนอกบ้านควรปรับปรุงให้โล่งเตียน หากมีการปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน ควรตัดแต่งไม่ให้รกรุงรังพร้อมกับกำจัดเศษใบไม้ใบหญ้าทุกครั้งไม่ควรกองทิ้งไว้ เพราะจะทำให้เป็นที่อาศัยของสัตว์มีพิษได้
ข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก - KTCควงโรงแรมไฮแอทรีเจนซี่กรุงเทพฯแจกโปรบัตรวีซ่าสุดคุ้มบุฟเฟต์กินไม่อั้น
“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ได้จับมือกับโรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท มอบโปรโมชันสุดพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 – วันที่ 31 ตุลาคม 2565 เปิดให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า ได้อิ่มอร่อยสุดคุ้มกับเทศกาล “บุฟเฟต์กุ้งแม่น้ำ All You Can Eat” วันจันทร์ – วันศุกร์ ในราคาเพียง 1,299 บาทสุทธิ/คน จากปกติ 1,411 บาท และวันเสาร์ – วันอาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ จ่าย1,599 บาท/คน จากปกติ 1,764 บาท
ทางโรงแรมไฮแอทฯ ได้คัดสรรกุ้งแม่น้ำคุณภาพและขนาดใหญ่มาเสิร์ฟให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า แบบไม่จำกัดจำนวน จากปกติจำกัดจำนวนกุ้งแม่น้ำที่ 4 ตัว/คน รวมทั้งอาหารทะเลอื่นๆ ประกอบด้วย หอยแมลงภู่เสิร์ฟบนน้ำแข็ง ปลาหมึก และปลากะพง พิเศษ! เนื้อวัวคุณภาพสุดพรีเมี่ยมจากออสเตรเลีย
รวมถึงเมนูไฮไลท์อาหารไทยรสเด็ด อาทิ แกงกุ้งใบชะพลู ข้าวผัดน้ำพริกดำ และต้มส้มปลากะพง “บุฟเฟต์กุ้งแม่น้ำ All You Can Eat” ที่ห้องอาหารมาร์เก็ต คาเฟ่ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เปิดให้บริการทั้งมื้ออาหารกลางวันและค่ำ
สอบถามเพิ่มที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือ www.ktc.co.th สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก
“เคทีซี ทัช” ทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ : http://bit.ly/apply-ktc
ข่าวที่สอง
-รร.อลอฟท์ชวนใช้โปรดีWeekend Vibesเที่ยวกทม.ได้นานถึง31ก.ค.65
โรงแรม อลอฟท์ กรุงเทพ
สุขุมวิท 11 ในเครือแมริออท
อินเตอร์เนชั่นแนล ชวนสเตเคชั่นใจกลางกรุงเทพนำเสนอโปรโมชั่น
‘Weekend Vibes’ โดยลูกค้าสามารถจองสำหรับการเข้าพักภายใน 31 กรกฎาคม
2565 ราคาเริ่มต้นที่ 3,449++ บาท/คน/คืน มีห้องพักราคาพิเศษรวมสิทธิต่าง คือ อาหารเช้า 1 คน ซีฟู้ดดินเนอร์บุฟเฟต์ ศุกร์ เสาร์ ที่ห้องอาหารเครฟ ชั้น 8 มื้อค่ำเปิด 18.00-22.00 น. และคะแนนโบนัสแมริออท “บอนวอย”เข้าพักแต่ละครั้งจะได้รับ
1,000 คะแนน เอื้อให้ลูกค้ามีเวลาท่องเที่ยวในกรุงเทพได้นานยิ่งขึ้น
สำหรับซีฟู้ดบุฟเฟต์ดินเนอร์ที่ห้องอาหารเครฟ ลูกค้าจะได้อิ่มอร่อยกับอาหารทะเลจัดเต็มไม่อั้น ไม่จำกัดเวลา ทั้งแบบออนไอซ์และปิ้งย่าง เช่น หอยนางรม ปูม้า หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งแม่น้ำ กุ้งลายเสือ กั้ง แซลมอน หอยหวาน ปลากระพง หมู เนื้อ ไก่ นอกจากนี้ยังมีพาสต้าเส้นสด สปาเกตตี้ ซูชิ ขาแกะอบ หมูกรอบ โคลด์คัต ชีสแพลตเตอร์ ขนมหวานและไอศกรีมโฮมเมดหลากหลาย
โทร 02 207 7000 หรือแชทผ่านไลน์ https://lin.ee/ZE9eT (@AloftBangkok)
พร้อมสมัครสมาชิกแมริออท
บอนวอย ได้ฟรีเพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ที่ https://www.joinmarriottbonvoy.com/apac/s/en/ch/CHPIRJ
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น