ททท.พัทยานำทัพเอกชนท่องเที่ยวรุกขาย3โปรเจ็กต์ โปรสุดฮิป“ชิมชาชมช้างสวนนงนุช+ทีออฟ+MyChef11โรงแรมหรู” ทุนใหญ่เปิดใหม่6โรงแรม-ปี66เล็ง4ตลาด
ททท.พัทยานำทัพเอกชนท่องเที่ยวรุกขายเร็วฟื้นครึ่งปีหลัง3โปรเจ็กต์
โปรสุดฮิป“ชิมชาชมช้างสวนนงนุช+ทีออฟ+MyChef11โรงแรมหรู”
ทุนใหญ่เปิดใหม่6โรงแรม-ปี66พัทยาเล็งเทรนด์ใหญ่ทำเงิน4ตลาด
คิงเพาเวอร์เปิดสมัครฟรี!!THE POWER BANDซีซัน2วันนี้ถึง2ก.ย.65
แจกอื้อ!!ส่วนลดคิงเพาเวอร์MayYourDayลด30%สุวรรณภูมิลด20%
ททท.เปิดแผนอนาคต5ปีหน้า66-70ชู3SO“คุณภาพ-คุณค่า-สมรรถนะ”
บางจากแจกมอไซค์ไฟฟ้าวินโนนี่นำร่องเกาะหมากเที่ยวโลว์คาร์บอน
เที่ยวภาคกลางพลังศรัทธาสายมูพักใจเติมบุญ5วัดศักดิ์สิทธิ์งดงาม
4โรคระบาดมากับหน้าฝนต้องระวังหาวิธีป้องกันอย่างเต็มที่ตลดฤดู
ไทยแอร์เอเชียควงททท.บินเพิ่มดึงสิงคโปร์แห่เที่ยวไทยปลายปี65
“คมนาคม”ลั่นอัดฉีดลงทุนฟื้นเศรษฐกิจเร่งเบิกงบทะลุ7.7หมื่นล้าน
ขจรเดช อภิชาติตรากุล
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม
2565 ต้อนเข้าสู่รายการ
“รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน”
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97.0
MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 และอ่านได้ทาง www.facebook.com/penroongyaisamsaen
บล็อกเกอร์ #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน
#เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT
# #
#
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้
ช่วงที่ 1 ติดเทอร์โบท่องเที่ยวกับ “ขจรเดช อภิชาติตรากุล”
ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา
ผนึกเอกชนปล่อยของเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว 3
โปรเจ็กต์
“อันซีนชิมชา ชมช้าง กลางป่า ไดโนเสาร์” จับมือสวนนงนุช 11โรงแรมจัดเอ็กคลูซีฟมื้อเช้าเทรนด์ใหม่ ต่อด้วย
“ทีออฟสุดคูล @ชลบุรี” ระดม 12
สนามกอล์ฟแจกกระจุยเล่นกอล์ฟจ่ายแค่คนละครึ่งพร้อมโปรรับฟรี และ “My Chef
My Culinary” ผนึก 11
โรงแรมหรูนำร้านอาหารเสิร์ฟซิกเนเจอร์เมนูกระทบไหล่มิชลิน
มิ.ย.นี้ ยืนยันหลังเลิก Test & Go ต่างชาติแห่เข้าพัทยา 5 อันดับแรก
“อินเดีย-สหราชอาณาจักร-เกาหลี-ญี่ปุ่น-เยอรมัน” ส่งสัญญาณหนุน 3 กลุ่มธุรกิจแรก “โรงแรม+ร้านอาหาร+ขนส่ง” ปี’65 กลุ่มทุนใหญ่จ่อเปิดโรงแรมใหม่ในพัทยาอีกไม่ต่ำกว่า
6 แห่ง และปี’66 ททท.พัทยา/ชลบุรี ตั้งเป้าโกยตลาดคุณภาพ 4
กลุมหลัก
“ล่องเรือยอร์ช+เล่นกอล์ฟ+เจนวายสายเทรนดี้+Workation/Staycation” ทำงานทุกแห่งเที่ยวได้ทุกที่
นายขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สำนักงานพัทยา เปิดเผยว่า แผนงานกระตุ้นตลาดการขายท่องเที่ยว ช่วงครึ่งปีหลัง
“ตลาดในประเทศ” ยังมีความสำคัญโดย ททท.พัทยาทำต่อเนื่องตามแผนงบประมาณปี 2565 ยังเหลืออีกเกือบ 2 ไตรมาส จึงเน้น “พัทยา...เที่ยวสบ๊าย สบาย”
ได้ทุกฤดู พัทยาบวกเส้นทางเที่ยวบางแสน บางสะเหร่ และชลบุรี
ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
กิจกรรมหลักที่ตอบโจทย์คนไทย
“หน้าฝน” พฤษภาคม-กันยายน นี้ สามารถทำได้โดยมีกิจกรรมหลายประเภทเที่ยวหน้าฝน เช่น
เที่ยวธรรมชาติ เที่ยวทะเล ททท.ทำต่อเนื่องมาแล้วโครงการ Unlock Unseen
Chonburi ภาพรวม
ททท.ทำไว้ทั่วประเทศ ส่วนในชลบุรีเป็น “อันซีน ชิมชา ชมช้าง กลางป่า ไดโนเสาร์”
จับมือกับทางสวนนงนุช ซึ่งทำขึ้นเป็นพิเศษโดยทำเฉพาะ
เพราะทางสวนมีมากกว่าสวนต้นไม้ ตอนนี้ได้ปลูกกัญชามาเป็นวัตถุดิบ “เครื่องดื่ม ขนม
เบเกอรี่” ซึ่งจะมีมาให้นักท่องเที่ยวได้ชิมที่ซื้อแพกเกจโครงการนี้ ประกอบด้วย
โครงการที่ 1 ชิมชา ชมช้าง กลางป่า ไดโนเสาร์ ด้วยเมนู “Breakfast in The Garden” โดย ททท.พัทยา
ร่วมสนับสนุนโรงแรมที่พักจัดโปรโมชั่น “ห้องพักบวกกิจรรมชิมชา”
ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พำนักในไทย (Expat) จะเริ่มเดือนมิถุนายน 2565 นี้ เปิดให้ได้ใช้บริการมื้อเช้าวันพฤหัสบดี-วันศุกร์
ของทุกสัปดาห์
เพื่อกระตุ้นการขายวันธรรมดาด้วยทางสวนนงนุชจะพาเหรดขบวนช้างมาเดินแบบธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวชม
ซึ่งมีโซนอาหารเช้า จิบชา กินอาหารเช้า
พร้อมกับชมช้างเป็นพาเหรดต่างจากโชว์ละครสัตว์
แต่เป็นการนำช้างมาเดินออกกำลังกายก่อนการแสดงโชว์รอบเช้าช่วง 10 โมง
ค่าใช้จ่ายโครงการนี้ทางโรงแรมที่พักในพัทยาจะกำหนดราคาจ่ายแค่
“หลักร้อยบาท” ใกล้เคียงกับราคาอาหารเช้าของโรงแรมทั่วไป รวมอาหารเช้า+รถรับส่ง+ชมช้าง
โดยมีออฟชั่นให้เลือกอาจจะใช้รถร่วมกัน หรือรถส่วนบุคคล
โครงการที่ 2 ทีออฟสุดคูล@ชลบุรี กระตุ้นตลาดนักเล่นกอล์ฟ
ททท.ร่วมกับสนามกอล์ฟในชลบุรี 12 แห่ง
ให้ราคาพิเศษใกล้เคียงกับ “คนละครึ่ง” ถูกกว่าปกติ 50 % เล่นได้เฉพาะวันธรรมดา วันจันทร์-พฤหัสบดี
จ่ายเริ่มต้นคนละไม่กี่ร้อยบาท รวมรถกอล์ฟ+ค่าแคดดี้
แต่ละสนามจะนำเสนอราคาแตกต่างกันไปตามมาตรฐานซึ่งให้สิทธิพิเศษไม่เหมือนกัน โดยมี
ททท.พัทยา กับสมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟ ภาคตะวันออก สนับสนุนโครงการ เริ่มตั้งแต่ 18 เมษายน
- 31 พฤษภาคม 2565โดยมีโปรโมชั่นร่วมด้วยดังนี้
รับฟรี !! อาหารเมนูพิเศษตามที่กำหนด มูลค่า 200 บาท
รับสิทธิ์ได้ที่หน้าสนาม 1. บางพระกอล์ฟคลับ 2.เขาแก้วคันทรีคลับ
รับฟรี!! คูปองเครื่องดื่มได้ที่หน้าสนาม มูลค่า
200 บาท 1. แหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล คันทรี คลับ 2.พัฒนาสปอร์ตสรีสอร์ต 3. ปัตตาเวีย เซนจูรี่
กอล์ฟ คลับ 4.พลูตาหลวง เนวี กอล์ฟ คอร์ส
รับฟรี!! ส่วนลดรถกอล์ฟได้ที่หน้าสนาม มูลค่า
200 บาท 1. บูรพากอล์ฟแอนด์รีสอร์ต
2. กรีนวูดกอล์ฟคลับ 3.ฟินิกซ์ โกลด์
กอล์ฟ คลับ 4.สยาม
คันทรี คลับ โรลลิ่ง ฮิลล์ 5. สยาม คันทรี คลับ แพลนเทชั่น 6. สยาม คันทรี คลับ วอเตอร์ไซด์
โครงการที่ 3 My Chef My Culinary ทำต่อเนื่องช่วงเดือนมิถุนายนนี้ มุ่งนำเสนอขาย
“อาหาร” โดย ททท.ร่วมกับร้านอาหารของโรงแรม 4-5 ดาว
มอบประสบการณ์พิเศษให้นักท่องเที่ยวที่รับประทานอาหารครบ 2,000 บาทขึ้นไป ด้วยซิกเนเจอร์เมนู มีโรงแรมระดับหรูเข้าร่วมประมาณ
11 แห่ง ได้แก่ 1.อมารีพัทยา 2.OZO นอร์ธ พัทยา 3.ฮอลิเดย์อินน์พัทยา 4.ฮาร์ดร็อคพัทยา 5.Arbour พัทยา 6.Mason พัทยา 7.อินเตอร์คอนติเนนตัลพัทยา
8.เคปดารา
9.พูลแมนพัทยาโอเต็ลจี 10.ซีแซนด์ซันรีสอร์ต แอนด์ วิลลาร์ส พัทยา 11.Mytt บีช
แต่ละโรงแรมจะมีร้านหรู ๆ สไตล์ Fine dining ซึ่งบางร้านได้รับการเสนอชื่ออยู่ใน “มิชลินไกด์” แล้วแต่เนื่องจากพัทยายังไม่ได้รับโอกาสจากทางมิชลินเข้ามาดูสถานที่ ทาง ททท.พัทยาจึงร่วมกับโรงแรม จัดโปรแกรม “รับประทานอาหารในโรงแรม” ด้วยการจัด “เมนูพิเศษ” ททท.ช่วยโปรโมทซึ่งเป็นจานเด่นซิกเนเจอร์ หรือมีเชฟมืออาชีพมาปรุงพิเศษสไตล์ Chef table โครงการนี้จะมีบริการนักท่องเที่ยวเพียง 2 เดือนเท่านั้น ระหว่างมิถุนายน-กรกฎาคม 2565
ซึ่งจะตอบโจทย์นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการรับประทานเมนูพิเศษใกล้เคียงกับมิชลินเลยทีเดียว
แต่มีจุดดีกว่าตรงไม่ต้องรอคิวนานและเข้าถึงได้สะดวก เป็นกลยุทธ์การยกระดับ “พัทยาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงอาหาร”
หรือ Gastronomy ซึ่งมีวัตถุดิบธรรมชาติอย่างหลากหลาย
พร้อมเสิร์ฟความอร่อยกับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน
นายขจรเดชกล่าวว่า หลังจากรัฐบาลยกเลิกใช้ Test & Go เพื่อให้นักเดินทางทั่วโลกเข้าเมืองไทยสะดวกมากขึ้นเริ่มมาตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา สถานการณ์ “ตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ” เข้าพัทยาและชลบุรีทางสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนสนามบินอู่ตะเภาการขอใบอนุญาตเปิดเที่ยวยังต้องรอความต้องการอีกสักระยะ จึงยังมีจำนวนไม่มาก
แต่ตอนนี้มีหลายประเทศรอคอยเวลาอยากกลับมาผ่านสุวรรณภูมิ
(กรุงเทพฯ) เข้าพัทยา เมื่อรัฐบาลผ่อนคลายแล้ว มีเดินทางเข้ามาชัดเจน 5 อันดับ 1.อินเดีย เข้ามาตั้งแต่เมษายน จำนวนมาก 2.สหราชอาณาจักร United Kingdom ตลาดใหญ่ 3.เกาหลี ตอนนี้ผ่อนคลายให้คนเดินทางออกต่างประเทศ มีกลุ่มหลักคือ
B-Leisure มาทำธุรกิจควบคู่พักผ่อน
นักกอล์ฟ นักลงทุน 4.เยอรมันี
ทางยุโรปการเดินทางค่อนข้างสะดวก 5.ญี่ปุ่น ทั้งหมดนี้จะมีการสลับอันดับกันอยู่บ้าง
มีความพร้อมเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น
เมื่อเข้าสู่หน้าฝนเริ่มมีกลุ่มนักท่องเที่ยว “ตลาดตะวันออกกลาง” มายังพัทยาเพิ่มขึ้น หลังเทศกาลถือศีลอดเสร็จสิ้นลงแล้ว นิยมเที่ยวเมืองไทย ผนวกกับไทยเชื่อมสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบีย แต่ก็จะต้องดูเรื่องสายการบิน เที่ยวบิน และความถี่เที่ยวบิน ควบคู่กันไปด้วย
ขณะที่ “การฟื้นตัว” ของธุรกิจต่าง ๆ ในพัทยา ซึ่งมีความหลากหลายครบตามมาตรฐาน SHA, SHA PLUS ครบทั้ง 10 ประเภท หลายกลุ่มเริ่มรีบราวนด์กันหลายธุรกิจด้วยกัน 3 กลุ่มแรก ประกอบด้วย
ธุรกิจแรก “กลุ่มโรงแรม” ได้การอุดหนุนจากคนไทยเพราะใกล้เที่ยวสะดวก จึงฟื้นตัวได้เร็วเหมาะกับกลุ่มครอบครัวคนไทย หรือต่างชาติ ทางโรงแรมต่าง ๆ จับมือกับเอเย่นต์ท่องเที่ยวอินเดีย
ขณะนี้มีโรงแรมใหม่ ๆ ปี 2565 ของกลุ่มทุนขนาดใหญ่พร้อมเปิดบริการอีกไม่ต่ำกว่า 6 แห่ง ได้แก่ 1.CROSS พระตำหนัก 2.Arbour 3. Shambala 4.Courtyard by Marriot 5. Grand Centre Point Space จะเปิดสิงหาคม 2565 และ 6.โรงแรมเอส ศรีราชา อ.ศรีราชา
ส่วนตลาดท่องเที่ยวสำคัญที่ยังต้องรอคือ
“สาธารณรัฐประชาชนจีน” ซึ่งทางโรงแรมส่วนใหญ่เตรียมความพร้อมไว้แล้ว
หากจีนเปิดประเทศให้ประชาชนเดินทางเที่ยวต่างประเทศได้ พัทยาพร้อมรับทันที
ธุรกิจที่ 2 “ร้านอาหาร” ซึ่งได้มาตรฐาน SHA ขณะนี้ในพัทยาอนุญาตให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้จนถึงเที่ยงคืนแล้ว
ธุรกิจที่ 3 “ขนส่ง” โดยเฉพาะเรือบริการท่องเที่ยว ตัวอย่าง เรือบริการไปเที่ยวเกาะล้านเต็มเกือบทุกสัปดาห์ ธุรกิจที่ 4 สุขภาพ/สปา ก็ทยอยเปิดบริการแล้วเช่นกัน ดึงนักท่องเที่ยวได้ค่อนข้างดี
สำหรับ “ธุรกิจสถานบันเทิงต่าง ๆ” จะต้องรอให้เป็นไปตามมาตรฐานของรัฐบาล เช่น ผับบาร์ คาราโอเกะ และสถานบันเทิงเต็มรูปแบบ คงจะต้องรออีกสักระยะ
นายขจรเดชย้ำว่า การนำเอกชนท่องเที่ยวร่วมเทรดโชว์ หรือแฟร์ท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ต้องวางแผนล่วงหน้า สิ่งที่ทำได้ตอนนี้จะเป็นในลักษณะเสมือนจริง Virtual ตามแผนปี 2565 ไม่ได้บรรจุไว้เพราะไม่มั่นใจสถานการณ์โควิด-19 น่าจะเริ่มได้งบประมาณปี 2566 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป มีแผนเตรียมไว้ ที่ทิ้งไม่ได้คือ งาน ITB เบอร์ลิน เยอรมัน น่าจะมีความเป็นไปได้ รวมถึงงาน Arabian Travel Mart ATM ดูไบ กับซาอุดิอาระเบีย จะใส่ไว้ในแผนด้วย
ลักษณะการทำเทรด/แฟร์ ท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ จะปรับวิธีจัดทำเป็น “กลุ่มขนาดเล็ก” มุ่งปักธงเจาะพื้นที่เป้าหมายต่าง ๆ ทั้งในญี่ปุ่น เกาหลี โดยเฉพาะ “ไต้หวัน” สนใจพัทยามากมีตัวเลขเข้าพัทยาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ผอ.ขจรเดช กล่าวว่า แผนการตลาดปี 2566 ทางพัทยากับชลบุรีมีสินค้าท่องเที่ยวหลากหลาย จะเน้นการใช้ฐาน “คุณภาพ” เน้นเจาะกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง ด้วยสินค้าเจาะลึก 4 กลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มแรก “ล่องเรือยอร์ช” มีกลุ่มพรีเมียมกับไฮเอนด์กลับเข้ามาให้มากสุด ซึ่งเป็นกลุ่มมีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท/คน นิยมมาล่องเรือยอร์ช ส่งผลดีกับโรงแรมสไตล์ พูล วิลล่า และร้านอาหารที่มีชั้นดาดฟ้าหรือ Rooftop นักท่องเที่ยวตลาดนี้มีพฤติกรรมแสวงหาการพักผ่อนแบบ “เที่ยวหรูอยู่สบาย” จะเข้ามากระจายใช้เงินในพื้นที่ได้เร็วที่สุด
กลุ่มที่ 2 นักกอล์ฟ ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย ช่วงโควิดสนามกอล์ฟมีนักท่องเที่ยวกลับมาเร็วที่สุด อีกทั้งยังสามารถลดความหนาแน่นได้
กลุ่มที่ 3 เจนวาย ชอบมีคอนเทนท์ผ่านโซเชียลมีเดียของตนเอง จึงจะทำเป็น “เทรนดี้ พัทยา” ขึ้นมารองรับ ด้วยกิจกรรม เล่นเซิร์ฟบอร์ด แคมปิ้ง เจาะเข้าไปยังกลุ่มเหล่านี้ต้องมาเริ่มที่พัทยา หากไม่ได้มาถือว่าตกเทรนด์
กลุ่มที่ 4 Workation/Staycation ทำงานเที่ยวได้ มีความสำคัญที่สุด เพราะกระแสการเดินทางหลังโควิด จะมีกลุ่มนักเดินทาง คนทำงาน และท่องเที่ยว ได้คนคนเดียวกัน สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ นำโน็ตบุ๊คมาอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ เมื่อก้าวออกมาจากเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ก็มีพัทยาซึ่งพร้อมอำนวยความสะดวกได้ทันที บวกกับทาง “โรงแรม” ในพัทยาหลายแห่งหันมาปรับบริการวิถีใหม่ เลิกเช็คอิน-เช็คเอาท์ตามเวลา ททท.ผลักดันให้โรงแรมเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเช็คได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแม้แต่การ “รับประทานอาหารเช้า” ก็กินได้ตลอดทั้งวันแทนแบบเดิมที่จะต้องกินก่อน 10 โมงเช้า แล้วรีบออกไปเที่ยวที่อื่น ๆ
เนื่องจากพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
คืออาจะเลือกเวลากินอาหารเช้าเป็นเวลาในช่วงดื่มชายามบ่ายก็ได้แล้ว
ทางโรงแรมจึงควรนำเสนอบริการยืดหยุ่นตอบสนองความต้องการคนรุ่นใหม่ได้อย่างตรงตามเป้าประสงค์อย่างแท้จริง
ข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1 คิงเพาเวอร์เปิดสมัครฟรี!!THE POWER BANDซีซัน2ถึง2ก.ย.65
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดโครงการประกวดดนตรีคุณภาพ “THE POWER BAND 2022 SEASON 2 การประกวดวงดนตรีสากล ประจำปี 2565” ภายใต้ คอนเซปต์ DREAM IT, DO IT กล้าฝัน! กล้าทำ! โดยมุ่งเฟ้นหาแชมป์ของแต่ละสนามมาชิงความเป็นหนึ่งในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ และรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท ผู้สนใจสมัครฟรีได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 2 กันยายน 2565 ผ่านทางเว็บไซต์: www.music.mahidol.ac.th/thepowerband และเฟซบุ๊ก: thepowerband.mahidol รวมทั้งสอบถามได้ที่ 02-800-2525 ต่อ 3109 และ 02-441-5305
ปีนี้ “คิง
เพาเวอร์” สร้างความพิเศษให้การแข่งขันน่าติดตามมากยิ่งขึ้น ด้วยการชวน “มิวสิกกูรูเพลงชั้นนำของไทย”
เข้ามาเสริมทัพเพิ่มความเข้มข้นบนเวทีประกวดยิ่งขึ้นจาก 5 ค่าย ได้แก่ 1.ค่ายเพลง Muzik Move 2.Smallroom 3.LOVEiS Entertainment 4.What The Duck และ 5.Warner Music Thailand
ถือเป็นการรวมพลังคนดนตรีครั้งแรกพร้อมกันบนเวทีประกวดของ
5 ค่ายเพลง โดยจะเปิดโอกาสให้เยาวชน
และคนรุ่นใหม่ ซึ่งปีนี้ได้ขยายให้กว้างขึ้นด้วยการประกวดวงดนตรีสากล เพิ่มรอบออดิชั่นลงพื้นที่ทั่วประเทศเฟ้นหาสุดยอดคนดนตรีร่วมกิจกรรมอย่างทั่วถึง
5 สนามแข่งขัน ประกอบด้วย สนามที่ 1 จังหวัดขอนแก่น
สนามที่ 2 จังหวัดชลบุรี สนามที่ 3
จังหวัดเชียงใหม่ สนามที่ 4 จังหวัดสงขลา และ สนามที่ 5 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
นายอภิเชษฐ์
กล่าวว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
เชื่อในศักยภาพคนไทยเสมอมาโดยเฉพาะทางด้านดนตรี เมื่อปีที่ผ่านมา THE POWER BAND การประกวดวงดนตรีสากล
ได้พิสูจน์ให้เห็นฝีมือคนไทยมีความสามารถทางดนตรีไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังมีคนรุ่นใหม่ใจรักดนตรีอยู่อีกจำนวนมาก
รวมทั้งดีใจที่ได้เห็นเหล่านักดนตรีรุ่นใหม่มาร่วมแสดงพลังความคิดสร้างสรรค์ทางเสียงเพลง
และกล้าจะเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง
ขณะเดียวกันก็มั่นใจเวที
THE POWER BAND 2022 SEASON
2 จะช่วยให้น้อง ๆ เยาวชนไทยได้รับประสบการณ์ครั้งสำคัญ
พร้อมเดินตามความฝันสู่การเป็นศิลปินมากยิ่งขึ้น จึงได้ปรับรูปแบบการแข่งขันเป็น POP BAND ให้ผู้สนใจเข้าถึงการประกวดได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งได้ร่วมมือกูรูเพลงชื่อดังใน
5 ค่าย เพิ่มมิติหลากหลายในการประกวด และสร้างประสบการณ์ใหม่
ๆ ต่อยอดสู่การเป็นศิลปินอาชีพในอนาคตต่อไป
ดร.ณรงค์
ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า เวที
THE POWER BAND 2022 SEASON
2 การประกวดวงดนตรีสากล ประจำปี 2565
จะกลับมาสร้างความคึกคักอีกครั้ง ปีนี้จะมีผู้สมัครร่วมโชว์ความสามารถทางด้านดนตรีเพิ่มมากขึ้น
ทางคณะผู้จัดงานเปิดโอกาสและขยายการประกวดให้กว้างขึ้น
เป็นการประกวดวงดนตรีสากลทุกแนวดนตรี พร้อมเพิ่มรอบออดิชั่นคัดเลือกผู้เข้าประกวดทั่วประเทศทั้ง
5 สนามแข่งขัน ดังนี้
สนามที่ 1 จังหวัดขอนแก่น สนามที่ 2
จังหวัดชลบุรี สนามที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ สนามที่
4 จังหวัดสงขลา และสุดท้ายสนามที่ 5 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เวทีนี้พร้อมเปิดให้ผู้สมัครแข่งขันทุกคนได้ทำตามความฝันมีโอกาสแสดงความสามารถอย่างเต็มที่
แบ่งการประกวดออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ระดับมัธยมศึกษา (Class A) 2. ระดับบุคคลทั่วไป (Class B) 3. ประเภทดนตรีสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด (Class
C)
สำหรับ “เกณฑ์ตัดสิน”
คณะกรรมการยังเน้นมาตรฐานความเข้มข้น พิจารณาทั้งจากสไตล์การร้อง
การเรียบเรียงองค์ประกอบของดนตรี ความเข้าใจในทฤษฎีดนตรี ทักษะการเล่นเครื่องดนตรี
ความสมบูรณ์ของการเล่นหรือการแสดงเป็นวง รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ (Creative Music)
ในการสร้างสรรค์ดนตรีไร้ขีดจำกัด
ทั้งนี้เวที
THE POWER BAND 2022 SEASON
2 การประกวดวงดนตรีสากล ประจำปี 2565 ได้รับเกียรติจากพันธมิตรค่ายเพลงชั้นนำของเมืองไทยเข้าร่วมงานเปิดโครงการด้วย
5 ค่าย คือ
ดนุภพ กมล
รองกรรมการผู้จัดการบริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด ผู้ที่มีส่วนช่วยมองหาคลื่นลูกใหม่ทางดนตรี
ที่มีทักษะความสามารถทางดนตรีอย่างมีคุณภาพ และเรียนรู้เทคนิคในการทำงานเพลง เพื่อปูพื้นฐานให้ตนเองก้าวสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพและเป็นโอกาสครั้งสำคัญ
สำหรับผู้ชนะเลิศจะได้ร่วมทำซิงเกิลเพลง และมิวสิกวิดีโอกับค่ายเพลงภายใต้การดูแลของ
บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด อีกด้วย
และอีก
4 ค่าย คือพิรียา ถีระวัฒนาสวัสดิ์ Deputy Managing Director จากค่ายเพลง LOVEiS
Entertainment คาล
นิทัศน์ คงขำ Managing Director จากค่ายเพลง Warner
Music Thailand ณัฐพงษ์ สุทธิวิรีสรรค์ A&R
Executive จากค่ายเพลง What
The Duck และ รัตน
จันทร์ประสิทธิ์ ผู้แทนจากค่ายเพลง Smallroom
ข่าวที่ 2 คิงเพาเวอร์แจกส่วนลดอื้อMayYourDayลด30%สุวรรณภูมิลด20%
คิง
เพาเวอร์ รวมไอเทม ! MAY YOUR DAY BE BRIGHT ลดสูงสุด
30% นำมากระหน่ำลดอีกเพียบ อย่า ช้อปเลย! รหัสส่วนลด MAYDB 11 ได้ตั้งแต่วันนี้- 20 พ.ค. 65 ส่งฟรี!
ทั่วประเทศ เมื่อช้อปครบ 699.- (สุทธิ) ช้อปเลยที่ - https://bit.ly/3N4NDyI สามารถแบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 10 เดือน (ตามเงื่อนไข) รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 8,000
บาท รับเลย! ส่วนลด 200 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
สมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ทุกประเภท รับสิทธิ์พิเศษเพิ่มอีกในสนามบินสุวรรณภูมิ ลด 20 % จากร้านค้าในสนามบินสุวรรณภูมิได้ตั้งแต่วันนี้
-31 ธันวาคม
2565 โดยมีร้านอร่อย
ๆ ดัง ๆ เข้าร่วมรายการเพื่อให้นักเดินทางเลือกแบรนด์นานาชาติตามความชอบ
เช่น BONCHON, BURGER KING,
CAMDEN FOOD CO., COFFEE WORLD, ONE MINUTE GOURMET, GLORIA JEAN’S COFFEES, IMM
RICE&NOODLE, KANOM, KIN JAPANESE RESTAURANT, KOH HOP BAR, MILCH, REES, SUBWAY, THAI STREET FOOD, TOP TEN THAI
RESTAURANT, TRAVEL RECOMMENDS, THE VILLA HALAL และกาแฟพันธุ์ไท
ข่าวที่ 3 ททท.เปิดแผนอนาคต5ปีหน้า66-70ชู3SO“คุณภาพ-คุณค่า-สมรรถนะ”
ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้จัดเสวนาออนไลน์ “อนาคตท่องเที่ยวไทย : Strategic Leader Talk” ในหัวข้อ “TOURISM ONWARD : Moving Together” ผ่านช่องทาง Zoom และ Youtube โดยมีผู้เข้าร่วมถึง 700 ราย ร่วมแลกเปลี่ยนการขับเคลื่อนแผนแม่บทฉบับใหม่ ททท. ที่ได้ศึกษา “ถอดบทเรียน” และระดมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้แนวทาง “การบริหารความเสี่ยง” ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะนำไปใช้จัดทำแผนวิสาหกิจ ททท. หรือแผนยุทธศาสตร์ระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2566-2570
แผนแม่บทตลาดการท่องเที่ยวฉบับ 5 ปีหน้า จะจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบดำเนินงานขององค์กร ทั้งด้านการตลาดการท่องเที่ยว และการบริหารจัดการองค์กร ให้สอดรับกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว BCG Economy Model และ Happy Model ของรัฐบาล และความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่
ททท.จึงได้เปิดเวทีเสวนาเพื่อ 3 เป้าหมายหลัก คือ 1.สื่อสารทิศทางของแผนวิสาหกิจ 5 ปีหน้าของ ททท.ระหว่างปี 2566-2670 2.สร้างความเข้าใจอันดีร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 3.นำสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ของ ททท. ในฐานะ Strategic Leader ซึ่งเน้นเดินหน้าสร้างการท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง จัดเสวนาเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย
ช่วงที่ 1 The Trendsetter มี นายกล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ ประเทศไทย จำกัด มานำเสนอข้อมูลแลกเปลี่ยนถึงประเด็นพาเรียนรู้ทิศทางและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก สร้างความเข้าใจและสร้างโอกาสเป็นผู้นำเทรนด์
ช่วงที่ 2 The Future of Tourism ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ได้สะท้อนอนาคตท่องเที่ยวไทยและทิศทางการดำเนินงานของ ททท. ในฐานะ Strategic Leader
ช่วงที่ 3 Panel Discussion : Co-creation in Tourism Ecosystem นางน้ำฝน บุณยะวัฒน์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน ททท. พร้อมด้วยพันธมิตร ได้แก่ นายอรุษ นวราช นายกสมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย (TOCA) กรรมการผู้จัดการสามพราน ริเวอร์ไซต์ นายปริวรรต วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม (NIA) ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมุมมองใหม่ด้านท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันส่งมอบประสบการณ์ทรงคุณค่าแก่นักท่องเที่ยวในมุมมองของผู้เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศน์ทางการท่องเที่ยวภาพรวม (Tourism Ecosystem)
ดร.ยุทธศักดิ์ ย้ำว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยภายใต้แผนวิสาหกิจ ททท. พ.ศ. 2566-2570 ททท.จะเดินหน้า ในฐานะ Strategic Leader “ททท. เป็นผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยในการสร้างประสบการณ์ทรงคุณค่าและมุ่งสู่ความยั่งยืน” ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม สะท้อนทิศทางและเป้าหมายการท่องเที่ยวไทย มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ตามที่ ททท. ได้กำหนดวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์สำคัญ (SO : Strategic Objective) ด้วยไฮไลต์การเดินหน้า 3 SO ประกอบด้วย
SO1 Drive Demand : มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน
SO2 Shape Supply : สร้างคุณค่าและยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
SO3 Thrive for Excellence : ยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง
มุ่งเน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพผ่านการสร้างเรื่องราว ทำให้เกิดการส่งมอบคุณค่าประสบการณ์เหนือระดับ (Storytelling and Experience-based) ผลักดันให้ผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายผ่านการยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว
ททท.พร้อมนำพาทั้งองคาพยพร่วมกันขับเคลื่อนระบบนิเวศน์การท่องเที่ยว
(Tourism
Ecosystem) ให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพอย่างยั่งยืน มุ่งสร้างรายได้จาก
4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มรายได้สูง 2.กลุ่มใช้จ่ายสูง 3.กลุ่มนักท่องเที่ยวความสนใจพิเศษ 4.กลุ่กนักท่องเที่ยวที่รักและยินดีจ่ายเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ควบคู่การยกระดับองค์กรสู่องค์กรสมรรถนะสูง (High
Performance Organization) โดยกำหนดแนวทางการดำเนินงานไว้
3 ระยะ หรือ 3 เฟส คือ
เฟสที่ 1 ระยะสั้น 1 ปี พ.ศ. 2566 ยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยว
เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมในทุกมิติ
เฟสที่ 2 ระยะกลาง 2 ปี พ.ศ.2567-2568 เดินหน้าเปลี่ยนสู่การท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีมูลค่า
เฟสที่ 3 ระยะยาว 2 ปี พ.ศ. 2569-2570
มุ่งให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวที่ 4 บางจากแจกมอไซค์ไฟฟ้าวินโนนี่นำร่องเกาะหมากเที่ยวโลว์คาร์บอน
นางกลอยตา ณ ถลาง
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Winnonie 2 คัน ให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
เกาะหมาก ทดลองใช้งานในพื้นที่เกาะหมาก อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด เบื้องต้น เป็นเวลา
2 เดือน ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
ลดการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมและประหยัดต้นทุน ด้านพลังงาน
โดยมี
นางสาวลลดา ตะเวทีกุล รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล อบต. เกาะหมาก เป็นผู้รับมอบ
และมีเจ้าหน้าที่จากบริษัท วินโนหนี้ (จำกัด) ร่วมถ่ายทอดความรู้เรื่องการใช้งานและการชาร์จไฟฟ้าให้กับเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้อง
โครงการที่บางจากสนับสนุนมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Winnonie ให้ทาง อบต. เกาะหมาก และผู้ประกอบการในพื้นที่ทดลองใช้ เป็นหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนเกาะหมากเป็นแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำแห่งแรกของไทย ซึ่งริเริ่มโดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) และต่อยอดจากการศึกษาวิธีดูดซับและกักเก็บก๊าซเรือนกระจกในทะเลด้วย Blue Carbon จากแหล่งหญ้าทะเล มุ่งสู่เป้าหมายการเป็นแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ ครอบคลุมกิจกรรมทั้งบนบกและในทะเล ภายใต้เป้าหมายการสร้างความยั่งยืนและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
ช่วงที่ 2 เพิ่มพลังเที่ยวภาคกลาง เทรนดี้
C2 ระดมสายมูตลุยศรัทธานำทาง...เส้นทางท่องเที่ยว 5 วัดสวยศักดิ์สิทธิ์ “วัดพระแก้ว-วัดพระเชตุพน-วัดไชยวัฒนารามอยุธยา-วัดถ้ำเสือเมืองกาญจน์-วัดคีรีวงค์นครสวรรค์”
พร้อม ๆ กับ เตือน “4โรคระบาดมากับฝนต้องระวัง”
และข่าวฮ็อตฮิต ข่าวแรก “ไทยแอร์เอเชียควงททท.” เพิ่มบินสิงคโปร์ดึงมาเที่ยวเมืองไทยทำยอดอาเซียนทะลุ
1.1 ล้าน ข่าวที่สอง “คมนาคม” ยันเบิกงบทะลุแล้ว7.7 หมื่นล้านเร่งอัดฉีดลงทุนฟื้นเศรษฐกิจ
พาเที่ยว- ภาคกลางเส้นทางเที่ยวพลังศรัทธาพักใจเติมบุญ5วัดศักดิ์สิทธิ์งดงาม
ในโอกาสวันสำคัญทางศาสนา “วิสาขบูชา” จะขอแนะนำศรัทธานำทาง...เส้นทางท่องเที่ยว
วัดสวยแถวหน้าของภาคกลางต้องห้ามพลาด ผ่อนคลายจิตใจด้วยประสบการณ์ “เติมบุญ”
เข้าวัด สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร่วมทำบุญตามศรัทธา และแสวงหาเรื่องราวดี ๆ
แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
วัดแรก “วัดพระแก้ว” ในกรุงเทพฯ คนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ครั้งหนึ่งในชีวิตคนไทยอย่างเรา ๆ ควรจะหาโอกาสไปสักครั้ง เพื่อสัมผัสกับความวิจิตรตระการตาสมกับเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง
รวมถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่สายบุญต้องมา ภายในประดิษฐาน “พระแก้วมรกต”
ที่ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามากราบไหว้อย่างไม่ขาดสายทุกวัน
วัดที่สอง “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” ในกรุงเทพฯ ไฮไลต์โดดเด่นกล่าวขานถึงคือ “พระพุทธรูปปางไสยาสน์”
ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพระประธานของวัดนี้ บริเวณรอบ ๆมีเจดีย์มากที่สุดถึง 99 องค์ มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ให้ศึกษา เรียนรู้ ต้องไปเยี่ยมชมด้วยตนเอง
จะได้รับความสุขใจกลับบ้านแน่นอน
วัดที่สาม “วัดไชยวัฒนาราม” ตั้งตระหง่านงดงามอยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา
อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ รายล้อมด้วยโบราณสถานมากมายที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้อย่างเหลือเชื่อ
นักท่องเที่ยวที่ไปถึงแล้วจะเกิดปิติซาบซึ้งถึงสถาปัตยกรรมสวยตระการตา
วัดที่สี่ “วัดถ้ำเสือ” อยู่ในอำเภอท่าม่วง
จังหวัดกาญจนบุรี แม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและนานาชาติอันโดดเด่นคือ “องค์พระชินประทานพร”
สูง 9 วา 9 นิ้ว ประดับสีทองทั่วทั้งองค์พระ
ตั้งอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติ สีเขียวสร้างความสดชื่นสบายตา ทำให้ผู้คนที่มาเยือนเกิดความสุขใจ
สงบร่มเย็น
วัดที่ห้า “วัดคีรีวงศ์” อยู่ในอำเภอเมือง
จังหวัดนครสวรรค์ เป็นอีกวัดห้อมล้อมด้วยธรรมชาติต้นไม้ใหญ่ร่มเย็น เมื่อเดินขึ้นไปด้านบนของวัดเพื่อสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
มองลงมายังด้านล่างจะเห็นทัศนียภาพเมืองสองแควสุดอลังการ
เที่ยววัดไทยภาคกลาง 5 สไตล์
เที่ยวได้แบบไม่ตกเทรนด์ ใกล้ เดินทางง่าย ปลดปล่อยใจให้มีความสุขกับการเติมบุญ
จะวันพระใหญ่ หรือวันไหน ๆ ก็เที่ยวได้ทุกวัน
สุขภาพ
-4โรคระบาดมากับหน้าฝนต้องระวังหาวิธีป้องกันอย่างเต็มที่ตลดฤดู
ฤดูฝนเป็นอีกช่วงที่แนะนำให้เตรียมรับมือ
ทั้งกับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงและอุณหภูมิที่ลดต่ำลง สิ่งสำคัญคือเป็นฤดูที่มี “
4โรคระบาด” ตามมาด้วย จะต้องเตรียมตัวป้องกันด่วน ๆ กันไว้คือ
1.โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน เป็นกลุ่มโรคระบบทางเดินอาหาร เกิดจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์
ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารที่ลำไส้ รวมไปถึงโรคบิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ “ขอแนะนำ” ให้ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อาการที่พบคือ ท้องเสีย ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาจมีไข้ ปวดบิดในท้อง และหากติดเชื้อ
บิดอาจมีมูกหรือเลือดอุจจาระปนได้
2.โรคไข้หวัดใหญ่ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ
ปัจจุบันมีระบาดคือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H3N2 “อาการ” ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีน้ำมูกและไอร่วมด้วย
ภาวะแทรกซ้อนที่มักพบในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงคือ ภาวะปอดอักเสบ “ขอแนะนำ” ใช้ผ้าปิดจมูก ล้างมือบ่อย ๆ เพื่อความปลอดภัย
3.โรคฉี่หนู (Leptospirosis) กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง มักพบการติดเชื้อชนิดนี้ได้ในสุนัขหรือสัตว์ตามฟาร์ม
เช่น สุกร โค กระบือ รวมถึงสัตว์จำพวกหนู ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ คือ
เกษตรกร คนงานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ คนหาปลาตามแหล่งน้ำจืด ผู้ที่ทำงานขุดท่อระบายน้ำ
และคนที่ย่ำน้ำในที่น้ำท่วมขังนาน ๆ
อาการ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรง
ตาแดง ประมาณร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยโรคนี้อาจมีอาการรุนแรง
เช่น ดีซ่าน ไตวาย หรือช็อกได้ จึง “ขอแนะนำ” อย่าไปลุยน้ำขัง
และควรสวมใส่รองเท้าบูททุกครั้ง
4.โรคไข้เลือดออก กลุ่มโรคจากยุง
โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งจะวางไข่ในน้ำที่ขังอยู่ตามที่ต่าง ๆ ต้องระวังเพราะมีพ่วงมาด้วยอย่าง โรคไข้สมองอักเสบเจอี
(Japanese Encephalitis) และโรคมาลาเรีย
อาการ ผู้ป่วยระยะแรกจะมีอาการเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป ได้แก่
อาการไข้ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการปวดกระดูกมาก ไข้จะสูงอยู่ประมาณ 2-7 วัน หลังจากนั้นไข้จะลดลง พร้อมกับอาการเลือดออกผิดปกติ
มือเท้าเย็นหรือช็อกได้ “ขอแนะนำ” ให้ทายากันยุง
อยู่ห่างจากจุดที่มียุงชุม และกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ให้หมดไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก – ไทยแอร์เอเชียควงททท.บินเพิ่มดึงสิงคโปร์แห่เที่ยวไทยปลายปี65
นายสันติสุข คล่องใช้ยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ไทยแอร์เอเชีย เพิ่มเที่ยวบินที่เน้นนำนักเดินทางจากสิงคโปร์มาไทย
โดยจะร่วมทำโปรโมชั่นกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสิงคโปร์
ทำแคมเปญขาย Rediscover Thailand จากสิงคโปร์ มายังดอนเมือง
และภูเก็ต รุกเจาะกลุ่มมิเลนเนียลส์กับวัยรุ่นที่เดินทางเป็นคู่
ขณะนี้ไทยแอร์เอเชียมีบริการบินหลัก 2 เส้นทาง สิงคโปร์-ดอนเมือง วันละ 1 เที่ยว และ
สิงคโปร์-ภูเก็ต 2 เที่ยว/สัปดาห์ ทุกวันอังคารและวันเสาร์
กำลังจะเพิ่มเส้นทาง สิงคโปร์-เชียงใหม่ และในอาเซียน กับเอเชียใต้ 8 ประเทศ 20 เส้นทาง
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ
รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท.กล่าวว่า หลังยกเลิกใช้ Test
&Go ตามนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นมา ช่วงสัปดาห์แรกเดือนพฤษภาคมสถิติมีต่างชาติมาไทยกว่า
85,000 คน เฉลี่ยวันละกว่า 15,000 คน จึงพร้อมร่วมทำโปรโมชั่นสนับสนุนไทยแอร์เอเชียเพิ่มผู้โดยสารสิงคโปร์มาไทย
เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาโดยเร็ซ
ตามเป้าปี 2565 ททท.ยังคงยืนยันเป้าหมายนำเข้าต่างชาติเที่ยวไทยให้ได้ 10 ล้านคน สร้างรายได้ 625,800 ล้านบาท ตามโจทย์ตั้งแต่เดือนเมษายน
2565 ที่นานาประเทศเริ่มเดินทางได้ ททท.จะเร่งทำตลาดอาเซียนให้ได้
1.1 ล้านคน แปซิฟิกใต้จากออสเตรเลียอีก 200,000 คน เอเชียใต้จากอินเดีย 450,000
คน
ข่าวที่สอง -“คมนาคม”ลั่นอัดฉีดลงทุนฟื้นเศรษฐกิจเร่งเบิกงบทะลุ7.7หมื่นล้าน
นายศักดิ์สยาม
ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เป็นประธานประชุมเร่งรัดติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณปี
2565 ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ให้เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจประเทศ ตามที่กระทรวงได้รับจัดสรรงบประมาณมาใช้ในภาพรวม
8 ส่วนราชการ 5 รัฐวิสาหกิจ รวม 208,455.23 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน
คือ 1.รายจ่ายประจำ
26,076.73 ล้านบาท คิดเป็น 12.51% 2.รายจ่ายลงทุน
182,378.50 ล้านบาท คิดเป็น 87.49 %
ผลสรุปสิ้นเดือน
เมษายน 2565 งบลงทุนเบิกจ่ายเงินไปแล้ว 77,448.41 ล้านบาท คิดเป็น 42.47% มากกว่าเป้าหมายรัฐบาลประมาณ
7.80% ซึ่งตั้งไว้ที่ 34.67%
รายจ่ายลงทุนเป็นเรื่องการลงนามในสัญญาของกระทรวงคมนาคม
7,749 รายการ วงเงิน 80,722 ล้านบาท (รายการรายจ่ายลงทุนปีเดียว, รายการลงทุนผูกพันรายการใหม่
และรายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท) สิ้นเดือน เม.ย. 2565
ลงนามในสัญญาแล้ว 7,666 รายการ วงเงิน 78,356 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97.07%
ของวงเงินที่ได้รับจัดสรร ในส่วนที่เหลือจะทยอยลงนามสัญญาให้ครบทุกรายการ
จะส่งผลให้การเบิกจ่ายงบลงทุนของกระทรวงคมนาคมในแต่ละเดือนเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับ งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ปี 2565 ในสังกัดคมนาคมมี
10 รัฐวิสาหกิจ วงเงินรวม 89,289 ล้านบาท มีแผนเบิกจ่ายเงิน ระหว่ง 1 ต.ค. 2564-30
เม.ย. 2565 จำนวน 36,419 ล้านบาท สิ้นเดือนเมษายน 2565 เบิกจ่ายเงินไปแล้ว
45,096.28 ล้านบาท หรือคิดเป็น 123.82% ของแผนเบิกจ่ายสะสม
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์
เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น