ททท.นครพนมบูมเที่ยวไฮซีซั่น”แห่ดาว+เคาน์ดาวน์+ไหว้พระธาตุ
ปี68“นครพนม-สกลนคร-มุกดาหาร”11เดือนโกยแล้ว1.4หมื่นล้าน
ปี’69ชวน“ไหว้พระธาตุปีเกิด-นาคาวิถีริมโขง-เส้นทางดอกไม้บานฯ”
21ปีความสำเร็จขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย-คิงเพาเวอร์ปั้นคนรุ่นใหม่
POWER PASS มอบของขวัญปีใหม่
“รับฟรี” ช้อปก่อนขึ้นเครื่อง
คิง เพาเวอร์ออนไลน์เสิร์ฟความสุขชวนช้อปแบรนด์MCMลด30%
ททท.ผนึกเปิดบริการรถฟรี Hatyai Happy Busเริ่มวันนี้-28ก.พ.69
บางจากมอบบัตรเติมน้ำมันจิตอาสารับส่ง7จุดงานพระบรมศพ
เที่ยวปลายปีจุดเช็คอินค่ำคืนใหม่“สุไหงโกลก เคาน์ดาวน์2026”
5เทคนิคสุขภาพดีคัมภีร์ดูแลตัวเองและครอบครัวต้อนรับปีใหม่
แบงก์ชาติ-วีซ่าแนะไทยรับอนาคตทัวร์ต่างชาติชำระเงินในดิจิทัล
ททท.-รัฐเอกชนชูคาราวานรถยนต์/บิ๊กไบค์มาเลเซียบูมสงขลา-สตูล
วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #สุไหงโกลกเคาน์ดาวน์2026
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1Cimz8LxvG/
ช่วงที่
1 !! สัมภาษณ์ “เสาวนีย์ คนกล้า” ผู้อำนวยการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม จัดเต็มเที่ยวกลุ่มสนุก 3 จังหวัด “นครพนม-สกลนคร-มุกดาหาร” ไฮซีซั่นส่งท้ายปี68 ต้อนรับปีใหม่ 69 ปลุกเทรนด์เที่ยว 3 งาน “คริสต์มาส/ปีใหม่-อัตลักษณ์ผ้าไทย-ไหว้พระธาตุเชิงชุม”
ตลุยสัมผัสประสบการณ์ใหม่ 3 เส้นทาง “ไหว้9พระธาตุปีเกิดในนครพนม-ศรัทธานาคาวิถีริมฝั่งโขง-ดอกไม้บานบนเส้นทางพระพันปีหลวง”กระจายรายได้
11 เดือนแรกปี68 เกือบ 14,000 ล้านบาท
นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม เปิดเผยว่า เตรียมความพร้อมนำเสนอไฮไลต์การท่องเที่ยวไฮซีซั่นปลายปี 2568 ในกลุ่มสนุก 3 จังหวัด “นครพนม-สกลนคร-มุกดาหาร” ช่วงปลายเดือนธันวาคม 2568
“นครพนม” เชิญชวนท่องเที่ยว งานแรก “คริสต์มาส+เคาน์ดาวน์ ” ปี 2568 ผสมผสาน งานNakhon Phanom Winter Festival จัดขึ้นระหว่าง 24 - 31 ธันวาคม 2568 ที่วัดหรือโบสถ์นักบุญอันนา และริมฝั่งแม่น้ำโขงโดยมีกิจกรรมไฮไลต์ วันที่ 27 ธันวาคมนี้ ด้วยขบวนแห่ดาว เปิดตลาดคริสต์มาส พร้อมสวนไฟสุดอลังการ
งานที่ 2 อัตลักษณ์นครพนม ได้แก่ งานแฟชั่นเดินแบบผ้าไทย งานเดินแบบผ้าไทยที่นครพนมมักจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง น้อมสำนักในพระมหากรุณาคุณที่ทรงเข้ามาช่วยชุมชนเป็นโครงการพระราชดำริพื้นที่แรกของไทย
“สกลนคร” มีไฮไลต์ 2 งาน คือ งานแรก “เทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส” ระหว่าง 23-27 ธันวาคม เพิ่งผ่านพ้นไปเป็นเทศกาลแห่ดาวคริสต์ท่าแร่ ทุก 25 ปี จะมีความพิเศษโดยเฉพาะปีนี้จัดยิ่งใหญ่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก ด้วยศักยภาพสกลนครมีอาสนวิหารหลักของภาคอีสาน 4 จังหวัด จัดแห่ดาวใหญ่ 2 พื้นที่ ได้แก่
พื้นที่แรก แห่ดาวคริสต์มาสท่าแร่ 20-25 ธันวาคม ททท.ได้ยกระดับเป็นกิจกรรมหลัก Signature Thailand ปฏิบัติสืบเนื่องกันมายาวนาน ชุมชนคริสต์แห่งนี้มีความเข้มแข็งและมีการรวมตัวเข้าร่วมมากที่สุดในเมืองไทย พื้นที่ 2 เขตเทศบาลนครสกลนคร จะเน้นขบวนรถแห่ดาวประดับไฟใหญ่ โดรนไลท์โชว์) ทั้งสองแห่งรวมกันเป็นงานประเพณีใหญ่จัดขึ้นทุกปี
งานที่สอง
ประเพณีไหว้พระธาตุเชิงชุม 28 ธันวาคม “มุกดาหาร”
แห่ดาวคริสมาส 26-28 ธันวาคม และเคาน์ดาวน์ 29-31 ธันวาคม นี้
“มุกดาหาร” จัดใหญ่เทศกาล “คริสต์มาสแห่ดาววัดสองคอน :Magicial of Songkhon 2025” ระหว่าง 24-26 ธันวาคม 2568 สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอน อำเภอหว้านใหญ่ ภายในงานจัดกิจกรรมอุโมงค์ไฟ ต้นคริสต์มาสสูง 8 เมตร และรถแห่ดาวสวยงาม ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม ละครศักดิ์สิทธิ์ ละครเทวดา ช้อปสินค้าท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม อาหารพื้นถิ่นลุ่มน้ำโขง สนุกกับมินิคอนเสริต์จากศิลปินทุกค่ำคืน
กลุ่มสนุกทั้ง
3 จังหวัด จะจัดกิจกรรมหลังคืนวันเคาน์ดาวน์
ต้อนรับปีใหม่ แบบเดียวกัน ตอนเช้าวันที่ 1 มกราคม 2569
ชวนนักท่องเที่ยวตักบาตรทำบุญริมแม่น้ำโขงร่วมกับท้องถิ่นแต่ละพื้นที่
พร้อมกับ “แสงอรุณแรก” เสริมมงคล รับพลัง แสงแรก
ตามความเชื่อและศรัทธาจะทำให้ชีวิตก้าวหน้าสดใส
รวมทั้งได้สัมผัสอากาศดีมากเย็นสบาย
ผอ.เสาวนีย์ กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ “ตลาดในประเทศท่องเที่ยว” ตามข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ 1 มกราคม -30 พฤศจิกายน 2568 ทั้ง 3 จังหวัด สามารถนำรายได้เข้าพื้นที่รวมกันแล้วกว่า 10,389 ล้านบาท ดังนี้
“นครพนม” เป็น “เมืองน่าเที่ยว” ระดับดาวรุ่งครองส่วนแบ่งนักท่องเที่ยวและรายได้มากสุดรวมกว่า
70 % ปี 2568 ประสบความสำเร็จดีเกินคาด
โดยมี “จำนวน”
ผู้เยี่ยมเยือน 2,066,925 คน-ครั้ง แนวโน้มตลอดเดือนธันวาคมนี้จะทำสถิติใหม่รวมตลอดทั้งปีสูงกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน
เพราะกำลังเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ โครงการ “แม่โขง ริเวอร์อาย”
เปิดบริการสัปดาห์แรกมีนักท่องเที่ยวเข้าชมหลายหมื่นคน
โดยรวม “สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว” แล้ว 3,957.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากตลอดปีก่อนทำไว้ 3,834.58 ล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักสะสม (Occupancy Rate) 75.93% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 2.86 %โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่นเที่ยวงานเทศกาลไหลเรือไฟและนมัสการพระธาตุพนม มีอัตราการเข้าพักพุ่งสูงถึง 85-90%
“สกลนคร” เป็นเมือง “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงศรัทธาและคราม” มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือน 1,767,028 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนทำไว้ 1,673,458 คน-ครั้ง “สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว” ประมาณ3,107.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทำไว้ 2,921.01 ล้านบาท มี “อัตราการเข้าพักสะสม” 55.38 % เพิ่มขึ้น 4.5 % ปีนี้ได้ยกระดับงาน "แห่ดาวคริสต์มาส" เป็น Signature Thailand ช่วงธันวาคมนี้จะดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพจำนวนมากเข้าพื้นที่ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ด้วย
“มุกดาหาร” เป็นเมือง “ประตูสู่การค้าและการท่องเที่ยวชายแดน” มี “จำนวนผู้เยี่ยมเยือน” ประมาณ 1,720,645 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทำไว้ 1,674,947 คน-ครั้ง “สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว” ประมาณ 3,325 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทำไว้ 3,216.79 ล้านบาท มี “อัตราการเข้าพักสะสม” 47.11 % + 0.03 %
ปี 2569 ททท.พร้อมนำเสนอการท่องเที่ยว ประกอบด้วย ไฮไลต์ 3 เส้นทาง ต้องห้ามพลาด ดังนี้
เส้นทางที่ 1 ไหว้พระธาตุประจำปีเกิด ของนักเดินทางสายศรัทธาได้มาไห้พระขอพร ใน “นครพนม” มีทั้งหมด 8 พระธาตุ ได้แก่ “พระธาตุพนม” คนเกิดวันอาทิตย์ “พระธาตุเรณู”คนเกิดวันจันทร์ “พระธาตุมหาชัย” คนเกิดวันพุธกลางวัน “พระธาตุมรุกขนคร” คนเกิดวันพุธกลางคืน “พระธาตุประสิทธิ์” คนเกิดวันพฤหัสบดี “พระธาตุท่าอุเทน” คนเกิดวันศุกร์ “พระธาตุนคร” คนเกิดวันเสาร์ รวมทั้งได้มาสักการะ “พญาศรีสุทโธนาคราช” หรือ นาคาธิบดีศรีสุทโธ เพิ่มโชคลาภให้ตัวเองได้ด้วย
เส้นทางที่ 2 ศรัทธา นาคาวิถี ริมฝั่งโขง เริ่มตั้งแต่ วัดมรุกขนคร
วัดหัวเวียงรังษี วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ไปจนถึงพญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช
รอยต่อมุกดาหาร ซึ่งมี 3 พญานาค “ฟ้า-ดิน-น้ำ”
เส้นทางที่ 3 ดอกไม้บานบนเส้นทางพระพันปีหลวง พระองค์ทรงเสด็จทำโครงการต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่อุทยานแห่งชาติภูพาน โค้งปิ้งงู
พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ศูนย์ศึกษาพัฒนาภูพานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
แวะกราบหลวงปู่มั่น วัดป่าสุทธาวาส วัดพระธาติเชิงชุม ชมประตูเมืองสกลนคร
เป็นลักษณะขอม สิ้นสุดตรงกำแพงเมืองขอม
แล้วยังมีอีกหลายเส้นทางท่องเที่ยวที่เปิดให้สัมผัสประสบการณ์ที่ดี ๆ ด้วยอากาศเย็นสบาย นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาถ่ายรูปเช็คอินที่ ททท.สำนักงานนครพนม มีแผนที่แจกเส้นทางท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด หรือเช็คกิจกรรมท่องเที่ยทางเพจ เฟซบุ๊ค ททท.สำนักงานนครพนม โดยสอบถามเจ้าหน้าที่ผ่านอินบล็อกได้ทุกวัน
สำหรับการเดินทาง “เข้าถึง” การท่องเที่ยว นครพนม สกลนคร มุกดาหาร มีเที่ยวบินต่อเนื่องทุกวัน “ทางบก” มีรถบัสปรับอากาศ และขับรถท่องเที่ยวด้วยตนเอง โดยใช้มอเตอร์เวย์สายใหม่ M61 เข้ามุกดาหาร นครพนม สกลนคร
“ที่พัก” มีหลายรูปแบบ เช่น ริมโขง
และในเมือง เช่นเดียวกับสกลนคร มุกดาหาร
เลือกได้หลากหลายราคาตามงบประมาณที่จัดเตรียมไว้
ผอ.เสาวนีย์ กล่าวว่า ททท.นครพนม พร้อมจะมอบของขวัญปีใหม่ เริ่มตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2568 เป็นต้น เมื่อเลือกพัก “โรงแรม” ทั้ง 3 จังหวัด ที่ได้มาตรฐาน STAR หรือดาวยั่งยืน หรือ CF-Hotels มีเสื้อย้อมดอกดาวเรืองศักดิ์สิทธิ์เป็นมงคลจากการไหว้พระธาตุแล้ว นำมาใช้ประโยชน์ ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวสีเขียว รวมทั้งเพจ ททท.เปิดให้มีส่วนร่วมแชร์ความประทับใจช่วงเดินทางท่องเที่ยวปีใหม่ก็จะมอบของขวัญปีใหม่เป็นระยะ ๆ ไป
ท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก นครพนม สกลนคร มุกดาหาร สุขทันทีที่ได้เที่ยวรับประสบการณ์สโลว์ไลฟ์ ได้ทุกสายทั้งศรัทธา มูเตลู ธรรมชาติ โครงการพระราชดำริ และอีกมากมาย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-21ปีความสำเร็จขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย-คิงเพาเวอร์ปั้นคนรุ่นใหม่
21 ปีแห่งความสำเร็จขี่ม้าโปโลทีมชาติไทยคว้า 1 เหรียญทอง
1 เหรียญเงิน “อัยยวัฒน์-อภิเชษฐ์” ศรีวัฒนประภา
สองพี่น้องและผู้บริหารคิง เพาเวอร์ มุ่งมั่นทำต่อเนื่องมาตลอด “สองทศวรรษ”
ของ “กีฬาขี่ม้าโปโล” ทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในกีฬาซีเกมส์
ครั้งที่ 33 ในเมืองไทย ด้วยผลงาน 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน ความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์ของการ ‘อดทน
รอคอย และพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งตลอด 21 ปี
นับตั้งแต่การเริ่มต้นของสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย’
@เส้นทางที่ต้อง
“รอเวลา” และ “เชื่อมั่นในกระบวนการ”
ย้อนกลับไปใน
ซีเกมส์
2007 ปีแรกที่กีฬาขี่ม้าโปโลถูกบรรจุในกีฬาซีเกมส์
ทีมชาติไทยเริ่มต้นเส้นทางด้วย เหรียญทองแดง สิบปีต่อมาใน ซีเกมส์ 2017
ทีมชาติไทยขยับขึ้นมาอีกขั้น คว้า เหรียญเงิน
ล่าในที่สุด…ซีเกมส์
ครั้งที่ 33 บนแผ่นดินไทย กลายเป็นหมุดหมายสำคัญ เมื่อทีมชาติไทยคว้า เหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์
จากประเภท Handicap 2–4 Goals พร้อมกับ
เหรียญเงิน
จากประเภท Handicap 4–6 Goals ซึ่งเป็นระดับการแข่งขัน ที่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์
และการทำงานเป็นทีมอย่างสมบูรณ์แบบ
ทุกวินาทีมาจากการวางแผนระยะยาว
การลงทุนด้านบุคลากร นักกีฬา ม้า และการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง
@เบื้องหลังชัยชนะ
ความสำเร็จที่มากกว่าเหรียญรางวัล
นายแพทย์ไพโรจน์
บุญคงชื่น นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย มองว่าความสำเร็จในซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คือภาพสะท้อนของการพัฒนากีฬาขี่ม้าโปโลไทยอย่างเป็นระบบว่า
“เหรียญทองและเหรียญเงินครั้งนี้
ไม่ได้เกิดจากการเตรียมทีมเพียงระยะสั้น แต่เป็นผลจากการวางรากฐานมาหลายปี
ทั้งในด้านนักกีฬา ม้า บุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน
และมาตรฐานการแข่งขันระดับนานาชาติ”
สมาคมฯ
ย้ำว่า มองเป้าหมายต่อไปไกลกว่าการลุ้นเหรียญรางวัล โดยมุ่งพัฒนาโครงสร้างกีฬาขี่ม้าโปโลอย่างครบวงจร
ตั้งแต่นักกีฬารุ่นใหม่ โค้ช ไปจนถึงบุคลากรเบื้องหลัง
เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกีฬาขี่ม้าโปโลของภูมิภาค
ความสำเร็จครั้งนี้ยังสะท้อนถึงผลลัพธ์ของการส่งนักกีฬาไปเก็บประสบการณ์ในต่างประเทศอย่างอาร์เจนตินาและอังกฤษ
การนำวิทยาศาสตร์การกีฬาและโภชนาการมาใช้ควบคู่กับการดูแลม้าอย่างใกล้ชิด
โดยมีทีมสัตวแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน
บทบาทของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ ยังตอกย้ำศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐาน สนามแข่งขัน
และการบริหารจัดการระดับนานาชาติ ไปจนถึงการยึดหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ในการดูแลม้าอย่างเคร่งครัดและครบวงจร
@ชัยชนะที่สานต่อความฝันของพ่อ
ในฐานะกัปตันทีมชาติไทย
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ไม่ได้มองเหรียญทองครั้งนี้เป็นเพียงความสำเร็จส่วนตัว
แต่เป็นชัยชนะที่มีความหมายทางใจอย่างลึกซึ้ง
“เหรียญทองนี้
คือสิ่งที่ทีมรอคอยมานาน และสำหรับผม มันคือการได้สานต่อความตั้งใจของคุณพ่อ
ที่เชื่อมั่นมาตลอดว่ากีฬาขี่ม้าโปโลไทยสามารถไปได้ไกลกว่านี้
หากเราพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง”
“อัยยวัฒน์”
ย้ำว่า
ทุกแมตช์ในซีเกมส์ครั้งนี้ ไม่ได้ตัดสินกันด้วยพละกำลังเพียงอย่างเดียว
แต่ต้องอาศัยความเข้าใจระหว่างนักกีฬาและม้า
การตัดสินใจภายใต้แรงกดดัน และการทำงานเป็นทีมอย่างแท้จริง อีกทั้ง
การได้ลงแข่งขันต่อหน้าแฟนกีฬาชาวไทยในฐานะเจ้าภาพ
คือพลังสำคัญที่ผลักดันให้นักกีฬาทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่
เพื่อทำให้กีฬาขี่ม้าโปโลเป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้มากขึ้น
@วิสัยทัศน์ที่เริ่มต้นจาก
‘ความรักในกีฬา’
หากมองลึกไปกว่าผลการแข่งขัน
ความสำเร็จของกีฬาขี่ม้าโปโลไทยมีรากฐานจากวิสัยทัศน์ของ วิชัย ศรีวัฒนประภา
ผู้ก่อตั้งสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย จากความหลงใหลในกีฬาชนิดนี้
โดยวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้กลายเป็นรากฐานสำคัญในการวางระบบ พัฒนามาตรฐาน
และสร้างนักกีฬาขี่ม้าโปโลไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง
จนสามารถยืนหยัดและสร้างผลงานในเวทีระดับนานาชาติได้อย่างภาคภูมิ
@ชัยชนะวันนี้…สู่อนาคตของคนรุ่นใหม่
มากกว่าเหรียญรางวัล
ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 คือทั้ง เวทีพิสูจน์ และ สัญญาณของอนาคต ว่ากีฬาขี่ม้าโปโลไม่ใช่กีฬาที่ไกลตัวอย่างที่หลายคนเคยคิด
แต่คือโอกาสในการสร้างแรงบันดาลใจ เปิดประตูให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ ทดลอง
และเข้าถึงกีฬาขี่ม้าโปโล ผ่านคอมมูนิตี้ สโมสร และกิจกรรมที่เปิดกว้างมากขึ้น
“เหรียญทองครั้งนี้
คือบทพิสูจน์ว่าความเชื่อ การลงทุนระยะยาว และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
ได้วางรากฐานสำคัญให้กีฬาขี่ม้าโปโลไทยก้าวจากเวทีอาเซียน
สู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกีฬาขี่ม้าโปโลของภูมิภาค”
แฟนกีฬาสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
/ Instagram: Thailand Polo Association
ข่าวที่ 2 -POWER PASS มอบของขวัญปีใหม่ “รับฟรี” ช้อปก่อนขึ้นเครื่อง
ของขวัญส่งท้ายปีสำหรับคนมีทริป สมัคร POWER PASS รับฟรี 100 บาท ช้อปก่อนขึ้นเครื่อง น้ำหอม แฟชั่น ไอเทมฮิต คุ้มตั้งแต่สมัคร ช้อปได้ทันที
สมัครวันนี้! รับเงิน E-PURSE 100 บาท เข้าบัญชีสมาชิกฯ ใช้ช้อปได้เลย พร้อมรับเซ็ตคูปองพิเศษ เฉพาะสมาชิกใหม่เท่านั้น
สมาชิกฯ
รับส่วนลด ON-TOP สูงสุด 5% ทุกการช้อป
ทันทีที่สมัคร รับ 1 CARAT ทุกการช้อป 25 บาท
ใช้ CARAT แลกสิทธิพิเศษผ่าน CARAT REWARDS ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ กิน ช้อป เที่ยว พักผ่อน จากหลากหลายพันธมิตรชั้นนำ
สมัครสมาชิก
POWER PASS ฟรี! ได้เลยวันนี้ https://kp.group/OLTQs1 หรือสมัครผ่าน LINE
Official Account @KINGPOWER
ข่าวที่ 3-คิง เพาเวอร์ออนไลน์เสิร์ฟความสุขช้อปแบรนด์MCMลด 30%
คิง
เพาเวอร์ ออนไลน์ เสิร์ฟความสุขกับแบรนด์ MCM วันนี้ - 4 มกราคม 2569 นำเสนอความหรูหราและสไตล์ที่โดดเด่นผ่านเครื่องหนังที่มีคุณภาพ
กลิ่นหอมที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความประณีตและเอกลักษณ์ของงานฝีมือเครื่องหนังสุดหรู
ทุกชิ้นบ่งบอกถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของ MCM
● ลดสูงสุด 30% ช้อปแบบไม่มีขั้นต่ำ รหัสส่วนลด NEWDEC25
● พิเศษ! Member
Online (POWER PASS) ลดเพิ่มทันที 5% รหัสส่วนลด PWPDEC25
(เฉพาะสินค้าแบรนด์และแผนกที่ร่วมรายการ)
● ก่อนเริ่มทริปอย่าลืม!
แวะช้อป HOLIDAY COLLECTION ลดสูงสุด 20% + ON-TOP สูงสุด 15% ที่ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ช้อปน้ำหอม และเครื่องสำอาง
1.สมาชิก POWER PASS ลดสูงสุด 20% + ON-TOP 10%
ลูกค้าสัญชาติไทย ลดสูงสุด 20%
ช้อปครบ 6,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
2.สมาชิก POWER PASS ลดสูงสุด 20% + ON-TOP 15%
ลูกค้าสัญชาติไทย ลดสูงสุด 20% + ON-TOP 10% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
ข่าวที่ 4-ททท.ผนึกเปิดบริการรถฟรีHatyai Happy Busวันนี้-28ก.พ.69
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ทำโครงการ “Amazing
Hatyai Happy Bus” จับมือกับพื้นที่ 4 พันธมิตร นำโดยหอการค้าจังหวัดสงขลา และ YEC Songkhla ร่วมกับภาคีเครือข่าย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา
และสำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลา ร่วมเติมรอยยิ้ม ส่งต่อความสุขแก่ชาวหาดใหญ่
จัดบริการฟรี รถโดยสารสาธารณะในเขตเมืองหาดใหญ่ 2 เส้นทางหลัก 3 เดือน ระหว่าง 24 ธันวาคม 2568 – 28 กุมภาพันธ์ 2569 เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทาง
สร้างความเชื่อมั่นช่วงฟื้นฟูเมืองหลังอุทกภัยใหญ่ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวคาดจะมีผู้ใช้บริการตลอดโครงการไม่น้อยกว่า
15,000 คน
ททท.กับพันธมิตรร่วมมือกันอำนวยความสะดวกดังกล่าว เนื่องจากช่วงอุทกภัยใหญ่ยานพาหนะในพื้นที่บางส่วนได้รับความเสียหาย และสภาพการจราจรกับการเดินทางภายในเมืองยังขาดความคล่องตัว
เมื่อมีโครงการนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติสามารถใช้บริการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวและใช้ชีวิตในหาดใหญ่
ซึ่งเป็นเมืองหลักด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสำคัญของภาคใต้ตอนล่าง
เป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์
และอินโดนีเซีย นิยมใช้ขนส่งสาธารณะเป็นหลัก
โครงการ Amazing Hatyai Happy Bus ให้บริการฟรี “รถโดยสารมินิบัส”
มาตรฐานกรมการขนส่งทางบก 4 คัน ขนาด 20 ที่นั่ง/คัน รับส่งภายในเขตเมืองหาดใหญ่ 2
เส้นทางหลัก ได้แก่
● เส้นทางที่ 1
สถานีรถไฟหาดใหญ่–มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ครอบคลุมโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว
และจุดสำคัญในเขตเมือง
● เส้นทางที่ 2
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์–วงเวียนน้ำพุ–สถานีรถไฟหาดใหญ่
ซึ่งครอบคลุมย่านการค้าและแหล่งเศรษฐกิจใจกลางเมือง
● ให้บริการระหว่าง 24 ธันวาคม 2568
-28 กุมภาพันธ์ 2569 ตั้งแต่เวลา 06.00–19.00 น. ความถี่ทุก 1 ชั่วโมง
● ติดตามตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ทางเว็บไซต์ https://schoolbustracking.one.th/user-tracking
บริการรถสาธารณะดังกล่าวจะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว
เดินทางเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว ร้านค้า โรงแรม สถานประกอบการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
ปลอดภัย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้กลับมาคึกคักอย่างรวดเร็วเริ่มตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป
“Amazing Hatyai Happy Bus” เป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ ทั้งมิติการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ตอกย้ำความพร้อมที่จะกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบอีกครั้ง
ข่าวที่ 5-บางจากมอบบัตรเติมน้ำมันจิตอาสารับส่ง7จุดงานพระบรมศพ
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า
ได้ส่งมอบบัตรเติมน้ำมันบางจากและน้ำดื่มบางจาก
ให้กับทางหัวหน้ากลุ่มจิตอาสาผู้ปฏิบัติภารกิจให้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับส่งประชาชนที่เดินทางไปร่วมถวายสักการะพระบรมศพ
ช่วงพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เพื่อร่วมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และปันน้ำใจแก่จิตอาสาที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ
อุทิศเวลาส่วนตัว พร้อมให้บริการประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย โดยมี นายผุดพงส์
พ่วงสุวรรณ ตัวแทนจักรยานยนต์จิตอาสา ร่วมใจทำดีเพื่อแม่ (บก.จร.) รับมอบ ณ
ประตูเทวาภิรมย์
พื้นที่ให้บริการรับส่งมีจำนวนรวม 7 จุด ดังต่อไปนี้ 1. ประตูเทวาภิรมย์ 2.ตึกถาวรวัตถุ (ตึกแดง) 3.ป้อมมหากาฬ 4.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 5.สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง 6.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และ 7.เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งพระนครฯ
ช่วงที่ 2 เที่ยวมุมใหม่ส่งท้ายปี แนะนำไปเช็คอิน “สุไหงโกลก เคาน์ดาวน์ 2026” ททท.นำทีมจัดเต็ม 28-31 ธ.ค.นี้
ชวนสัมผัสการท่องเที่ยว “พหุวัฒนธรรม” ยามค่ำคืน เชิญชวนส่งมอบความสุขไปด้วยกัน
แล้วลองฟัง “5วิธีดูแลสุขภาพรับปีใหม่” และข่าวฮ็อต ๆ
ท้ายชั่วโมง ข่าวแรก “แบงก์ชาติ-วีซ่า”
เปิดรายงานชี้เป้าธุรกิจไทยปรับตัวรับเทรนด์ทัวร์ต่างชาติหันจ่ายเงินผ่านดิจิทัล
ข่าวที่สอง “ททท.-รัฐเอกชนผนึกรับคาราวานรถยนต์+บิ๊กไบค์
มาเลเซีย โปรโมทฟื้นหาดใหญ่ สงขลา สตูล
ท่องเที่ยว-เที่ยวส่งท้ายปีจุดเช็คอินใหม่“สุไหงโกลก เคาน์ดาวน์ 2026”
“เมืองสุไหงโกลก” จังหวัดนราธิวาส เปิดมุมใหม่ชวนไปเช็คอิน “ท่องเที่ยวยามค่ำคืน” ร่วมสัมผัส
“อัตลักษณ์พหุวัฒนธรรม” พื้นที่ชายแดนใต้ ที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนทั้งไทย
มลายู จีน โดยนำพลังของศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิตท้องถิ่น
ผสานเข้ากับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ยกระดับนราธิวาสสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวแห่งใหม่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัด “Amazing
Thailand Su-ngaikolok Countdown 2026” เทศกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2569 ระหว่าง 28–31 ธันวาคม
2568 บริเวณสวนสาธารณะสิรินธร อำเภอสุไหงโกลก จ.นราธิวาส
ภายใต้แนวคิด “Harmony Beyond Borders” ส่งเสริมการเชื่อมโยงพื้นที่สองแผ่นดินไทยและมาเลเซีย
ไฮไลต์ “Amazing Thailand Su-ngaikolok Countdown 2026” ที่นักท่องเที่ยวจะได้ชมความงดงาม
ความสนุกสนานบันเทง อย่างเต็มอิ่ม 28-31 ธันวาคม 2568 ดังนี้
● ชมการตกแต่งประดับไฟสวยงาม
โดยใช้เทคนิค Light up และ Mapping พร้อมการประดับไฟตามจุดต่างๆ
ภายใต้แนวคิด “Harmony Beyond Borders”
● ร่วมกิจกรรมความบันเทิงและการแสดงบนเวที จากศิลปินชื่อดังตลอดงาน
4 วัน ได้แก่
- วันที่ 28 ธันวาคม 2568 พบกับวง Season Five
- วันที่ 29 ธันวาคม 2568 พบกับ เจนนิเฟอร์ คิ้ม
- วันที่ 30 ธันวาคม 2568 พบกับ พลพล พลกองเส็ง และ ปอ อรรณพ
-วันที่ 31 ธันวาคม 2568 คืนส่งท้ายปีเก่า พิเศษพบกับศิลปินจากอินโดนีเซีย
วง Repvblik พร้อมด้วยศิลปินไทย วิด ไฮเปอร์ และ ตั้ม วราวุธ
ซึ่งจะร่วมกันสร้างบรรยากาศแห่งความสุข
-ชมการแสดงพลุเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ค่ำคืนนับถอยหลังปีเก่า 31 ธันวาคม 2568 ต้อนรับปีใหม่ 1 มกราคม
2569 เพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความประทับใจไปด้วยกันของผู้คนกับนักท่องเที่ยวจากสองฝั่งชายแดน
● ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของพื้นที่ชายแดนใต้ ลิเกฮูลู ระบำตารีกีปัส
การแสดงปันจักสีลัต กับการถ่ายทอดเรื่องราวความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของผู้คนในพื้นที่สุไหงโกลกและจังหวัดใกล้เคียง
● ชิมอาหารฮาลาลและตลาดชุมชน
OTOP กว่า 50 ร้านค้า มีผู้ประกอบการท้องถิ่นและกลุ่มชุมชนนำเสนออาหารถิ่น
สินค้า ผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์นราธิวาส
● ร่วมสนุกกับกิจกรรมเวิร์กชอปและศิลปาชีพจากชุมชน เช่น
การปักผ้า การจักสานย่านลิเภา การทอเสื่อกระจูด การทำเรือกอและจำลอง
ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมเพิ่มประสบการณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณทรงสร้างอาชีพให้แก่พสกนิกรในพื้นที่
“Amazing
Thailand Su-ngaikolok Countdown 2026”
จะเป็นอีกพลังดึงดูดคนไทยในพื้นที่ภาคใต้ และเพื่อนบ้านมาเลเซีย
เข้ามาร่วมเติมความสุขช่วงปีใหม่ไปด้วยกัน
สุขภาพ –5เทคนิคสุขภาพดีดูแลตัวเองและครอบครัวรับปีใหม่
1.กินดี มีสติ :
●ใช้หลัก
2:1:1 (ผัก 2 ส่วน ข้าว/แป้ง 1
ส่วน โปรตีน 1 ส่วน)
●เลือกเมนู
ต้ม นึ่ง อบ ย่าง (ไม่ไหม้) แทนทอด ผัด
●ลดน้ำหวาน
ของมัน ของเค็ม หันมาดื่มน้ำเปล่าแทน
●กินช้าๆ
เคี้ยวให้ละเอียด
2.ขยับกาย เพิ่มพลัง :
● ออกกำลังกายแอโรบิก
(วิ่ง, ปั่นจักรยาน) 150 นาที/สัปดาห์
● เพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน
เช่น เดินบ่อยๆ.
3.พักผ่อนให้พอดี:
● นอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู
● พยายามนอนและตื่นให้เป็นเวลา
4.จัดการความเครียด:
● ทำสมาธิ
ฝึกจิตใจให้แจ่มใส
● สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง
สื่อสารเชิงบวก
5.ตรวจเช็คสุขภาพ:
● ตรวจสุขภาพประจำปี
เพื่อหาความผิดปกติและป้องกันโรค
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –แบงก์ชาติ-วีซ่าแนะไทยรับอนาคตทัวร์ต่างชาติชำระเงินผ่านดิจิทัล
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ร่วมกับวีซ่า ประเทศไทย รายงาน
“เจาะลึกพฤติกรรมการชำระเงินของนักท่องเที่ยวด้วยข้อมูล (Data-Driven
Insights into Tourist Payment Behaviours)” ผ่านการวิเคราะห์เกี่ยวกับ
“การใช้จ่ายและแนวโน้มการชำระเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติ” ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและวิธีชำระเงินในเมืองไทย
ต้องเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ “ดิจิทัล”
และเสริมความแข็งแกร่งให้ประเทศเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลกที่ทันสมัยและไร้รอยต่อ
รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้นำไปปรับใช้ได้ในหลายภาคส่วน ได้แก่
● การท่องเที่ยวและการบริการ
: ปรับบริการและช่องทางการชำระเงินเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทั่วโลก
ยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
● การชำระเงินและบริการทางการเงิน
: ขยายการยอมรับการชำระเงินดิจิทัล ส่งเสริมนวัตกรรม
และสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน
● การตลาดและธุรกิจค้าปลีก
:
เข้าใจรูปแบบการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวและเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การมีส่วนร่วม
● งานวิชาการและการวิจัยเชิงนโยบาย
:
สนับสนุนข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับการวิจัยและวางแผนเชิงกลยุทธ์ในอนาคต
“5 ประเด็นสำคัญจากรายงาน” ประกอบด้วย
1.การท่องเที่ยวสร้างมูลค่าเศรษฐกิจมหาศาล : ปี 2567
การท่องเที่ยวระหว่างประเทศมีส่วนสนับสนุนประมาณ 9% ของ GDP ประเทศไทย สร้างรายได้ 1.7 ล้านล้านบาท เกือบครึ่งของนักท่องเที่ยวทั้งหมดมาจาก 5 ตลาดหลัก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย
“ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่” กระจุกตัวอยู่ในหมวดที่พัก
(35%) และอาหารและเครื่องดื่ม (23%) ตอกย้ำบทบาทสำคัญของภาคการท่องเที่ยวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
2.การชำระเงินดิจิทัลโตแรง: นักท่องเที่ยวชำระเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
ปี 2567 ผ่านบัตรมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 327,000
ล้านบาท คิดเป็น 20% ของมูลค่าธุรกรรมทั้งหมด
โดยเฉพาะร้านค้าขนาดใหญ่และขนาดกลาง
มูลค่าการชำระเงินผ่านบัตรได้ปรับตัวสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 แสดงถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นต่อช่องทางที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย
3.โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่พร้อมรองรับเทคโนโลยี: ของไทยกำลังเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดด
โดยมีเครื่องรับชำระแบบอิเล็กทรอนิกส์ EDC กว่า 900,000
เครื่อง และจุดรับชำระผ่านคิวอาร์โค้ดทั่วประเทศกว่า 1 ล้านจุด แม้การชำระเงินดิจิทัลจะแพร่หลายในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว
แต่ผู้ค้ารายย่อยและพื้นที่ชนบทยังคงใช้ช่องทางดิจิทัลระดับจำกัด
การขยายระบบคิวอาร์แบบเชื่อมต่อทุกธนาคาร ผ่านโซลูชัน Scan to Pay หรือ Tap to Phone จากวีซ่า
จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงการชำระเงินให้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
4.พฤติกรรมการชำระเงินหลากหลายของนักท่องเที่ยว : มาเลเซีย
อินเดีย และเกาหลีใต้ มีพฤติกรรมการชำระเงินต่างกัน
มาเลเซียและเกาหลีใต้นิยมใช้บัตรแม้ธุรกรรมจะมีมูลค่าไม่สูงนัก “อินเดีย” ใช้บัตรควบคู่การถอนเงินสดในสัดส่วนใกล้เคียงกัน
สิ่งนี้สะท้อนความจำเป็นการออกแบบโซลูชันชำระเงินให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย
เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นสำหรับผู้มาเยือนทุกกลุ่ม
5.ข้อเสนอเชิงกลยุทธ์ : รายงานฉบับนี้มุ่งผลักดันผู้ประกอบการ
SME เปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัล ขยายจุดรับชำระเงินในแหล่งท่องเที่ยว
ให้ความสำคัญกับธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก แหล่งท่องเที่ยว ติดตั้งเทคโนโลยีการชำระเงินขั้นสูง
มีความร่วมมือระหว่างผู้ค้า สถาบันการเงิน และผู้กำหนดนโยบายเป็นกุญแจสำคัญสร้าง ecosystem
การชำระเงินยืดหยุ่น ครอบคลุม และพร้อมรับอนาคต
ข่าวที่สอง
–ททท.-รัฐเอกชนชูคาราวานรถยนต์/บิ๊กไบค์มาเลเซียบูมสงขลา-สตูล
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
ททท.จัดกิจกรรม Smile @ South, Malaysia – Thailand Caravan
ต้อนรับคณะคาราวานรถยนต์และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์กว่า 50 คัน เดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์
และรัฐปีนัง มาเลเซีย ผ่านด่านสะเดาสู่หาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.สตูล ระหว่างวันที่ 23-26 ธันวาคม
2568 ช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นและประชาสัมพันธ์ความพร้อมเมืองหาดใหญ่เข้ามาเพิ่มช่วงเทศกาลปีใหม่
ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของชาวมาเลเซีย รวมทั้งถึงมิตรภาพที่ดียังมั่นคงแข็งแกร่งระหว่าง2 ประเทศ พร้อมจะนำการท่องเที่ยวก้าวเติบโตไปข้างหน้าด้วยกัน
โดยนอกจากกิจกรรมคาราวาน
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท.
ยังได้ร่วมกับเทศบาลนครหาดใหญ่ สงขลา และพันธมิตรรัฐและเอกชนในพื้นที่หาดใหญ่เตรียมจัดยิ่งใหญ่
HATYAI NEW YEAR 2026 วันที่ 30-31 ธันวาคม 2568 บริเวณถนนธรรมนูญวิถี
เป็นอีเวนต์ส่งท้ายปลายปีชวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามา พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการและฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วยวิธี
Booster Shot ให้หาดใหญ่กลับมาคึกคัก
“คณะคาราวานมาเลเซีย”มีโปรแกรมเดินทางสำรวจพื้นที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้
2 จังหวัด
● จังหวัดแรก หาดใหญ่ จ.สงขลา เช่น สวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ นั่งหาดใหญ่เคเบิ้ลคาร์
กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของไทยสู่ยอดเขาคอหงส์ที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลมหาราช
พระพุทธรูปปางประทานพรองค์ใหญ่
แวะชอปปิงตลาดกิมหยง
● จังหวัดที่ 2 จ.สตูล
เพื่อเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว อาทิ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล
ล่องเรือชุมชนท่องเที่ยวสุไหงตำมะลังเพื่อชมนกอินทรีและป่าชายเลน
แวะชมสะพานข้ามกาลเวลาในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และน้ำตกวังสายทอง
● สถิตินักท่องเที่ยวมาเลเซียมาไทย ตั้งแต่ 1 มกราคม – 21
ธันวาคม 2568 มีจำนวน 4,378,522 คน ส่วนใหญ่เดินทางข้ามด่านชายแดนทางบก 57 % ทางด่านสะเดาซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียนิยมเดินทางเข้าไทยมากที่สุดเฉลี่ยปกติ
7,000 คน/วัน
แม้สถานการณ์อุทกภัยจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวมาเลเซียชะลอตัวช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
- ต้นเดือนธันวาคม แต่แนวโน้มตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมนี้ มีสัญญาณเชิงบวกดีขึ้น
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าไทยทั้งหมด รวมทางบกและทางอากาศเฉลี่ย 13,000 – 15,000
คน/วัน กลับมาเป็นเบอร์ 1 แล้ว
● มาเลเซียนิยมแหล่งท่องเที่ยวในไทย ได้แก่ สงขลา กรุงเทพฯ
กระบี่ ภูเก็ต และชลบุรี ส่วนใหญ่เดินทางด้วยตนเอง (FIT) กว่า 90 % เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางซ้ำ
(Repeat Visit) 70 % ชอบมาไทยช่วงวันหยุด
เพื่อพักผ่อนกับเพื่อนฝูง และครอบครัว ชื่นชอบอาหารไทย นวดสปา ชมแสงสียามค่ำคืน
แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.












ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น