“พระวิเทศวชิรญาณ”เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราในอินเดีย
ขยายโรงพยาบาลกุสินาราในพระบรมราชูปถัมภ์ปี 2568
น้อมนำบุญร่วมกันต่อลมหายใจผู้คน-พุทธศาสนายั่งยืน
คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนร่วมWonders Picnic 22-23ก.พ.68
Urban Decayที่คิงเพาเวอร์แจก4รายการ-ไอเทมหรูลด20%
คิงเพาเวอร์ออนไลน์สะสมช้อปรับฟรีบุฟเฟต์ควิซีนอันปลั๊ก
ททท.ควงแบรนด์หลุยส์เปิด“Louis Vuitton Guide”กรุงเทพ
บางจากปรับโครงสร้างใหม่ซื้อหุ้นBSRCเพิ่มการเงินแกร่ง
สุขทันทีที่ล่องเรือเที่ยวเกาะเกร็ดทุกวันอาทิตย์มีนาคมนี้
“5 วิธี”ลดความเครียดแบบง่าย ๆ ลงมือทำได้ด้วยตัวเอง
TCEBเปิดMEET WELLในAIME2025เพิ่มจุดขายไมซ์4มิติ
ทท.จัด“Executive Luncheon”ดึง7ทัวร์แอร์ไลน์บูมอินเดีย
วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #โรงพยาบาลพระพุทธเจ้า #วัดไทยกุสินาราอินเดีย #พระวิเทศวชิรญาณ
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1HZwj6gsZU/
อ่านใน
มติชนออนไลน์... https://www.matichon.co.th/publicize/news_5059535
ช่วงที่ 1
สัมภาษณ์ !! พระวิเทศวชิรญาณ
วิ.(ดร.สมพงษ์ ญาณธีโร) เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เมืองกุสินารา
รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย
นำ “สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก” รับพระมหากรุณาธิคุณไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์
รัชกาลที่ 10 ทรงโปรด “สืบสาน ต่อยอด” ต่อลมหายใจผู้คน
และศาสนาให้อยู่ไปถึง 5,000 ปี ยังความปลื้มปิติแด่พระสงฆ์
ปวงชนชาวไทยและอินเดีย ผู้ใช้บริการโรงพยาบาลพระพุทธเจ้า ปี’68 เชิญชวนร่วมสมทบทุนก่อสร้างอาคารหลังใหม่กว่า
90 ล้านบาท ต่อลมหายใจผู้คนและศาสนา
คิดค่ารักษาเพียง 12 รูปี/ครั้ง
“รักษาฟรี” ทุกวันพระ 8 และ 15 ค่ำ
เชิดชูวัดไทยให้คงความสง่างามอยู่ในใจชาวอินเดียนับพันล้านคน
พระวิเทศวชิรญาณ
วิ.(ดร.สมพงษ์ ญาณธีโร) เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย
เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงโปรด “สืบสาน ต่อยอด พัฒนา” รับ “สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์” ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งผลถึงพระสงฆ์ ชาวไทย
และชาวอินเดีย
ที่มารับการรักษาต่างพากันปลื้มใจสถานพยาบาลแห่งนี้ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2542 อยู่เคียงคู่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์มาตั้งแต่ต้น
เรียกว่า “โรงพยาบาลบอดี้ แอนด์ มายด์ : Body & Mind” เปิดรักษาทั้ง “ใจและกาย” โดยใช้พื้นที่รักษากายในอาคาร 2 ชั้น ได้แก่ ชั้น 1 จ้างหมออาสาชาวอินเดียมารักษาคนอินเดีย
ชั้น 2 หมอไทยรักษาคนไทย ทางกรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ของไทยส่งทีมแพทย์มาดูแลผู้แสวงบุญตลอด 6 เดือน
เดิมเป็นแค่ “คลินิกกุสินาราเฉลิมราชย์”
ต่อมายกระดับเป็น “สถานพยาบาล” คนส่วนใหญ่เรียกว่า “โรงพยาบาลพระพุทธเจ้า”
เริ่มแรกตั้งใจรักษาพระ คนงาน และคิดก่อน ทำก่อน เพื่อเปิดรักษาทุกโรค ช่วง “วันปกติ”
คิดค่ารักษาครั้งละ 12 รูปี และ “เปิดรักษาฟรี”
ทุกวันพระขึ้น 8 กับ 15 ค่ำ
เพราะต้องการให้คนอินเดียรู้จัก “วันพระพุทธเจ้า”
รำลึกถึงหากไม่มีพระองค์ก็จะไม่มีสิทธิ์รักษาฟรี สอนด้วยกุศโลบาย “เดินตามเขา
สู่เป้าหมายเรา”
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณรับ “สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก” วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์และบุญจัดสรรเกิดขึ้น อาตมาตั้งใจจะสร้างโรงพยาบาลจะต้องใช้เงินลงทุนอาคารสถานที่เพิ่มเติมอีกประมาณกว่า 90 ล้านบาท
เนื่องจากหลังสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ทำการ “สถานพยาบาลเดิม”
ไม่เพียงพอรองรับคนป่วยที่มาใช้บริการมีจำนวนมากขึ้น “พระธรรมโพธิวงศ์”
จึงมีดำริให้สร้างเพิ่มเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา
โดยมีความ “มหัศจรรย์” เกิดขึ้นอีกเพราะว่า
“วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์” ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดสร้างขึ้นครั้งครองราชย์ครบ 50 ปี เจริญพระชนมายุ 72
พรรษา
มาบัดนี้ปี 2568 ทางวัดจะสร้าง “อาคารสถานพยาบาลใหม่”
เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงพระชนมายุ 72
พรรษา
เรียกว่าเป็น “บุญสมมงคล (สะ-มะ-มง-คล)”
หมายถึง การบำเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมราชบูรพการี
เป็นราชประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบกันมาช้านาน พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะทรงอนุสรณ์คำนึงถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมราชบูรพการีในวาระต่าง
ๆ
การสร้าง “สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก”
คือการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอันดีที่ไม่ต้องลงทุนมากมาย
แต่ได้รับผลมหาศาล ได้ใจชาวอินเดียซึ่งรู้จักสถานพยาบาลวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์
ในนามพระมหากษัตริย์ไทยหรือ King
Thailand ที่มอบการรักษาให้คนอินเดียทุกคน
มีชาวอินเดียมาถามอยู่บ่อย ๆ
ว่าเพราะอะไรจึงมาสร้าง “โรงพยาบาล” ที่นี่
“พระธรรมโพธิวงศ์” ได้ตอบชาวอินเดียไปว่าเราสร้างโรงพยาบาลเพื่อ “บูชาพระพุทธเจ้า”
เรารัก เคารพ บูชา เพราะพระพุทธเจ้ามาป่วยที่นี่ สมัยนั้นไม่มีหมอ พยาบาล
มาดูแล จึงตั้งใจสร้างโรงพยาบาลขึ้น แม้จะไม่ได้ดูแลพระพุทธเจ้า ก็ขอดูแล “ผู้คนที่มากราบไหว้พระพุทธเจ้า”
บ้างก็ยังดี เป็นการกล่าวเชิงนามธรรมคือ “ได้บูชาพระพุทธศาสดา” อย่างแท้จริง
ส่วนรูปธรรมคือ “ต้องการขอบคุณชาวอินเดีย”
ที่ได้รักษาผืนแผ่นดินพระพุทธเจ้าไว้ให้เราทั้งสถานที่ ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน
เป็นสิ่งที่สามารถ “รักษาหัวใจ”
ของชาวพุทธให้มีความปิติสุข ต่อให้ตายไปเป็น 100 ชาติ หรือ 1,000
ชาติ
ก็ยังอยู่ในหัวใจเรา
ขณะนี้ “วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์”
เปิดให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคปัจจัยเป็นอริยทรัพย์สร้าง
“สถานพยาบาลกุสินาราคลินิก” ด้วยการอธิษฐานจิต “ต่ออายุ” พระพุทธศาสนา
“ต่อลมหายใจ” ชีวิตผู้คน ผ่านทางบัญชีธนาคารที่ทางวัดได้ประกาศไว้ ได้แก่
• ธนาคารกรุงไทย สาขาหัวตะเข้ ชื่อบัญชี
วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ เพื่อก่อสร้างสถานพยาบาล เลขที่บัญชี 082-0-99317-4 (บัญชีนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้)
• ธนาคารทหารไทยธนชาติ สาขาสุรวงศ์ ชื่อบัญชี
มูลนิธิวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์-อินเดีย เพื่อสถานพยาบาล เลขที่บัญชี 078-2-14799-5
คนไทยที่จะเดินทางไปวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ช่วงนี้ตรงกับฤดูแสวงบุญ
มี 3 สายการบิน บริการระหว่างไทย-อินเดีย
จึงขอเชิญชวนไปดูคนอินเดียกราบอิฐปูนหินทราย กราบอย่างไรให้มีดวงตาเห็นธรรม
บรรลุธรรม เข้าถึงองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า นอกเหนือจากกราบสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งแล้ว ยังได้มาร่วมกัน “ต่อลมหายใจ”
ให้คนอินเดีย ต่อลมหายใจพระพุทธศาสนาให้ยาวนานถึง 5,000 ปี และร่วมสร้างสถานพยาบาลให้แล้วเสร็จเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
ให้อยู่ในหัวใจของคนอินเดียนับพันล้านคน
เมื่อปี
2537 “พระสุเมธาธิบดี”
อดีตอธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ กรรมการเถระมหาสมาคมสมัยนั้น
มีดำริให้สร้างโดยมอบหมายให้ “พระธรรมโพธิวงศ์”
หัวหน้าพระธรรมฑูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล สร้าง “วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์”
ขึ้นในสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน “พระธรรมโพธิวงศ์”
เจริญรอยตามสร้างวัดไทยในสังเวชนียสถานใช้สถาปัตยกรรมนำศาสนา นับจากปี 2537
ถึงปัจจุบันในแดนพุทธภูมิมีวัดไทยรวม
37 วัด
เป็นการสร้างวัดไทยท่ามกลางดงขอทานที่คงความสง่างาม
ตามที่ท่านบอกว่าการสร้างวัดไทยง่ายนิดเดียวเพียงนำศูนย์รวมใจครบทั้ง 3
สถาบันหลัก ประกอบด้วย
“ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์” คือ
1.สถาบันชาติ ด้วยสถาปัตยกรรมวัดไทยมีความยิ่งใหญ่ทั้ง อุโบสถ
มหาเจดีย์ กุฎิ หอพระไตรปิฏก
สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ยังความเป็นไทยให้ชาวอินเดียได้เห็นตามคติหลักธรรมคือ “จิตคิดให้
มันเบา จิตคิดเอา มันหนัก” แล้ววัดไทยก็ให้ชาวอินเดียทุกอย่าง ทั้งแจกของ
เครื่องนุ่งห่ม ยารักโรค วัว
แจกทุกสิ่งจนแขกไว้วางใจเข้ามาช่วยสร้างวัดแสดงถึงความเป็นชาติไทย ถึงขั้น
“ประธานาธิบดีอินเดีย”
ต้องเดินทางมาเยี่ยมชมความสง่างามวัดไทยเพื่อหาคำตอบว่าผู้คนสนใจมากมายเพราะเหตุใด
วัดเดินตามกุศโลบายดำรงอยู่ได้ท่ามกลางความแตกต่าง แล้วยังสอนให้ชาวอินเดียเป็นผู้ให้ได้ด้วย
2.สถาบันศาสนา วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ มีครบทั้ง อุโบสถ
โรงทาน หอฉันท์ หอพระไตรปิฏก และสถานที่ดูงานของหน่วยงานหลักทั้ง องค์กรศาสนา
ผู้เรียนหลักสูตร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
(บสย.) กระทรวงวัฒนธรรมส่งพระสงฆ์ไปดูงานเพื่อศึกษาสร้างวัด
ฝึกสอนพระเป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และอีกมากมาย
3.สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายในวัดมีจุดศูนย์รวมใหญ่คือ “พระมหาเจดีย์”
เป็นเจดีย์ที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทรงพระราชทานทรัพย์ 5.5 ล้านบาท
เป็นปฐมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ทรงโปรดให้ อาจารย์วนิดา พึ่งสุนทร ศิลปินแห่งชาติ
ออกแบบแล้วพระองค์ทรงแก้แบบด้วยลายพระหัตถ์ จากนั้นพระองค์ทรงโปรดให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จเมื่อปี 2542 เพื่อวางศิลาฤกษ์พระมหาธาตุเจดีย์
แล้วปี 2548 ทรงโปรดให้เสด็จแทนพระองค์อีกครั้งหลังมหาเจดีย์สร้างเสร็จ พร้อมกับพระราชทาน
“พระบรมสาริกธาตุ” นำกลับสู่มาตุภูมิ
อันเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตกทอดตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่
9
“พระบรมสาริกธาตุ” มีที่มาจากชาวอังกฤษสมัยนั้นขุดได้ที่กรุงกบิลพัสดุ์ แล้วอังกฤษเจริญสัมพันธไมตรีกับล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เห็นถึงประเทศไทยนับถือพระพุทธศาสนาซึ่งไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้น สามารถรักษาสมบัติของชาติไว้ได้แน่นอนจึงมอบให้ไทย โดยในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานมาพร้อมเส้นผมทรงปลงก่อนพระผนวชด้วยพระหัตถ์สมเด็จย่า นำมาไว้ที่วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ตั้งใจบูชาสิ่งสูงสุดคือพระบรมสาริกธาตุ อันเป็นที่พึ่งของชาวไทยและอินเดียที่เดินทางมายังแดนพุทธภูมิ ทำให้ทุกคนมาถึง “พระมหาเจดีย์” แล้วได้ถวายพระพรในหลวงรัชกาลที่ 9 และถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 นำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตทุกคน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์รางน้ำชวนร่วมWonders Picnic 22-23ก.พ.68
กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
ธุรกิจของคนไทยผู้นำร้านค้าปลีกเพื่อการเดินทางและท่องเที่ยว
จัดกิจกรรมเชิงรุกให้สมัครเข้าร่วมฟรีกับกิจกรรม “Rangnam Hidden Wonders Picnic”
พร้อมกับเปิดช่องทางช้อปแบรนด์ดังดิวตี้ฟรีทั้งออนไลน์ โดยมีแบรนด์พันธมิตร
นำคอลเลคชั่นใหม่ ๆ ดีลหรู ราคาพิเศษ มาให้ช้อปตามสาขาในเมือง
ท่าอากาศยานนานาชาติของไทย ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ห้ามพลาด
4 ไฮไลต์ ดังนี้
@จัด Hidden Wonders Picnic
ย่านรางน้ำ 22-23 ก.พ.นี้
คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ ร่วมกับเครือข่ายการพัฒนาย่านรางน้ำอย่างมีส่วนร่วม
(Rangnam Social
Forum) นำร่องจัด “Rangnam Hidden Wonders Picnic” เชิญชวนทุกคนมาสำรวจเสน่ห์ย่านรางน้ำ
ด้วยจุดเช็คอิน จัดทำสัญลักษณ์ มอบของที่ระลึก สร้างการรับรู้ศักยภาพ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและยกระดับเป็นจุดหมายปลายทางศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวนานาชาติ
“ลงทะเบียนฟรี” Rangnam Hidden Wonders Picnic ที่ https://forms.gle/Enk4udTzE4hgz2ft7เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมวันเสาร์ 22-อาทิตย์ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ “สวนสันภาพ” เวลา 15.30-19.00
น.มาเพิ่มประสบการณ์ปิคนิคค้นพบมุมใหม่ ๆ ทำกิจกรรมกลางธรรมชาติ ร่วมกับ
คิง เพาเวอร์ เดินหน้าส่งเสริมชุมชนและสร้างสรรค์เอกลักษณ์ย่านรางน้ำ
เตรียมพบกับ
เวิร์คช้อปงานศิลปะจากวัสดุธรรมชาติ ลิ้มรสอาหารหลายสัญชาติจากร้านลับย่านนี้
ควบคู่การอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมขยายสู่การท่องเที่ยวระดับประเทศและนานาชาติ
รวมพลังกันทำให้ย่านรางน้ำกลายเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร” อีกแห่ง
และสนุกเพลิดเพลินกับกิจกรรมดังนี้
วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 สนุกกับ
จิบชา ชิมอาหาร ออกกำลัง ไฮไลต์ 3 ความสนุก คือ
• จิบชา : เปิดประสบการณ์การดื่มชาจีนจากผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่นจะพาไปสัมผัสรสชาติพร้อมเรื่องราวเบื้องหลังที่มาของชาแต่ละแบบเชื่อมโยงเข้ากับวัฒนธรรมการดื่มชาในชีวิตประจำวัน
• ชิมอาหารหลากสัญชาติ : ลิ้มรสเมนูอันหลากหลายจากร้านอาหารย่านรางน้ำ
ทั้งร้านอินเดีย เวียดนาม เมียนมา
โดยเชฟจะมาสร้างความตื่นเต้นบอกเล่าเรื่องความเป็นมาเมนูแต่ละจานที่ไม่เคยรู้มาก่อน
• แตรฟิต ไทยวง สนุกกับการออกกำลังกาย ผสมผสานระหว่างรำไทยกับดนตรีแตรวง
เพิ่มความสนุกสนานเพิ่มสุขภาพที่ดี
วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568
เพลิดเพลินกับอีก 4 ความสนุก คือ
• สนุกกับบอร์ดเกม : เปลี่ยนพื้นที่ในสวนให้กลายเป็นจุดรวมตัวที่เต็มไปด้วยความสนุกและไอเดียสร้างสรรค์ผ่านการเล่นบอร์ดเกมที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วม
พบปะผู้คนใหม่ๆ และสนุกไปกับการเล่นเกมร่วมกัน
• ร่วมชิมขนมไทย : ลิ้มรสขนมไทยจากร้านในย่าน
พร้อมฟังเรื่องราวเบื้องหลังการทำขนมแต่ละชนิดจากเจ้าของร้านที่ตั้งใจถ่ายทอดมรดกความหวานมาจนถึงปัจจุบัน
• เลือกทำเวิร์คชอป : ลงมือดีไซน์สิ่งประดิษฐ์จากสวน เคล็ดลับการปลูกต้นไม้ในกระถางพื้นที่จำกัด
เพ้นท์กระถางตามสไตล์ที่ชอบของแต่ละคน
สร้างพื้นที่สีเขียวส่วนตัวนำกลับไปไว้ที่บ้าน
• รับของกลับบ้าน : แลกรับของที่ระลึกพิเศษจากย่านรางน้ำ
เมื่อทุกคนได้มาร่วมค้นหาเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ในย่านรางน้ำครบทุกมิติ วิถีชีวิต อาหาร
สถาปัตยกรรม และธรรมชาติ
“เพื่อความปลอดภัย” ผู้ที่มีประวัติแพ้อาหารบางชนิด
แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมชิมอาหาร หรือต้องระวังด้วย เพราะเมนูต่าง ๆ
ปรุงจากวัตถุดิบหลากหลายชนิด อาจเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้
ข่าวที่ 2 -ช้อปUrban Decayคิงเพาเวอร์แจก4รายการ-ไอเทมหรูลด20%
คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ แนะนำให้ลอง “OWN YOUR LOOK THIS FEBRUARY WITH URBAN
DECAY” พบข้อเสนอสุดพิเศษสร้างสรรค์ลุคสวยได้ทุกโอกาส
เมื่อแวะมาช้อปที่ เคาน์เตอร์ “URBAN DECAY” วันนี้-28
กุมภาพันธ์ 2568 ทำยอดครบรับดีลสุดคุ้มเป็นของขวัญสุดพิเศษ 4
รายการ ได้แก่ 1.ช้อปครบ 2,000 บาท รับของขวัญ 4 ชิ้น 2.ช้อปครบ
3,200 บาทรับของขวัญ 5
ชิ้น 3.สิทธิพิเศษ! เมื่อซื้อ Moondust Eyeshadow
4.ช้อปทำสถิติยอดซื้อให้ครบขั้นต่ำ 3,200
บาท รับของขวัญเพิ่มกลับบ้านได้ด้วย
@ช้อปน้ำหอมแบรนด์เด่นดีลหรูไอเทมเลิศลดสูงสุด
20 %
คิง
เพาเวอร์ ออนไลน์
ยังเปิดให้ช้อปสนุกกับ “น้ำหอม” ที่จะมาสร้างความพิเศษมากกว่าทุกวันคือเสน่ห์ดึงดูดทุกสายตา
โดยมีแบรนด์ ต่าง ๆ พาเหรดกันมาเพียบทั้ง DIPTYQUE, YVES SAINT LAURENT,
BURBERRY, JO MALONE LONDON, TOM FORD BEAUTY, CHLOÉ, GUCCI มาพร้อมแคมเปญ LOVES &
LUXURY DEAL นำเสนอดีลสุดหรูพร้อมไอเทมพิเศษ
ตอบโจทย์ทุกความต้องการ คลิกง่ายสะดวกรวดเร็วลดสูงสุด 20 %
ดังนี้
• ช้อปครบ 4,000 บาท
ใช้รหัส 10FEB25 รับลดสูงสุด
10%
• ช้อปครบ
6,000 บาท ใช้รหัส 15FEB25
รับลดสูงสุด
15%
• ช้อปครบ 10,000 บาท
ใช้รหัส 20FEB25 รับลดสูงสุด
20%
ล่าสุด “คิง เพาเวอร์” ทุกสาขา
นำน้ำหอมน้องใหม่ “Very Good Girl Elixir” มาแรงในเดือนแห่งความรักตระกูล Good Girl จากแคโรลินา เฮอเรรา มาปลุกเทรนด์ผู้หญิงยุคใหม่ได้สัมผัสความเย้ายวนกว่าที่เคย
บรรจุอยู่ในขวดทรงรองเท้าส้นสูง ไล่เฉดสุดเร่าร้อน พร้อมกลิ่นหอม
ผสานความหวานฉ่ำของแบล็กเชอร์รี่ เพิ่มความหรูด้วยกุหลาบแดง และเบสโน๊ตจากวานิลาแสนอบอุ่น
เป็นอีกสไตล์ที่น่าลองเป็นของกัน
ข่าวที่
3-คิงเพาเวอร์ออนไลน์สะสมช้อปรับฟรีบุฟเฟต์ควิซีนอันปลั๊ก
นักช้อปที่มีเที่ยวบินหรือไฟลต์เดินทางต่างประเทศ
คลิกด่วนที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” วันนี้ -28 กุมภาพันธ์ 2568 แบรนด์ดังมีคอลเลคชั่นใหม่มาแรงเลือกซื้อสะดวกสบายทั้ง
น้ำหอม เครื่องสำอาง สกินแคร์ แว่นตา
นาฬิกาและอื่น ๆ
พร้อมกับร่วมกิจกรรมสะสมยอดช้อปออนไลน์สูงสุดตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อ
รับฟรี! บุฟเฟ่ต์นานาชาติและซีฟู้ด ที่ห้องอาหาร ควิซีน
อันปลั๊ก โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ) ทำสถิติช้อปติดอันดับ 1
- 5 รับฟรีโวเชอร์รับประทานอาหาร 1 รางวัล ต่อ 2 คน ช้อปติดอันดับ 6 - 25 รับฟรี 1
รางวัล ต่อ 1 คน
ตอนนี้แจกทันทีผู้มียอดช้อปสูงสุด 25 อันดับแรก
ตลอดกุมภาพันธ์
2568 คิง เพาเวอร์
พร้อมจะสร้างความสุขทำให้มีทุกโมเมนท์ ทุกวัน “เป็น ไป ได้” ไม่สิ้นสุด
มีไฟลต์บินเดินทางต่างประเทศช้อป คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแวะดิวตี้ฟรีสาขาในเมือง ที่รางน้ำ
ศรีวารี พัทยา ภูเก็ต และท่าอากาศยานนานาชาติ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่
ภูเก็ต ได้ทุกวัน
ข่าวที่ 4-ททท.ควงแบรนด์หลุยส์เปิดตัว“Louis Vuitton Guide”กรุงเทพ
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.สำนักงานปารีส
จับมือกับแบรนด์ดัง Louis Vuitton เปิดตัว Louis Vuitton City Guide Bangkok 2025 คู่มือท่องเที่ยวระดับโลก
นำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษ “กรุงเทพมหานคร” ผ่านมุมมองหรูหรามีสไตล์ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชั่นที่ทั่วโลกยอมรับ
โดยมีผู้บริหารบริษัทนำเที่ยว สายการบิน และอินฟลูเอนเตอร์ด้านการท่องเที่ยว ร่วมประสบการณ์พิเศษสุดที่
Maison de Famille de Louis Vuitton ในเมือง Asnières-sur-Seine ฝรั่งเศส
สถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง
ททท.ทำกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อฉลองปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 สอดคล้องตามที่ไทยมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ระดับพรีเมียม
เชิญชวนนักเดินทางไฮเอนด์ให้ไทยเพื่อสัมผัสมรดกทางวัฒนธรรม
ความคิดสร้างสรรค์ล้ำสมัย บริการอันยอดเยี่ยมในกรุงเทพฯ
ปี 2567 ไทยมียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 35.5 ล้านคน
เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ประมาณ 26.3 % ฟื้นจากปี 2562 แล้ว 89 %
ปี 2567 ฝรั่งเศสมาเที่ยวไทย 720,806 คน เติบโตจากปีก่อน 32.3 % ฟื้นตัวจากปี 2562 ประมาณ 96 % เคยมาแล้ว 745,318 คน
@Louis Vuitton City Guideชูเสน่ห์ 5Must
Do กรุงเทพฯ
ส่วน “Louis Vuitton
City Guide” คอลเลกชั่น ได้รวบรวมข้อมูลแลนด์มาร์กสำคัญต้องห้ามพลาด ได้แก่ ร้านอาหารระดับโลก
แกลเลอรีศิลปะ แหล่งแฟชั่น สถานที่พักผ่อนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ วัฒนธรรม ตามมาตรฐานของการท่องเที่ยวไฮเอนด์ตั้งแต่ปี
ค.ศ.1998
คู่มือฉบับกรุงเทพฯนี้ จะพาผู้อ่านร่วมสัมผัสเสน่ห์เมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาด้วยแนวคิด
5 Must Do In Thailand คือ Must Taste, Must Try, Must Buy, Must
Seek และ Must See คาดจะสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวกรุงเทพฯ
ให้นักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพและมีศักยภาพใช้จ่ายสูงทั่วโลก
โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางไฮเอนด์ที่ชื่นชอบแบรนด์ระดับหรูหราอย่างหลุยส์ วิตตอง
ททท.ได้จัดงาน Louis Vuitton
Bangkok City Guide with Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 จัดขึ้นเพื่อเปิดตัว Louis Vuitton City Guide Bangkok 2025 เป็นสื่อกลางทางวัฒนธรรมเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่มีมากว่า 340
ปี
ข่าวที่
5-บางจากปรับโครงสร้างใหม่ซื้อหุ้นBSRCเพิ่มการเงินแกร่ง
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.บางจากฯ ครั้งที่ 3/2568 มีมติอนุมัติแผนปรับโครงสร้างธุรกิจกลุ่มบริษัทบางจาก
ผ่านการทำคำเสนอ “ซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด” ของบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) “BSRC” ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่น ไม่เกิน 631,859,702 หุ้น (คิดเป็น 18.3 % ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BSRC)
@บางจากเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดใช้วิธีShare Swap
โดยใช้วิธี
“แลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุน” บางจากฯ (Share Swap) อัตราการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ ต่อ 6.50 หุ้นสามัญของ BSRC หากมีเศษหุ้นจากการคำนวณหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ
จะมีการปัดเศษหุ้นนั้นทิ้ง
การทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญดังกล่าวคิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนบางจากฯ
รวมไม่เกิน 97,209,185 หุ้น
โดยจะไม่มีการชำระค่าตอบแทนในรูปแบบตัวเงิน พร้อมทั้งประกาศแผนการเพิกถอนหุ้นของ BSRC จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
คาดแผนปรับโครงสร้างดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปี 2568
@โครงสร้างใหม่ช่วยธุรกิจขับเคลื่อนสะดวก
5 เรื่อง
นายชัยวัฒน์
กล่าวว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้จะช่วยการพัฒนาธุรกิจของกลุ่มบางจากครบทั้ง 5
เรื่อง ได้แก่
เรื่องที่
1 เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจกลุ่มบริษัทบางจากให้ตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เรื่องที่
2 เพิ่มความแข็งแกร่งเรื่องผลประกอบการทางการเงิน
เรื่องที่
3 ทำให้โครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบางจากชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เรื่องที่
4 ลดความซับซ้อนโครงสร้างการถือหุ้น
เรื่องที่
5 เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน
สามารถลดกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อนลงได้
@เปิดให้ผู้ถือหุ้น
BRSCมีโอกาสถือหุ้นบางจากองค์กรยั่งยืน
อีกทั้งการทำคำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้น BSRC ด้วยวิธี “แลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนบางจาก”
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้น BSRC ได้ถือหุ้นบางจากฯ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่มีความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงิน
ทั้งด้านผลประกอบการเติบโตอย่างมั่นคง มี EBITDA ต่อเนื่องระดับ 40,000 ล้านบาท มีขนาดสินทรัพย์รวมกว่า 300,000 ล้านบาท ผนวกกับมีศักยภาพการเติบโตจากธุรกิจหลักที่หลากหลาย
ภายใต้แนวคิด Bangchak 100X ภายในปี
2573 มุ่งสู่เป้าหมาย EBITDA
100,000 ล้านบาท
เติบโตเป็นองค์กรที่ยั่งยืน 100 ปีคู่สังคมไทย
โดยผู้ถือหุ้น BSRC ยังคงมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ BSRC ทางอ้อมผ่านการถือหุ้นในบางจากฯ
มีสภาพคล่องการลงทุนได้สูงขึ้นจากมูลค่าตลาด หรือ Market Capitalization ขนาดใหญ่ขึ้น
ช่วงที่ 2 เดือนมีนาคมนี้มีทริป “ล่องเรือเที่ยวเกาะเกร็ด” นนทบุรี มาชวนไปเช็คอิ
เที่ยวฟิน กินอร่อย นั่งชิลคาเฟ่ชิค สัมผัสวัฒนธรรม และของฝากหลากหลาย
ททท.กรุงเทพฯ จับมือกับเรือด่วนเจ้าพระยา จัดทริปทุกวันอาทิตย์ คนละ 150 บาท แล้วฟัง “5 วิธีลดเครียด” แบบง่าย
ทุกคนทำได้ด้วยตนเอง และเจาะลึกกับ ข่าวแรก “TCEBร่วม
AIME2025” งัด MEET WELL เพิ่มจุดขายไมซ์4มิติ
ข่าวที่สอง “ทท.จัด Executive
Luncheon” ดึง7ทัวร์แอร์ไลน์บูมอินเดีย
ท่องเที่ยว –สุขทันทีล่องเรือเที่ยวเกาะเกร็ดทุกวันอาทิตย์มีนาคมนี้
มีทริปเที่ยววันหยุดสบาย
ๆ “ทุกวันอาทิตย์” มาชวนผู้หลงรักการเดินทาง ออกไปฟินกับทริปสุขทันทีเที่ยวใกล้กรุง
“ล่องเรือเที่ยวเกาะเกร็ด” นนทบุรี หาเมนูอาหารคาวหวานอร่อย ๆ รับประทาน สนุกกับการร่วมทำเวิร์คช็อป
เดินซื้อของฝาก เรียนรู้วิถีวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมเกาะริมเจ้าพระยา
เพียงแค่คนละเพียง 150 บาท จากราคาปกติ 250 บาท
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานกรุงเทพมหานคร กับเรือด่วนเจ้าพระยา
มีเส้นทางท่องเที่ยวมาแนะนำให้ออกไปลองเที่ยวทางน้ำ ล่องเรือชมสองฝั่งเจ้าพระยา
ทริปวันเดียวเที่ยวสบายใจ
สายชิล
สายฮีลใจ ที่ชอบเที่ยวทางน้ำนั่งเรือรับลมเย็นสบายทุกวันอาทิตย์ 23 กุมภาพันธ์ และ 2, 9, 16 มีนาคม 2568
ททท.จัดพิเศษให้รีบจอง 600 สิทธิ์
“จุดขึ้นเรือ”
ท่าเรือมาตรฐาน คือ ท่าเรือสาธร ท่าเรือบางโพ และท่าเรือนนทบุรี
มุ่งหน้าสู่แหล่งท่องเที่ยว “เกาะเกร็ด”
“ขาไป”
มีเรือบริการตามเวลา 09.30 น.
: ออกจากท่าสาธร / 10.00 น. : เรือออกจากท่าบางโพ /10.20 น. : ออกจากท่านนทบุรี /11.00
น. :
ถึงเกาะเกร็ด ตรงท่าเรือวัดปรมัยฯ
“ขากลับ” มีเรือบริการตามเวลา 14.30 น. : ออกจากเกาะเกร็ด (ท่าวัดไผ่ล้อม)
จากนั้นเรือจะแวะส่งนักท่องเที่ยวเรียงตามลำดับคือ ท่าเรือนนทบุรี ท่าเรือบางโพ
ท่าเรือสาทร
มีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยม
เริ่มต้นด้วย “กราบพระ” ในวัดสวยวิถีมอญ เดินชม “ปั้นดินเผา”
ของดีที่อยู่คู่ชุมชนมายาวนาน
แล้วก็ลงมือทำ “เวิร์คช้อป” แบบฮีลใจได้อีกแบบ กับการระบายสีถุงผ้า
ทำขนมไทย แช่เท้านวดเท้า
“อิ่มท้อง”
กับของกินวิถีชุมชน ไฮไลต์ต้องได้ลิ้มรส ข้าวแช่ ทอดมันหน่อกะลา ขนมไทย
และสารพัดของอร่อย โดยแวะเช็คอิน
“คาเฟ่ริมน้ำ” ได้ทุกมุม
ลองเข้าไปดูข้อมูลทางเพจเฟซบุ๊ค
เรือด่วนเจ้าพระยา LINE
: @cpxboattour เพจ ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร
ราคานี้รวมเฉพาะค่าเรือ
(ไม่มีมัคคุเทศก์) เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเที่ยว
และจับจ่ายใช้สอยบนเกาะได้ตามอัธยาศัยแนะนำก่อนจองหรือจ่ายเงินซื้อตั๋วโดยสารอ่านครบถ้วนก่อน
และกำหนดการอาจปรับตามความเหมาะสม
สุขภาพ –5 วิธีลดความเครียดแบบง่าย
ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง
ความเครียดเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย
ซึ่งแต่ละคนมีวิธีจัดการความเครียดต่างกันแนะนำลองทำด้วยตัวเองง่าย ๆ 5
วิธี
วิธีที่
1 ออกกำลังกาย ช่วยทำให้จิตใจแข็งแรง แล้วยังสามารถลืมความเครียดได้ด้วย
จากการเพิ่มระดับฮอร์โมนเซโรโทนินทำให้หลับง่ายขึ้น อยู่บ้านก็ทำได้ง่ายๆ เช่น เล่นโยคะ
ยืดกล้ามเนื้อร่างกาย
วิธีที่
2 ดื่มคาเฟอีน ในปริมาณพอเหมะ
เช่น กาแฟ ชา มีเกี่ยวข้องกับภาวะเครียด โดยจะทำให้เกิดอาการตื่นตระหนก
กระวนกระวาย
วิธีที่
3 นอนให้พอ ตอนกลางคืนควรนอนตั้งแต่ที่ยังรู้สึกง่วง
หยุดใช้โทรศัพท์ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ งดดื่มกาแฟ อย่ากินอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอน
ปรับแสงห้องนอน ทำให้อากาศในห้องไม่ร้อนเกินไป และนอนให้ได้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง/วัน
วิธีที่
4 นั่งสมาธิ จะช่วยผ่อนคลายสมองลดความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี
นั่งสมาธิให้ได้วันละ 30 นาที
วิธีที่
5 กินอาหารให้สมดุล หากกินอาหารแปรรูปมากเกินไป
และอาหารที่มีน้ำตาลสูงมากเกินไป อาจส่งผลให้ระดับความเครียดสูงขึ้นได้ แนะนำให้ควบคุมประเภทอาหารที่กินในแต่ละวันให้สมดุล
ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดการบริโภคอาหารแปรรูป หันมากินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง
ขนมปังโฮลวีต และ ผัก ผลไม้ เพิ่มการกินโปรตีนไขมันต่ำให้มากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –TCEBร่วม AIME2025 งัด MEET WELL เพิ่มจุดขาย4มิติ
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB/ทีเส็บ” เปิดเผยว่า
ทีเส็บนำผู้ประกอบการไทยจากกรุงเทพฯ และภูเก็ต 12 ราย เข้าร่วมงาน Asia
Pacific Incentives and Meetings Event (AIME) 2025 เมื่อ
10-12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่เมลเบิร์น
ออสเตรเลีย จับคู่เจรจาการค้าไมซ์กับตลาดนานาชาตินำเสนอจุดขายใหม่ปี 2568 ด้วยการเปิดแคมเปญใหม่ “MEET WELL” ให้สื่อมวลชนทั่วโลกที่เข้าร่วมงานนี้
พร้อมทั้งตอบโจทย์ธุรกิจการจัดงานแต่ละฝ่ายต่างมองหาสิ่งแปลกใหม่ มีคุณค่าสูง
มีความหมายเชิงลึก
สร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้มากขึ้นและมีองค์ประกอบที่สร้างสุขภาวะที่ดี
แคมเปญ
“MEET WELL” พัฒนามาจากต้นทุนทรัพยากรที่มีอยู่จริงในไทยและเกิดจากความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไมซ์
ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้านานาชาติที่จะจัดงานไมซ์มั่นใจเมื่อเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายจะมีคุณค่าสร้างความประทับใจมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นได้
สำหรับ
“MEET WELL” เป็นแคมเปญจัดงานในไทยมีองค์ประกอบพร้อมทั้ง
4 มิติ ได้แก่ Wellness, Well-Connected,
Well-Balanced และ Heartfelt Welcome ตามความหมายดังนี้
• มิติที่ 1 Wellness เป็นการจัดงานที่ให้ความสำคัญเรื่องการบำรุงรักษาทางกายและจิตใจหรือสุขภาวะให้กับผู้ร่วมงาน
ใช้ประโยชน์จากบริการเชิงการแพทย์ของไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีผลิตภัณฑ์และบริการการดูแลสุขภาพระดับสูงครอบคลุมด้านการบำบัดรักษาเชิงวิทยาศาสตร์
การดูแลแบบองค์รวม การพัฒนาทางจิต
นำองค์ประกอบทั้งหมดมาออกแบบให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้สัมผัสด้วยกลยุทธ์
การจัดทริปลงพื้นที่หรือทัวร์ก่อนหรือหลังการประชุม หรือจัดเวิร์กชอปให้ผู้เข้าร่วมงานลงมือทำของจริง
• มิติที่ 2 Well-Connected ออกแบบเส้นทางไมซ์ในลักษณะจับคู่เมืองเพื่อจัดงานหรือกิจกรรม
เป็นทางเลือกให้ผู้ร่วมงานได้รับประสบการณ์หลากหลายตามสถานที่จัดงานในไทย
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากทีเส็บมุ่งพัฒนาจุดหมายปลายทางเมืองต่าง ๆ
โดยเฉพาะเมืองไมซ์และจังหวัดใกล้เคียงที่มีศักยภาพให้เป็นสถานที่จัดงานหรือกิจกรรมควบคู่กัน
2 เมืองในไทยเมื่อเดินทางมาเพียงครั้งเดียว (Multiple
Locations in One Single Trip) การจับคู่เมืองลักษณะนี้ทำได้เพราะมีเครือข่ายขนส่งเชื่อมต่อกัน
ตัวอย่าง เส้นทางไมซ์ กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา สามารถเดินทางโดยรถไฟเชื่อมกันได้
• มิติที่ 3 Well-Balanced นำเสนอกิจกรรมรักษ์โลกเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
โดยเลือกเส้นทางไมซ์คาร์บอนต่ำ (low-carbon MICE routes)
เปิดให้มีส่วนร่วมในโครงการที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนเพื่อความยั่งยืนต่าง ๆ โดยมีสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย
หรือ Thai Ecotourism and Adventure Travel Association (TEATA) นำทีมพัฒนาเส้นทางรวมทั้งองค์กรต่าง ๆ เน้นจุดเด่นเรื่องลดคาร์บอนฟุตพรินต์โดยมีทีเส็บให้การสนับสนุน
• มิติที่ 4 Heartfelt Welcome สื่อถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่นในแบบฉบับไทย
(Thai hospitality) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น ผู้ประกอบการไมซ์ไทยส่งมอบความพิเศษให้คู่ค้า
เช่น โปรโมชั่นการใช้บริการต่าง ๆ การจัดเวิร์กชอป หรือกิจกรรมที่ออกแบบรองรับผู้ร่วมงานเฉพาะกลุ่มไม่ซ้ำใคร
เพื่อสร้างความประทับใจที่ยาวนาน ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะการสนับสนุนการจัดงานจากภาครัฐ
ตอนนี้คือ ทีเส็บเปิดตัวบริการช่องทางพิเศษในการเดินทางเข้าเมือง
การอำนวยความสะดวก การแสดงศิลปวัฒนธรรม การสำรวจความพร้อมสถานที่จัดงาน และอื่น ๆ
ข่าวที่สอง
-ทท.จัด“Executive Luncheon”ดึง7ทัวร์แอร์ไลน์บูมอินเดีย
นายจักรพล
ตั้งสุทธิธรรม
ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นำทีมเจาะตลาดอินเดียต่อเนื่อง โดยได้จัด Executive
Luncheon เปิดห้องจัดงานเลี้ยง เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 ที่โรงแรม The Leela Palace กรุงนิวเดลี
อินเดีย สร้างความสำเร็จ 2 ภารกิจหลัก
ภารกิจที่
1 แลกเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยกับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ในอินเดียและสายการบิน
ภารกิจที่
2 กำหนดแนวทางความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในตลาดอินเดีย
ขานรับปีท่องเที่ยวไทย Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 โดยได้เปิดเส้นทางท่องเที่ยวเพิ่มในภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่
และภาคใต้ จังหวัดกระบี่ ไว้ให้ตลาดอินเดียด้วย
ททท.ได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่แถวหน้าในตลาดอินเดียเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความร่วมมือเดินหน้ากระตุ้นนักท่องเที่ยวมาไทยปี
2568 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.3 ล้านคน
สร้างรายได้ 100,000 ล้านบาท กับทั้ง 7 บริษัท ได้แก่
1. MakeMyTrip 2. Yatra 3. Thomas
Cook India Ltd. 4. Ease My Trip 5. Skyscanner
India 6. IndiGo Airlines 7. Air India
การจัดเลี้ยงด้วยกิจกรรม
Executive Luncheon ส่งผลดีต่อทุกฝ่ายเมื่อผู้บริหารระดับสูงของไทย
ทั้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้ว่าการ ททท. นายธีระศิลป์
เทเพนทร์ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่
รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ พร้อมคณะผู้บริหารจาก ททท.เข้าร่วมพบปะพูดคุยผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ในอินเดีย
เพื่อร่วมมือกันส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย-อินเดีย แล้วยังสามารถกระชับความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญ
(Key Players) ในพื้นที่ซึ่งพร้อมจะบูรณาการส่งเสริมตลาดอินเดียในอนาคต
ไทยเล็งเจาะตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียที่มีกำลังซื้อสูงทั้งนักท่องเที่ยวต่าง
ๆ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวแล้ว ยังพุ่งเป้าขยายฐานกลุ่ม MICE เจาะลึกตลาดที่ได้รับรางวัลการเดินทางท่องเที่ยว (Incentives) พร้อมกับผลักดันเปิดจุดขายให้นักเดินทางอินเดียเลือกเส้นทางในไทยเพิ่มอีก 2 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่กับกระบี่
ซึ่งมีความพร้อมในการต้อนรับกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมครองใจตลาดอินเดียได้ต่อไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น