วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

คลังMOU จุฬา บางจาก PTTOR ปรับพฤติกรรมคนเติมน้ำมันก่อนเก็บภาษีคาร์บอน ก.พ.68

 

กระทรวงการคลัง MOU คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ บางจาก PTTOR ก่อนจัดเก็บภาษีคาร์บอนน้ำมัน

คลังจ่อเก็บ“ภาษีคาร์บอน”ครั้งแรกมีผลบังคับใช้ก.พ.68

MOU“จุฬา-บางจาก-PTTOR”ปรับพฤติกรรมคนเติมน้ำมัน

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #

คลัง นำกรมสรรพสามิต MOU “จุฬา-PTTOR-บางจาก” ร่วมขับเคลื่อนกระตุ้น ผู้บริโภค ธุรกิจ ปรับพฤติกรรมใหม่รับพรบ.ภาษีคาร์บอนใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เริ่ม ก.พ.68

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 กระทรวงการคลัง นำโดยกรมสรรพสามิต ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับ 3 พันธมิตร นำโดย คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ทำโครงการ “ขับเคลื่อนและสนับสนุนการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน” ที่สถานีบริการน้ำมัน PTT และสถานีบริการน้ำมันบางจาก ถนนวิภาวดีรังสิต

@ภาษีใหม่มาแล้ว“เก็บค่าคาร์บอน”มีผลบังคับใช้ ก.พ.68

ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคลัง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ. .... โดยกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เป็นการกำหนดให้มี “กลไกราคาคาร์บอนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต” ที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เป็นราคาคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Pricing) แรก

ของประเทศไทยที่แสดงสัดส่วนของต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทต่าง ๆ ภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต

ซึ่งสามารถคำนวณได้จาก “ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” (Emission Factor) ซึ่งเป็นค่าที่สามารถคำนวณได้ทางวิทยาศาสตร์คูณกับ “ราคาคาร์บอน” (Carbon Price)  200 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าโดยภาครัฐเป็นผู้กำหนด

 


@คลังงัดใช้ภาษีคาร์บอนเปลี่ยนพฤติกรรมคนใช้น้ำมัน-ธุรกิจ

โครงสร้างภาษีคาร์บนรัฐจัดทำขึ้นเพื่อให้ภาครัฐสามารถใช้ “มาตรการทางภาษี” เป็นเครื่องมือสร้างความตระหนักให้ 1. ผู้บริโภคและ 2.ผู้ประกอบการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ขั้นตอนการจัดทำปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

สำหรับ MOU หรือการลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้ จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและ                       ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ด้วยวิธีนำข้อมูล “ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” มาศึกษาวิเคราะห์และประเมินผลสัมฤทธิ์มาตรการดังกล่าวเพื่อใช้กำหนดนโยบายในอนาคต

ซึ่งทางกระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตได้รับความร่วมมือจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำร่องการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภค โดยแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งผ่านหน้าจอ ตามสถานีบริการของ บริษัท ปตทฯ และผ่านแอปพลิเคชั่นของบางจากคือ Bangchak Mobile Application

ต่อไปประชาชนจะรับทราบ” “การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งว่ามีปริมเท่าใดจากจำนวนน้ำมันที่เติมทั้งหมด นำไปสู่การปรับพฤติกรรมการลดการปล่อย Co2 ในระยะยาวได้

 


@บางจากชูต้นไม้ของคุณ-แอพกรีนไมล์บอกภาษีคาร์บอน

“นายเสรี อนุพันธนันท์” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การกำหนดกลไกราคาคาร์บอนผ่านภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการใช้มาตรการภาษีเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บางจากฯ ในฐานะองค์กรพลังงานชั้นนำของไทย ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่งเสริม “การรับรู้ภาษีคาร์บอน” สนับสนุนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน และพัฒนากลไกติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ร่วมกับกรมสรรพสามิต และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“เป้าหมายหลัก” คือส่งเสริมความเข้าใจเรื่อง “ภาษีคาร์บอน” ให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันบางจากผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย

ด้วยวิธีเปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ ภายใต้แคมเปญ "ต้นไม้ของคุณ" ซึ่งจะบันทึกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงพฤติกรรมการใช้น้ำมันรักษ์โลกเข้ากับอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาบางจากฯ ได้ดำเนินโครงการด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้การรับรอง Carbon Footprint of Product (CFP) สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง 5 รายการ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นบางจากเรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

 


@นำ Carbon Markets Clubปูพรมภาษีคาร์บอน1มี.ค.68

“นางกลอยตา ณ ถลาง” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธาน Carbon Markets Club กล่าวว่า “Carbon Markets Club จะร่วมสื่อสารเกี่ยวกับภาษีคาร์บอนและโครงการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนดังกล่าวผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทั่วไปในวงกว้างด้วย

โครงการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอน จะเริ่มสื่อสารตั้งแต่ 1 มีนาคม 2568 กำหนดกลุ่มตัวอย่างวิจัยประมาณ 3,500 ราย ภายในเวลา 3 เดือน เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ประเมินผลสัมฤทธิ์การส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีคาร์บอน และใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานในอนาคต

บางจากฯ ต้องขอขอบคุณพันธมิตร หน่วยงานภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน รวมถึงลูกค้าและสมาชิกบัตรกรีนไมลส์ ที่มีส่วนร่วมกันทำโครงการนี้ เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับภาษีคาร์บอน ร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและสร้างโลกยั่งยืน เป็นประโยชน์เชิงบวกในภาพรวมด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วันดี เผื่อนอุดม ททท.ลุยขายเที่ยวมี.ค.-เม.ย.ุ68 นคนายก ปราจีน สระแก้ว

  วันดี เผื่อนอุดม ผอ.ททท.สำนักงานนครนายก   เปิดพื้นที่เที่ยวเต็มพิกัด  3  จังหวัด “นครนายก-ปราจีนบุรี” “วันดี เผื่อนอุดม” นำททท.ลุยขายเที่ย...