คลังจ่อเก็บ“ภาษีคาร์บอน”ครั้งแรกมีผลบังคับใช้ก.พ.68
MOU“จุฬา-บางจาก-PTTOR”ปรับพฤติกรรมคนเติมน้ำมัน
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza
#รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #
คลัง นำกรมสรรพสามิต MOU “จุฬา-PTTOR-บางจาก” ร่วมขับเคลื่อนกระตุ้น ผู้บริโภค ธุรกิจ ปรับพฤติกรรมใหม่รับพรบ.ภาษีคาร์บอนใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เริ่ม ก.พ.68
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 กระทรวงการคลัง นำโดยกรมสรรพสามิต ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับ 3 พันธมิตร นำโดย คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ทำโครงการ “ขับเคลื่อนและสนับสนุนการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน” ที่สถานีบริการน้ำมัน PTT และสถานีบริการน้ำมันบางจาก ถนนวิภาวดีรังสิต
@ภาษีใหม่มาแล้ว“เก็บค่าคาร์บอน”มีผลบังคับใช้
ก.พ.68
ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคลัง
กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ. ....
โดยกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
เป็นการกำหนดให้มี “กลไกราคาคาร์บอนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต”
ที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เป็นราคาคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory
Carbon Pricing) แรก
ของประเทศไทยที่แสดงสัดส่วนของต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทต่าง
ๆ ภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต
ซึ่งสามารถคำนวณได้จาก “ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก”
(Emission Factor) ซึ่งเป็นค่าที่สามารถคำนวณได้ทางวิทยาศาสตร์คูณกับ
“ราคาคาร์บอน” (Carbon Price) 200 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าโดยภาครัฐเป็นผู้กำหนด
@คลังงัดใช้ภาษีคาร์บอนเปลี่ยนพฤติกรรมคนใช้น้ำมัน-ธุรกิจ
โครงสร้างภาษีคาร์บนรัฐจัดทำขึ้นเพื่อให้ภาครัฐสามารถใช้
“มาตรการทางภาษี” เป็นเครื่องมือสร้างความตระหนักให้ 1. ผู้บริโภคและ 2.ผู้ประกอบการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ขั้นตอนการจัดทำปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ
ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา
คาดจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป
สำหรับ MOU หรือการลงนามบันทึกความเข้าใจครั้งนี้
จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภคและผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ด้วยวิธีนำข้อมูล “ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม”
มาศึกษาวิเคราะห์และประเมินผลสัมฤทธิ์มาตรการดังกล่าวเพื่อใช้กำหนดนโยบายในอนาคต
ซึ่งทางกระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตได้รับความร่วมมือจากคณะเศรษฐศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และบริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำร่องการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภค
โดยแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งผ่านหน้าจอ
ตามสถานีบริการของ บริษัท ปตทฯ และผ่านแอปพลิเคชั่นของบางจากคือ Bangchak
Mobile Application
ต่อไปประชาชนจะรับทราบ” “การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(Co2)” ในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งว่ามีปริมเท่าใดจากจำนวนน้ำมันที่เติมทั้งหมด
นำไปสู่การปรับพฤติกรรมการลดการปล่อย Co2 ในระยะยาวได้
@บางจากชูต้นไม้ของคุณ-แอพกรีนไมล์บอกภาษีคาร์บอน
“นายเสรี อนุพันธนันท์”
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า
การกำหนดกลไกราคาคาร์บอนผ่านภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการใช้มาตรการภาษีเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บางจากฯ ในฐานะองค์กรพลังงานชั้นนำของไทย ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่งเสริม “การรับรู้ภาษีคาร์บอน”
สนับสนุนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน และพัฒนากลไกติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค
ร่วมกับกรมสรรพสามิต และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“เป้าหมายหลัก” คือส่งเสริมความเข้าใจเรื่อง
“ภาษีคาร์บอน” ให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์
ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการสถานีบริการน้ำมันบางจากผู้จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง
นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย
ด้วยวิธีเปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้
ภายใต้แคมเปญ "ต้นไม้ของคุณ"
ซึ่งจะบันทึกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์
ทำให้ผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงพฤติกรรมการใช้น้ำมันรักษ์โลกเข้ากับอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาบางจากฯ
ได้ดำเนินโครงการด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังได้การรับรอง Carbon
Footprint of Product (CFP) สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง 5
รายการ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นบางจากเรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
@นำ Carbon Markets Clubปูพรมภาษีคาร์บอน1มี.ค.68
“นางกลอยตา ณ ถลาง”
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก
คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธาน Carbon Markets Club กล่าวว่า
“Carbon Markets Club จะร่วมสื่อสารเกี่ยวกับภาษีคาร์บอนและโครงการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนดังกล่าวผ่านช่องทางต่างๆ
เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทั่วไปในวงกว้างด้วย
โครงการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอน
จะเริ่มสื่อสารตั้งแต่ 1 มีนาคม 2568 กำหนดกลุ่มตัวอย่างวิจัยประมาณ
3,500 ราย ภายในเวลา 3 เดือน
เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ประเมินผลสัมฤทธิ์การส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีคาร์บอน
และใช้เป็นแนวทางกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานในอนาคต
บางจากฯ ต้องขอขอบคุณพันธมิตร หน่วยงานภาครัฐ
ภาควิชาการ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน รวมถึงลูกค้าและสมาชิกบัตรกรีนไมลส์
ที่มีส่วนร่วมกันทำโครงการนี้ เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับภาษีคาร์บอน
ร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำและสร้างโลกยั่งยืน เป็นประโยชน์เชิงบวกในภาพรวมด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น