เสกสรร ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานโตเกียวใช้ Amazing 7 Wonders ปั๊มตลาดญี่ปุ่นปี68-69
ททท.โตเกียวลุยตลาดญี่ปุ่นปี’68-69เข้าเป้า1.2-1.3 ล้านคน
ชู Amazing7Wondersนำร่องขายอีสานญี่ปุ่นเที่ยวอีสานไทย
ผนวก4โปรเจกต์“ไทยคัลเจอร์-กอล์ฟ-อีลิตการ์SummerBlash”
ปี’69เจาะญี่ปุ่นเทรนด์คุณภาพมาแรงBleication+เด็กมหาลัย
คิงเพาเวอร์ออนไลน์ปลุกช้อปCLE DE PEAU-ลดแรง 25%
สายลุยช้อปสตรีทแวร์สุดชิคคิงเพาเวอร์รับกิฟท์การ์ด4พัน
ททท.บูม“ฟังเสียงหัวใจ
เที่ยวไทยไม่รู้ลืม”200รร.ลดสุด30%
บางจากรับรางวัลClimateChangeAwardด้านClimate
Action
เที่ยวงานไหลเรือไฟโลกนครพนม1เดียวในโลก12วัน12คืน
6 วิธีการดูแลรักษาสุขภาพเมื่อเกิดอาการนอนแล้วปวดหลัง
MTCO-Agodaเวิร์คช้อปอีคอมเมอร์ซหนุนธุรกิจเที่ยวMSME
เวียตเจ็ททำITM“แอร์ฟรานซ์-KLM”รองรับฝูงบินใหม่ 50 ลำ
วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #ไหลเรือไฟโลกนครพนม
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/17KfbJeKv6/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! “เสกสรร
ศรีไพรวรรณ” ผู้อำนวยการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโตเกียว เปิดแผนรุกเร็วปี’68 ดึงญี่ปุ่นเที่ยวไทยเข้าเป้า 1.2 ล้านคน ปี’69
ขยายเป็น1.3 ล้านคน เร่งเดินหน้าบิ๊กโปรเจกต์
“Amazing7 Wonders” เจาะตลาดคนรุ่นใหม่
กระจายสู่เมืองน่าเที่ยว Hidden Gems to Hidden Gems นำร่อง
“อีสานญี่ปุ่นสู่อีสานไทย : Nihon Tohoku & Thai Tohoku” ขานรับ “ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์” เปิดบิน มิยางิ-กรุงเทพฯ เริ่ม ธ.ค.68 พร้อมเสริมทัพส่งเสริมอีก 4 โครงการ “ไทย ป็อบ
คัลเจอร์” ปลุกกระแสแฟนคลับศิลปิน อินฟลู “โร้ดโชว์กอล์ฟ” 10-11 ต.ค.ที่โตเกียว “สมาชิกบัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด”
เพิ่มความถี่เดินทางซ้ำๆ ลุยขาย “Thailand Summer Blash” 2 OTA 2 โลว์คอสต์ดังในญี่ปุ่น ปี’69 เดินหน้าขยายฐานตลาด “Bleication”
นักธุรกิจและการพักผ่อน กับเด็กมหา’ลัย
นายเสกสรร
ศรีไพรวรรณ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานโตเกียว เปิดเผยว่า
มีโครงการสานต่อแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบ ททท.สำนักงานโตเกียว
ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางมาไทยมากถึง 60 %
ของญี่ปุ่นทั้งหมด ประกอบด้วย คันโต โทคุ
(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น) และด้านบนสุดในฮอกไกโด ซัปโปโร
ซึ่งมีสนามบินนานาชาติกระจายอยู่ทุกพื้นที่ ช่วงปี 2568 สามารถทำสถิติส่งเสริมญี่ปุ่นเดินทางมาไทยช่วง
8 เดือนแรก มกราคม-สิงหาคม ทำได้แล้วกว่า 7 แสนคน ตามเป้าตลอดปีนี้ตั้งไว้ 1.2 ล้านคน (ปี 2562
สามารถทำได้มากที่สุด 1.8 ล้านคน)
ปี 2568 ได้ใช้แผนขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยวญี่ปุ่นภายใต้โครงการใหญ่ “Amazing
Thailand 7 Wonders นำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
ขานรับกับพฤติกรรมตลาดในญี่ปุ่นได้ขยับจากกลุ่ม “ผู้สูงวัย” เป็น “คนรุ่นใหม่”
เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนิยมใช้อินเตอร์เน็ต ออนไลน์ จองการเดินทางมากขึ้น
แล้วก็เน้นการเชื่อมเส้นทางเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองรอง และเมืองรองสู่เมืองรอง
ด้วยกลยุทธ์การทำเที่ยวบินพิเศษ เพื่อกระจายตัวนักท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด
โดยได้เข้าร่วมหารือกับหน่วยงาน Japan
Tourism Agency (JTA) หรือกรมการท่องเที่ยว กระทรวง Ministry
of Land, Infrastructure,Transport and Tourism หรือ MLIT ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งความเห็นร่วมกันโดยมีแนวคิดส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองน่าเที่ยวที่ไม่ใช่เมืองหลัก
(Hidden Gems) ของญี่ปุ่น กับของไทย
ร่วมกันทำนำโดยเฉพาะจังหวัดพื้นที่นำร่องในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นกับจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
(Nihon Tohoku & Thai Tohoku)
เริ่มจากจังหวัดมิยางิ (เชื่อมเซนได)
ซึ่งมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นจริงเพราะเดือนธันวาคม 2568 ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ จะเปิดบินตรงสู่กรุงเทพฯ
แล้วอาจจะเชื่อมการบินต่อไปยังอีสานของไทย
เนื่องจากภาคอีสานของญี่ปุ่นกับไทยมีความเหมือนกันทางด้าน “รากวัฒนธรรม” เช่น วิถีข้าว สุรากลั่นท้องถิ่น งานเทศกาลประเพณี มีความเชื่อมโยงอย่างไม่น่าเชื่อทางวัฒนธรรม สอดคล้องตามเหตุผลที่จะได้กระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรองในอีสาน และใช้ปี 2569 ฉลองความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ครบรอบ 140 ปี พร้อมทั้งจะเป็นปีเริ่มคลิกออฟ “เมืองรองของญี่ปุ่นสู่เมืองรองของไทย” (Hidden Gems to Hidden Gems) ซึ่งจะต้องพึ่งสายการบิน กับบริษัทตัวแทนท่องเที่ยว มาสร้างสมดุลจำนวนผู้โดยสาร/นักท่องเที่ยว เพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ เป็นหนึ่งในการหาพื้นที่เมืองใหม่มาขับเคลื่อนตลาดการท่องเที่ยว
ส่วนการขับเคลื่อนด้วยโครงการ Amazing
Thailand 7 Wonders ตามแผน ททท.สำนักงานโตเกียว
พร้อมจะเสนอขายเจาะกลุ่มเป้าหมายด้วย 7 หมวดหลัก ได้แก่
1.Illustrate Your Endless Stories ถ่ายทอดเรื่องราวอันไม่รู้จบของคุณโดยใช้ “อนิเมะญี่ปุ่นและไทย”เพื่อโปรโมตประเทศไทย เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
2.First Visitor ผู้เข้าชมกลุ่มแรก
: คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักเดินทาง FIT คนทำงานทางไกล แฟนวัฒนธรรมป๊อปไทย
แฟน BL และละครไทย
3.กลุ่ม Business Leisure : โครงการ Thailand Bleication มุ่งเป้าตรงไปยังกลุ่มนักเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อน เพื่อขยายระยะเวลาเข้าพักให้นานขึ้น ททท.ทำงานอย่างใกล้ชิดกับองค์กรและสมาชิกบัตรเครดิตและสิทธิพิเศษ
4.Lotus Mind : พุ่งเป้าไปยังกลุ่มนักเดินทางสูงวัยที่สนใจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามของไทยในราคาเข้าถึงได้
5.Sports Tourism : การท่องเที่ยวเชิงกีฬา พุ่งเป้าเจาะกลุ่มคนรักกีฬาชาวญี่ปุ่น เช่น นักกอล์ฟ นักวิ่งมาราธอน นักดำน้ำ และอื่น ๆ
6.Amazing Thailand : การสร้างแบรนด์ประเทศไทย
เพื่อสร้างและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลใหม่ๆ
เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายโซเชียลมีเดียของญี่ปุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น งานเทศกาลไทย แฟนคลับไทย ฯลฯ ในเมืองที่เน้นญี่ปุ่น
7.โครงการพิเศษเพื่อกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ 2 Ways Tourism for Hidden Gems Thailand Destination to Hidden Gems Japanese Destination ผ่านการส่งเสริมเที่ยวบินพิเศษร่วมกับพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว เช่น ตัวแทนท่องเที่ยว สายการบิน เมืองสำคัญของรัฐบาลญี่ปุ่นในพื้นที่ที่มีศักยภาพในประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย
รวมทั้งมีโครงการสำคัญเข้ามาสนับสนุนเพื่อเข้าถึงตลาดกลุ่มเป้าหมายเชิงรุกอีกอย่างน้อย 4 โครงการ ได้แก่
โครงการที่ 1 “Thai Pop Culture” ที่กำลังได้รับความนิยมในตลาดญี่ปุ่นทั้ง อาหารไทย แฟชั่น สินค้าไทย เซลิบริตี้ไทย ทำการตลาดเชิงรุกผ่านออนไลน์ โดยใช้คาแรกเตอร์การ์ตูนมาขับเคลื่อนสินค้าท่องเที่ยว เช่น การเปิดเที่ยวบินของ “ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์” จะนำเรื่องราวภาคอีสานมาร้อยเรียงเป็นการ์ตูนให้มีความแปลกใหม่ด้านโฆษณานอกเหนือจากออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์ ขยายสู่อิลลัสเตเตอร์
โครงการที่ 2 “จัดแฟมทริป และโร้ดโชว์” ตัวอย่างช่วงกลางเดือนกันยายน 2568 ได้นำกลุ่มกอล์ฟเดินทางเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดคุณภาพสำคัญตามปกติช่วงไฮซีซั่นเมืองไทยในญี่ปุ่นจะตรงกับฤดูหนาวสนามกอล์ฟจะปิดบริการซึ่งมีกว่า 2,200-2,500 แห่ง จึงต้องบินมาเล่นในไทย แล้วทางสมาคมสนามกอล์ฟเมืองไทยเตรียมนำผู้ประกอบการสนามกอล์ฟไทยไปทำโรดโชว์และอัพเดทสินค้า จับคู่เจรจาธุรกิจกับตัวแทนผู้ซื้อที่โตเกียว ระหว่าง 10-11 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็น 1 ใน 7 Wonders หมวด Thailand Bleication ซึ่งผมเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิด แต่ต้องหยุดไป แล้วนำมาทำจริงปีนี้เพราะกีฬากอล์ฟสะดวกกับนักธุรกิจญี่ปุ่นที่เดินทางมาไทยผสมผสานระหว่าง business +vacation
โครงการที่
3 ส่งเสริม “สมาชิกบัตร ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด”
เพิ่มความถี่การเดินทางตลาดญี่ปุ่น เข้ามาเล่นกอล์ฟในเมืองไทย
และพร้อมกับใช้จ่ายเงินด้านบริการท่องเที่ยวอื่น ๆ ตามสิทธิ์ ซึ่งตอนนี้“ราคาบัตร”
จับต้องได้จึงมีกลุ่ม “คนรุ่นใหม่” วัยประมาณ 30-45 ปี
เข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น ซึ่งในอนาตจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวซ้ำที่ดีมาก
เพราะชื่นชอบซื้อแพกเกจที่ไม่หรูหรามากแต่สามารถเดินทางด้วยความถี่ได้มากขึ้นทั้ง
กอล์ฟ สปา และอื่น ๆ
ปี 2569 ททท.สำนักงานโตเกียว มีเป้าหมายตามแผนการตลาดปีหน้าจะขยับจำนวนเป็น 1.3 ล้านคน ต้องได้ทั้งเชิง “ปริมาณ/Volumn” และ “คุณค่า/Value” ตามฐานข้อมูลที่ต้องการขยาย กลุ่มที่ 1 คนอายุน้อยรุ่นใหม่ (Young Gen) จะใช้ช่องทางการสื่อสารทำการตลาดออนไลน์ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ และทำกิจกรรมกับแฟนคลับ ดารา นักร้อง ซีรีย์ต่าง ๆ กลับมาโด่งดังในญี่ปุ่นอีกครั้งแต่มาถ่ายทำผลงานในไทยจึงเป็นผลดีเปิดเส้นทางให้แฟนคลับรุ่นใหม่ตามรอยมาเที่ยวเมืองไทย
กลุ่มที่ 2 อินฟลูเอนเซอร์ ที่ชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน โดยไลฟ์สถานที่ต่างๆ แชร์ไปยังเครือข่าย จึงเป็นโอกาสสร้างแบรนด์เมืองท่องเที่ยวอย่าง กรุงเทพฯ และเมืองหลัก ซึ่งกลุ่มนี้สามารถช่วยต่อยอดให้นักท่องเที่ยวของซื้อโปรแกรมทัวร์จากแพลตฟอร์ม ท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) โดยไม่ผ่านบริษัทนำเที่ยวซึ่งก็ยังเหมาะกับกลุ่มคอร์ปอเรตอยู่
โครงการที่ 4 Thailand Summer Blash จะจัดช่วงตุลาคม 2568-มิถุนายน 2569 ตั้งเป้าเพิ่มนักท่องเที่ยว 80,000 คน มุ่งกระตุ้นตลาดเชิงปริมาณร่วมกับ บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) และสายการบินโลว์คอสต์ (LCC)
กลุ่มที่ 1 บริษัท OTA ท่องเที่ยวออนไลน์เจ้าใหญ่ ๆ เช่น Rakuten Travel, H.I.S. ทำเป็นไดนามิกแพกเกจ โดยนำ “ตั๋วโดยสารเครื่องบิน” พ่วงกับที่พักโรงแรม หรือทำกิจกรรมแบบที่ชอบ (option) เช่น กอล์ฟ สปา ดินเนอร์ ร้านอาหาร เส้นทางการท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกได้ทันที
กลุ่มที่ 2 สายการบินราคาประหยัดคือ ZIP Air กับแอร์ เจแปน (ในเครือ ออนนิปปอนแอร์เวย์ส) เพื่อทำแพกเกจพิเศษผ่านช่องทางการจองตั๋วโดยสารตรงกับสายการบิน เตรียมเปิดเที่ยวบินเส้นทางใหม่ เช่น ซัปโปโร และทางฝั่งคันไซ อีก 1 เส้นทาง ซึ่งจะเป็นช่องทางให้ ททท.เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าเมืองไทย
ผอ.เสกสรร กล่าวว่า ททท.จะขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการหน่วยงานภาครัฐรณรงค์เรื่อง “มาตรฐาน” ความปลอดภัย สินค้าและบริการ รวมทั้งเพิ่มช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะพฤติกรรมชาวญี่ปุ่นกลุ่มนี้จะเข้ามาหาข้อมูลผ่านออนไลน์เพื่อเปรียบเทียบราคาแล้วตัดสินใจจองซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงแนะนำให้ผลิตแพกเกจให้ตรงใจกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งเน้นมาทำกิจกรรมหาประสบการณ์ในต่างประเทศร่วมกัน
ล่าสุดจัดกิจกรรม
“แบ็คแพ็คเฟสต้า” ไปเชียงใหม่ แล้วหมุนไปตามจังหวัดต่าง ๆ
เป็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย มาพร้อมกันนับร้อยคน
แล้วก็ได้เล่าเรื่องเมืองไทยแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ไปยังกลุ่มคนญี่ปุ่น อย่าง
วัฒนธรรม วิถีชีวิต อาหารไทย แม้จะจ่ายเงินไม่มากเท่ากลุ่มอื่น ๆ
แต่จะเป็นฐานตลาดอนาคต
เพราะตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นหันมามองเอเชียมากขึ้นหลังจากค่าเงินเยนอ่อนการจัดทริปไปเรียนหรือทัศนศึกษายังประเทศไกลจะมีราคาสูงมาก
จึงเป็นโอกาศของ “ไทย” ซึ่งมีมหาวิทยาลัย และโรงเรียนนานาชาติ รองรับ ททท.ทั้ง 3 สำนักงานจึงเดินหน้าเจาะตลาดกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เพิ่มมากขึ้น
รวมทั้งมีข่าวดีซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนในเมืองไทยกับโรงเรียนมัธยมในจังหวัดฮ็อกไกโด ซัปโปโร จะมาเยี่ยมชมโรงเรียนในกรุงเทพฯ และพระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นจากการสำรวจ ลงนามข้อตกลง แล้วก็จัดเป็น School trip ก่อนจะขยายผลทำโครงการแลกเปลี่ยนการเรียนระหว่างกัน หรือ “กลุ่มเฉพาะอย่างนักธุรกิจเล่นกอล์ฟ กับผู้สูงวัย” ควรพันธมิตรบริษัทนำเที่ยวให้บริหารจัดการเส้นทางท่องเที่ยวได้ด้วย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ออนไลน์ชูช้อปCLE DE PEAU-แจกโปรลด25%
“สัมผัสความหรูหรา” ที่ “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปกับแบรนด์ดัง “CLÉ DE PEAU BEAUTÉ” จากญี่ปุ่น นำเสนอผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูความสวยอย่างล้ำลึก กระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอยให้ผิวเรียบเนียนอ่อนเยาว์ทุกวัน เมื่อมีไฟลต์บินกดช้อปได้แบบสบาย ๆ กับดีลพิเศษ ที่คิง เพาเวอร์ เท่านั้น เมื่อช้อปครบ 1,500 บาท ลดสูงสุด 25% ผ่านรหัส SPSAVE “พิเศษ” สมาชิกออนไลน์บัตรPOWER PASS ลดเพิ่มทันทีอีก 5% ผ่านรหัส MBSAVE
“สุขทันที แค่ปลายนิ้วสัมผัส” เพียงเลือกเปิด “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ซื้อสะดวก ง่ายกว่าที่เคย แค่คลิกเดียวก็ปลดล็อกความพิเศษ รับสินค้าที่สนามบินขาออกประเทศได้ทุกทริป วันนี้ -30 กันยายน 2568
1.สินค้า Duty-Free สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน 2.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน 3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4,600 บาท 4.ฟรี! ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า 5.รับเลย! ส่วนลด 800 บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์ 6.รับสิทธิ์สมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ)
ข่าวที่ 2 -สายลุยช้อปสตรีทแวร์สุดชิคคิงเพาเวอร์รับกิฟท์การ์ด4พัน
“คิง
เพาเวอร์” ชวนคนรุ่นใหม่แวะช้อปเเฟชั่น “สตรีทแวร์” สุดชิค
มาพร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ จาก AlexanderMcqueen วันนี้–
30 กันยายน 2568 ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และภูเก็ต
แนะนำให้ซื้อ
“CASH CARD” 10,000 บาท รับทันที Gift Card มูลค่า 4,000 บาท
ให้นำไปใช้ช้อปสินค้าที่เข้าร่วมรายการตรงแผนกแฟชั่น นาฬิกา และเครื่องประดับ
อย่าลืม
!! สมัครสมาชิก POWER PASS ฟรี!
แบบไม่มีวัน อายุ
แล้วก็รับทันที 400 CARAT นำไปใช้เป็นส่วนลดได้อีก ใช้แทนเงินสด 100 บาท) สมาชิกไม่มีวันหมดอายุ
“ดิวตี้
ฟรี คิง เพาเวอร์” ช้อปได้ทุกวัน จะมีไฟลต์หรือไม่มีไฟลต์ก็ช้อปได้ ถ้า
“ไม่มีไฟลต์” ช้อป “สินค้าป้ายฟ้า” รับกลับทันทีมีหรือ “มีไฟลต์” สามารถช้อป 60 วันล่วงหน้าก่อนบินได้ด้วย
ข่าวที่ 3-ททท.บูม“ฟังเสียงหัวใจ เที่ยวไทยไม่รู้ลืม”200รร.ลดสุด30%
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำทีมเปิดตัวแคมเปญ“ฟังเสียงหัวใจ
เที่ยวไทยไม่รู้ลืม” พร้อมพรีเซ็นเตอร์
เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการปลุกกระแสนักท่องเที่ยวคุณภาพแต่ละกลุ่มวัยกระตุ้นตลาดช่วงฤดูท่องเที่ยวไฮซีซั่นปลายปี
2568 ถึงต้นปี 2569 นำโดย“วู้ดดี้–วุฒิธร,
โอ๊ต–อัครพล” เน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มโซโล อีโคโนมี “ลิเดีย
ศรัณย์รัชต์–แมทธิว ดีน” และครอบครัว เน้นนักท่องเที่ยวมัลติเจนเนอเรชั่น รวมทั้งนำเสนอภาพยนตร์โฆษณาโดยผู้กำกับ
“นายจิรัฐพงศ์ รัชชระเสวี” ร่วมสร้างแรงบันดาลใจและสื่อสารคุณค่าการเดินทางท่องเที่ยวไทย
อำนวยความสะดวกวางแผนการเดินทางผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวไทยไม่รู้ลืม.com โดยได้รวบรวมดีลและโปรโมชั่นสุดพิเศษจากโรงแรมและรีสอร์ตทั่วประเทศกว่า
200 แห่ง เพิ่มการใช้เงิน “สบายใจ สบายกระเป๋า” เติมความสุขและประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าไม่รู้ลืม
ปี
2568-2569 ททท. มุ่งยกระดับ “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงคุณค่า” อย่างแท้จริง จึงเน้นทำตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพควบคู่ส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าตลอดการเดินทาง
ด้วยโครงการดังกล่าว ดึงดูดกลุ่มที่มีอำนาจการใช้จ่ายสูงและต้องการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีคุณค่าในความทรงจำ
โดยเฉพาะ กลุ่มที่ 1 “มัลติ เจนเนเรชั่น” เดินทางเป็นครอบครัวพร้อมกันหลายช่วงวัยได้สร้างความทรงจำร่วมกัน
กลุ่มที่ 2 Solo
Economy เดินทางตอบสนองแรงบันดาลใจและคุณค่าของเวลา
ททท.ได้วางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์
ใช้ Celebrity & Influencer Marketing ขยายพลังการสื่อสารและสร้างกระแสรับรู้ปลุกการเดินทางเมืองท่องเที่ยวหลักเชื่อมเมืองน่าเที่ยวด้วยโปรโมชั่นพิเศษ
เปิดจองโปรโมชั่นสุดพิเศษ
!! เริ่มวันนี้ 18 กันยายน – 30 พฤศจิกายน 2568
สามารถเข้าพักได้ทันที 18 กันยายน 2568 – 31 มีนาคม 2569 ตามเงื่อนไขของโรงแรม
มอบ“โปรโมชั่นและแพ็กเกจท่องเที่ยวสุดคุ้ม” มอบส่วนลด 10-30 % แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ตามตัวอย่าง ดังนี้
กลุ่มที่
1 มอบส่วนลดสูงสุด 30 % ได้ โรงแรม
ไมด้า ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป และโรงแรมรีสอร์ตอีกหลายแห่งทั่วเมืองไทย
กลุ่มที่
2 มอบส่วนลด 20 % ได้แก่ โรงแรมศรีพันวารีสอร์ต
5 ดาว , จรัสภาวัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์
รีสอร์ตหรูหัวหินที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล World Luxury Award , ศิลาวดี พูล สปา รีสอร์ท
เกาะสมุย พูลวิลล่าวิวสวยที่สุดของไทย ,โรงแรมกาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท
ริมแม่น้ำเจ้าพระยา, เคป ดารา รีสอร์ท และ ใบหยก กรุ๊ป
กลุ่มที่
3 มอบส่วนลด 15 % ได้แก่ รอยัล
คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป พัทยา เครือโรงแรม 5 ดาว, ศาลา ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป
เครือโรงแรมและรีสอร์ทสไตล์บูทีค
กลุ่มที่
4 มอบส่วนลด 10 % ได้แก่ วารานา กระบี่ เวลเนส เซ็นเตอร์ มอบประสบการณ์บำบัดด้วยน้ำแบบเฉพาะตัวเป็นธนาคารน้ำธรรมชาติแห่งแรกของไทย
ข่าวที่ 4-บางจากรับรางวัลClimate Change AwardสูงสุดClimate
Action
สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate
Change Institute: CCI) ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(ส.อ.ท.) ได้จัดงานสัมมนาวิชาการ “Climate Change Forum 2025: Driving towards Net Zero” โดยมีบางจากฯ
เป็นหนึ่งในหน่วยงานผู้สนับสนุนการจัดงาน เป็นการจัดงานเวทีใหญ่ครั้งแรก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวทางปฏิบัติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ
และเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง ที่อาคารเอ็มทาวเวอร์ สุขุมวิท 62
พร้อมทั้งมีพิธีมอบ Climate
Change Awards เพื่อเชิดชูเกียรติองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นด้าน Climate
Action “บางจาก”
ได้รับรางวัลสูงสุดประเภทองค์กรต้นแบบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate
Action Leader – Excellence) ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการดำเนินงานด้าน Climate
Action และการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
จากผลงานที่จับต้องได้ เช่น โครงการ FAST+ และการติดตั้งวัสดุเคลือบผิวป้องกันการสูญเสียความร้อนในโรงกลั่นน้ำมันบางจาก
พระโขนง ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีคาร์บอนฟุตพริ้น (CFP) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ 13-39% รวมทั้งการดำเนินงานด้านการจัดการพลังงานและโครงการด้านสิ่งแวดล้อมอื่น
ๆ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่ธุรกิจอย่างต่อเนื่องมาตลอด
รวมทั้งกลุ่มบริษัทบางจากยังได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการ “Fry to Fly” โครงการรณรงค์ให้นำน้ำมันใช้แล้วจากการปรุงอาหารมาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
(SAF) และ Carbon Markets Club เชิญชวนภาคธุรกิจและภาคประชาชน
ร่วมเรียนรู้และสร้างความตระหนักรู้เรื่องวิกฤตภาวะภูมิอากาศ
เพื่อขยายผลการมีส่วนร่วมสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม
ช่วงที่ 2 ไปเที่ยวอีสานเที่ยวงานประเพณีหนึ่งเดียวในโลก
“ไหลเรือไฟโบราณสู่เรือไฟโลก” จ.นครพนม เติมบุญ เพิ่มพลังศรัทธา
มีกิจกรรมมากมายริมฝั่งโขง เริ่ม 27 ก.ย. -8 ต.ค.2568 แล้วฟัง “6 วิธีดูแลรักษาสุขภาพจากการนอนแล้วเกิดปวดหลัง
และข่าวอินเทรนด์ ข่าวแรก “MTCOจับมือ Agoda” จัดเวิร์คช้อปฟรีอีคอมเมอร์ซให้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว MSME ข่าวที่สอง “เวียตเจ็ทไทยแลนด์” ทำITM กับแอร์ฟราน
และเคแอลเอ็มฯ รองรับฝูงบินใหม่ 50 ลำ
ท่องเที่ยว –เที่ยวงานไหลเรือไฟโลกนครพนม1เดียวในโลก12วัน12คืน
เตรียมตัวให้พร้อม
นักท่องเที่ยวสายศรัทธา เส้นทางทัวร์บุญ งานประเพณีออกพรรษา ขึ้น 15 เดือน 11 ปีนี้จัดตระการตา มหกรรม “ไหลเรือไฟโลก”และงานกาชาดจังหวัดนครพนม
เที่ยวต่อเนื่องแบบยาว ๆ 12 วัน 12 คืน
เริ่มปลายเดือน 27 กันยายน-8 ตุลาคม 2568
ชาวนครพนมภาคภูมิใจ
เพราะบรรพบุรุษได้ยึดถือปฏิบัติมานานตั้งแต่โบราณ ตามความเชื่อเรื่องประเพณีเกี่ยวเนื่องจาก
การบูชารอยพระพุทธบาท, การสักการะท้าวพกาพรหม, การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณี
และการระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคา, การขอฝน, การเอาไฟเผาความทุกข์ และการบูชารอยพระพุทธบาทขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
“งานประเพณีไหลเรือไฟ” จัดขึ้นช่วงเทศกาลออกพรรษา ตรงกบวันขึ้น
15 ค่ำ เดือน 11
สื่อถึงความเชื่อที่ยึดถือกันมายาวนานประเพณียิ่งใหญ่ภาคอีสาน
และอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ให้นักท่องเที่ยวได้ชมวัฒนธรรมโบราณ เริ่ม วันที่ 27
กันยายน นี้ นักท่องเที่ยวจะได้ยลแสงไฟอันสวยงาม 2 พื้นที่หลัก
พื้นที่แรก บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม
พื้นที่ 2 ริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเมืองนครพนม
ปีนี้ยกระดับประเพณีเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก
หนึ่งเดียวในโลก กระจายการจัดกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร
จากบริเวณโรงเรียน แซนโยแซฟ นครพนม ไปจนถึงบริเวณหน้าวัดพระอินทร์แปลง
ตื่นตากับ “ขบวนเรือไฟบก” Nakhon Phanom Illuminated Boat
Carnival พร้อมศิลปินดาราคนดังร่วมขบวนกว่า 900 ชีวิต ด้วยการแสดง แสง สี เสียง สื่อผสมประกอบม่านน้ำ พลุรักษ์โลก
ห้ามพลาด !! นักท่องเที่ยวสายศรัทธา
ไฮไลต์ต้องได้ชมหนึ่งเดียวในโลก 3 ความยิ่งใหญ่ คือ
“แสงไฟแห่งศรัทธา” นครพนม หนึ่งเดียวในโลก โดยศิลปินที่มีชื่อเสียงและนักแสดงกว่า
100 คน
“จากลำไม้สู่เรือไฟ 1 เดียวในโลก”
งานมหกรรมไม้ไผ่ และสำนักงานเหล่ากาชาดนครพนม พร้อมซุ้มแสดงวิถีชีวิต
12 อำเภอ พบการแสดงและขายอาหารถิ่น เมนูฟิวชั่น ช้อปผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่
ผลิตภัณฑ์ชุมชนอื่น ๆ กว่า 40 บูธ แต่ละอำเภอจัดต่อเนื่องการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
“ดนตรีไม้ไผ่”
“กิจกรรมไหลเรือไฟโบราณ” พร้อมสักการะพระธาตุพนม
พิธีรำบูชาพระธาตุพนม นางรำกว่า 600 คน ชมการไหลเรือไฟโบราณจากประเทศไทย สปป.ลาว กว่า 15 ลำ การลอยกะลา (กะโบ๋) กว่า 10,000 ดวง กลางน้ำโขง ช่วงวันที่
7-8 ตุลาคม 2568 วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร
“ชมการแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน”
วันที่
3-6 ตุลาคม นี้ นักท่องเที่ยวจะได้ชมเรือจากทั่วประเทศ และ สปป.ลาว
ชิงเงินรางวัลกว่า 570,000 บาท แข่งขันกัน 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น 12 ฝีพาย รุ่น 35 ฝีพาย รุ่น 40 ฝีผาย และรุ่น 55 ฝีพาย
“ชมขบวนยิ่งใหญ่” การอัญเชิญไฟพระฤกษ์
ขบวนแห่ปราสาทผึ้งกว่า 10 ขบวน ร่วมกิจกรรมร้านมัจฉากาชาด ตลาดมหาดไทยชวนชิม
จุดเช็คอินสวนดอกไม้และประติมากรรมโคมไฟ ชม ช้อป ชิม ผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP อาหารอร่อยจากร้านดังกว่า 100 บูธ
และชมฟรีการแสดงคอนเสิร์ต หมอลำวงใหญ่ทั้ง 12 วัน
บริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม โดยมีไฮไลท์พิเศษให้ชม
● ไหลเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ความยาวกว่า 70 เมตร
● เรือไฟรักษ์โลก
ของกลุ่มอำเภอต่าง ๆ 7 ลำ ความยาวกว่า 20
เมตร
● เรือแสดงเอกลักษณ์นานาชาติ ชมได้ทุกวัน จากสาธารณรัฐประชาชนจีน สปป.ลาว
เวียดนาม พร้อมเรือไฟของไทยจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมวันละ 9 ลำ
● โดรนแปรอักษร
กว่า 300 ลำ ในคืนวันเปิดงาน 7 ตุลาคม 2568 ตรงกับคืนวันออกพรรษา ได้จัดแสดงบินโดรนแปลอักษรสวยงามตระการตา
● ประกวดเรือไฟจาก 12 อำเภอ 12 ลำ ขนาดไม่น้อยกว่า 80
เมตร ชิงเงินรางวัลพร้อมถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
ตลอดงาน 12 วัน จะได้ชมเรือไฟโบราณ
13 ลำ แล้วมีชุมชนต่าง ๆ มาสาธิตและจำหน่ายเรือไฟโบราณ
ให้ได้ร่วมอธิฐานขอพร
ปล่อยทุกข์ปล่อยโศก สิ่งไม่ดีให้ไหลไปกับสายน้ำ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
ที่เวทีสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 สาขานครพนมตลอดการจัดงาน
12 วัน
ตรวจสอบสถานที่จอดรถแบบเรียลไทม์ทาง www.เรือไฟ.com ปีนี้ได้เพิ่มที่จอดรถหลายจุด พร้อมจัดสถานที่พักชั่วคราวให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์ได้ด้วย
สุขภาพ –6 วิธีการดูแลรักษาสุขภาพเมื่อเกิดอาการนอนแล้วปวดหลัง
เมื่อเกิดอาการนอนแล้วปวดหลัง
สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ได้โดยลองปรับพฤติกรรมใหม่ ด้วย 6 วิธี ดังนี้
● 1.เปลี่ยนท่านอน การนอนตะแคงจะช่วยลดความเสี่ยงของการนอนแล้วปวดหลังได้
โดยอาจใช้หมอนรองระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้าง หากมีช่องว่างระหว่างหลังและที่นอน
ให้ใช้หมอนอีกใบหนุนไว้ เพื่อบบรเทาอาการปวดหลัง
● 2.เปลี่ยนฟูก
โดยเฉพาะฟูกที่ใช้งานมานานกว่า 5 ปี
หรือเมื่อฟูกเริ่มเสื่อมสภาพ รวมทั้งเลือกหมอนหนุนศีรษะและฟูกรองรับกับสรีระช่วงคอ
บ่า และหลังได้ดี ไม่สูงเกินไป ไม่นุ่มและแข็งเกินไป
● 3.กายบริหารยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกเช้าด้วยท่าโยคะที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง
และเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ ระหว่างวัน
● 4.ออกกำลังกายเป็นประจำ
เพื่อเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกระดูกและกล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกาย
● 5.หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หลังเพิ่ม
● 6.ประคบร้อนที่หลัง หรือรับประทานยาแก้ปวด เช่น
พาราเซตามอล หากมีอาการปวด
โดยทั่วไป
อาการนอนแล้วปวดหลังมักดีขึ้นหลังจากดูแลตัวเอง แต่หากมีอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือปวดอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
จนส่งผลกระทบต่อการนอนหลับและการใช้ชีวิตประจำวัน
มีอาการชาหรืออ่อนแรงบริเวณขาร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาต่อไป
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก – MTCO-Agodaเวิร์คช้อปอีคอมเมอร์ซหนุนธุรกิจเที่ยวMSME
MTCO แท็กทีม Agoda ลุยโปรเจกต์ “เวิร์คช้อปอีคอมเมอร์ซ”
ธุรกิจท่องเที่ยว กลุ่ม MSME โฮมสเตย์ อีโคลอร์ด เกสต์เฮาส์
ทั่วอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ก.ย.-พ.ย.68 ตื่นตัวใช้ดิจิทัลเพิ่มขีดความสามารถตลาดการขายออนไลน์
เริ่มในไทย ก่อนขายไป สปป.ลาว เวียดนาม จีน และกัมพูชา
สำนักงานความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
(MTCO) จับมือแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว
อโกด้า (Agoda) เปิดโครงการ
“การอบรมอีคอมเมิร์ซสำหรับผู้ประกอบการที่พัก MSME
ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง” ร่วมกันยกระดับขีดความสามารถด้านดิจิทัลให้
“ผู้ประกอบการที่พัก” ขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดย่อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS)
เริ่มตั้งแต่ 18 กันยายน 2568 และอบรมต่อเนื่องในประเทศอื่น ๆ จนถึงพฤศจิกายน 2568
โครงการอบรมครั้งนี้จะจัดต่อเนื่องระหว่างกันยายน-พฤศจิกายน
2568 เริ่มต้นประเทศแรก
“ไทย” ก่อนจะขยายไปยังกัมพูชา เวียดนาม สปป.ลาว และจีน
(ยูนนานและกวางสี) คาดจะวางรากฐานที่มั่นคงให้ธุรกิจการท่องเที่ยวที่พร้อมรับมือกับยุคดิจิทัล
ช่วยให้อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพิ่มขีดความสามารถตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและการแข่งขันของภูมิภาค
โดยมุ่งสนับสนุน
“ผู้ประกอบการ” 3 ประเภทหลัก ได้แก่
1.โฮมสเตย์ 2.อีโคลอดจ์ 3.เกสต์เฮาส์ ในพื้นที่ชนบทและเมืองรอง ซึ่งมีบทบาทกับท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมและการท่องเที่ยวเชิงชุมชนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และจะได้รับประโยชน์จากการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลแข็งแกร่งมากขึ้นในตลาดโลก ช่วยเสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้มีความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวเติบโต
เพิ่มขีดความสามารถทำการตลาดออนไลน์ และสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน
จะใช้การอบรมเชิงปฏิบัติการหรือ
“เวิร์คช้อปออนไลน์” เป็นภาษาท้องถิ่น ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ ด้วยเนื้อหาครอบคลุมการสร้างและจัดการข้อมูลที่พักบนแพลตฟอร์มตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์
อย่าง อโกด้า และการอัปโหลดข้อมูลห้องพักกับรูปภาพ การจัดการราคาและจำนวนห้องว่าง
การทำโปรโมชัน การมีส่วนร่วมกับรีวิวของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันครั้งแรกระหว่าง
MTCO, อโกด้า และองค์กรการท่องเที่ยวแห่งชาติ (National
Tourism Organization) ของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง มี ไทย สปป.ลาว เวียดนาม จีน
(มณฑลยูนนานและกวางสี) และกัมพูชา ถือเป็นก้าวสำคัญด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค
แสดงถึงความสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงทั้งอนุภูมิภาคนี้
“สุวิมล ธนสารกิจ” ผู้อำนวยการบริหาร
MTCO กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ร่วมกับอโกด้า ริเริ่มทำโครงการสำคัญ
โดยมั่นใจการทำงานร่วมกันระดับภูมิภาคจะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลที่จำเป็น
เพื่อเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวทั่วโลก และถ่ายทอดเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคแม่น้ำโขงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เดเมียน เฟิร์ช” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์
อโกด้า กล่าวว่า ความร่วมมือกับ MTCO ครั้งนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของอโกด้าพร้อมใช้เทคโนโลยีสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย
คาดหวังนำโครงการนี้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ระดับโลกแก่ผู้ประกอบการที่พัก
กระจายประโยชน์ทางเศรษฐกิจสู่อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ข่าวที่สอง –เวียตเจ็ทผนึกทำITM“แอร์ฟรานซ์-KLM”รองรับฝูงบินใหม่50ลำ
“เวียตเจ็ทไทยแลนด์”
สายการบินแบบประหยัดของไทยประกาศลงนามสัญญาให้บริการ Integrated
Material Services (ITM) กับ แอร์ฟรานซ์ อินดัสตรีส์–เคแอลเอ็ม
เอ็นจิเนียริง แอนด์ เมนทิแนนซ์ เดินหน้าสร้างความร่วมมือระยะยาวสนับสนุนการรับมอบฝูงบินโบอิ้ง
737-8 รวม 50 ลำ ที่กำลังทยอยเข้ามาให้บริการ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ได้จัดพิธีลงนามขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย
โดยมี นายเร็มโก โยฮันเนิส ฟัน ไวน์คาร์เดิน
เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ให้เกียรติร่วมในพิธี พร้อมผู้บริหารระดับสูงเวียตเจ็ทไทยแลนด์
นำโดย นายวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ รวมทั้งตัวแทนอาวุโสจากแอร์ฟรานซ์ ตอกย้ำความร่วมมือของพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์และความสำคัญระดับภูมิภาค
“นายวรเนติ
หล้าพระบาง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า
ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนขยายฝูงบิน ได้เลือกจับมือกับ AFI
KLM E&M ผู้ให้บริการซ่อมบำรุงอากาศยานชั้นนำของโลก
เพื่อเสริมศักยภาพด้านความพร้อมฝูงบินโบอิ้ง 737-8 รวมทั้งยังช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือและประสสิทธิภาพทางเทคนิค
สนับสนุนการจัดการอะไหล่ การบำรุงรักษา การซ่อมบำรุงชิ้นส่วนสำคัญ
การใช้ระบบคลังอะไหล่ร่วม การบริหารโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้บุคลากรเวียตเจ็ทไทยแลนด์ได้เรียนรู้และรับการถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ
AFI KLM E&M นำแนวทางปฏิบัติดีที่สุดมาใช้ตรวจสอบสมรรถนะอากาศยาน
การวางแผนซ่อมบำรุง และความเป็นเลิศทางการบิน
ข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือซึ่งจะเป็นหลักประกันนำฝูงบินโบอิ้ง
737-8 เข้าประจำฝูงเพื่อให้บริการอย่างราบรื่น ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญระดับโลกและศักยภาพที่จะช่วยให้การดำเนินงานของเวียตเจ็ทมีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือสูงสุด
ช่วยมอบประสบการณ์การบินที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และมีคุณภาพแก่ผู้โดยสารทุกคน
อีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อเวียตเจ็ทไทยแลนด์ทยอยรับมอบโบอิ้ง 737-8 รวม 50 ลำ การลงนามความร่วมมือทางเทคนิคทั้งหมดนี้ จะช่วยให้สายการบินสามารถสร้างความมั่นคงด้านปฏิบัติการ
นำเทคโนโลยีการบินล้ำสมัยมาใช้ และรักษามาตรฐานการให้บริการอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ปลอดภัย ไร้สะดุด และมีคุณภาพแก่ผู้โดยสาร
สร้างความเชื่อมั่นต่อสายการบิน สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เวียตเจ็ทไทยแลนด์เติบโตการก้าวสู่เป้าหมายการเป็น
“สายการบินหลัก” ของไทยและภูมิภาคอาเซียนมีส่วนร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมการบินสมัยใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างยั่งยืนต่อไป
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น