“ฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์”ผู้ว่าฯททท.ลั่นใช้ยาแรง Q2-3 ปี’68
ดึงตลาดไกล-อาเซียน-เอเชียแทนจีนตรึงรายได้1.9ล้านล้าน
ปลุกเที่ยวไทย4โครงการ-ลุยจัดTTM+2025-ถกTATAP2026
คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดเต็ม Moment of May เที่ยวช้อปฟิน
คิงเพาเวอร์โหมSuper
Sale ศรีวารี พัทยา ลดเบอร์ใหญ่50%
สมาชิกคิงเพาเวอร์รับประสบการณ์พิเศษคิงเพาเวอร์สเปซ
ททท.ชูGrand
Moment9โครงการปั๊มเที่ยวไทย1.17ล้านล้าน
บางจากระดมปั๊มทั่วไทยก้าวสู่One Teamความสำเร็จ3แนว
TCEBชี้เชียงใหม่ไมซ์ซิตี้ปี’68เนื้อหอมเจ้าภาพ6งานอินเตอร์
เที่ยวใกล้ไปฉะเชิงเทราเติมบุญ 9 วัด เที่ยวเทศกาลมะม่วง
4 อาหารแก้กระหาย คลายความร้อนหาได้ง่ายอยู่ใกล้ตัว
บินไทยQ1/ปี68รายได้5.1หมื่นล้านกำไรสุทธิ
9.8 พันล้าน
ทย.จัดแถวทุกสนามบินทั่วไทยรับมือหยุดยาวพ.ค.-มิ.ย.68
วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านใน www.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #ฉะเชิงเทรา9วัด
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1AAjWpuDaW/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! ฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ปลุกท่องเที่ยวทั้งประเทศ
ไตรมาส 2-3 ปี’68 ลั่นใช้ยาแรงเพิ่มจุดขาย
“เสน่ห์ไทย” กระตุ้นตลาดระยะไกล 4 ทวีป อาเซียน เอเชีย เน้น 4
หมวด สุขภาพ ดิจิทัล ซูเปอร์ยอร์ช เอนเตอร์เทนเมนท์ โกยรายได้ตามเป้า
1.92 ล้านล้านบาท ส่วน “ในประเทศ” รุกใช้ “สุขทันทีที่เที่ยวไทย”
4 โครงการ “Grand Moment-อะเมซิ่ง
แกรนด์ เซล-เที่ยววันธรรมดา-เที่ยวคนละครึ่ง” ปลุกกำลังซื้อใหม่ ๆ ทำเงิน 1.17
ล้านล้านบาท เร่งเครื่องจัด TTM Plus 2025 ทั่วโลกจองมาแล้ว
425 เอเย่นต์ ส่วน TATAP 2026 เพิ่ม Amazing Thailand Unforgetable Experience
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้ร่วมกับทุกหน่วยงานนำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยววทำงานหนักเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อรับมือคความท้าทายภายนอกจากมาตรการภาษีทรัมป์ 2.0 ซึ่งจะมีผลถึงเศรษฐกิจโลก ทำให้ทุกประเทศหันมาใช้ “ยาแรง” ใช้การท่องเที่ยวกระตุ้นรายได้ รวมถึงมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศบางตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญคือ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ไทยเคยครองอันดับ 1 จึงต้องเร่งสร้างสมดุลย์เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจไทยเดือดร้อน ซึ่งกำลังเปิดรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายถึงดีมานต์กับซัพพลายถึงสาเหตุซึ่งมีอยู่หลายมิติด้วยกัน แนวทางเบื้องต้นจะต้องเร่งมองหาตลาดคุณภาพใช้จ่ายเงินสูงเข้ามาเติมเต็มตลาดที่จีน คาดจะทำให้ “รายได้ท่องเที่ยวต่างประเทศ” ปี 2568 เป็นไปตามเป้าหมายใกล้เคียงปี 2562 ต้องไม่ต่ำกว่า 1.92-2.01 ล้านล้านบาท
ขณะนี้สถานการณ์ตลาดสาธารณรัฐจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยต่อเนื่อง 4 เดือนแรก ระหว่าง 1 มกราคม -30 เมษายน 2568 มีประมาณ 1.6 ล้านคน เปรียบเทียบแล้วลดจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนเกือบ 29 %
ททท.จึงเน้นพุ่งเป้าหาตลาดทดแทนจากนักเดินทางตลาดระยะไกล (Longhaul Tourism) เป็นผลมาจากการขับเคลื่อนตลาดตามยุทธศาสตร์ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2567 นำเสนอ IGNITE THAILAND ปี 2568 ใส่เกียร์แรงการท่องเที่ยว “เสน่ห์ไทย/ซอฟท์ พาวเวอร์” ส่งผลให้ตลอด 4 เดือนแรก มกราคม-เมษายน 2568 นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ สหภาพยุโรป เพิ่ม 16 % โอเชเนีย (ออสเตรเลีย) เพิ่ม 17 % เอเชียใต้ เพิ่ม 16 % ตะวันออกกลาง (มีการใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวสุดที่สุด) เพิ่ม 10.9 % แอฟริกา เป็นตลาดใหม่ร้อนแรง โดยเฉพาะแอฟริกาใต้ เพิ่ม36 % และ “อเมริกา” เพิ่ม 14%
สำหรับอเมริกา 2 สายการบินชั้นนำของโลก อีวีเอแอร์ กับกาตาร์แอร์เวย์ส เตรียมเปิดบินตรงแบบประจำ ไป-กลับ อเมริกามายังเมืองไทย เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2568 เตรียมเปิดเที่ยวบินตรงแบบประจำ ไป-กลับ 2 เส้นทาง คือ อีวีเอ แอร์ (ไต้หวัน) จะเปิดเส้นทาง “ดัลลัส/อเมริกา-ไทเป/แวะพักเครื่องที่ไต้วหัน-กรุงเทพฯ/ไทย” และ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เปิดบินตรง “ลอสแองเจลิส-กรุงเทพฯ”
ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ กล่าวว่า ททท.ยังได้เน้นขยายฐานตลาดระยะใกล้ (Shorthaul) จากอาเซียนและเอเชียเข้ามาเสริมทัพทั้งจำนวนและรายได้อีก 9 ตลาด ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย ศรีลังกา นำเสนอสินค้าไฮเอนด์กระตุ้นนักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินเพิ่มสูงขึ้น 4 หมวดหลัก คือ หมวดที่ 1 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพองค์รวม Health & Wellness หมวดที่ 2 การท่องเที่ยวทางเรือยอร์ชกับซูเปอร์ยอร์ช หมวดที่ 3 การท่องเที่ยวเอนเตอร์เทนเมนท์ หมวดที่ 4 สถานที่ทำงานดิจิทัลได้ท่องเที่ยวด้วย (digital nomad) สามารถตอบโจทย์และรองรับตลาดคุณภาพสูงใช้เงินพักผ่อนครั้งละจำนวนมากอันดับต้น ๆ ได้แก่ อังกฤษ อิสราเอล สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย อาร์เจนตินา บราซิล “ตะวันออกกลาง” มี ซาอุดิอาระเบีย คูเวต
ททท.วางกลยุทธ์เจาะตลาด “ร่ำรวย” ด้วยคุณภาพ และจิตสำนึกการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวก็จะใช้
“Grand Festivities :เทศกาลท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่”
ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการหลัก Amazing Thailand Grand Tourism & Sports
Year 2025 เป็นเครื่องมือสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและทั่วโลกนำเงินเข้ามาใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
ได้แก่ งาน “Maha Songkran World Water Festival 2025” เมื่อกลางเดือนเมษายน 2568 ถึงแม้จะมีกระแสเรื่องแผ่นดินไหวเกิดขึ้นส่งผลให้หลายเกิดความกังวล
ททท.สามารถดึงนักท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว
เตรียมเดินหน้าจัดต่อ งาน “Amazing Love Wins
Festival” ใน Bangkok
Pride
ยิ่งใหญ่สุดในเอเชีย จะจัดวันที่ 30 พฤษภาคม-1 มิถุนายน 2568 ใจกลางกรุงเทพฯ
และตั้งแต่ 1-30 มิถุนายน นี้
กระจายจัดในเมืองท่องเที่ยวหลักหลายพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ พัทยา/ชลบุรี
เกาะสมุย/สุราษฎร์ธานี
ต้อนรับทุกคู่รักทั่วโลกเดินทางมาไทยและจัดงานเทศกาลดนตรี การท่องเที่ยวเชิงกีฬา :Sports Tourism ต้อนรับไทยเป็นเจ้าจัดการแข่งขันกีฬาซีเกม
ครั้งที่ 33 วันที่ 9-20
ธันวาคม 2568 และกิจกรรมอีเวนต์ขนาดใหญ่อีกหลายรายการ
ส่วนแผนกระตุ้น “ตลาดภายในประเทศ” ช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป “กำลังซื้อ” อาจจะหดตัวบ้าง แต่ ททท.จะใช้พลังจากโครงการ “สุขทันทีที่เที่ยวเมืองไทย” ทำให้เกิดการเดินทางหมุนเวียนตามเป้าหมายตลอดทั้งปี 2568 ได้ถึง 205 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้เกิน 1.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 % สูงกว่าปี 2567 ทำไว้ 200 ล้านคน-ครั้ง 1.08 ล้านล้านบาท โดยจะสร้างจุดขายใหม่ครึ่งปีหลัง พฤษภาคม-กันยายน 2568 ผ่านโครงการ “Year Celebration : 55 เมืองน่าเที่ยว” ตอบโจทย์ความสนใจตลาด 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เจนวาย กลุ่มที่ 2 ผู้หญิง กลุ่มที่ 3 ชื่นชอบความหรูหรา กลุ่มที่ 4 LGBTQ+ นักเดินทางที่มีความหลากหลายทางเพศ
สินค้าการท่องเที่ยวจะกระตุ้น “ตลาดในประเทศ” เชิงรุก โดยใช้ความร่วมมือกันกับทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนรายได้ช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2568 ประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่
โครงการที่ 1 Grand Moment จะมีทั้งโมเมนท์แห่งการให้ ความทรงจำ ความมหัศจรรย์ เตรียมเปิดตัวกลางเดือนพฤษภาคม 2568
โครงการที่ 2 Amazing Thailand Grand Sale 2025 สร้างความแตกต่างจากทุกปี โดยจะร่วมกับพันธมิตรทุกกลุ่มธุรกิจภาคบริการและท่องเที่ยว “มอบพริวิเลจ” ให้คนไทยและต่างชาติ จะเริ่มระหว่าง 1 มิถุนายน-15 สิงหาคม 2568
โครงการที่ 3 การท่องเที่ยววันธรรมดา
เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลมุ่งให้นักท่องเที่ยวกระจายตัวเดินทางสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการอย่างทั่วถึงและสมดุลย์ระหว่างวันหยุดกับวันปกติทั่วไป
โครงการที่ 4 เที่ยวไทยคนละครึ่ง ซึ่งทางรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวให้แต่ละคนตามเงื่อนไข 50 % จะเริ่มเดือนมิถุนายน 2568
ส่วน “เครื่องมือการสื่อสาร” จะคัดเลือก “อินฟลูเอนเซอร์” กลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการตลาดท่องเที่ยว “เซเลบริตี้” กลุ่มผู้มีชื่อเสียงโด่งดังได้รับความนิยมสูง และ “Event Marketing” โปรโมทการท่องเที่ยวผ่านแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ บริการทางออนไลน์ ออฟไลน์ และช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และตลอดปี 2568 จะใช้ Music Marketing จะใช้เทศกาลดนตรีเป็นกลยุทธ์การตลาดท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มรายได้ให้มากที่สุด
ททท.เตรียมจัดงานใหญ่ในประเทศ Thailand Travel Mart Plus :TTM+ 2025 ครั้งที่ 22 (เริ่มมาตั้งแต่ปี 2544) ระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน 2568 ที่อุทยานราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ มหกรรมส่งเสริมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่สุด ซึ่งจะทำให้ไทยมีความโดดเด่นแตกต่างและเชื่อมโยงสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ ปีนี้จะเน้นจุดขาย “เสน่ห์ไทย/Soft Power สู่การท่องเที่ยวยั่งยืน :Sustainable Tourism” ทางผู้ประกอบการกลุ่มตัวแทนผู้ซื้อท่องเที่ยวทั่วโลก (buyers) ตอบรับเข้าร่วมมากถึง 425 ราย จากพื้นที่หลัก พื้นที่รอง และพื้นที่ศักยภาพใหม่ เช่น ภูฎาน กลุ่มประเทศ CIS และตะวันออกกลางอย่าง จอห์แดน โอมาน การ์ตา คูเวต รวมทั้งมีบริษัทจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาด้วย เดือนมิถุนายน 2568 ททท.จะปูทางตลาดเพื่อช่วงชิงนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศเดินทางต่อเนื่องเข้ามาเพิ่มไตรมาส 3-4 ปี 2568 ด้วย
ส่วนการประชุมยุทธศาสตร์และแผนการตลาด TATAP 2025 :Tourism Autority of Thailand Action Plan ปี 2569 ททท.แต่ละตลาดทั้งในและต่างประเทศจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน ในส่วนแผนวิสาหกิจ ททท.ได้ดำเนินการเพราะอานิสงได้ผลลัพธ์ดีเกินเป้าหมายมาตลอด หรือบางตลาดอาจจะอยู่นอกเหนือปัจจัยที่ควบคุมได้ ปีหน้าจะพุ่งเป้า 1.เพิ่ม Amazing Thailand Unforgetable Experience : ตอบโจทย์ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดีงามจดจำได้ไม่รู้ลืม 2.ขับเคลื่อนเร่งกระตุ้นความต้องการตลาด : Drive Demand 3.ใช้ทุกมิติเชิงรุกกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทำตลาดแบบ 360 องศา เชื่อมโยงทำให้มีผู้เยี่ยมเยือนท่องเที่ยวไทยกลุ่มใหม่ ๆ เกิดขึ้น
ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ กล่าวว่า ฝากให้คนไทย “สื่อสาร” กับคนไทยและคนทั่วโลกแบบเป็นมิตรเพราะเป็นเสน่ห์ไทย สร้างมิติที่ดี ๆ ให้นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม พร้อมกับขอให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวกระจายตัวให้ครบทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งมี Grand Moment รองรับทุกการเดินทางด้วยกิจกรรม อีเวนต์ งานเทศกาล ประเพณีที่เกิดขึ้นในประเทศ เที่ยวแล้วอย่าลืมแชร์ประสบการณ์อันงดงามให้กับคนไทยด้วยกันและเพื่อนนักเดินทางทั่วโลก มาสุขทันทีที่ได้เที่ยวเมืองไทยไปด้วยกัน
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-คิงเพาเวอร์ออนไลน์จัดเต็ม Moment of May เที่ยวช้อปฟิน
MOMENTS OF MAY: TRAVEL . SHOP . INDULGE เที่ยว
ช้อป ฟิน มีเฮเปย์สุดใจทุกการช้อป “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” เริ่มวันนี้ -24 พฤษภาคม 2568 ครบจบในเดือนเดียวในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวให้ปัง
ช้อปอย่างจุใจ แล้วฟินกับโมเมนต์ดี ๆ มีสินค้าหลากหลายสไตล์ ทั้งแฟชั่นรับลมร้อน ไอเทมบิวตี้คู่ใจ
และสินค้าสุดฮิต หรือของใช้ในบ้าน ช้อปแล้วรอรับสินค้าที่สนามบิน ลดแรงสูงสุดถึง 25
%
• ลดสูงสุด 10% เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท รหัสส่วนลด 10MAY25
• ลดสูงสุด 15% เมื่อช้อปครบ 6,000 บาท รหัสส่วนลด 15MAY25
• ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 10,000 บาท รหัสส่วนลด 20MAY25
พิเศษเพิ่ม ! ฟรีแรก “พาสเทล ครีเอทีฟ เวิร์ค & เพลย์” มอบกระเป๋าใส่โทรศัพท์มือถือมูลค่า 1,200 บาท ให้รอบละ 100 สิทธิ์ กระตุ้นนักช้อปออนไลน์ตั้งแต่ 8 - 13 พฤษภาคม และ 19 - 24 พฤษภาคม 2568
ฟรีที่ 2 คูปองส่วนลดแพ็กเกจสปา จาก ดิวานา สปา ได้แก่ รางวัลที่
1 - 5 คูปองส่วนลดสปา มูลค่า 3,000 บาท
รางวัลละ 1 คน และรางวัลที่ 6 - 25
คูปองส่วนลดสปามูลค่า 1,500 บาท รางวัลละ 1 คน สำหรับนักช้อปที่ทำยอดซื้อสูงสุด หรือ Top Spender รวม 25 รางวัล ช่วงวันนี้ -31 พฤษภาคม
2568
ข่าวที่ 2 -คิงเพาเวอร์โหมSuper Sale ศรีวารี พัทยา ลดเบอร์ใหญ่50%
คิง เพาเวอร์ จัดต่อเนื่อง “ซูเปอร์ เซล” ลดครั้งใหญ่ 50 % วันนี้ -31 พฤษภาคม 2568 ไม่ต้องรอ ไม่ต้องบิน!ก็ช้อปฟินได้ ที่ คิง เพาเวอร์ในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก 2 สาขา ศรีวารี และพัทยา ช้อปพร้อมรับสิทธิเหนือกว่าที่อื่นใดเพิ่มประสบการณ์คความคุ้มค่า นอกจากส่วนลดแล้วยังให้ “พิเศษเพิม!” อีก 2 ต่อ ดังนี้
ต่อแรก สมาชิก คิง เพาเวอร์ ลด ON-TOP สูงสุด 20%
ต่อที่สอง ทุกวันหยุด! แจกฟรี คูปองส่วนลด 1,500 บาท เมื่อช้อปสินค้าครบทุก 4,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ ช้อปเลยวันหยุด 7 วัน ดังนี้ วันที่ 10-12, 17-18, 24-25, 31 พฤษภาคม 2568
ข่าวที่
3-สมาชิกคิงเพาเวอร์รับประสบการณ์พิเศษคิงเพาเวอร์สเปซ
“สมาชิก
คิง เพาเวอร์” ผู้ถือบัตรทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ SCARLET,
ONYX, CROWN, VEGA
สามารถใช้บริการ “คิง เพาเวอร์ สเปซ” รับสิทธิประโยชน์เพื่อเพิ่มประสบการณ์พิเศษก่อนเดินทาง
บริเวณพื้นที่จุดพักนักเดินทาง
เพื่อเปลี่ยนช่วงเวลาด้วยการเพลิดเพลินระหว่างรอขึ้นเครื่องมานั่งฟินกับอาหาร
เครื่องดื่ม สิ่งอำนวยความสะดวกครบ เฉพาะสมาชิกเท่านั้น
กระจายอยู่ทุกโลเกชั่นหลักดังนี้
“ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” คิง เพาเวอร์ สเปซ อยู่ตรงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ขาออก ชั้น 4 คองคอร์ด
เอ และ อี ส่วน คิง เพาเวอร์ ดิ แอทลาส
คลับ (KING POWER THE ATLAS CLUB) ยังไม่เปิดบริการ
“ท่าอากาศยานดอนเมือง” มีบริการ คิง เพาเวอร์ เลาจน์ ส่วน คิง เพาเวอร์ ดิ แอทลาส คลับ
ยังไม่เปิดบริการ
“คิง
เพาเวอร์ รางน้ำ” มีบริการ คิง
เพาเวอร์ เลาจน์ ชั้น 2 และ KING POWER THE ATLAS CLUB
“สมาชิกคิง
เพาเวอร์” ตรวจสอบก่อนใช้บริการได้ที่ คิง เพาเวอร์ คอลแทร็กต์ เซ็นเตอร์ โทร1631
กลุ่มบริษัท
คิง เพาเวอร์ ผู้นำร้านค้าปลีกเพื่อการเดินทาง
มีเซอร์ไพรส์ตลอดเดือนพฤษภาคม นี้
มามอบให้นักช้อปใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่ากับแคมเปญและโปรโมชั่นดีลดีรายเดือน
ผ่านทางคิง เพาเวอร์ ออนไลน์ สาขาในเมือง และท่าอากาศยานหลักขาออกประเทศทุกแห่ง
ตอบโจทย์ “ทุกอย่าง เป็น ไป ได้ ไม่สิ้นสุด” เสมอ
ข่าวที่ 4-ททท.ชูGrand Moment9โครงการปั๊มเงินในประเทศ1.17ล้านล้าน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เปิดตัวแคมเปญ "Grand
Moment" เพื่อขับเคลื่อนตลาดในประเทศภายใต้ Amazing
Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 โดยมุ่งสร้างประสบการณ์การเดินทางที่น่าจดจำและมีความหมายของนักท่องเที่ยวไทย
สามารถกระจายรายได้ไปยังธุรกิจทั่วประเทศ ผ่านกิจกรรมหลากหลายใน 3 ธีมหลัก ได้แก่ 1.Moment of Giving : ความสุขและประทับใจที่ได้รับจากการให้ตัวเอง
สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม 2.Moment of Memory โมเมนต์แห่งความทรงจำได้ย้อนรอยวันวาน
3. Moment of Miracle โมเมนต์แห่งความมหัศจรรย์จากการพบเจอธรรมชาติที่น่าทึ่ง
โดยได้จัดทำกิจกรรมร่วมกับพันธมิตรท่องเที่ยว 9 โครงการ
ปี 2568
ททท.มีนโยบายและเป้าหมายหลักใช้พลังการท่องเที่ยวเป็นกลไกสำคัญกระตุ้นเศรษฐกิจ
ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ประชาชนให้ดีขึ้น จึงได้ทำแคมเปญใหญ่ Amazing
Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 ด้วย 5
กลยุทธ์หลัก หรือ 5 Grand โดยมี “Grand
Moment” เป็นกลยุทธ์สำคัญของตลาดในประเทศ เนื่องจากการท่องเที่ยวไทยถือเป็นฐานรากและมีบทบาทสำคัญสร้างรายได้มวลรวมให้ประเทศ
หัวใจหลักของ Grand Moment ก็คือช่วงเวลาพิเศษในการเดินทางที่สร้างความรู้สึกเติมเต็มความสุข
ประทับใจ และมีความหมาย เป็นโมเมนต์ที่ใคร ๆ ก็สัมผัสได้
ปี
2568 ททท.ตั้งเป้าจะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศได้ถึง
1.17 ล้านล้านบาท
กระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวไทยให้เดินทางในประเทศรวม 205 ล้านคน-ครั้ง
พัฒนาเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
“นายอภิชัย
ฉัตรเฉลิมกิจ” รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า
ปี 2568 มีกิจกรรมที่พร้อมจะสร้าง Grand Moment ทั้งหมด 9 โครงการหลัก 3 ธีมหลัก
ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่ม ด้วยกิจกรรมไฮไลท์ ด้วยวิธีจัดแคมเปญต่อเนื่องเชื่อมโยงกับทั้ง
3 ธีม ผนึกกับพันธมิตรชั้นนำกว่า 20 ราย
มอบสิทธิพิเศษและดีลที่คุ้มค่าส่งเสริมการขายกว่า 20 แคมเปญ จัดกิจกรรม Grand Moment Challenge และทริปพิเศษเพื่อร่วมฉลองโมเมนต์สำคัญ
การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง
ขณะนี้พร้อมมอบประสบการณ์
Grand Moment 2 โครงการ (จากทั้งหมด 9 โครงการ) ได้แก่
• โครงการที่
1 Exclusive Escape ที่มีข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากพันธมิตรมากมาย เช่น 1.Gother มอบส่วนลดโรงแรม 5 ดาว 2.Top
Spender บัตรเครดิต KTC รับรางวัลเมื่อจองที่พักโรงแรมหรูทั่วไทยกว่า
60 โรงแรม 3.สันธิยา เกาะ ยาวใหญ่ มอบแชมเปญ Moët
& Chandon ให้ 10 คู่รักที่จองดินเนอร์หรูภายในเดือนกรกฎาคม 2568
• โครงการ
2 Experience The Magic โมเมนต์มหัศจรรย์ที่ใครก็สัมผัสได้
เน้นชวนกลุ่มนักท่องเที่ยวออกตามหาโมเมนต์สุดประทับใจจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น
แพลงตอนเรืองเเสงที่ชุมพร
ที่เกิดขึ้นช่วงปลายฝนต้นหนาวเท่านั้น หรือทะเลหมอกสีชมพู
กิ่วแม่ปานที่เกิดช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
พร้อมสร้างความตื่นเต้นและคุ้มค่าผ่านกิจกรรม Grand Moment Mystery Box ชวนนักท่องเที่ยวลุ้นรับ
ของขวัญพิเศษทันทีเมื่อเช็คอินพักโรงแรมที่ร่วมรายการภายในสิงหาคม
2568
• อีก 7 โครงการ พร้อมทยอยเปิดตัวและจัดกิจกรรมให้ได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
ข่าวที่ 5-บางจากระดมปั๊มทั่วไทยก้าวสู่One Teamความสำเร็จ 3 แนว
กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานว่า
ได้จัดงานสัมมนาผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันบางจาก และพิธีมอบรางวัล Bangchak
Service Station Awards 2024 ภายใต้แนวคิด “One Team,
One Future for Our Greenovative Destination” ขึ้นเมื่อวันที่ 6
พฤษภาคม 2568 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 2,500 คน เป็นงานที่สะท้อนความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างบริษัทฯ
กับผู้ประกอบการสถานีบริการ ที่จะก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางแห่งนวัตกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน
โดยมี
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มบริษัทบางจาก เป็นประธาน ได้กล่าวถึงงวิสัยทัศน์และนโยบายการตลาดประจำปี 2568 และผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมเป็นเกียรติและมอบรางวัล อาทิ
นายสันทาน สีสา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์
งานนี้ขึ้นทุกปีเพื่อสื่อสารทิศทางธุรกิจกลุ่มบริษัทบางจากครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินงานตามหลัก ESG เสริมความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันผ่านนวัตกรรม
นายชัยวัฒน์
กล่าวว่า ปี 2567 นับเป็น “ปีแห่งใบไม้ใบใหม่”
ที่บางจากฯ ได้สร้างรากฐานอย่างแข็งแกร่งขึ้น ด้วยการรวมพลังกับ บริษัท บางจาก
ศรีราชา จำกัด (มหาชน) “BSRC” นอกจากจะขยายศักยภาพธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันแล้ว
ยังเสริมความแข็งแกร่งให้เครือข่ายสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ทั้งด้านการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพหลากหลายยิ่งขึ้น
การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
การสนับสนุนด้านการตลาดที่มีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการแต่ละรายและการยกระดับคุณภาพบริการรอบด้าน
ความสำเร็จเมื่อปีที่ผ่านมา
นอกเหนือจากการขยายเครือข่ายสถานีบริการและทำให้ธุรกิจพลังงานเติบโตพลังงานแล้ว
แต่ได้ “ยกระดับผลิตภัณฑ์” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
เพิ่มรายได้ด้วยผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม และการสร้างประสบการณ์ใหม่ผ่านธุรกิจ Non-Oil เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน
ปี 2568 กลุ่มธุรกิจการตลาดจะเดินหน้าต่อยอดสู่การพัฒนาธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับเครือข่ายผู้ประกอบการทั่วประเทศ
ตามแนวคิด “One Team, One Future for Our Greenovative Destination” ย้ำถึงการร่วมมือกันเป็นทีมเดียว เพื่อสร้างจุดหมายปลายทางสู่นวัตกรรมสีเขียวที่ยั่งยืน
มีผู้ประกอบการสถานีบริการเป็นพันธมิตรร่วมเดินไปพร้อมกันในทุกย่างก้าว ทะยานสู่ความสำเร็จ “Rising Above” ด้วย 3 แนวทางหลัก คือ 1.สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ผ่านการสร้างความผูกพันกับลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 2.นำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและแตกต่าง
3.ต่อยอดธุรกิจเสริมในสถานีบริการ
ให้กลายเป็นพื้นที่แห่งประสบการณ์สีเขียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคและทำให้เครือข่ายพันธมิตรเติบโต
“บางจาก”
ใช้จุดเริ่มจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันเมื่อปี 2527 ก่อนจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจการตลาดเปิด
“ปั๊มชุมชน” หรือปั๊มสหกรณ์แห่งแรกปี 2533 โดยตลอดการดำเนินธุรกิจได้ยึดมั่นเสมอว่าสถานีบริการน้ำมันไม่ใช่เพียง
“จุดเติมพลังงาน” แต่คือ “พื้นที่ความร่วมมือ” สร้างการเติบโตไปพร้อมกับสิ่งแวดล้อม
ชุมชน สังคมอย่างมั่นคง เสริมด้วยบทบาทเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสินค้าชุมชนกับผู้บริโภคต่อเนื่องมาถึง 27 ปี สนับสนุนพี่น้องเกษตรกรไทย
และอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการในฐานะพันธมิตรเรียนรู้และพัฒนา
ขับเคลื่อนธุรกิจที่มีคุณค่าร่วมเติบโตทุกมิติไปด้วยกันอย่างแท้จริง
ส่วนการจัดงานครั้งนี้
มีพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ประกอบการที่มีผลงานโดดเด่นด้านต่าง ๆ เช่น คุณภาพงานบริการ
ยอดขาย การบริหารทีมงาน ภาพลักษณ์สถานีบริการ ความร่วมมือในโครงการสำคัญต่าง ๆ
ของบริษัท ปี 2568 มีผู้ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 287 ราย สะท้อนความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ
ตลอดงาน
“จัดแสดงนิทรรศการ” ของกลุ่มบริษัทบางจาก ครอบคลุมตั้งแต่ ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน
นำเสนอการดำเนินงานครบวงจรจากต้นทางสู่ปลายทาง
โครงการทอดไม่ทิ้งที่ส่งเสริมการรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วเพื่อนำไปผลิตเป็น SAF หรือน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่มธุรกิจการตลาด สะท้อนความเป็น Greenovative
Destination ชัดเจน เช่น บางจาก โมบาย แอปพลิเคชั่น โฉมใหม่ใของสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นมาตรฐานสูงสุด FURiO และ HERCuRO และบริการด้าน เฮลท์ แอนด์ เวลบีอิ้ง ดูแลสุขภาพกาย ใจ
และโภชนาการ ปัจจุบันให้บริการอยู่ในสถานีบริการบางจากกว่า 200 แห่ง ปี 2568 จะเพิ่มเป็น 300 แห่ง
รวมถึงธุรกิจอื่นๆ
กลุ่มบริษัทบางจาก เช่น ร้านกาแฟอินทนิล โดยบริษัท บางจากรีเทล จำกัด
ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) นำเสนอโมเดล Green
Service Station สถานีบริการน้ำมันแห่งอนาคต
ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)
แพลตฟอร์มมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและ battery as a service โดยบริษัท วินโนหนี้ จำกัด สถาบันนวัตกรรม BiiC เครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน โดยบริษัท ออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด และ Carbon
Markets Club
ข่าวที่ 6- TCEBชี้เชียงใหม่ไมซ์ซิตี้เนื้อหอมปี68เจ้าภาพ6งานอินเตอร์
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” รายงานว่า พร้อมสนับสนุนเชียงใหม่ซึ่งเป็น 1 ใน 10
เมืองไมซ์ของประเทศ ช่วงครึ่งหลังปี 2568 ระหว่างมิถุนายน-กันยายน
2568 มีสมาคมนานาชาติจากต่างประเทศไว้วางใจเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับนานาชาติรวม
6 งาน แล้วล่าสุดคว้าสิทธิ์เพิ่มอีก 1 งาน
เตรียมจัดในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ซึ่งแต่ละงานจะเลือกสถานที่จัดแตกต่างกัน ด้วยความหลากหลายของงานไมซ์ครอบคลุมสาขาต่าง ๆ ทั้ง วิศวกรรม การแพทย์ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
และสังคมศาสตร์ เป็นเครื่องชี้วัดถึงศักยภาพของเชียงใหม่เป็นเมืองที่เพียบพร้อมด้วย
สถานที่จัดประชุมนานาชาติ ห้องประชุม โรงแรมคุณภาพระดับ 5 ดาว
ศูนย์แสดงสินค้า เอกลักษณ์วัฒนธรรมล้านนา แหล่งท่องเที่ยว
กิจกรรมที่เชื่อมโยงกับท้องถิ่น สอดคล้องกับความต้องการของตลาดไมซ์
ปี 2568
เชียงใหม่จะได้โชว์ศักยภาพเมืองไมซ์ศักยภาพสูงรองรับการประชุมระดับนานาชาติระหว่างมิถุนายน-
รวม 6 งาน ประกอบด้วย
• งานที่ 1 การประชุม Asia-Australia
Conference of Radiological Technologist ครั้งที่ 25
(AACRT2025) ระหว่าง 5-7 มิถุนายน ที่โรงแรมเชียงใหม่
แกรนด์วิว
• งานที่ 2 การประชุม International Conference
on Public Policy 2025 (ICPP) ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่
2-4 กรกฎาคม ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเชียงใหม่
• งานที่ 3 การประชุม International Conference
on Precision Engineering and Sustainable Manufacturing (PRESM) ครั้งที่
15 ระหว่างวันที่ 6-11 กรกฎาคม ที่โรงแรมเชียงใหม่แมริออท
• งานที่ 4 การประชุม Society of Instrument
and Control Engineer Annual Conference (SICE) ระหว่างวันที่ 9-12
กันยายน ที่โรงแรม ดิ เอ็มเพรส
• งานที่ 5 การประชุม International Conference
on Information Networking (ICOIN 2025) ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 15-17 มกราคม ที่โรงแรมแคนทารี ฮิลส์
• งานที่ 6 การประชุม International Conference
on Materials for Green Future ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่
28 เมษายน - 1 พฤษภาคม ที่ โรงแรมแชงกรี-ลา
เชียงใหม่
ล่าสุดเชียงใหม่ได้รับเลือกจาก
International Festivals and Events Association – Asia (IFEA-Asia) ให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน IFEA Asia Pinnacle Awards & Asia
Festival City Conference 2026 ระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2569 เป็นความสำเร็จต่อเนื่องหลังจากเชียงใหม่ได้รับรางวัล
Asia Festival Award 2025 ในฐานะเมืองมรดกโลกแห่งเอเชีย
และรางวัล Festival Asia Pinnacle Awards สาขา Best
Event Program และ Best PR & Marketing งานประเพณียี่เป็ง
ปัจจุบันเชียงใหม่มีเที่ยวบินตรงในประเทศข้ามภูมิภาค
ไป-กลับ จากเชียงใหม่ สู่ ภูเก็ต กระบี่ ขอนแก่น และ “เที่ยวบินระหว่างประเทศ”
ก็มีเที่ยวบินตรง ไป-กลับ เชียงใหม่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ไต้หวัน มาเลเซีย เมียนมา
สปป.ลาว
ช่วงที่ 2 ออกไปเที่ยวเมืองไทยกันดีกว่า
ทริปมีแนะนำ “เมืองฉะเชิงเทรา” เส้นทางเติมบุญ 9 วัด
ไหว้พระพิฆเนศ ทัวร์เทศกาลมะม่วง แล้วดูแลสุขภาพ “4อาหาร”
ดับกระหายคลายร้อน เกาะติดข่าวควรรู้ ข่าวแรก “การบินไทยไตรมาส 1ปี68” รายได 5.1 หมื่นล้านบาท
กำไร 9.8 พันล้าน
ข่าวที่สอง “กรมท่าอากาศยาน” สั่งทุกสนามบินรับมือวันหยุดยาว พ.ค.-มิ.ย.68
ท่องเที่ยว –เที่ยวใกล้ไปฉะเชิงเทราเติมบุญ
9 วัด เที่ยวเทศกาลมะม่วง
เที่ยวใกล้
เที่ยวง่าย ไปสุขทันทีที่ “ฉะเชิงเทรา” ตลอดเดือนพฤษภาคม
2568 สายบุญ สายศรัทธา สายกิน สายช้อป มาได้เลย
เลือกปักหมุดเที่ยว 5 พิกัด
พิกัดที่
1 "อิ่มบุญ อิ่มพุง อิ่มใจ" ได้ตลอดเดือนพฤษภาคม
นี้ โดยมีไฮไลต์ช่วงวันหยุด “วิสาขบูชา”
11 พฤษภาคม นี้ ชวนสายศรัทธาเลือกแพ็คเกจ "พักบุญ พักกาย
ที่ทีวินเทจ" 3 วัน 2 คืน ห้องพักรวมอาหารเช้า 2
คน ราคาเพียง 2,400 บาท จากปกติ 3,000 บาท
“ทริปสายบุญ”
รับแผนที่เส้นทางสายบุญ 9 วัด พร้อมประวัติย่อ และไฮไลท์ของแต่ละวัด พร้อมชุด
“ดอกไม้ ธูป เทียน” สักการะไหว้พระวิสาขบูชาใช้ได้ตลอดเส้นทาง
“สะสมบุญ
สะสมแต้ม” ได้ด้วยเมื่อเข้าร่วมกิจกรรม กดเช็คอิน แชร์ ภาพถ่ายกับสถานที่
โพสต์ลงโซเชียลมีเดียให้ครบทั้ง 9 วัด 1 พระพิฆเนศ เดินทางไปตามแผนที่ได้ทั้งวัน
รับฟรี
!! คูปองส่วนลด 15% “อาหารมื้อเย็น” ที่ร้าน ที มิลล์ แล้วยังจะรับเครื่องรางของขลัง
ปลุกเสกจากวัดดังในฉะเชิงเทรา ทริปละ 1 องค์
เส้นทางเที่ยวไหว้พระ
9 วัด 1 พระพิฆเนศ ในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 1.วัดเสม็ดเหนือ 2.วัดจุกเฌอ 3.วัดสมานรัตนาราม 4.วัดคุ้งกร่าง 5.อุทยานพระพิฆเนศองค์ยืน 6.วัดพุทธพรหมยาน 7.วัดปากน้ำโจโล้ 8.วัดมงคลเทพ 9.วัดแจ้งบางคล้า 10.วัดโพธิ์บางคล้า
พิกัดที่
2 เทวสถาน อุทยานพระพิฆเนศ อำเภอคลองเขื่อน ประดิษฐาน พระพิฆเนศทำจากสำริด
ปางยืน ที่มีองค์ใหญ่ที่สุดในโลก สูง 39 เมตร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ตามความเชื่อ
หากได้มากราบไหว้สักการะ ขอพรพระพิฆเนศจะทำให้ชีวิตประสบบความสำเร็จ รุ่งเรือง
ภายในอุทยานแห่งนี้ ยังมีพระพิฆเนศประจำวันเกิด
พระแม่อุมา พระอิศวร ศาลา ไฉ่ ซิง เอี๊ย พระพิฆเนศจำลองจากเมืองต่าง ๆ ของอินเดีย
และอาจารย์พราหมณ์หรือบัณฑิตช่วยทำพิธีอารตีไฟ เสริมศิริมงคล ปัดเป่าเคราะห์
นำพาโชคลาภ ความสุข ให้ด้วย
พิกัดที่
3 วัดโสธรวรารามวรวิหาร อยู่ในเขตเทศบาลเมือง ริมแม่น้ำบางปะกงเดิม ประดิษฐาน
"หลวงพ่อโสธร" พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองฉะเชิงเทรา
องค์หลวงพ่อพระพุทธโสธรปัจจุบันเป็นแบบปูนปั้นลงรักปิดทอง พระวรกายแบบเทวรูป
พระพักตร์แบบศิลปะล้านนา พระเกตุมาลาแบบปลี
รูปปางสมาธิ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์
ฝีมือช่างล้านช้าง มีตำนานว่า องค์หลวงพ่อพุทธโสธรได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา แล้วมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้
ตามความเชื่อคือ หากมาขอพรหลวงพ่อโสธร จะประสบความสำเร็จในเรื่องการค้าขาย สุขภาพ
และโชคลาภ ชีวิตดีมีสุข
พิกัดที่
4 สวนปาล์มฟาร์มนก ในอำเภอคลองเขื่อน จุดเช็คอินท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้ เรื่องนกแก้วสวยงาม
ใหญ่อันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นฟาร์มนกใหญ่สุดไทย มีนกแก้วมากกว่า 2,000
ตัว หาดูยากมากกว่า
80 สายพันธุ์
สามารถให้อาหารนกได้ รอบพื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้ พร้อมมุมถ่ายรูปสวย ๆ
นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปวันธรรมดา วันจันทร์-ศุกร์
เปิด09.00-17.00 น. ส่วนเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดสาย ๆ 09.30-18.00 น.
พิกัดที่
5 งาน "เทศกาลมะม่วงสร้างสรรค์ครั้งที่ 1" วันที่
16-18 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 - 22.00 น.ที่ “ตลาดโอกาสดี” อำเภอคลองเขื่อน ฉะเชิงเทรา
เปิดพื้นที่ฟรี !! ให้ชาวสวน
วิสาหกิจชุมชน กิจการร้านค้าทั่วไป ที่มีผลผลิตมะม่วง สินค้าแปรรูปจากมะม่วง
มาร่วมออกร้านขายเพียงมีผลิตภัณฑ์จากมะม่วง ไม่ว่าจะเป็น ขนม ของหวาน
น้ำมะม่วงหรือเครื่องดื่ม มะม่วงสด มะม่วงแปรรูป ของฝาก ของใช้จากมะม่วง ชม ชิม
ช้อป ได้ครบจบในได้ในที่เดียว
สุขภาพ –4 อาหารแก้กระหาย
คลายความร้อนหาได้ง่ายอยู่ใกล้ตัว
ตอนนี้สภาพอากาศในเมืองไทยพุ่งสูงขึ้นทุกวัน
แอร์เย็น ๆ อาจจะไม่สามารถลดความร้อนภายในร่างกายเราได้ แต่มี “อาหาร”
สามารถทำหน้าที่แก้กระหาย ดับความร้อนในร่างกายได้ 4 ชนิด ดังนี้
1. น้ำเปล่า ขอเสนอเป็นตัวเลือกแรก ๆ มีความจำเป็นต่อร่างกาย
ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย และควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในระดับปกติ โดยแนะนำให้ดื่มน้ำ 1.7 – 2 ลิตรต่อวัน
ต้มเป็นน้ำสมุนไพรดื่มได้ เช่น น้ำใบเตย น้ำเก๊กฮวย น้ำใบบัวบก น้ำกระเจี๊ยบ
เติมน้ำตาลเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
2. ผักและผลไม้ ที่มีส่วนประกอบของน้ำสูงก็ช่วยลดความร้อน
ทำให้ร่างกายสดชื่นและช่วยทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปเนื่องจากอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างผักและผลไม้ เช่น
- ผัก ได้แก่ ฟักทอง แตงกวา
มะเขือเทศ ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย
- ผลไม้ ได้แก่ แตงโม ลูกพีช
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี เป็นต้น
3. นมและโยเกิร์ตไขมันต่ำ มีส่วนประกอบของน้ำค่อนข้างมากและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ทั้งโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ เลือกสูตรไขมันต่ำและน้ำตาลน้อย
นำมาแช่เย็นและเติมผลไม้สดก่อนดื่ม
หรือดัดแปรงทำเป็นไอศกรีมรับประทานเองได้ที่บ้าน
4. ขนมหวานใส่น้ำแข็ง เช่น น้ำแข็งไส
เฉาก๊วย หรือบิงซู สามารถรับประทานได้ในปริมาณพอเหมาะ เน้นเนื้อขนม
เลี่ยงน้ำหวานหรือน้ำเชื่อมเพื่อลดพลังงานและน้ำตาล
หลีกเลี่ยง อาหารรสเผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด และมันมาก
เนื่องจากทำให้ร่างกายมีความร้อนสูงขึ้น
อาหารรสเค็มจัดและหวานจัดทำให้รู้สึกกระหายน้ำมากขึ้น
และเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เนื่องจากทำให้ร่างกายขับน้ำออกมากขึ้น
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –บินไทยQ1/ปี68รายได้5.1หมื่นล้านกำไรสุทธิ9.8พันล้าน
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า
บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้รวม
(ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 12.3 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนทำไว้รวม 45,955
ล้านบาท มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) 83.3% รายได้เพิ่มจาก ปัจจัยที่ 1
ปริมาณผู้โดยสารต้องการเดินทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่ 2
บริษัทขยายฝูงบิน เพิ่มความถี่เที่ยวบิน ส่งผลดีกว่าปีก่อน โดยมีปริมาณการผลิต
(Available Seat Kilometers-ASK) เพิ่มขึ้น 21.1% ปริมาณขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Seat Kilometers-RPK) เพิ่มขึ้น 20.8% จำนวนผู้โดยสารรวม 4.33
ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.6%
และในวันที่ 4 มิถุนายน 2568
ศาลล้มละลายกลางกำหนดนัดไต่สวนคำร้อง เวลา 9.00 น. เรื่องการพิจารณาการบินไทยออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ
“ค่าใช้จ่ายรวม”
ของการบินไทย และบริษัทย่อย (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 37,964 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกับปีก่อน
3,084 ล้านบาท หรือ 8.8% จาก 1.ค่าใช้จ่ายผันแปรตามปริมาณการผลิตและบริการเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงจากปีก่อน 1.7%
“กำไร” จากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน
(ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 13,661 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 2,586 ล้านบาท เทียบจากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน
ทำอัตรากำไร (EBIT Margin) 26.5%
“ต้นทุนทางการเงิน”
บริษัทฯ
และบริษัทย่อยมีต้นทุนการเงินรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานฉบับที่ 9
(TFRS 9) 3,481 ล้านบาท
มีรายการเกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่าย 339 ล้านบาท
ส่วนใหญ่เป็นรายการ”ขาดทุน” 1.จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 2.จากการด้อยค่าซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน 3.ขาดทุนจากการวัดมูลค่าจากตราสารอนุพันธ์
“กำไรสุทธิ”
การบินไทย และบริษัทย่อย ทำได้ 9,839 ล้านบาท มี EBITDA
หลักหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง
(Power by the Hours) 12,728 ล้านบาท
“ฝูงบิน”
ตลอดไตรมาส 1 มีทั้งสิ้น 78 ลำ
เพิ่มขึ้น 5 ลำ มีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย
13.7 ชั่วโมง/วัน มีแผนทยอยรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่แอร์บัส A321
Neo เพื่อเสริมศักยภาพฝูงบินให้ทันสมัยมากขึ้น
จะมาพร้อมระบบความบันเทิงส่วนตัวทุกที่นั่ง และ Wi-Fi ฟรี ให้สมาชิกรอยัล
ออร์คิด พลัส ( ROP) ทุกระดับสถานะ เพื่อยกระดับบริการให้ดีขึ้นภายในปี
2568
“ระบบบันเทิงหรือ
In-flight”
ช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 การบินไทยได้ทยอยติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
In-flight Connectivity (IFC) บนเครื่องบินแบบแอร์บัส A330-300
เริ่มให้บริการแล้ว 2
ลำแรก สามารถแชทและส่งข้อความได้แบบไม่จำกัด ใช้ฟรีบริการอินเทอร์เน็ตเต็มรูป
พร้อมโปรแกรมสะสมไมล์ Royal Orchid Plus ตามระดับสมาชิก
เริ่มเมื่อ 1 พฤษภาคม 2568
ข่าวที่สอง –ทย.จัดแถวทุกสนามบินทั่วไทยรับมือหยุดยาวพ.ค.-มิ.ย.68
กรมท่าอากาศยาน
ลั่นทุกสนามบินในสังกัดทั่วประเทศ พร้อมรับมือผู้โดยสารช่วงวันหยุด 9–12 พ.ค.68
และ 31 พ.ค – 3 มิ.ย.68 ย้ำยึดปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เพิ่มสะดวกให้ประชาชน
กรมท่าอากาศยาน
(ทย.) รายงานว่า ได้เตรียมความพร้อมท่าอากาศยานหรือสนามบินในสังกัด
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารเดินทางช่วงวันหยุดยาวระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
2568 เริ่ม “วันวิสาขบูชา” ระหว่าง 9–12 พฤษภาคม “วันเฉลิมพระชนมพรรษา” สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา
พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
และวันหยุดพิเศษ ระหว่าง 31 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2568 คาดการณ์จะประชาชนจำนวนมากใช้บริการสนามบินเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตามจังหวัดต่าง
ๆ ทั่วประเทศ
ทาง
ทย. ได้ปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ประกอบด้วย
• 1.จัดกำลังเจ้าหน้าที่ในจุดให้บริการผู้โดยสารให้เพียงพอต่อการให้บริการ
โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน เพื่อเร่งระบายผู้โดยสารและลดความแออัด
• 2.ตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยและระบบอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง
• 3.วางแผนบริหารจัดการการจราจรภายในสนามบินให้คล่องตัว
เพื่อลดปัญหาความหนาแน่นในพื้นที่ท่าอากาศยาน
ด้านการให้บริการเชื่อมต่อขนส่งสาธารณะจากท่าอากาศยานไปยังตัวเมือง
หรือสถานที่ท่องเที่ยวให้เพียงพอและสอดคล้องกับเที่ยวบินตลอดทุกวันหยุดยาว
ดังนั้น
ทย.จะขอความร่วมมือผู้โดยสารวางแผนการเดินทางล่วงหน้า แล้วก็ให้มาถึงท่าอากาศยาน
ก่อนเวลาขึ้นเครื่องในแต่ละเที่ยวบินอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง
รวมทั้งขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทางทุกครั้ง
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น