ททท.ภูมิภาคภาคใต้ปลุกเที่ยวฉ่ำอ่าวไทยอันดามัน“กรีนซีซั่น”
ลุยขาย5เส้นทาง5โครงการกระตุ้นใต้เที่ยวใต้-เที่ยวข้ามภาค
แผนตลาดปี’69ดึงไทยเที่ยวใต้ 26 ล้านคน2.24แสนล้านบาท
ข่าวดี!!คิงเพาเวอร์จ่ายผลแทนAOTตามสัญญาเดือนพ.ค.68
5วันพิเศษที่คิงเพาเวอร์ดีลแรง-ซูเปอร์เซลเลือกได้ถึง4สาขา
คิงเพาเวอร์จัด MAHANAKHON,MAY
DEALSลดใหญ่ 30%
ททท.ผนึก“เอมิเรตส์-เอทิฮัด-Dtana”เพิ่มรายได้9.8หมื่นล้าน
บางจากลั่นใช้หน่วยผลิต Neat SAFหนุนน่านฟ้าคาร์บอนต่ำ
TCEBเปิดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทยเฟส
2 ลุ้นรับ 1 ล้าน
เที่ยวระยองฟินกินทุเรียนก่อนใคร-ชม!!โดมดอกไม้สุดอลัง
6 เคล็ดลับคลายร้อนช่วงอุณหภูมิเมืองไทยระอุ 40 องศา
ททท.อีสานขานรับครม.บูมประเพณีปั๊มตลาดครึ่งหลังปี68
ไทยไลอ้อนแอร์เปิดบินใหม่อู่ตะเภา–จาการ์ตา 25มิ.ย.68
วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #TCEB #กินทุเรียนก่อนใครไประยอง
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/198AioWqcv/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! นางสาววัจนันท์
ศิลปวรณ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
กระตุ้นเที่ยวใต้กรีน ซีซั่น 5 เส้นทาง “ดำน้ำชุมพร-ไหว้4พระธาตุแดนใต้-ทัวร์ผลไม้14จังหวัด-ล่องอันดามัน-เที่ยวกีฬาพาสนุก”
จัดเต็ม Year Celebration 5 โครงการฮ็อต
ปลุก 2 ตลาดใหญ่ ใต้เที่ยวใต้ กับเที่ยวข้ามภาค
เดินหน้าถกแผน TATAP 2026 ตั้งเป้าปั๊มรายได้ 224,180 ล้านบาท นักท่องเที่ยว 26.18 ล้านคน
นางสาววัจนันท์ ศิลปวรณ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
วางกลยุทธ์กระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในประเทศเข้าสู่ภูมิภาคภาคใต้ระหว่างเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม
2568 จะเน้นจุดขายการท่องเที่ยวพลัง Grand
Moment ในภาคใต้
ซึ่งมีความหลากหลายทางธรรมชาติทั้งบนผืนน้ำและโลกใต้ทะเล ให้ความสุข สดชื่น
สวยงาม แตกต่างกัน ต้อนรับกรีน ซีซัน ในเมืองน่าเที่ยว ด้วย 5 เส้นทาง
เส้นทางที่
1 ฤดูท่องเที่ยวทะเลอ่าวไทย
มีแหล่งท่องเที่ยวเสน่ห์ภาคใต้ที่กระตุ้นความสนใจ 2 ไฮไลต์
ไฮไลต์แรก
ดำน้ำดูปะการัง ทั้งแบบตื้นและลึก จังหวัดชุมพร บริเวณ เกาะร้านเป็ด
เกาะร้านไก่ และอำภอประทิว ก็มีเกาะง่ามน้อย
เกาะง่ามใหญ่ หรือจะไปว่ายน้ำเคียงคู่ฉลามวาฬ Destiny to find
“Whale Sharks” ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลมักพบเห็นได้บ่อยมากที่ทะเลแถบนี้
พร้อมทั้งสัมผัสหนึ่ง “แกรนด์ โมเมนท์” ชมความงามโลกใต้ทะเลตื่นตากับ ดงดอกไม้ทะเล
ปลาสายพันธ์ต่างๆ
ไฮไลต์ที่สอง เที่ยวเกาะสมุย
เกาะพะงัน เกาะเต่า ขณะนี้สามารถเดินทางด้วยเรือ “ซีฮอร์ส เฟรี่”
ตรงท่าเรือราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ออกเวลา 14.00 น.ข้ามคืนไปถึง
สมุย เวลา 12.00 น.โดยนำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ด้วย
เพื่อล่องเรือไปชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเล วันรุ่งขึ้นแวะเที่ยวสมุยแล้ว
ก็ไปอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ลองปีนขึ้นไปตรงจุดชมวิว “เขาจันทร์จรัส”
หรือจะพายคายักชมทะเลก็ได้
เส้นทางที่
2 สายศรัทธา “ไหว้พระบรมธาตุ จตุธรรมธาตุแดนใต้” ที่เรียกกันว่า “มอก. : มงคล อำนาจ ก้าวหน้า”
ตามรอยหลวงปู่ทวด เกจิดังแดนใต้ ตามวิถีศรัทธาและความเชื่อของคนท้องถิ่น ได้แก่
• พระบรมธาตุไชยา
อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอพรด้านหน้าที่การงาน
• พระบรมธาตุสวี
อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ขอพร สำเร็จ สมหวังทุกประการ
• พระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว
ณ วัดเขียนบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน
จังหวัดพัทลุง ตำนานต้นกำเนิดโนรา (มโนราห์) ขอพรด้านหน้าที่การงาน สุขภาพ
และสมหวังทุกประการ
• พระธาตุเมืองนคร
ศรัทธา มาหานครฯ ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาขอพร “พระบรมสารีริกธาตุ” บารมี มงคล อำนาจ ก้าวหน้า
ให้สำเร็จ สมหวังทุกประการ
เส้นทางที่
3 เที่ยวผลไม้ภาคใต้
ต้นตำหรับความหรอยแรง ตอบโจทย์กลุ่มฟรุต เลิฟเวอร์ ได้ครบทั้ง 14 จังหวัด
ชวนเที่ยวสวนช่วงพีคสุดในภาคใต้ พร้อมเสิร์ฟช่วงพฤษภาคม-สิงหาคม นี้
นักท่องเที่ยวสามารถชิมผลไม้บุฟเฟ่ต์สด ๆ จากต้น ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ
ลองกอง หรือนั่งรถจิ๊บโบราณ ชิมผลไม้ที่บ้านทรายขาว จังหวัดปัตตานี ชิมทุเรียนสาลิกา
อำเภอกะปง พังงา
เส้นทางที่ 4 เที่ยวทะเลอันดามัน ทำ MUST TRY มีกิจกรรมต้องลองลุย
ท้าให้ลอง ช่วงนี้คลื่นลมดีตอบโจทย์กลุ่มที่ชื่นชอบเกลียวคลื่นเหมาะกับการเล่น
เซิร์ฟ และซับบอร์ด ที่ภูเก็ต เขาหลัก พังงา และสตูล
ก่อนเดินทางทุกครั้งแนะนำให้ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนวันเสมอ
เส้นทางที่ 5 เที่ยวใต้เชิงกีฬาหน้าฝน ในแบบฉบับจังหวัดตอนล่าง บรรยากาศกำลังดี
มีสายฝนพอโปรยปรายให้สดชื่น เพิ่มสีเขียวให้ดูสบายตา เป็นสนามธรรมชาติ
ต้องห้ามพลาดเที่ยวเชิงกีฬา 2 งานใหญ่ “ยะลา มาราธอน กับ สงขลา มาราธอน 2025
ผอ.วัจนันท์
กล่าวว่า ททท.ภูมิภาคภาคใต้ เข้าร่วมแคมเปญตลาดในประเทศ “Year
Celebration เมืองน่าเที่ยว
ทยอยทำ 10 แคมเปญ ระหว่างพฤษภาคม-กันยายน 2568 ตลอด 5 เดือนนี้ จะจัด “กรีน ซีซั่น”
กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เกิดการเดินทางเข้าสู่เมืองน่าเที่ยวเจาะตลาด 2 กลุ่มใหญ่ คือ
กลุ่มที่
1 "นักท่องเที่ยวจากภาคอื่น"
เดินทางข้ามภูมิภาค ทำ “โปรโมชั่นราคาพิเศษ”
โดยหารือกับสายการบินเรื่องตั๋วโดยสารเครื่องบิน บริการ “ที่พักร่วมกับบัตรเครดิต”
กลุ่มที่
2 "ใต้เที่ยวใต้" ททท.ภูมิภาคภาคใต้
นำทีมจับมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เบื้องต้นจะขับเคลื่อนการท่องเที่ยว 3 โครางการ
โครงการแรก
ร่วมกับผู้ประกอบการรถบัส ส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัดโดยเน้น Grand
Moment และบูรณาการทำงานร่วมกับพันธมิตรใหม่ ๆ
เพิ่มเติมต่อเนื่องตลอด 5 เดือน
โครงการที่ 2
ร่วมกับศูนย์การประชุม ICC จัดมหกรรมคอนซูเมอร์ แฟร์ "เสน่ห์ใต้ สุขใจ เมืองน่าเที่ยว" ระหว่างวันที่
12-15 มิถุนายน 2568 ที่ศูนย์การประชุม ICC หาดใหญ่
จะมีผู้เข้าร่วมกว่า 100 บูธ
เดินหน้ากระตุ้นท่องเที่ยวหน้าฝนในภาคใต้ ใช้วิธีเชิญตัวแทนผู้ซื้อจากภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ (B2B) ส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคควบคู่กันไป
โครงการที่ 3
การท่องเที่ยว Grand Moment ทางกองตลาดภาคใต้เตรียมกิจกรรมบิ๊ก
เซอร์ไพรส์ ช่วงเดือน สิงหาคม 2568 โดยจะประสานงานนำขบวนรถไฟ
Royal Blossom เดินทางสู่ภาคใต้เป็นครั้งแรก เส้นทาง “Royal
Blossom GO South สงขลา-หาดใหญ่-กันตรัง”
เชิญชวนให้ชาวใต้ได้ท่องเที่ยวในขบวนรถไฟพิเศษนี้ด้วย
ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตรเพื่อร่วมกันจัดกิจกรรม
ส่วน
ททท.สำนักงานแต่ละจังหวัด วางแผนจัดกิจกรรมกระตุ้นเมืองน่าเที่ยว
แต่ละเดือนแตกต่างกันไปตามอัตลักษณ์ท้องถิ่น ได้แก่
โครงการที่
4 จัดงาน “หรอยแรง แหล่งใต้ วันที่ 2-3 พฤษภาคม นี้ ที่วัดเจดีย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
ได้สักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่และขอพร ไอ้ไข่ (ศิษย์วัดเจดีย์) ต้อนรับฤดูท่องเที่ยวฝั่งอ่าวไทย
ที่สุดของความศรัทธา แล้วยังมีมหกรรมความสุขความบันเทิงการแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินมีชื่อเสียง
อาหารอร่อยจากร้านถิ่นชื่อดัง ช้อปสินค้าท้องถิ่น สัมผัสกิจกรรมธีมงานวัด
ย้อนอดีตวันวานวัยเด็กกับเครื่องเล่นม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ บ้านลม ซุ้มเกมส์
โครงการที่
5 กินทุเรียน มังคุดทิพย์ ต้องพักที่พังงา
ระหว่างปลายเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม นี้ นำเสนอผลไม้ GI ทั้ง
“ทุเรียนสาลิกา” พันธุ์พื้นบ้านขึ้นชื่อได้รับ GI เป็นตัวอย่างผลไม้ท้องถิ่นรสชาติดี
กับ “มังคุดทิพย์” ผิวลาย ไร้สาร หวานอมเปรี้ยว หนึ่งเดียวของภาคใต้
ผอ.วัจนันท์ ย้ำว่า ขณะนี้
ททท.ภูมิภาคภาคใต้ กำลังประชุมหารือกับ ททท.สำนักงานแต่ละจังหวัด
จัดทำแผนส่งเสริมตลาด : TATAP 2026 ปี 2569 จะเดินหน้าวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับผลวิจัยพฤติกรรมการเดินทางกลุ่มใต้เที่ยวใต้มีสูงมาก
และทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งสายการบิน บริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) จัดโปรโมชั่นทำการตลาดเชิงรุกเพิ่มปี 2569 โดยตั้งเป้า
“คนไทยเที่ยวภาคใต้” จะสร้างต้องรายได้ 224,180 ล้านบาท
คิดเป็น 17.51 % จากตัวเลขภาพรวมตลาดในประเทศ 1.28 ล้านบาท
และมี “จำนวนนักท่องเที่ยว/ผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 26.18 ล้านคน-ครั้ง คิดเป็น 11.79
% จากภาพรวมทั้งประเทศ 222 ล้านคน-ครั้ง
สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศสู่ภาคใต้
3 เดือนแรก มกราคม-มีนาคม 2568 ทำได้แล้ว
15.3 ล้านคน-ครั้ง เพิ่ม 4.82 % ดังนั้นหากสถานการณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็จะเร่งทำกิจกรรม
และอีเวนต์การตลาด ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569 เที่ยวใต้ยังเที่ยวได้จากคุณค่าที่ได้รับอย่างประทับใจ
ปี 2569 ททท.จะนำเสนอธีม “Go South สัมผัสเสน่ห์ใต้
หลากหลายวัฒนธรรม” ซึ่งมีพหุวัฒนธรรมโดดเด่นมาก ผนวกเข้ากับจุดขาย 5 Must
Do in Thailand ด้วย 3 แนวคิดหลัก ประกอบด้วย
แนวคิดที่ 1 กระตุ้นการเดินทางและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มกระแสหลัก โดยใช้ความโดดเด่นของความหลากหลายทางวัฒนธรรม
แหล่งท่องเที่ยว อัตลักษณ์ท้องถิ่น ควบคู่กับเส้นทางเรื่องเมือน่าเที่ยว Grand
Moment
แนวคิดที่ 2
ส่งเสริมนักท่องเที่ยวไทยกลุ่มศักยภาพ เดินทางช่วงกรีน ซีซัน
เสนอขายสินค้าและบริการมูลค่าสูง เช่น
สินค้าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ : Health and Wellness กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
ทั้ง กอล์ฟ ดำน้ำ เล่นเซิร์ฟ และวิ่งเทรล
และเปิดจุดขายแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัลการท่องเที่ยวดีเด่น (TTA
:Thailand Tourism Awards , STAR :มาตรฐานดาวการท่องเที่ยว และ
CF-Hotel ลดการปล่อยคาร์บอนทำระบบคาร์บอนฟุตปริ๊นท์ตามมาตรฐานสากล
แนวคิดที่ 3 เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ
เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั้ง
STGs Star, CF Hotel, TTA สามารถเชื่อมโยงกับตลาดในและต่างต่างประเทศภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
ดังนั้นจึงขอเชิญชวนคนไทยออกมาเที่ยวภาคใต้ทั้งในเมืองหลัก เมืองน่าเที่ยวช่วงกรีน ซีซัน มีกิจกรรมหลากหลายให้ได้สุขทันทีทั้งดำน้ำ กีฬา อาหาร และอื่น ๆ อีกมากมาย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ข่าวดี!!คิงเพาเวอร์จ่ายผลแทน AOT ตามสัญญาเดือนพ.ค.68
บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด
(KPS) และ
บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD)
แจ้งพร้อมจ่ายผลตอบแทนการประกอบธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหรือสัมปทาน
ให้กับคู่สัญญาคือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT”
ส่งผลเชิงบวกกับราคาซื้อขายหุ้น AOT ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทะยานขานรับข่าวดีเป็นบวกสูงขึ้นพุ่ง
4%
บล.ธนชาต ได้รายงานข้อมูลจาก AOT ยืนยันชัดเจนทั้ง คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ และคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ได้ชำระเงินประกันขั้นต่ำเดือนพฤษภาคม 2568 ครบแล้วตามกำหนด สร้างผลดีเชิงบวกให้ภาพรวมในตลาด
ขณะที่ฝ่ายนักวิเคราะห์ของ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ได้อัพเดทความเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันคือ ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้หลังจาก “กลุ่มคิง เพาเวอร์” ดำเนินการชำระเงินตามปกติให้ AOT เป็นค่าผลตอบแทนขั้นต่ำการทำธุรกิจร้านค้าดิวตี้ฟรี (Minimum Guarantee) แล้ว เป็นแรงส่งเชิงบวกระยะสั้น ให้ ราคาหุ้น AOT เป็นไปตามเป้าหมาย 47 บาท
ขณะที่ผู้บริหาร บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” กล่าวไว้เมื่อเดือนเมษายน 2568 ว่า AOT กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญาประกอบกิจการขายสินค้าดิวตี้ฟรี มียอดค้างจ่ายประมาณ 4,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับผู้ประกอบการทุกรายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เข้าร่วมโครงการได้รับการผ่อนปรนมาระยะหนึ่งเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดส่งผลกับธุรกิจมาจนถึงปัจจุบัน จึงเปิดให้เอกชนได้ยื่นเสนอและเข้าเจรจากับ AOT มาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2568
แล้วทุกฝ่ายก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญานั่นคือ ต้องมีหลักประกันสัญญาและวงเงินของหลักประกันสัญญาต้องครอบคลุมเงินต้นรวมกับค่าปรับจากการผิดนัดชำระในอัตราดอกเบี้ย 18%ต่อปี หรือ 1.5% ต่อเดือน ช่วงที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลดดอกเบี้ยค่าปรับให้ไม่ต่ำกว่า MLR+2%
กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2568 ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในฐานะคู่สัญญาสัมปทานกับ AOT พร้อมจ่ายเงินงวดตามกำหนด ส่งผลทำให้ราคาหุ้นในตลาดของ AOT มีแรงส่งเป็นบวกนั่นเอง
ข่าวที่ 2 -5วันพิเศษที่คิงเพาเวอร์ดีลแรง-ซูเปอร์เซลเลือกได้ถึง4สาขา
ช้อปเต็มเหนี่ยวที่
คิง เพาเวอร์ 5 วันพิเศษ แจกส่วนลดฟรี! เอาใจคนชอบเที่ยว สนุกได้ทุกวัน
เพียงแค่ ช้อปครบ 1,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) / ใบเสร็จ
ตั้งแต่วันนี้- 5 พฤษภาคม 2568 กับดีลแรงแซงทุกองศา
และซูเปอร์เซลลดครั้งใหญ่ ทั้ง 4 สาขา ดังนี้
คิง
เพาเวอร์ “รางน้ำ และภูเก็ต” #ดีลแรงแซงทุกองศา
วันนี้ -5 พฤษภาคม 2568 รับคืน!
ส่วนลดท้ายใบเสร็จ 1,000 บาทสำหรับใช้ช้อป 3,000 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ แลกรับ 1 สิทธิ์ /คน / วัน
คิง
เพาเวอร์ “ศรีวารี และพัทยา” #KingPowerSuperSaleลดครั้งใหญ่
รับฟรี! คูปองส่วนลด 1,500 บาทสำหรับช้อปสินค้า 4,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ แลกรับ 1 สิทธิ์ / / วัน
ข่าวที่ 3-คิงเพาเวอร์จัด MAHANAKHON,MAY
DEALSลดใหญ่ 30%
คิง
เพาเวอร์ จัดเต็ม “MAHANAKHON , MAY DEALS “ ที่ชั้น 2-3 ที่ คิง เพาเวอร์ มหานคร เท่านั้นรวมดีลเด็ด จัดเต็มทั้งเดือน วันนี้ -31
พฤษภาคม 2568 ลดสูงสุด 30% สินค้าที่เข้าร่วมรายการ)
พิเศษ
“สมาชิก คิง เพาเวอร์ “รับเพิ่ม Carat Rewards 500 Carats* (เมื่อช้อปครบ 10,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) สมัคร MAY
:พฤษภาคมนี้... ให้ฟรีทั้งเดือน
สมัครสมาชิกวันนี้
รับ ฟรี! สถานะสมาชิก คิง เพาเวอร์ NAVY (จากปกติเติมเงินเข้าบัญชี
1,000 บาท)
มีไฟลต์
หรือไม่มีไฟลต์ก็ช้อปได้ “สินค้าป้ายขาว” ช้อปก่อนบิน รับสนามบิน สำหรับ “สินค้าป้ายฟ้า”
ไม่ต้องบิน รับกลับทันที
ข่าวที่
4-ททท.ผนึก“เอมิเรตส์-เอทิฮัด-Dtana”เพิ่มรายได้GCC9.8หมื่นล้าน
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในการเข้าร่วมงานเทรด ATM :Arabian Travel Market 2025 ที่ดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันแรก 28 เมษายน 2568 ททท.ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Cooperation : MOC)
3 พันธมิตร 2 สายการบินระดับโลก ได้แก่ เอมิเรตส์ และเอทิฮัด
และทำข้อตกลงพันธมิตรทางกลยุทธ์ (Strategic Partnership Agreement) กับ Dnata แทรเวล กรุ๊ป
บริษัทท่องเที่ยวแถวหน้าในตลาดตะวันออกกลาง
(GCC : Gulf Coperation Council) เร่งกระตุ้นบูสต์ตลาดและผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวให้ได้ตามเป้าหมายปี
2568 ตั้งไว้ 1.1 ล้านคน
สร้างรายได้รวม 98,000 ล้านบาท
เอมิเรตส์
และเอทิฮัด เป็นสายการบินที่มีเครือข่ายเส้นทางบินครอบคลุมทั่วโลก
ททท.พร้อมจะใช้การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ขยายตลาดการเดินทางแบบไร้รอยนำนักท่องเที่ยวเข้ามายังไทย
และทำให้เป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำ
และศูนย์กลางการเดินทางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สายการบินเอทิฮัด
เตรียมเพิ่มบริการบิน ไป-กลับ ระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มายังไทย 2 เส้นทาง คือ 1.กระบี่ เริ่มตุลาคม
และ “เชียงใหม่” เดือนพฤศจิกายนนี้ เพิ่มจากปัจจุบันมีบิน กรุงเทพฯ และภูเก็ต
ด้วยเครื่องบินแอร์บัสใหม่ A321 LR เปิดตัวในงาน
ATM 2025
ที่จะส่งมอบประสบการณ์บินหรูหราสุดพิเศษและสะดวกสบายบินแบบไร้รอยต่อมายังไทย
สายการบินเอมิเรตส์
ปี 2568 มีเที่ยวบินมาไทย สู่ กรุงเทพฯ และภูเก็ต 49 เที่ยว/สัปดาห์ ด้วยเครื่องแอร์บัส A380 และโบอิ้ง 777 พร้อมทั้งได้ลงทุนพรีเมี่ยมขนาดใหญ่สุดนอกดูไบ ในอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ Sattlelite
1 :SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
รองรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นธุรกิจ และสมาชิก Skywards
ส่วน
Dnata แทรเวล กรุ๊ป บริษัทในเครือ “เอมิเรตส์ กรุ๊ป”
เป็นผู้นำบริการทางการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในดูไบ
สำนักงานตั้งอยู่หลายประเทศทั่วโลกกว่า 50 สาขา
มีพันธมิตรทั่วตะวันออกกลางกว่า 750 ราย
ให้บริการกลุ่มตลาดคอร์ปอเรต กลุ่มพรีเมี่ยม และกลุ่มตลาดสนใจเฉพาะ
มีผู้ใช้ง่านผ่านเว็บไซต์ dnatatravel กว่า 1.3 ล้านราย
ความร่วมมือครั้งนี้ยิ่งจะช่วยส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงด้านการพักผ่อน
(Quality Leisure) จากตะวันออกกลาง
ที่จะส่งเสริมการตลาดร่วมกัน พัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการ
โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health & Wellness)
การท่องเที่ยวหรูหรา (Luxury) และการท่องเที่ยวเชิงกีฬา
ข่าวที่
5-บางจากลั่นใช้หน่วยผลิตNeat SAFทำน่านฟ้าคาร์บอนต่ำ
นายชัยวัฒน์
โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทบางจากได้เปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน
(Sustainable Aviation Fuel - SAF) ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก
พระโขนง เป็นหน่วยผลิต Neat SAF 100% ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ (Stand
Alone) แห่งแรกของไทย บริหารโดย บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด
บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก ได้การรับรองมาตรฐานระดับสากล มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสีเขียวเพื่อความยั่งยืน
จากผู้นำพลังงานทดแทนสู่ผู้บุกเบิกพลังงานแห่งอนาคต
บางจากขับเคลื่อน
SAF เป็นหน่วยผลิต Neat SAF 100 % ครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การขนส่ง ภายใต้มาตรฐานสากล ISCC
(International Sustainability and Carbon Certification) มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่
1 ล้านลิตร/วัน โดยใช้เทคโนโลยี HEFA (Hydroprocessed
Esters and Fatty Acid) แปรรูปกรดไขมันหรือน้ำมันพืช เช่น
น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ที่ผ่านการออกแบบและพัฒนาโดยความร่วมมือกับ 2 บริษัทชั้นนำของโลก คือ
“Desmet” เบลเยี่ยม ผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการปรับสภาพวัตถุดิบ (Pretreatment)
และ “UOP Honeywell” สหรัฐอเมริกา
ผู้นำด้านเทคโนโลยีแปรสภาพไฮโดรโปรเซสซิ่ง (Hydroprocessing) ทำให้กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนสามารถควบคุมคุณภาพได้ ตั้งแต่การจัดการวัตถุดิบ
การปรับสภาพน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว การเติมไฮโดรเจน การปรับโครงสร้างโมเลกุล
การกลั่นแยก (Fractionation)
เพื่อให้ได้เชื้อเพลิงที่มีคุณภาพเทียบเท่าน้ำมันอากาศยานตามมาตรฐาน ASTM
(American Society for Testing and Materials)
โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ
“Neat SAF” กับผลิตภัณฑ์ร่วม เช่น Bio-LPG และ Bionaphtha ปัจจุบัน หน่วยผลิต SAF อยู่ระหว่างการทดสอบสมรรถนะของโรงงาน (Plant Performance Test
Run)
จากข้อมูลขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ
(IEA) และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ทุกวันนี้ภาคการบินปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 492 ล้านตัน/ปี แม้จะใช้พลังงานเพียง 2.9 % ของโลกเท่านั้น การพัฒนา SAF จึงเป็นหัวใจตามแผนลดคาร์บอนระดับโลก
ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง80 % ซึ่งมากกว่าและคุ้มทุนกว่าเทคโนโลยีอื่น
ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
โดยหลายประเทศได้ออกมาตรการบังคับใช้ SAF (SAF
Blending Mandate) ในเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานแล้ว เช่น
• สหภาพยุโรป
ปี 2568 นำร่องลดคาร์บอนภาคการบิน 2
% จากนั้นปี 2573 ตั้งเป้าลดให้ได้ 6 % ••••
• สหราชอาณาจักร
ปี 2568 จะลดคาร์บอนภาคการบิน 2 %
ในปี 2573 ตั้งเป้าลดให้ได้ 10 %
• สิงคโปร์ ปี 2569
จะลดคาร์ภาคการบิน 1 % ปี 2573 ตั้งเป้าลดให้ได้ 5
%
• ประเทศไทย
อยู่ระหว่างพิจารณาการกำหนดมาตรการดังกล่าวร่วมกับโลกลดคาร์บอนภาคการบิน
SAF นอกจากช่วยลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคการบินแล้ว ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศอื่น
ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะแทบ “ไม่มีสารอะโรมาติก” เป็นส่วนประกอบ
ซึ่งเป็นสารที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกระตุ้นเกิดโรคมะเร็ง
และยังมีปริมาณสารซัลเฟอร์ต่ำมาก จึงช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ
ลดความเสี่ยงของการเกิดฝนกรดได้ด้วย
“กลุ่มบางจาก”
เดินหน้าโครงการนี้สะท้อนความเป็น “ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงาน” ต่อยอดจากประสบการณ์พัฒนาพลังงานทดแทนมากว่า 20 ปี เริ่มจากปี 2543 ร่วมมือกับกรมอู่ทหารเรือสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้ว
เพื่อใช้ใน “โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา” พร้อมกับนำร่องปี 2547 การผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลเป็นรายแรกในไทย สถานีบริการน้ำมันบางจาก
ปี 2551
บางจากได้ริเริ่มโครงการรับซื้อน้ำมันพืชใช้แล้วจากชุมชนและเครือข่าย
เพื่อนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซล จนได้การยอมรับในฐานะผู้นำด้านพลังงานทดแทนของประเทศ
พัฒนามาสู่ผู้บุกเบิกพลังงานแห่งอนาคตด้วยการผลิต Neat SAF ให้ความสำคัญกับระบบความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน
ด้วยการรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง”
ที่สถานีบริการบางจากทั่วประเทศกว่า 290 แห่ง
ปี 2568
ตั้งเป้าขยายเครือข่ายรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็น 2,000 แห่ง โดยสร้างเครือข่ายความร่วมมือจัดหาวัตถุดิบร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและพันธมิตรภาคธุรกิจในหลายอุตสาหกรรม
โดยได้เตรียมรองรับระบบ
Book & Claim เป็นแนวทางที่องค์กรระดับโลกใช้สนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงสะอาด
เพื่อให้ผู้โดยสารและสายการบินสามารถร่วมสนับสนุนการลดคาร์บอนได้โดยตรง ผ่านการอ้างสิทธิ์การใช้
SAF ที่ผลิตขึ้นจริง พร้อมได้รับใบรับรองการลดคาร์บอน
ช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดได้อย่างเป็นรูปธรรม
ข่าวที่ 6- TCEBเปิดยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทยเฟส2ลุ้นรับ1 ล้านบาท
นายจิรุตถ์
อิศรางกูร ณ อยุธยา
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บเริ่มคลิกออฟโครงการ “ยกทีมประชุม
รุมรักเมืองไทย” ซีซั่น 2 กำลังขับเคลื่อนใหม่อีกครั้งเริ่มตั้งแต่ 1
พฤษภาคม -31 ตุลาคม 2568 กระตุ้นการจัดงานไมซ์ในประเทศ
เปิดโอกาสให้กลุ่มคอร์ปอเรต หรือองค์กรต่าง ๆ นำพนักงานในออฟฟิศ
ยกทีมไปจัดการประชุมนอกกรอบ ไปรอบเมืองไทย” ร่วมชิงรางวัลจัดงานมูลค่า 1 ล้านบาท ทุก 2 เดือน ซึ่งสามารถนำเสนอการจัดประชุมสัมมนา อบรม
ทำกิจกรรมซีเอสอาร์ ทำทีม บิลดิ้ง หรือให้รางวัลทีมผ่านทริปเดินทาง
ก็สามารถเข้าร่วมแคมเปญนี้ได้เช่นกัน
กำหนด
“เปิดสมัคร” หน่วยงาน องค์กร ในประเทศ เข้าร่วมโครงการ ได้ตั้งแต่วันนี้ - 31
ตุลาคม 2568
“ช่องทางการสมัคร”
ผ่าน LINE OA: @yokteam หรือดูเพิ่มที่ https://yokteam.tceb.or.th/
มีสิทธิ์ลุ้นได้หมดทั้ง “สุดยอดทีมประชุม” หรือ “ทีมรุม Like”
เพื่อให้ทุกองค์กรได้ผนึกกำลังกันจัดกิจกรรมไมซ์กระจายไปตามพื้นที่ต่าง
ๆ ทั่วประเทศ
นำอุตสาหกรรมไมซ์ไทยร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้คึกคักเติมเต็มรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายปี
2568 ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท
แต่ละหน่วยงาน/องค์กร
สามารถนำทีมพนักงานขั้นต่ำเดินทางร่วมกัน 2 วัน 1 คืนขึ้นไป รวมตัวให้ได้อย่างน้อย 20 คน เพื่อไปประชุม สัมมนา
ทำกิจกรรมซีเอสอาร์ นอกพื้นที่จังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงาน
ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับเงินสนับสนุนจากโครงการแล้ว
พร้อมกับ
“รีวิวทริปและโพสต์” ลงโซเชียล มีเดีย ของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ
เปิดแชร์โพสต์เป็นสาธารณะ สามารถนำเสนอได้หลายวิธี ทั้งเขียน ทำคลิป
หรือโพสต์ภาพสนุก ๆ แล้วติดแฮชแท็ก #ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย
ทุกครั้ง รวมทั้งTag คำว่า DMICE หรือยกทีมประชุม
(ช่องทางใดก็ได้) ในโพสต์ที่รีวิวดังกล่าว 3 ช่องทางหลัก 1.Facebook:
TCEB Domestic MICE 2.Instagram: Yokteam.dmice 3.TikTok: @yokteamdmice
ขั้นตอนสุดท้ายส่ง
Link ผลงานรีวิว ผ่านช่องทาง LINE OA หรือช่องทางเว็บไซต์ ของโครงการ พร้อมกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มให้ครบถ้วน
ตรวจความเรียบร้อยก่อนส่งมายังทีเส็บ เพื่อชิงรางวัลเงินสนับสนุนจัดงานไมซ์ทุก 2
เดือน มูลค่ารวม 1 ล้านบาท
พิเศษ!
รับแต้มเพิ่มทันทีสำหรับทริปดี ๆ อีก
2 รายการ
ได้แก่ รายการที่ 1 กิจกรรมผสมผสานการเสริมแนวรักษ์โลก
รักสุขภาพ รักชุมชน รายการที่ 2 เลือกจัดประชุม สัมมนา
นอกสถานที่ ช่วงนอกฤดูเดินทางหรือโลว์ ซีซัน ระหว่างกรกฎาคม-ตุลาคม 2568
กติกาสำคัญ
“การส่งผลงาน” ชิงเงินรางวัลโครงการ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ของทีเส็บ
ผู้สมัครสามารถนำการจัดประชุมหรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2568
ส่งเข้าร่วมโครงการในเฟสใดก็ได้ ปี 2568 เปิดทั้งหมด 3 เฟส
เมื่อส่งผลงานการจัดประชุมหรือจัดกิจกรรมนั้น ๆ แล้ว
ก็จะไม่สามารถส่งผลงานเดียวกันซ้ำในเฟสอื่นได้
ช่วงที่ 2 ทริปนี้ชวนเที่ยว
“ระยอง” กินทุเรียนก่อนใคร แล้วก็ไปแวะชม “โดมดอกไม้” ที่นิคมพัฒนา
และไลฟ์แอนด์ซาวด์ที่หอศิลปะ พักไปเที่ยวไปกินไปสบาย ๆ ใกล้กรุง แล้วฟัง “6 เคล็ดลับ” ดับร้อนเมืองไทยอุณหภูมิพุ่ง40 องศา
และข่าวฮ็อตต้องห้ามพลาด ข่าวแรก “ททท.อีสานขานรับ ครม.”
บูมนครพนมเที่ยวงานประเพณีดังครึ่งปีหลัง ข่าวที่สอง “ไทยไลออนแอร์”
เปิดเส้นทางใหม่ อู่ตะเภา-จาการ์ตา/อินโดนีเซีย เริ่ม 25
มิ.ย.68 ตั๋วบิน 2,995 บาท/เที่ยว
ท่องเที่ยว –เที่ยวระยองฟินกินทุเรียนก่อนใคร-ชมโดมดอกไม้สุดอลัง
ได้เวลาออกเดินทางไปคลายร้อนแถวภาคตะวันออก
เช็คอินพักผ่อนที่ “ระยอง” ตามจุดหมายปลายทางสุดชิล ไป “ชิมทุเรียนก่อนใคร”
และต้องได้ชมความอลังการ “โดมดอกไม้แห่งใหม่” ในอำเภอนิคมพัฒนา ปักหมุดเที่ยวฟิน
เดินทางสบาย ๆ ไม่ต้องรีบใน 2 พิกัด ดังนี้
พิกัดที่
1 ชิมทุเรียนก่อนใคร ไประยอง กับมหกรรม “อร่อยทุกไร่ ชิมไปทุกสวน” กับกิจกรรม Rayong Wonder Fruits วันนี้-15
กรกฎาคม 2568 ผนึกกำลังจัดโปรโมชั่น 33
สวน ต้อนรับสาวก “ทุเรียน เลิฟเวอร์” ต้องห้ามเช็คอินชิมทุเรียนสวน GI พันธ์ท้องถิ่นในระยองกว่า 100 สายพันธุ์
เลือกรสชาติที่ใช่กับที่ชอบได้เลยมีทั้ง หมอนทอง ก้านยาว ชะนี นกหยิบ นวลทองจันทร์
พวงมณี เม็ดในยายปราง พานพระศรี นกกระจิบ การะเกด กบชายน้ำ ทองย้อยฉัตร ฯลฯ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
(ททท.) สำนักงานระยอง มอบส่วนลดพิเศษ 100 บาท มากถึง 3,300 สิทธิ์ให้นักท่องเที่ยวที่ซื้อผลไม้หรือผลิตผลแปรรูปครบ 500 บาทขึ้นไป
“ช่องทางใช้สิทธิ์ส่วนลด”
สะดวกและง่ายเมื่อนักท่องเที่ยวซื้อผลไม้ตามสวนต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการครบ 500 บาทขึ้นไป โดยสแกน QR Code ใน Tent Card จากนั้นก็กรอกข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือ
รอรับรหัส OTP เพื่อยืนยันตัวตน แสดงสิทธิ์รับส่วนลด 100
บาท กับเจ้าของสวนได้ทันที
พิกัดที่
2 เที่ยวโดมดอกไม้หลากสีสันแห่งที่ 2 ในระยอง ระหว่างวันนี้ -31 พฤษภาคม
เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมพรรณไม้นานาชนิดแตกต่างไล่กันไปตามเฉดสีในคอนเซ็ปต์ The
Bloomimg Spectrum พร้อมมุมให้เลือกถ่ายรูปอย่างจุใจ
ไปพร้อมกับดื่มด่ำมหกรรมแสงสีเสียง “ไลท์ แอนด์ ซาวนด์” ที่ห้องนิทรรศการศิลปะ
ชูธีม Pride of Thailand ให้ชมได้ในแบบดิจิทัลอิมเมอร์ซีฟ
ในอาคารพัฒนานิทัศน์ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ อำเภอนิคมพัฒนา จ.ระยอง
ตามปกติจะเปิดบริการทุกวัน
และปิดทุกวันจันทร์ ยกเว้นวันหยุดพิเศษวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม 2568 ก่อนจะเดินทางแนะนำให้นักท่องเที่ยว
“ลงทะเบียนล่วงหน้า” เพื่อ “รับบัตรคิว” จากทางสวนก่อนไปยังสถานที่จริง
โดยเก็บหลักฐานคิวลงทะเบียนไว้แสดงกับเจ้าหน้าที่บริเวณด้านหน้าสวนดอกไม้ Page
Facebook: Wondrous Bloom
สุขภาพ
–6 เคล็ดลับคลายร้อนช่วงอุณหภูมิเมืองไทยระอุ
40 องศา
อากาศเมืองไทยอุณหภูมิยังคงร้อนต่อเนื่อง
ทางที่ดีต้องหาวิธีปรับตัวป้องกันดูแลสุขภาพท่ามกลางไอร้อน ด้วย 6 เคล็ดลับง่าย ๆ
ดังนี้
วิธีที่
1 พกน้ำดื่มติดตัว
ไว้ดื่มตอนร่างกายที่สูญเสียเหงื่อ
ดับความร้อน แก้กระหายน้ำ ทำให้คนป่วย เป็นลม หมดสติไปหลายราย
และยังเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ
ดังนั้นเหลือพื้นที่ในกระเป๋าไว้ให้น้ำดื่มขนาดพกพาสักขวดด้วย (เครื่องดื่มอื่นๆ
ก็ได้ แต่แนะนำน้ำเปล่านี่แหละ ดีที่สุด)
วิธีที่
2 พกผ้าเย็น+พัดลมมือถือ
ควรมีผ้าเย็น
หรือทิชชู่เปียกสักผืน เช็ดให้ทั่วใบหน้า และลำคอ ก่อนจะเปิดพัดลมมือถือใส่หน้า
เท่านี้ก็ได้ความเย็นสบายไปอีกหลายนาที
วิธีที่
3 พกสเปรย์
หรือมิสต์ฉีดหน้า ผู้หญิงแต่งหน้า
มีสเปรย์ที่ช่วยควบคุมความมัน และให้เครื่องสำอางติดทนให้เลือกใช้ด้วย
ส่วนคุณผู้ชายไม่ต้องกังวลว่าจะใช้ได้ไหม
เพราะมีสเปรย์น้ำแร่ที่ไม่ต้องแต่งหน้าก็ใช้ได้
หรือจะเลือกสเปรย์เย็นฉีดดับกลิ่นกายก็ได้เช่นกัน
วิธีที่
4 เลือกสวมเสื้อผ้าโปร่งๆ
เนื้อผ้าระบายความร้อนได้ดี ควรเลือกเสื้อผ้าที่ทำมาจากผ้าลินิน
ผ้าฝ้าย ผ้าฝ้ายลายคลื่น (Seersucker) ผ้าแชมเบรย์
หรือเดนิมแห่งฤดูร้อนที่สีฟ้าอมเทาของผ้าชนิดนี้มักเลือกมาทำเป็นเสื้อเชิ้ตแทนผ้ายีนส์หนาๆ
และควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูป และหันมาใส่แนวโปร่งๆ โคร่งๆ
อย่างเสื้อเชิ้ตโอเวอรไซส์ กางเกงขาบานๆ ใหญ่ๆ
วิธีที่
5 น้ำแข็งประคบตรงชีพจร หากรู้สึกร้อนมาก ๆ
ลองเอาของเย็น ๆ เช่น
น้ำแข็ง หรือแก้ว ขวดเครื่องดื่มที่มีความเย็น มาวางตรงจุดที่สามารถวัดชีพจรได้
เช่น เส้นเลือดบริเวณข้อมือ คอ ข้อพับ ข้อศอก ข้อเท้า ขาหนีบ
จะทำให้ร่างกายรู้สึกเย็นขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์
วิธีที่
6 สวมหมวก
กางร่มกันยูวี กันแดดทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวหนังของเราได้รับอันตรายจากแสงยูวี
ตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวแห้งเสีย หมองคล้ำ มีริ้วรอยก่อนวัย
และที่สำคัญยังช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
หากจำเป็นต้องทำงานกลางแดดเป็นเวลานานๆ อย่าลืมสวมหมวก สวมชุดแขนยาวขายาว
ปกป้องผิวไม่ให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดโดยตรงจะดีที่สุด
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–ททท.อีสานขานรับครม.บูมประเพณีปั๊มตลาดครึ่งหลังปี68
นายอรรถพล
วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ทำกลยุทธ์กระตุ้นการเดินทางเข้าสู่พื้นที่เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่และฟื้นตัวด้านค่าใช้จ่ายต่อทริปของนักท่องเที่ยว
ด้วยการเพิ่มค่าใช้จ่ายผ่านกิจกรรม เทศกาล งานประเพณี
และสินค้าท่องเที่ยวสายศรัทธาความเชื่อ โดยได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร
จังหวัดนครพนม ชูแนวคิด “เชื่อมโยงอนุภูมิภาคและจุดหมายการพักผ่อนริมโขง” ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดสนุก
“นครพนม สกลนคร มุกดาหาร” นำเสนอ “นครพนม” เมืองน่าเที่ยวที่โดดเด่นด้านประเพณีและวัฒนธรรม
มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่าง สนามบิน โรงแรม ร้านอาหาร
ททท.
เร่งส่งเสริมการตลาดทำโปรดมชั่นร่วมกับพันธมิตร 1.กลุ่มโรงแรมจัดแพ็กเกจห้องพัก 2.กิจกรรมท่องเที่ยวในชุมชนเพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายทางการท่องเที่ยว
กระตุ้นการพักค้างควบคู่กับงานประเพณี เช่นกิจกรรมตักบาตรเช้า เวียนเทียน
ล้อมวงกินพาแลง 3.กิจกรรมสายมู สายศรัทธาเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยว
Gen Y ช่วงวัยแห่งความหวัง
มีกำลังใช้จ่ายพร้อมส่งต่อเรื่องราวการเดินทางแชร์ต่อให้บุคคลใกล้ชิด
ช่วงเดือนตุลาคม
2568 ตรงกับเทศกาลออกพรรษาถือเป็นช่วงไฮไลต์ของพื้นที่นครพนมและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างสกลนครและมุกดาหาร
ททท. ได้ชูจุดขายไฮไลต์งานประเพณีและการท่องเที่ยวสายศรัทธา ได้แก่ 1.ประเพณีไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม 2.ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
จังหวัดสกลนคร งานบวงสรวงบูชาองค์พญาศรีสัตตนาคราช จัดวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี โดยจะผลักดันประเพณีไหลเรือไฟสู่ระดับนานาชาติ
เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพในอนาคตตลอดจนต่อยอดต้นทุนวัฒนธรรมสู่สากล
รวมทั้งเน้นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมและธรรมชาติระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ
ใช้ทุนทางวัฒนธรรมสร้างประสบการณ์ทางการท่องเที่ยว ได้แก่ “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
แห่งที่ 3” (นครพนม–คำม่วน)
เป็นเส้นทางหลักเชื่อมต่อการเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ “อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์”
แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม
จับมือกับบริษัทนำเที่ยวส่งเสริมการขายในพื้นที่ด้วยวิธีนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว
นครพนม-มุกดาหาร-สะหวันเขต (สปป.ลาว) เพื่อเพิ่มรายได้ท่องเที่ยว
เพิ่มวันพักแรมในพื้นที่ ดึงดูดต่างชาติในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะ สปป.ลาว
และเวียดนาม
“นครพนม”
มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเที่ยวระหว่างเดือนมกราคม – มีนาคม
2568จำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งสิ้น 611,971
คน-ครั้ง เพิ่มจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 4.66% แบ่งเป็น คนไทย 550,457 คน-ครั้ง เพิ่ม 2.82 % ต่างชาติ 61,514คน-ครั้ง
เพิ่ม 24.68 % “สร้างรายได้” จากการท่องเที่ยวรวม 994 ล้านบาท เพิ่ม 2.49% มาจากคนไทย
891.70 ล้านบาท เพิ่ม 0.5 % และต่างชาติ 101.90 ล้านบาท เพิ่ม 23.92%
มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย1,623.67บาท/คน/ทริป อัตราเข้าพักเฉลี่ย
76.28%
ปี
2567 มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งสิ้น 2,221,803 คน-ครั้ง แบ่งเป็น คนไทย 2,041,424 คน-ครั้ง ต่างชาติ 180,379 คน-ครั้ง “สร้างรายได้”
จากการท่องเที่ยวรวม 4,093.39 ล้านบาท มาจากคนไทย 3,702.42 ล้านบาท ต่างชาติ 390.97 ล้านบาท ใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริป1,842.37 บาท/คน อัตราเข้าพักเฉลี่ย 73.05 %
ข่าวที่สอง
–ไทยไลอ้อนแอร์เปิดบินใหม่อู่ตะเภา–จาการ์ตาเริ่ม25
มิ.ย.68
“ไทย ไลอ้อน แอร์” เตรียมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์เส้นทางบินอู่ตะเภา –
จาการ์ตา บินตรงจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง – พัทยา
ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน – ฮัตตา โดยจะเริ่ม 25
มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ราคาตั๋วโดยสารเริ่มต้นที่ 2,995
บาท/เที่ยว ตารางบิน
ไป-กลับ อู่ตะเภา – จาการ์ตา มีดังนี้
• อู่ตะเภา – จาการ์ตา เที่ยวบิน SL110
เวลา 16.10 – 19.30 น. บินตรง วันพุธ, เสาร์
• จาการ์ตา – อู่ตะเภา เที่ยวบิน SL111
เวลา 12.00 – 15.20 น. บินตรง วันพุธ, เสาร์
ผู้โดยสารจองตั๋วโดยสารราคาโปรโมชั่น และซื้อบริการพิเศษเพิ่มได้ทางเว็บไซต์
www.lionairthai.com หรือศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ Contact
Center Line Official Account: @lionairgroup และโทร 02-529-9999 โดยไม่มีค่าธรรมเนียมในการจองและตัดบัตร
และยังสามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของสายการบินฯ ได้ที่ www.facebook.com/Thailionair
ไทย
ไลออนแอร์ ยืนยันการเปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศ ไป-กลับ จากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง
– พัทยา ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม การเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการคมนาคม การท่องเที่ยว เช่น
ชลบุรี มี หาดพัทยา, เกาะล้าน, เขาสามมุก,
ตลาดน้ำ 4 ภาค ส่วนระยองมี หาดแม่รำพึง, เกาะเสม็ด,
อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า, ตลาดบ้านเพ, ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล
แล้วชลบุรีกับระยองยังมีเมนูอาหารทะเลขึ้นชื่อด้วยไม่แพ้กัน พร้อมผลไม้เมืองร้อนที่ได้รับความนิยมทั่วประเทศ
เช่น ทุเรียนและมังคุด
“จาการ์ตา” เป็นเมืองหลวงของอินโดนีเซีย
ตั้งอยู่บนเกาะชวา เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมือง
และวัฒนธรรมของประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น
อนุสรณ์สถานแห่งชาติ (Monas), มัสยิดอิสติกลัล, ย่านโบราณโคตาตัว
(Kota Tua), มหาวิหารจาการ์ตา
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น