AOTครึ่งปีแรก68กวาดรายได้3.6หมื่นล้านกำไรหมื่นล้าน
ปั้น“Smart Airport-Smart
Immigration”ปั๊มรายได้โตยั่งยืน
ปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ AOT
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #AOT #SmartAirport
AOT โชว์ครึ่งแรกงบปี’68
โกยรายได้รวม 36,235.82 ล้านบาท โต 5.98 % กำไรสุทธิ 10,397.57
ล้านบาท แจงผลงานยิบ 6 สนามบิน มีปริมาณจราจรทางอากาศกว่า
4.14 แสนเที่ยว เพิ่ม 12.9 % “ผู้โดยสาร”
พุ่ง 68.42 ล้านคน เพิ่ม 11.76 % ลุยปั้น
“Smart Airport-Smart Immigration”
สร้างรายได้ยั่งยืน
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์
รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง รักษาการผู้อำนวยการใหญ่
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) “ทอท./AOT)” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ AOT 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 ระหว่าง 1 ตุลาคม 2567 – 31 มีนาคม 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน
มี “รายได้รวม” 36,235.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.98 % เป็น “รายได้” เกี่ยวกับกิจการการบิน 18,188.15 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 2,751.25 ล้านบาท เติบโต 17.82 % และ “กำไรสุทธิ” รวมทั้งสิ้น 10,397.57 ล้านบาท
โดยมี “ปริมาณการจราจรทางอากาศ”
ผ่านเข้า-ออก 6 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สุวรรณภูมิ (ทสภ.) ดอนเมือง (ทดม.) เชียงใหม่ (ทชม.) แม่ฟ้าหลวง
เชียงราย (ทชร.) ภูเก็ต (ทภก.) และหาดใหญ่ (ทหญ.) ช่วง 6 เดือน หรือครึ่งปีงบประมาณ
2568 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ประกอบด้วย
มี“เที่ยวบินรวม” 414,377
เที่ยว เพิ่มขึ้น 12.90 % แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 237,511 เที่ยว และเที่ยวบินภายในประเทศ 176,866 เที่ยว
มี “ผู้โดยสารมาใช้บริการรวม”
68.42 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.76 % แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ
42.34 ล้านคน ผู้โดยสารภายในประเทศ 26.08 ล้านคน ก
นางสาวปวีณา กล่าวว่า AOT พร้อมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านกลยุทธ์ต่าง
ๆ ประกอบด้วย 1.ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และบริการเพื่อมอบประสบการณ์เดินทางอย่างสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ
2.มีโครงการกระตุ้น
ด้านการบิน (Incentive Scheme) และโครงการสนับสนุนการตลาด (Marketing
Fund) เพื่อให้สายการบินประกอบกิจการอย่างยั่งยืน 3.อำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคมากยิ่งขึ้น
ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบน
โดย AOT
ได้เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในท่าอากาศยานหลักที่อยู่ในความดูแลทั้ง
6 แห่ง เพื่อรองรับอนาคตทั้งจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น อาทิ
• โครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิให้มีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารปี
2573 เพิ่มขึ้นอีกปีละ
15 ล้านคน
• โครงการพัฒนาสนามบินดอนเมือง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารตั้งแต่ปี
2576 เป็นต้นต้ไปปีละ
50 ล้านคน จากปัจจุบัน 30 ล้านคน
• โครงการพัฒนาอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศที่สนามบินเชียงใหม่
และภูเก็ต พร้อมศึกษาแนวทางการก่อสร้างสนามบินแห่งที่
2 ทั้งในเชียงใหม่ และภูเก็ต
รวมทั้ง AOT
ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับสากลมาใช้ให้บริการในสนามบินทุกขั้นตอน
เช่น
• ติดตั้งระบบให้บริการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบิน (Airport Collaborative Decision Making
(A-CDM) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการเที่ยวบินให้สอดคล้องกับแผนการเดินทางอากาศสากล
ลดความล่าช้าในการเดินทาง
• เริ่มเปิดบริการระบบเช็กอินอัตโนมัติ
ระบบโหลดกระเป๋าอัตโนมัติ ระบบสแกนใบหน้าขึ้นเครื่อง (Biometric) ช่วยให้ผู้โดยสารเช็กอินและขึ้นเครื่องได้โดยไม่ต้องแสดงเอกสารซ้ำซ้อน
เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และลดระยะเวลารอคอย
• นำระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Border Control: ABC) มาให้ผู้ถือ
e-passport ได้ใช้งาน และใช้ Thailand
Digital Arrival Card (TDAC) แทน ตม.6 แบบกระดาษเต็มรูปแบบ เริ่ม 1
พฤษภาคม 2568 อำนวยความสะดวก ลดเวลา รอคิว เพิ่มประสิทธิภาพการบริการของท่าอากาศยานไทยสู่การเดินทางแบบ
“Smart Airport – Smart Immigration”
ด้าน “การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน” AOT ได้พัฒนาโครงการ ช่วยขยายฐานทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
เปิดพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ผ่านโครงการ “AOT Property Showcase” ควบคู่โครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐ-เอกชน
(Public Private Partnership: PPP) โครงการให้บริการลานจอดและอุปกรณ์ภาคพื้นโครงการให้บริการคลังสินค้า
อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน โครงการก่อสร้างอาคาร จังชั่นบิลดิ้งอาคารจอดรถ
และศูนย์เชื่อมต่อการขนส่งระบบราง ที่สุวรรณภูมิ และดอนเมือง
ด้าน “การพัฒนาที่ยั่งยืน” AOT
ได้รับการจัดอันดับเป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability
Indices (DJSI) World และ Emerging Market ต่อเนื่อง
6 และ 10 ปี ตามลำดับ และติดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ A ภายในปี 2587 พร้อมมุ่งสู่เป้าหมาย
Net Zero Emissions โดยเดินหน้าใช้พลังงานสะอาด
การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เปลี่ยนยานพาหนะในสนามบินเป็นระบบไฟฟ้า
ปี 2568
สนามบินสุวรรณภูมิยังได้รับการจัดจากสกายแท็กซ์ให้ติดอันดับที่ 39
ของท่าอากาศยานดีที่สุดในโลก ขยับขึ้นมาถึง 19 อันดับ แล้วยังคว้าอันดับ 3 ของท่าอากาศยานพัฒนาดีที่สุดของโลก
“อาคาร SAT-1” คว้ารางวัล Prix Versailles 2024
ในฐานะท่าอากาศยานสวยที่สุดในโลกอีกด้วย สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานของ AOT
ที่สมดุลในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น