บินไทยQ1/ปี68รายได้5.1หมื่นล้านกำไรสุทธิ9.8พันล้าน
รอ4มิ.ย.ศาลล้มละลายกลางไต่สวนออกจากแผนฟื้นฟูฯ
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #การบินไทย
การบินไทยไตรมาส
1 ปี’68 ธุรกิจโตต่อเนื่อง “ทำรายได้”
51,625 ล้านบาท “กำไรสุทธิ” 9,839
ล้านบาท รอศาลล้มละลายกลาง 4 มิ.ย.นี้
ไต่สวนปลดล็อกออกจากแผนฟื้นฟูกิจการกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์
บริษัท
การบินไทย จำกัด (มหาชน) รายงานว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานไตรมาส
1 ปี 2568 มีรายได้รวม
(ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 51,625 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 12.3 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนทำไว้รวม 45,955
ล้านบาท มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) 83.3% รายได้เพิ่มจาก ปัจจัยที่ 1
ปริมาณผู้โดยสารต้องการเดินทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่ 2
บริษัทขยายฝูงบิน เพิ่มความถี่เที่ยวบิน ส่งผลดีกว่าปีก่อน โดยมีปริมาณการผลิต
(Available Seat Kilometers-ASK) เพิ่มขึ้น 21.1% ปริมาณขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Seat Kilometers-RPK) เพิ่มขึ้น 20.8% จำนวนผู้โดยสารรวม 4.33
ล้านคน เพิ่มขึ้น 11.6%
“ค่าใช้จ่ายรวม”
ของการบินไทย และบริษัทย่อย (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 37,964 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกับปีก่อน 3,084 ล้านบาท หรือ 8.8%
จาก 1.ค่าใช้จ่ายผันแปรตามปริมาณการผลิตและบริการเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะลดลงจากปีก่อน 1.7%
“กำไร” จากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน
(ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 13,661 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 2,586 ล้านบาท เทียบจากไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน ทำอัตรากำไร
(EBIT Margin) 26.5%
“ต้นทุนทางการเงิน”
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนการเงินรับรู้ตามมาตรฐานการรายงานฉบับที่
9 (TFRS 9) 3,481 ล้านบาท
มีรายการเกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่าย 339 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นรายการ”ขาดทุน”
1.จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 2.จากการด้อยค่าซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน
3.ขาดทุนจากการวัดมูลค่าจากตราสารอนุพันธ์
“กำไรสุทธิ” การบินไทย
และบริษัทย่อย ทำได้ 9,839 ล้านบาท มี EBITDA หลักหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินรวมค่าเช่าใช้เครื่องบินที่เกิดขึ้นจริง
(Power by the Hours) 12,728 ล้านบาท
“ฝูงบิน”
ตลอดไตรมาส 1 มีทั้งสิ้น 78 ลำ
เพิ่มขึ้น 5 ลำ มีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย
13.7 ชั่วโมง/วัน มีแผนทยอยรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่แอร์บัส A321
Neo เพื่อเสริมศักยภาพฝูงบินให้ทันสมัยมากขึ้น จะมาพร้อมระบบความบันเทิงส่วนตัวทุกที่นั่ง
และ Wi-Fi ฟรี ให้สมาชิกรอยัล ออร์คิด พลัส ( ROP) ทุกระดับสถานะ เพื่อยกระดับบริการให้ดีขึ้นภายในปี 2568
“ระบบบันเทิงหรือ
In-flight” ช่วงไตรมาส
1 ปี 2568 การบินไทยได้ทยอยติดตั้งระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
In-flight Connectivity (IFC) บนเครื่องบินแบบแอร์บัส A330-300
เริ่มให้บริการแล้ว 2
ลำแรก สามารถแชทและส่งข้อความได้แบบไม่จำกัด ใช้ฟรีบริการอินเทอร์เน็ตเต็มรูป
พร้อมโปรแกรมสะสมไมล์ Royal Orchid Plus ตามระดับสมาชิก
เริ่มเมื่อ 1 พฤษภาคม 2568
“สินทรัพย์รวม” สรุป
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เปรียบเทียบกับ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ
และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 297,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,245
ล้านบาท หรือ 1.8% ประกอบด้วย
• เงินสดรวมตั๋วเงินฝาก
เงินฝากประจำ และหุ้นกู้ ที่มีระยะเวลาครบกำหนดชำระมากกว่า 3 เดือน แต่ไม่เกิน 12 เดือน 124,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,858 ล้านบาท และหนี้สินรวม 242,314 ล้านบาท ลดลง 4,605 ล้านบาท (1.9%) ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ
55,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,850 ล้านบาท
(21.6%)
• มีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
(D/E Ratio) และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
(Interest Bearing Debt to Equity) เท่ากับ 4.37 เท่า และ 2.23 เท่า ดีขึ้นมากจากก่อนเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ
ณ สิ้นปี 2562 ที่ 20.66 เท่า และ 12.52
เท่า อันเป็นผลมาจากการปฏิรูปธุรกิจและการปรับโครงสร้างทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ
• เมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุมคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมีมติอนุมัติลดมูลค่าที่ตราไว้
(Par Value) ของหุ้นของบริษัทฯ จากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1.30 บาท
เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมทางบัญชี และเมื่อรวมกับกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 1
ปี 2568 ทำให้ยอดวันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทฯ
มีกำไรสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการ 9,555 ล้านบาท
เป็นผลให้ในอนาคตบริษัทฯ อาจสามารถพิจารณาจ่ายเงินปันผลได้
• เมื่อ 8 พฤษภาคม 2568 คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการมีมติอนุมัติให้จดทะเบียน
“เลิกกิจการบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด” (สายการบินไทยสมายล์) ภายหลังปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจการบินสำเร็จลุล่วงตามแผนอย่างดียิ่ง
การบินไทยได้รับโอนเครื่องบินแบบแอร์บัส
A320 เข้าประจำการจนครบถ้วน โดยไทยสมายล์หยุดให้บริการตั้งแต่
1 มกราคม 2567 เป็นต้นมา โดยเส้นทางบินและเครื่องที่ใช้บินทำให้มีกำไรจากเดิมตอนเป็นไทยสมายล์ประสบปัญหาขาดทุน
จากปัจจัยสำคัญเรื่อง ปริมาณการผลิต (ASK) จำนวนผู้โดยสาร
อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ผลตอบแทนต่อหน่วย
(Yield) รายได้จากการบรรทุกผู้โดยสาร สินค้า
และไปรษณีย์ภัณฑ์ เพิ่มสูงขึ้นจากความสามารถขยายเครือข่ายเส้นทางบินและโอกาสหารายได้จากการขายแบบเชื่อมต่อเครือข่ายเส้นทางบินที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และต้นทุนต่อหน่วยลดลง
“ความคืบหน้าการออกจากการฟื้นฟูกิจการ” เมื่อ
18 เมษายน 2568 ภายหลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
มีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ จากนั้นวันที่ 22 เมษายน
ได้จดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกรรมการกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว ทำให้ดำเนินการตามผลสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการครบถ้วนแล้ว
เมื่อวันที่
28 เมษายน 2568 จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้
“ศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ” ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
วันที่
4 มิถุนายน 2568 ศาลล้มละลายกลางกำหนดนัดไต่สวนคำร้อง
เวลา 9.00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น