วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

“บางจาก”Q1/68 EBIDAพุ่ง1.26หมื่นล้านกำไรเท่าตัวอนาคตโตด้วยSAF

 “บางจาก”Q1/68 EBIDAพุ่ง1.26หมื่นล้านกำไรโตเท่าตัว

อนาคตเร่งโตด้วยพลัง Synergy-นวัตกรรมน้ำมัน SAF

 

กลุ่มบริษัท บางจาก ไตรมาสแรก ปี68 มี EBIDA สูงถึง 12,666 ล้านบาท กำไรโตเท่าตัว

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #บางจาก

บางจากฯ ไตรมาส 1 ปี’68 ผลประกอบการแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทาย ทำ “EBIDA” พุ่ง 12,666 ล้านบาท “กำไรสุทธิ” โตกว่า 1 เท่าตัว เดินหน้าสู่อนาคตด้วยพลัง Synergy และนวัตกรรม SAF

กลุ่มบริษัทบางจาก ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ต้อนรับศักราชใหม่อย่างแข็งแกร่ง มี EBITDA สูงถึง 12,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 77 %  บริษัทใหญ่ “กำไรสุทธิ”เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่า สะท้อนธุรกิจฟื้นตัวภายใต้บริบทเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง ไตรมาสนี้มีจุดเด่นสำคัญคือ “การรับรู้ Synergy” จากการควบรวมกิจการกับ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (BSRC) มี EBITDA 1,812 ล้านบาท ตอกย้ำถึงศักยภาพการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการพัฒนาเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ต่อยอดความสำเร็จการออกหุ้นกู้ดิจิทัล  การบุกเบิกพลังงานอนาคตด้วยการ “เปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF)” แบบสแตนอะโลนแห่งแรกของเมืองไทย เดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันและร้านกาแฟอินทนิลต่อเนื่อง ได้เปิดสาขาแรกในสถานีบริการน้ำมันบางจาก BSRC รวมถึงปีนี้ควบรวม BSRC ให้สมบูรณ์


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่บางจากสามารถรักษาอัตรากำไรที่ดีไว้ได้ โดยเฉพาะ “กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันและกลุ่มธุรกิจการตลาด” เป็นผลจากการบริหาร Synergy ระหว่างบริษัทฯ และบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) “BSRC” อย่างมีประสิทธิภาพ ไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทฯ รับรู้ EBITDA จาก Synergy ได้ถึง 1,812 ล้านบาท เป็นการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างคุ้มค่าในช่วงเวลาท้าทาย มุ่งสู่การดำเนินงานแบบ Single Entity ไร้รอยต่อ โดย “เริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวก” จากบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศเริ่มคลี่คลาย สะท้อนผ่านราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น และกำไรดีขึ้นชัดเจนทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจ

แล้ว “ผลการดำเนินงาน” ก็แข็งแกร่ง ท่ามกลางสภาวะท้าทาย บางจากฯ ยังได้บุกเบิกพลังงาน
แห่งอนาคต “เปิดหน่วยผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน”หรือ
Neat SAF 100% ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ (Stand-Alone) แห่งแรกของเมืองไทย ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง ตั้งแต่ 25 เมษายน 2568  กำลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตร/วัน

รวมทั้งได้ “พัฒนาโครงสร้างโลจิสติกส์” อย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าเรือ VLCC การขยายท่าเรือรองรับเรือ Suezmax ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา โดยคาดจะเริ่มใช้งานได้ภายในไตรมาส 2 และสามารถรับรู้ประโยชน์ด้านต้นทุนช่วงครึ่งหลังปี 2568



“ด้านธุรกิจการตลาด” บางจากฯ ได้เร่งขยายสถานีบริการทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง พร้อมยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานสากล ทั้งพรีเมี่ยม97 และพรีเมี่ยม ดีเซล ควบคู่กับพัฒนาร้านค้าปลีก Retail Experience ภายใต้แนวคิด “Greenovative Destination for Intergeneration” ภายในสิ้นปี 2568 ตั้งเป้าขยาย “ร้านกาแฟอินทนิล” ให้ครบ 1,400 สาขา เพิ่มจุดชาร์จ EV กว่า 419 แห่ง และจุดจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น FURiO กว่า 2,000 แห่ง

“ผลการดำเนินงาน” ไตรมาส 1 ปี 2568  กลุ่มบริษัท บางจาก  มีดังนี้

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 134,647  ล้านบาท

มี EBITDA 12,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 466 ล้านบาท

บริษัทใหญ่มีกำไร 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนกว่า 1 เท่า คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.54 บาท

“นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน รายงานว่า ผลการดำเนินงานสำคัญในไตรมาส 1 ปี 2568 เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ละกลุ่มธุรกิจ มีผลดังนี้

กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA 3,139 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 100 % แม้ว่าค่าการกลั่นพื้นฐานเฉลี่ยไตรมาสก่อนจะลดลง สืบเนื่องจาก Crack Spread อ่อนตัวในทุกผลิตภัณฑ์ แต่ผลจากราคาน้ำมันดิบเดทเบรนท์ที่มีราคาต่ำกว่าดูไบในไตรมาส 1 ช่วยชดเชยผลกระทบของ Crack Spread ที่อ่อนตัวลงได้บางส่วน และได้รับแรงหนุนหลักจากการรับรู้กำไรจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 788 ล้านบาท ชดเชย Inventory Loss ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด


กลุ่มที่ 2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA 1,841 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 %  มีปัจจัยสนับสนุนจากค่าการตลาดสุทธิฟื้นตัว และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง แม้ปริมาณจำหน่ายรวมจะอ่อนตัวเล็กน้อย 3,498 ล้านลิตร จากตลาดอุตสาหกรรมชะลอตัว แต่ปริมาณจำหน่ายผ่านสถานีบริการสามารถขยายตัวได้เล็กน้อย ส่วนปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเครื่องบินเติบโตเพิ่มขึ้นตามปริมาณเที่ยวบินและการท่องเที่ยว จึงชดเชยผลกระทบบางส่วนดังกล่าวได้ ร่วมกับปัจจัยหนุนจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นผ่านช่องทางที่มีค่าการตลาดสูงขึ้น โดยมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้น เป็น 29.3 % ( สิ้นปี 2567 เพิ่ม 28.9 % )สิ้นไตรมาส 1 ปีนี้ทั่วประเทศสถานีบริการ 2,161 แห่ง


กลุ่มที่ 3 ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด มี EBITDA 903 ล้านบาท ด้วยปริมาณผลิตไฟฟ้าลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะสิ้นสุดการรับรู้รายได้โครงการในญี่ปุ่น ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนการอ่อนตัวหลักเกิดจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่ได้รับผลกระทบตามฤดูกาล และปิดซ่อมบำรุงเมื่อกุมภาพันธ์ แต่มีบางส่วนชดเชยได้ด้วยส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 444 ล้านบาท มีแรงสนับสนุนหลักจากธุรกิจไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกาทำกำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจาก Spread ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานลมในฟิลิปปินส์ ปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาล โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทย จำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยมีรายได้เติบโตจาการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา และโครงการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือในไทย มีผลดำเนินงานเพิ่มขึ้น

กลุ่มที่ 4 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA 296 ล้านบาท ลดลง 7 % โดยได้รับผลกระทบเต็มไตรมาสกำไรลดลงจากการปรับสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลจาก บี7 เป็น บี5 ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายไบโอดีเซลลดลง ส่วน “ราคาขายเฉลี่ย” ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันปาล์มดิบ และเริ่มรับรู้ผลดำเนินงาน BBGI-BI เต็มไตรมาส ภายใต้สัดส่วนการถือหุ้น100 %

ธุรกิจเอทานอล แม้ราคาขายเฉลี่ยลดลงตามต้นทุนวัตถุดิบ แต่ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นเทียบกับปีก่อนกว่า100 % จากความต้องการใช้ BSRC ส่งผลให้การใช้กำลังการผลิตอยู่ระดับสูงและยังปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตต่อเนื่องด้วย

กลุ่มที่ 5 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA 6,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32 % สาเหตุหลักจากปริมาณการจำหน่ายลดลงก่อนหน้านี้ขายแหล่งผลิต Yme ส่วน EBITDA  ไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการจำหน่าย OKEA เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 39,070 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน มากกว่ากำลังผลิตตามสัญญา (Overlift) ของแหล่งผลิต Brage, Ivar Aasen และ Draugen

ราคาขายเฉลี่ย” ของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวปรับตัวสูงขึ้นตามฤดูกาล เช่นเดียวกับราคาก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 6 % จากความต้องการใช้ในช่วงฤดูหนาว โดยมีผลกระทบจากการรับรู้ขาดทุนด้อยค่าGoodwill เกิดจากการปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันล่วงหน้าลดลง สามารถชดเชยได้ทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 185 ล้านบาท



“ฐานะทางการเงิน” ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ของกลุ่มบริษัทบางจาก

มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 27,613 ล้านบาท ลดลง 1,013 ล้านบาท เกิดจากกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนและจัดหาเงินใช้ไปมากกว่ากระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน โดยอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับแข็งแรงที่ 1.12 เท่า

มีอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัทที่ระดับ “A+” และแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” หรือ “Stable” จากทริสเรทติ้ง

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปร“คนไทย”ตั๋วราคาพิเศษ 450-500บาท

  อควาเซอร์คัสภูเก็ตจัดโปรปัง “นักท่องเที่ยวไทย” 18 มิ.ย.- 31 ก.ค.ซื้อตั๋วราคาพิเศษ 450-500 บาท/คน เรื่องโดย... # เพ็ญรุ่งใยสามเสน #guru...