ททท.ภูมิภาคตะวันออกโชว์ความสำเร็จปี’68ปั๊มรายได้โต42%
บูมขายไฮซีซั่น4บิ๊กอีเวนต์“ชมพลุ-แจ๊ส-เคาน์ดาวน์-ฟังเพลงพ่อ”
เปิดทัวร์ใกล้กรุงกับBTS3บางสมุทรปราการ-3พิกัดฉะเชิงเทรา
ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์กระเป๋าแบรนด์โลกลดสูงสุด 25 %
สมัครSCARLETลดแรง25%บัตรPOWER PASSคิงเพาเวอร์
เทศกาลช้อปเวอร์ส่งท้ายปีมาที่“คิงเพาเวอร์”โซนบิวตี้/แฟชั่น
ททท.หนุนซิตี้ลิงค์แอร์อินโดฯบินจาการ์ตา-กรุงเทพ2ธ.ค.68
บางจาก-ออมสุขฯ”ดันธ.ก.ส.ลุย3เรื่องรับโลกสู่ธนาคารยั่งยืน
เที่ยว“สีสันดอยตุง”รับลมหนาวเชียงราย2 ธ.ค.68-25 ม.ค.69
10
วิธีธรรมชาติแก้คัดจมูกหายใจโล่ง ไม่ต้องพึ่งยาเสมอไป
บขส.จัดโปรจองตั๋วรถปีใหม่ไปก่อนกลับทีหลังลดรัว
ๆ20%
“IATA-EASA”ดึงการบินโลกแฟร์กับผู้โดยสารติดฉลากCO2
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #สีสันแห่งดอยตุง
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1ARdr95M5y/
ช่วงที่ 1 สัมภาษณ์ !! กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โชว์ผลงานปี’68 ท่องเที่ยวภาคตะวันออกโตดีเยี่ยมโกยรายได้ 658,529 ล้านบาท โตกว่า 42 % เร่งเครื่องไฮซีซั่นปลาย พ.ย.นี้ เพิ่มจุดขาย “เที่ยวใกล้กรุง”
เมืองชายทะเลใกล้ ผืนป่าธรรมชาติเขาใหญ่ เที่ยว 4 เฟสติวัล
บูม “พัทยา/ชลบุรี” มืออาชีพจัดบิ๊กอีเวนต์ 3เทศกาล
“พลุนานาชาติ” 28-29 พ.ย. “พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล แจ๊ส” 12-13
ธ.ค. “เคาน์ดาวน์อ่าวพัทยา” 31 ธ.ค.-1 ม.ค.69 และ “ฟังเพลงพ่อ คลอเสียงน้ำ” 5-7 ธ.ค.ที่เขื่อนขุนด่านปราการชล
จ.นครนายก จัดเต็ม นั่งบีทีเอสเที่ยวใกล้ไปเช้าเย็นกลับ 2 โปรแกรม
“3บาง :บางปู-บางพลี-บางกะเจ้า”จ.สมุทรปราการ
และ “บางคล้า-บางปะกง-แปดริ้ว” จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมรับของที่ระลึกได้ทุกวัน
ปลุกกระแสเที่ยวไทยไปภาคตะวันออกได้ทุกวันตลอดทั้งปี
กนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
สถานการณ์ภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศเดินทางเข้าสู่ภูมิภาคภาคตะวันออก 9 จังหวัด อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก มีผู้เยี่ยมเยือน 69 ล้านคน-ครั้ง
เพิ่มขึ้น 6.54 % โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น และคนไทยใกล้เคียงตามเป้าหมาย “รายได้” 658,529.63
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42 % ซึ่งมาจากต่างชาติเป็นหลัก
ส่วนคนไทยใช้เงินน้อยลงตามสภาพเศรษฐกิจส่งผลให้คนใช้อย่างระมัดระวัง
โดยมีจังหวัดยอดนิยมหลัก
ได้แก่ “ชลบุรี” ส่วนจังหวัดอื่น ๆ อย่าง
ระยอง จันทบุรี คนไทยลดลงแต่จะได้ต่างชาติเข้ามาทดแทนเพิ่มขึ้น
รวมทั้งสถานการณ์ชายแดนที่มีข้อพิพาทส่งผลให้การท่องเที่ยวชะลอตัวลงบ้างคือ สระแก้ว ตราด จันทบุรี
แต่ก็ได้นโยบายรัฐบาลทำโครงการ “เที่ยวไทย คนละครึ่ง”
เป็นแรงกระตุ้นนักท่องเที่ยวเลือกเดินทางไปใช้จ่ายเงินกระจายตามพื้นที่ต่างๆ ในภาคตะวันออก ต่อเนื่อง
“แผนส่งเสริมตลาดการขายท่องเที่ยว”
ต้อนรับฤดูท่องเที่ยวเริ่มปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป
มีสินค้า “เมืองชายทะเลอ่าวไทย” ใกล้กรุงเทพฯ สวยไม่แพ้ทะเลอันดามัน
เดินทางสะดวกก็สามารถเที่ยวหน้าหนาวได้เช่นกันอย่าง ชลบุรี ตราด ระยอง จันทบุรี
ราคาที่พักสมเหตุผลเพิ่มประสบการณ์ให้คนไทยมีความสุขกายใจ หรือ
“เมืองแห่งธรรมชาติผืนป่ารอยต่อเขาใหญ่” นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว
อากาศดีมากเย็นสบาย เหมาะกับนักเดินทางกลุ่มครอบครัว เพื่อนฝูง
และเดินทางคนเดียวก็ได้
ปลายเดือนพฤศจิกายน
2568 จ.ชลบุรี
จัดกิจกรรมเทศกาลระดับประเทศและนานาชาติต่อเนื่อง ทางเทศมนตรีเมืองพัทยา
องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น มีความเป็นมืออาชีพทำกิจกรรมการท่องเที่ยว
● งานแรก
เที่ยวงานเทศกาลพลุนานาชาติพัทยา The Pattaya International Fireworks
Festival 2025 “แสงแห่งความจงรักภักดี สถิตในใจนิรันดร์ :The
Light of Ethernal Loyalty” 28-29
พฤศจิกายน 2568 บริเวณ บริเวณชายหาดพัทยา
จังหวัดชลบุรี
โดยมีพลุนานาชาติเข้าร่วมโชว์ความสวยงามด้วย5 ประเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย
เยอรมัน ฟินแลนด์ และอังกฤษ
งานยังคงจัดตามปกติโดยเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้เหมาะสม เพิ่มการแสดงโขน การแสดงเพลงพระราชนิพนธ์ของวงออเครสต้า นิทรรศการพระราชกรณียกิจ การให้ผู้ชมงานร่วมยืนสงบนิ่ง ไว้อาลัย เพื่อร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ควบคู่แนะนำเส้นทางสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเสด็จตามจุดต่างในภาคตะวันออก
ททท.และหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่นำเสนอให้นักท่องเที่ยวร่วมเดินทางสัมผัสประสบการณ์เพื่อน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่าน
●งานที่
2 PATTAYA INTERNATIONAL JAZZ FESTIVAL 2025 เทศกาลดนตรีแจ๊สเมืองพัทยา
2568 ชมฟรีศิลปินระดับโลกกับ บทเพลงแห่งความรำลึก...
ร้อยเรียงความรักนิรันดร์ วันที่ 12-13 ธันวาคม 2568 บริเวณชายหาดพัทยากลาง เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
นำสเนอรูปแบบงานให้สอดคล้องกับช่วงน้อมรำลึกถึงพระพันปีหลวง และในหลวงรัชกาลที่ 9
● งานที่
3 “ฟังเพลงพ่อ คลอเสียงน้ำ - Rhythm
of Life ครั้งที่ 6
โดยมีออเกสต้าวงใหญ่ร่วมแสดง วันที่ 5-7 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 - 22.00 น.
บริเวณสวนหน้าเขื่อนขุนด่านปราการชล
จังหวัดนครนายก น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ด้วยการแสดงดนตรีบทเพลงพระราชนิพนธ์
Symphony จาก KU Wind การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า การแสดงโขน นิทรรศการพระราชกรณียกิจและโครงการพระราชดำริ จำหน่ายผลิตภัณฑ์โครงการพระราชดำริ อาหารและเครื่องดื่ม
● งานที่ 4 เทศกาลเคาน์ดาวน์
ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ค่ำคืนที่ 31 ธันวาคม 2568 เช้าวันที่ 1
มกราคม 2569 บริเวณอ่าวพัทยา รวมทั้งแต่ละพื้นที่ตามจังหวัดต่าง ๆ
ในภาคตะวันออก ก็ได้จัดเคาน์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน
เชิญชวนนักท่องเที่ยวเตรียมตัวให้พร้อมเที่ยวส่งท้ายปี 2568
ผอ.กนกกิตติกา กล่าวว่า
ได้วางแผนส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวเชิงรุกต่อเนื่องปลายปี 2568 จัดทำ โปรแกรมที่
1 “เที่ยวแพ็คคู่ 3 บาง : บางปู-บางพลี-บางกระเจ้า” จังหวัดสมุทรปราการ
สามารถนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสไปเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับได้ทุกวัน โปรแกรมที่ 2
เที่ยวบางปะกง บางคล้า แปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา
เป็นทางเลือกหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองกรุงไปผ่อนคลายแบบง่าย ๆ สะดวก
ในอีกบรรยากาศ อย่างชมนกนางนวล บางปู เดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ
รับประทานอาหารอร่อย
ททท.ร่วมกับอัมรินทร์ ทีวี และรถไฟฟ้าบีทีเอส
สนับสนุนนักท่องเที่ยวเลือกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสตามโปรแกรมดังกล่าว
จะได้รับ “ของที่ระลึก” เช่น
โชว์บัตรรถบีทีเอสรับเครื่องดื่มฟรี หรือของที่ระลึก เพื่อสร้างความสุขให้ทุกคน
สำหรับ “สินค้าและบริการท่องเที่ยวภาคตะวันออก” ปีงบประมาณ 2569 นำเสนอ การท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี (All Year Round) เช่น 1.สวนภัทรแลนด์ มหานครแห่งสวนเกษตรผลไม้หลากหลาย และวิถีชีวิตชุมชน 1.สวนทิวลิป ปตท.ระยอง ยกเมืองหนาวมาไว้ในภาคตะวันออกเป็นอาคารจัดแสดงทิวลิปหลากสายพันธุ์
ผอ.กนกกิตติกา กล่าวว่าปลายปี 2568 เชิญชวนออกเดินทางเที่ยวภาคตะวันออกอย่างปลอดภัย ในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ พร้อมรับประทานอาหารอร่อย คุ้มค่าเงิน และการเดินทางมีความสุข กับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ หาดทราย ชายทะเล หมู่เกาะ กิจกรรมทางทะเลมากมาย เข้าชมแหล่งท่องเที่ยวแมนเมดเสริมเพิ่มประสบการณ์ดี ๆ ให้ชีวิตได้ทุกวันตลอด
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ช้อปคิงเพาเวอร์ออนไลน์กระเป๋าแบรนด์โลกลดสูงสุด25%
คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ นำแบรนด์กระเป๋ามาชวนชอป “BAGS You Must Have in Your Closet กระเป๋าที่ทุกคนต้องมีติดตู้” ลดแรงได้ใจสูงสุด 25% วันนี้ -30 พฤศจิกายน 2568 กับไอเทมสายแฟห้ามพลาด อย่างแบรนด์ MCM, TUMI, FURLA, SAMSONITE, MARC JACOBS, FERRAGAMO, MONTBLANC, MICHAEL KORS, LACOSTE และอื่น ๆ พร้อมรับดีลพิเศษได้ง่ายๆได้เลย กดช้อปและรับของที่สนามบิน
รวมอยู่ในแคมเปญ THE POWER GIFTIVAL ที่คิง แวอร์ เปิดเทศกาล ช้อปแบบเวอร์ ส่งท้ายปี ช้อปดิวตี้ ฟรี ออนไลน์รับโค้ดลับส่วนลดจุกๆ สั่งซื้อล่วงหน้าได้เลยก่อนบิน ไม่ต้องหิ้วของหนัก แค่โชว์ Boarding Pass แล้วรับสินค้าที่จุดบริการ ของแท้แบรนด์ดังรอคุณมาช้อปอยู่ พร้อมรอรับของที่สนามบินขาออกประเทศ
-ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 1,500 บาท รับรหัสส่วนลด NEWMB25
-พิเศษ! Member Online (POWER PASS)ลดเพิ่มทันที 5% ด้วยรหัสส่วนลด MBPWP25
(เฉพาะสินค้าแบรนด์และแผนกที่ร่วมรายการ)
1.สินค้า Duty-Free
สุดฮอต มีไฟลต์บินแล้วรีบเลย! รับสินค้าที่สนามบิน
2.แบ่งชำระ 0% นานสูงสุดถึง 6 เดือน
3.รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 16,000 บาท
4.ฟรี!
ของสมนาคุณสุดพิเศษ จากแบรนด์ดัง (ของแถมมีจำนวนจำกัดและอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
5.รับเลย! ส่วนลด 800
บาท เมื่อสมัครสมาชิกออนไลน์
6. รับสิทธิ์การสมัครสมาชิก คิง เพาเวอร์ เมื่อช้อปขั้นต่ำ 1,000 บาท (สุทธิ
ข่าวที่ 2 -สมัครSCARLETบัตร POWER PASS คิงเพาเวอร์ลดแรง25%
สมาชิก POWER
PASS รับสิทธิประโยชน์สมาชิก SCARLET ได้มากกว่าที่เคย
ได้ครบทั้ง กิน | ช้อป
| เที่ยว | พักผ่อน รับสิทธิ์โดยตรงและจากหลากหลายพันธมิตรชั้นนำทั่วโลก
1.ฟินกับสิทธิ์สุดฮิต
ทั้ง Birthday Celebration Cashback 25%
2.รับสิทธิ์สมาชิก Club Avolta Platinum มีบริการครอบคลุมทั่วโลกกว่า 70 ประเทศ
3.ทำสะสมยอดช้อปครบ 40,000 บาท อัพเกรดเป็นสมาชิก SCARLET ทันที พร้อมรับสิทธิ์จัดเต็ม
-รับส่วนลดสูงสุด 10% ทุกการช้อป
-ฉลองเดือนเกิดด้วยเงินคืน หรือ Birthday
Celebration Cashback 25% (2 สิทธิ์ / ปี)
-ใช้บริการ King
Power SPACE ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ปีละ 4 สิทธิ์
-รับ CARAT ใช้แทนเงินสด ทุกการช้อป 25 บาท ได้ 1 CARAT
-แลกสิทธิพิเศษผ่าน CARAT REWARDS ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
ยังไม่เป็นสมาชิก
สมัคร POWER PASS ฟรี แล้วเริ่มสะสมยอดช้อปอัปเกรดเป็น SCARLET
ได้เลย!
-สมัครได้ที่คลิก
: https://kp.group/OLTQs1 หรือสมัครผ่าน LINE Official Account @KINGPOWER
ข่าวที่ 3-เทศกาลช้อปเวอร์ส่งท้ายปีที่คิงเพาเวอร์โซนบิวตี้/แฟชั่น
Verified พิสูจน์กันแล้วหรือยัง? กับ “Smart Giver” ผู้ให้ตัวจริง ที่ คิง เพาเวอร์ สาขาต่าง ๆ เช็คสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับให้ครบ
ทริปนี้! ช้อปของขวัญ “ได้ใหญ่” กว่าใคร กับ “THE POWER GIFTIVAL” เทศกาลช้อปแบบเวอออร์ส่งท้ายปี! วันนี้ -30 พ.ย.2568
1.ช้อปโซนบิวตี้ และแว่นกันแดด : ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ พิเศษ! สมาชิก POWER PASS ON-TOP 5%(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
2.ช้อปโซนแฟชั่น นาฬิกา และเครื่องประดับ ซื้อ CASH CARD 10,000 บาท* ก่อนช้อปรับเพิ่ม! GIFT CARD 4,000 บาท*(เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ)
-คนมีไฟลต์ช้อปสุดคุ้มก่อนบิน ด้วยสินค้าป้ายขาว(ช้อปแล้วรับสินค้าที่สนามบิน)
-ไม่ต้องมีไฟลต์ก็ช้อปได้ ด้วยสินค้าป้ายฟ้า (ช้อปแล้วรับกลับได้เลย เช่น แว่นกันแดด ชุดกีฬา และสินค้าที่ร่วมรายการอีกมากมาย
ข่าวที่ 4-ททท.หนุนซิตี้ลิงค์แอร์อินโดฯบินจาการ์ตา-กรุงเทพ12 ธ.ค.68
นายนิติ วงษ์วิชาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานจาการ์ตา เปิดเผยว่า สายการบิน ซิตี้ลิงค์ อินโดนีเซีย (Citilink Airline) เตรียมเปิดให้บริการบินตรงแบบประจำ ไป-กลับ จาการ์ตา(อินโดนีเซีย–กรุงเทพฯ (ไทย) อย่างเป็นทางการเริ่ม 12 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ทุกวัน หรือ 7 เที่ยว/สัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A320 รองรับผู้โดยสาร 180 ที่นั่ง เส้นทางใหม่นี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพเชื่อมต่อการเดินทางภายในภูมิภาคเอเชีย ช่วยสนับสนุนภาพรวมการท่องเที่ยวไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ปี 2569 พร้อมฟื้นตลาดการท่องเที่ยวเข้าเมืองไทยเต็มรูปแบบ เพิ่มการเชื่อมต่อตลาดอาเซียนสำคัญอย่าง อินโดนีเซีย ซึ่งมีบทบาทสำคัญเติบโต และสร้างโอกาสใหม่ทางการตลาดในอนาคต
ตามรายงานจาก ซิตี้ลิงค์ แอร์ไลน์ ยืนยันผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวมีกระแสตอบรับจากยอดจองล่วงหน้าก่อนวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ทำได้ดีมาก เที่ยวบินปฐมฤกษ์มีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เกือบ 80% สะท้อนสัญญาณตลาดนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียฟื้นตัว และความสนใจมาไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ททท. สำนักงานจาการ์ตา ร่วมกับทางซิติ ลิงค์ แอร์ไลน์ส สนับสนุนการเปิดเส้นทางดังกล่าวและกระตุ้นอุปสงค์การเดินทางวางแผนจัดทำแผนการตลาดร่วมเชิงกลยุทธ์ 4 รูปแบบ ดังนี้
● จัดทำแคมเปญประชาสัมพันธ์ร่วมกัน (Co-Promotion)
● ผนึกความทำการตลาดดิจิทัลร่วมแบรนด์
● นำเสนอแพ็กเกจส่งเสริมการขายร่วมกับตัวแทนท่องเที่ยวและพันธมิตรแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA)
● จัดทำแฟมทริปนำสื่อมวลชนและอินฟลูเอนเซอร์เดินทางาสำรวจเส้นทาง สินค้า และบริการท่องเที่ยวเพื่อสร้างการรับรู้จุดขายเมืองไทย
กิจกรรมทั้งหมดได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มมองเห็นเส้นทาง (Route Visibility) กระตุ้นยอดการจอง เสริมความสามารถทางการแข่งขันเมืองไทยในตลาดอินโดนีเซีย โดยเฉพาะการเข้าถึงเป้าหมาย กลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่น และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ
ขณะนี้ “ความสามารถรองรับผู้โดยสาร” (Seat Capacity) ตลาดยังคงเติบโตต่อเนื่อง ปี 2567 มีจำนวนที่นั่งเที่ยวบินรวม 1,108,656 ที่นั่ง จากต้นทาง 3 เมือง ได้แก่ จาการ์ตา เมดาน เดนปาซาร์ เข้าสู่กรุงเทพฯ และภูเก็ต คาดภายในสิ้นปี 2568 จะมีจำนวนที่นั่งเที่ยวบินเพิ่มเป็น 1,149,762 ที่นั่ง เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนเพิ่มขึ้น 3.71%
สถานการณ์ “จำนวนที่นั่งเที่ยวบินขยายตัว” มีปัจจัยสนับสนุนจากเริ่มเข้าสู่ฤดูการเดินทางหรือไฮซีซั่น โดยมี 1.ไทย ไลออน แอร์ เปิดเส้นทางใหม่ ไป-กลับ เดนปาซาร์และสุราบายา 2.แอร์ เอเชีย เปิดบินตรง ไป-กลับ เมดาน–ภูเก็ต และ 3.ซิตี้ลิงค์ แอร์ไลน์ เตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่ม ไป-กลับ จาการ์ตา–กรุงเทพฯ เริ่ม 12 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป
ซิตี้ ลิงค์ แอร์ไลน์ เปิดบินบริการครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ไทยเป็นอีกจุดหมายปลายทางระยะใกล้ที่จะได้รับความนิยมที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวอินโดนีเซีย เพราะการเดินทางเข้าถึงสะดวก พร้อมกับทำการตลาดสนับสนุนอย่างเป็นระบบ เพิ่มสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน
ททท.มั่นใจการเปิดบินเส้นทางใหม่จะมีส่วนสำคัญช่วยกระตุ้นความต้องการเดินทางตลอดทั้งปี เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ปลุกกระแสการเดินทางซ้ำ ยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับอินโดนีเซียต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน
“อินโดนีเซีย” ยังคงเป็นตลาดสำคัญของไทย สถิติตั้งแต่ 1 มกราคม – 19 พฤศจิกายน 2568 นักท่องเที่ยวอินโดนีเซียมาไทย
696,880 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 9.78% มีวันพักเฉลี่ย 5 วัน ใช้จ่ายเงินเฉลี่ยเกือบ 30,000
บาท/คน/ทริป เป็นตลาดระดับ Medium-Stay / Medium-Spend ที่มีศักยภาพการเดินทางซ้ำสูง โดยเฉพาะพื้นที่ยอดนิยมในเมืองท่องเที่ยวหลัก
ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต
ซึ่งกำลังเร่งทำการตลาดเชิงรุกเพื่อเพิ่มจำนวนและรายได้ในปีต่อไปอย่างเต็มที่
ข่าวที่ 5-บางจาก-ออมสุขฯ”ดันธ.ก.ส.ลุย3เรื่องรับโลกสู่ธนาคารยั่งยืน
นางกลอยตา ณ กลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Growing Sustainability Together” ในหลักสูตร Smart Director 2 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่โรงแรมทีเค แจ้งวัฒนะ เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้บริหารให้พร้อมรองรับธุรกิจเติบโตก้าวสู่ “ธนาคารที่ยั่งยืน” ในจังหวะภาคการเกษตรไทยต้องเผชิญความท้าทายใหม่ 3 ด้าน คือ 1.ความเสี่ยงด้านภูมิอากาศ 2.การแข่งขันด้านมาตรฐานคาร์บอนของตลาดโลก 3.ความจำเป็นในการบริหารการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยสำคัญของประเทศ ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้น
นางกลอยตา กล่าวว่า โลกภาคการเกษตรกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว จากแรงกดดันทางภูมิอากาศ ความสำคัญในการใช้ข้อมูล บทบาทของเทคโนโลยี และมาตรฐานตลาดที่เข้มงวดขึ้น ส่วนเกษตรกรไทยต้องเผชิญความเสี่ยงทางภูมิอากาศรุนแรงขึ้นทั้งจากฤดูกาลผันผวน ภัยแล้ง น้ำท่วม ศัตรูพืช กฎเกณฑ์ด้านคาร์บอนของประเทศคู่ค้าเข้มงวดมากขึ้น ผู้บริหาร “ธ.ก.ส.ยุคใหม่” จึงต้องก้าวสู่บทบาท “ผู้นำการเปลี่ยนผ่าน” (Transition Leader) โดยใช้ข้อมูลและเทคโนโลยี ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงและสนับสนุนเกษตรกรเร่งปรับตัว ลดการปล่อยคาร์บอนภาคการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับมาตรฐานสินค้าให้สอดรับกับตลาดปัจจุบัน
“บทบาทผู้นำการเปลี่ยนผ่าน” ไม่ใช่เพียงนำองค์กรเติบโตด้านธุรกิจ แต่ต้องเดินหน้าสร้างสมดุลระหว่างโลก สิ่งแวดล้อม และผู้คน โดยใช้นวัตกรรมตอบโจทย์การแข่งขันและคุณค่าต่อชุมชน ยึดหลัก “ส่งมอบ-ส่งต่อ-ส่งกลับ” ให้มากกว่าสิ่งที่ได้รับ (Regeneration) โดยกรอบสำคัญเชิงกลยุทธ์คือ ESG การบริหารความเสี่ยง การจัดสรรงบลงทุน ตั้งแต่ระดับผู้บริหารถึงพนักงาน เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อภาคเกษตรไทยในระยะยาว
“นางสาวศศมน ศุพุทธมงคล” ผู้จัดการอาวุโสโครงการเพื่อสังคม และผู้จัดการออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมสะท้อนประสบการณ์การทำงานกับสหกรณ์การเกษตรและเกษตรกรทั่วประเทศ โดยยกตัวอย่างความร่วมมือการดำเนินงานแล้ว เช่น ติดตั้งระบบโซลาร์ในเครือข่ายสหกรณ์ลดโลกร้อน นำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและจัดหาช่องทางการตลาด การเปลี่ยนผ่านสามารถเกิดขึ้นได้จริงเมื่อมีข้อมูลที่ถูกต้อง เทคโนโลยีเหมาะสม และตลาดรองรับ ซึ่งหลายสหกรณ์มีศักยภาพและความพร้อมต่อยอด แต่ยังต้องการการสนับสนุนเพิ่ม ด้านองค์ความรู้ เครื่องมือ และทางเลือกด้านเงินทุนที่สอดคล้องกับความต้องการ ทำให้เกิดความมั่นใจการปรับตัวเมื่อเห็นตัวอย่างความสำเร็จต่อเนื่อง ดังนั้น ธ.ก.ส.มีเครือข่ายชุมชนทั่วประเทศจึงมีบทบาทความสำคัญ ครอบคลุมด้านการลดความเสี่ยง เสริมข้อมูล และการเชื่อมต่อโอกาสสู่ตลาดใหม่
ล่าสุดผู้บริหารบางจากฯ และออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้ร่วมต้อนรับและแบ่งปันประสบการณ์ ให้คณะนักบริหารจากหลักสูตร SMART Banker ของ ธ.ก.ส. ทำโครงการยกระดับความรู้และผลิตภาพบุคลากรให้ทันกับธุรกิจใหม่ โดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) มีนางขนิษฐา ตันตระกูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนัก สำนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ธ.ก.ส. นำทีมมาศึกษาดูงานในหัวข้อ “บางจากฯ บทบาทในการสนับสนุนเกษตรกร และชุมชน” องค์กรชั้นนำโดดเด่นด้านสนับสนุนเกษตรกร และชุมชน ที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม
ช่วงที่ 2 สายลมเหนือบนยอดดอยมาชวนให้เตรียมตัวไปเที่ยวเทศกาล “สีสันแห่งดอยตุง
ครั้งที่ 12” ปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าเดิม เริ่ม 2 ธันวาคม 2568-25 ธันวาคม 2569 เพลิดเพลินครบทุกมิติกับ
“การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” ใน 3 โซน 5 กิจกรรม
ดื่มด่ำวัฒนธรรม อาหาร ชนเผ่า ผืนป่าธรรมชาติ แล้วฟัง “10
วิธีธรรมชาติ” ช่วยแก้อาการคัดจมูกโดยไม่ต้องพึ่งยา พร้อมข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก
“บขส.จัดโปรตั๋ววันหยุดปีใหม่” จองเดินทางก่อนและหลังลด 20% ข่าวที่สอง
“EASA-IATA” ดึงการบินทั่วโลกติดฉลากการปล่อย CO2 ช่วยผู้โดยสารตัดสินใจก่อนจองตั๋วบิน
ท่องเที่ยว –เที่ยว“สีสันแห่งดอยตุง”รับลมหนาวเชียงราย 2 ธ.ค.68-25 ม.ค.69
เตรียมตัวให้พร้อม
ขึ้นเหนือมาเช็คอินความสุขเทศกาล “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 12” จังหวัดเชียงราย
ทางมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหลากหลายพันธมิตร
ชวนเที่ยวต่อเนื่องเริ่ม 2 ธันวาคม 2568 – 25 มกราคม 2569 ทุกวันเสาร์ – อาทิตย์
และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 08.00 – 18.00 น.ปีนี้นำเสนอภายใต้แนวคิด
The Monsters’ Journey “Blooming Inspiration”ผจญภัยไปกับเหล่าผู้พิทักษ์ป่าดอยตุง
สานต่อแรงบันดาลใจจากฟากฟ้า
กว่า
37 ปีการฟื้นฟูดอยตุงและพัฒนามิติความยั่งยืน
ทำให้พื้นที่เสื่อมโทรมกลับมาสมบูรณ์
กระทั่งวันนี้กลายเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่มีคุณค่าต่อโลก
“ดอยตุง” พื้นที่สะท้อนเรื่องราวความสำเร็จจากการพัฒนาภายใต้แนวคิด
“คนอยู่ร่วมกับป่า” สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ทรงเล็งเห็นถึงศักยภาพจึงทรงริเริ่มฟื้นฟูพื้นที่ปลูกฝิ่นและการทำลายป่าแปลงโฉมใหม่เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
สร้างอาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้พึ่งพาตนเองได้
เทศกาล
“สีสันแห่งดอยตุง”
คือโมเดลงานท่องเที่ยวยั่งยืนแบบครบวงจร ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
และสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) การอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของชนเผ่าบนดอยตุง
ให้คงอยู่คู่ผืนป่าอย่างกลมกลืน
ตลอดเทศกาลจัดงานนำเสนอการมีส่วนร่วมปลอดคาร์บอน
(Carbon Neutral
Event) เลือกใช้บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นำระบบคอนเทนเนอร์นำไปใช้ใหม่ร่วมกันสืบสาน “การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน”
เช็คอินเที่ยวเทศกาล
“สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 12” ไฮไลท์ 3 โซน และ 5 กิจกรรมสุดฟิน
ดังนี้
● โซนที่ 1 งานผ้าทอมือและหัตถกรรมอัตลักษณ์ชนเผ่าบนดอยตุง
-เต็มไปด้วยเรื่องราวภูมิปัญญาของแม่ถ่ายทอดสู่ลูกสาว ผ่านวัฒนธรรม
สินค้าน่ารักมากมายแต่ละร้านสร้างสรรค์ให้เข้าเทรนด์ใหม่กับงานเย็บปักด้วยมือ
● โซนที่ 2 สวนดอกไม้ ณ
ลานประติมากรรมในสวนแม่ฟ้าหลวง
ดีไซน์พิเศษด้วยแรงบันดาลใจจากลายผ้าปักมือของชนเผ่าบนดอยตุง
ถ่ายทอดความงามธรรมชาติผ่านอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ นำเสนอกิจกรรมเด่น ๆ
ให้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจ
-กิจกรรมแรก “ The Monsters’ Journey Quest” เรียนรู้ธรรมชาติ ศิลปะ และวัฒนธรรม สนุกสนานการเดินชมเส้นทางกับ
“โตและผองเพื่อน” เหล่าผู้พิทักษ์ป่าดอยตุง ชวนถ่ายรูปเช็กอินให้ครบทุกจุด
แล้วโพสต์ลงช่องทางออนไลน์ ลุ้นรับรางวัลสุดพิเศษ
-กิจกรรมที่
2 เปิดตัวคาแรกเตอร์หลัก “พี่โต” มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ
กับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สร้างสรรค์คาแรกเตอร์
“พี่โต”นำขบวนพานักท่องเที่ยวร่วมกันผจญภัยใน “สวนดอกไม้ท่ามกลางภูเขา”
พี่โตสร้างขึ้นจากแรงบันดาลใจการแสดงรำนกรำโตของชาวไทยใหญ่บนดอยตุง
ปีนี้พี่โตจะเป็นตัวแทนความหลากหลายทางชีวภาพบนดอยตุง
เสมือนเจ้าป่าใจดี
ผู้พิทักษ์ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตบนดอยตุงให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พร้อม
“เหล่าหมานหมาน” สี่ผู้พิทักษ์จากเชียงแสน คือ “นาคา, มาลี, อัคคี และ สะหลีเมือง”
ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงออกแบบอัตลักษณ์ผสานความน่าเข้ากับวัฒนธรรมความเชื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว
-กิจกรรมที่
3 แจ๊สเดย์ วันเสาร์ที่
20 ธันวาคม 2568 เริ่ม 16.00 น.
บริเวณอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) ดื่มด่ำเสียงดนตรี “Flora
Mae Fah Luang Jazz in The Garden” โดยศิลปินระดับโลกอย่าง อิกอร์
บุทแมน คอนเสิร์ตแจ๊สสุดคลาสสิค ท่ามกลางธรรมชาติแห่งไร่แม่ฟ้าหลวง
-กิจกรรมที่
4 กอดลม ห่มหนาว ดูฝนดาวตก วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 เปิดสวนแม่ฟ้าหลวง ดอยตุง
ตั้งแต่ 16.00 น. โดยโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชน
ค่ายเด็กใฝ่ดี ร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) “NARIT” ชวนเด็ก ๆ มาร่วม Doi Tung Starry Night
สำรวจท้องฟ้าและดวงดาวช่วงฤดูหนาวท่ามกลางสวนดอกไม้เมืองหนาวและพื้นที่ขึ้นทะเบียน
เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด หรือ Dark Sky
-กิจกรรมที่
5 ความสุขอื่น ๆ
มีทั้ง ถนนคนเดินดอยตุง รวมวัฒนธรรม 6 ชนเผ่า กับอาหารพื้นถิ่นและเมนูพิเศษ เช่น ข้าวซอย
น้ำเงี้ยว น้ำพริกหนุ่ม พิซซ่าหมูดำ งานหัตถกรรม เสื้อผ้าทอมือ กระเป๋า
ของที่ระลึกดีไซน์ร่วมสมัย ร่วมเวิร์กช็อป ฟอร์มูล่าดอย ชมการเพ้นท์แก้วเซรามิก
การแสดง 6 ชนเผ่า
และ นิทรรศการ “Nature Snap” ภาพถ่ายธรรมชาติฝีมือชุมชนดอยตุง
● โซนที่ 3 อาหารจานพิเศษ
พบกับผลิตภัณฑ์ดอยตุงที่นำมาปรุงเป็นเมนูพิเศษเฉพาะงานเท่านั้น เช่น ไอศกรีม Soft Serve ทำจากช็อคโกแลตและวานิลาปลูกบนดอยตุง
ไอติมพี่โตสุดคิวท์ คาเฟ่ดอยตุง และ“อาหารเหนือ” สุดพิเศษจาก “ครัวตำหนัก” เช่น
คิดถึงดอยตุง ลาซานญ่าไส้อั่วดอยตุง ข้าวอิโตทอดไส้น้ำพริก 2 รส ชุดอาหารม่วนอ๋ก ม่วนใจ๋
หนาวนี้ปักหมุดขึ้นเหนือมุ่งหน้าฟินเช็คอินเที่ยวเทศกาล
“สีสันแห่งดอยตุง” ได้ข้ามปี เริ่ม 2 ธันวาคม 2568-25 มกราคม 2569 เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน
สุขภาพ –10
วิธีธรรมชาติแก้คัดจมูกหายใจโล่ง ไม่ต้องพึ่งยาเสมอไป
อาการคัดจมูกอาจทำให้หายใจติดขัด
โดยเฉพาะตอนกลางคืนจนบางคนต้องตื่นมาหายใจทางปาก ซวิธีแก้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาเสมอไป
เพราะหลายเทคนิคจากธรรมชาติสามารถช่วยให้จมูกโล่งอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 10 วิธีแก้อาการคัดจมูกได้ด้วยตัวเอง
1. สูดไอน้ำอุ่น - ช่วยให้โพรงจมูกเปิด ละลายเสมหะ
และเพิ่มความชื้นให้เยื่อบุจมูกได้ดี
วิธีการคือให้ต้มน้ำร้อนแล้วก้มหน้าให้ห่างจากไอประมาณ 30 เซนติเมตร จากนั้นใช้ผ้าคลุมศีรษะไว้เล็กน้อยและสูดไอช้า ๆ ประมาณ 10
นาที
2. อาบน้ำอุ่น -ระหว่างการอาบน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้โดยอัตโนมัติ
จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เหมาะจะทำก่อนเข้านอนเพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น
3. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ -เลือกน้ำเกลือ 0.9% หรือน้ำเกลือล้างจมูกโดยเฉพาะ
จะช่วยชะล้างฝุ่น เกสร และเชื้อโรคออกจากโพรงจมูกได้ โดยเทลงในขวดบีบหรือลูกสูบ
และล้างจมูกวันละ 1–2 ครั้งเป็นประจำ
4. ประคบร้อนบริเวณจมูก -ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบิดหมาดแล้ววางบนสันจมูกและแก้มข้างละ
5–10 นาที จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นชัดเจน
ช่วยลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกที่เป็นสาเหตุของการคัดจมูก
5. ดื่มน้ำให้มากขึ้น -ร่างกายที่ขาดน้ำจะทำให้น้ำมูกข้นและอุดตันมากขึ้น
ซึ่งเพิ่มปัญหาคัดจมูกให้หนักกว่าเดิม ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำสะอาด 6–8 แก้วต่อวัน หรือจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ เพื่อให้โพรงจมูกชุ่มชื้นอยู่เสมอ
6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟ -มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ ส่งผลให้จมูกแห้งและคัดจมูกหนักขึ้น
ควรเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้จืดแทนเพื่อทำให้น้ำในร่างกายสมดุล
7. ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง -การนอนในห้องแอร์เป็นประจำ
อากาศแห้งทำให้เยื่อบุจมูกระคายเคืองและคัดจมูกได้
ควรเปิดเครื่องเพิ่มความชื้นหรือวางถ้วยน้ำไว้ในห้อง เพื่อไม่ให้อากาศแห้งจนเกินไป
8. ยกศีรษะสูงขณะนอน -ใช้หมอนเสริมให้ศีรษะสูงกว่าลำตัวเล็กน้อยจะช่วยให้อากาศไหลเวียนในโพรงจมูกได้ดีขึ้น
ช่วยลดอาการคัดจมูกที่มักจะเกิดตอนนอนได้มาก ทำให้นอนหลับได้สบายตลอดคืน
9. สูดกลิ่นน้ำมันหอมระเหย -กลิ่นจากน้ำมันยูคาลิปตัส
เปปเปอร์มินต์ หรือการบูร
จะช่วยเปิดทางเดินหายใจและลดความอุดตันของโพรงจมูกได้ทันที
เพียงหยดใส่กระดาษทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้า แล้วสูดเบา ๆ ก็จะช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
10. หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน และขนสัตว์ -ทั้งหมดนี้เป็นตัวร้ายกับจมูก
ควรดูดฝุ่นในบ้านอย่างสม่ำเสมอ ใช้ผ้าปิดจมูกเมื่ออยู่ในที่แออัด
และอาบน้ำหลังเล่นกับสัตว์เลี้ยงทุกครั้ง เพื่อลดการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก
–บขส.เปิดโปรจองตั๋วรถปีใหม่ไปก่อนกลับทีหลังลดรัว ๆ 20%
นางสาวมัลลิกา
จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า
มอบหมายให้ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ทำนโยบายเร่งด่วน Quick Win ให้บริการประชาชนในการเดินทางต้อนรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
บริการขนส่งสาธารณะสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย จึงให้ บขส.เดินหน้ามาตรการเร่งด่วนยกระดับบริการช่วงปีใหม่
2569 ทำราคาตั๋วโดยสารเดินทาง “ไปก่อน-กลับทีหลัง” ลดค่าตั๋ว 20% พร้อมสิทธิ์ตรวจเช็กรถฟรี
20 รายการ ควบคู่กับเข้มมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนเดินทางสะดวก มั่นใจ
และปลอดภัยตลอดเทศกาล 3 เรื่อง
ดังนี้
● เรื่องที่
1 ทำโปรโมชั่น เดินทาง “ไปก่อน-กลับทีหลัง”
ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน
และกระตุ้นการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ โดยมอบส่วนลดค่าตั๋วโดยสาร 20%
ให้กับลูกค้า บขส.ที่จองตั๋วผ่านช่องทางออนไลน์
โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด และไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงการเดินทางได้
-“ขาไป” เดินทางก่อนเทศกาลปีใหม่
22-25 ธันวาคม 2568 “เปิดจองตั๋ว” ได้ตั้งแต่วันนี้-30 พฤศจิกายน 2568
-“ขากลับ”
เดินทางหลังเทศกาลปีใหม่ 6-8 มกราคม 2569 “เปิดจองตั๋ว” ได้ตั้งแต่ 1-15 ธันวาคม
2568
● เรื่องที่ 2 ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย
ตรงต่อเวลา กำกับดูแลการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยกำชับ
บขส.ให้ทุกหน่วยงานกำกับดูแลรถโดยสาร สถานีขนส่งผู้โดยสาร และพนักงาน
เป็นไปตามมาตรการด้านความปลอดภัย ตรวจความพร้อมรถโดยสารก่อนนำมาให้บริการ
ส่วนพนักงานขับรถต้องมีความพร้อมปฏิบัติหน้าที่มุ่งยกระดับคุณภาพการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะไทยให้มีมาตรฐาน
ปลอดภัย สะดวกสบาย และประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง
เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม
● เรื่องที่
3 ให้บริการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ระหว่าง
1-31 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต)
โดยตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟรี 20 รายการ เช่น
การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก
และการทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆ
เพื่อความปลอดภัยก่อนออกเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569
กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัย
พร้อมกำชับให้ บขส.ดำเนินการตามมาตรการอำนวยความสะดวกประชาชนอย่างเต็มที่
เพื่อให้การเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 เป็นไปอย่างเรียบร้อย และปลอดภัย
ตลอดจนช่วยป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ
ข่าวที่สอง –“IATA-EASA”ดึงการบินโลกแฟร์กับผู้โดยสารติดฉลากปล่อยCO2
สำนักงานความปลอดภัยการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
(IATA/ไออาร์ตา) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อสำรวจความร่วมมือระหว่าง
“ฉลากการปล่อยมลพิษเที่ยวบินของสหภาพยุโรปและระบบนิเวศการจัดการข้อมูลสิ่งแวดล้อม”
โดยใช้รูปแบบ EcoHub กับเครื่องคำนวณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หรือ
CO2 Connect ของ IATA จัดขึ้นเมื่อวันที่
18-19 พฤศจิกายน 2568 ที่ Wings
of Change Europe ของ IATA กรุงบรัสเซลส์ เบลเยี่ยม
ทั้งสององค์กร “มีเป้าหมาย” เดินหน้าการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ
ทั่วทั้งอุตสาหกรรมการบิน
เพื่อให้ผู้โดยสารมองเห็นข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ชัดเจนและสอดคล้องกับ
เวลาที่จองเที่ยวบิน “ฉลาก” การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับเที่ยวบิน (Flight Emissions Label) เกิดจากกฎระเบียบที่สหภาพยุโรปประกาศใช้เมื่อปี
2567
ภายใต้ความรับผิดชอบของ EASA ถือเป็นกรอบการทำงานที่น่าเชื่อถือให้สายการบินแบ่งปันข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากเที่ยวบินกับผู้โดยสารอย่างโปร่งใส
หรือ “EcoHub ของIATA” ซึ่งเป็นระบบครอบคลุมการจัดการข้อมูลความยั่งยืนของสายการบิน การรายงาน
และการปฏิบัติตามข้อกำหนด
รวมทั้งมี IATA
CO2 Connect รวบรวมข้อมูลการดำเนินงานของสายการบินและคำนวณประสิทธิภาพการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเที่ยวบิน
คล้ายกับข้อมูลที่จำเป็นการออกฉลากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับเที่ยวบิน
“EASA
และ IATA” ทำบันทึก MOU ฉบับนี้ขึ้น โดยมีเป้าหมายจะสำรวจการมีส่วนร่วมในฉลากการปล่อยมลพิษของเที่ยวบินด้วยวิธีจัดกระบวนการต่าง
ๆ กรณีการใช้งานการออกฉลากให้สายการบินในลักษณะที่คุ้มต้นทุน
“ฟลอเรียน กิลเลอร์เมต์” ผู้อำนวยการบริหาร EASA กล่าวว่า
ความร่วมมือกับ IATA ซึ่งเป็นสมาคมสายการบินใหญ่ที่สุดในโลก
จะช่วยให้สายการบินต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการ Flight Emissions Label ได้ง่ายขึ้น ยิ่งมีสายการบินเข้าร่วมมากขึ้นเท่าใด ก็จะทำให้มีข้อมูลโดยรวมผู้โดยสารทางอากาศจะยิ่งดีขึ้นมากเท่านั้น
ช่วยให้ผู้โดยสารตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเมื่อจองเที่ยวบิน
“วิลลี่ วอลช์” ผู้อำนวยการใหญ่ IATA กล่าวว่า
การปฏิบัติตามกฎระเบียบและความต้องการของลูกค้าเกี่ยวกับข้อมูลการปล่อยมลพิษอย่างโปร่งใสต้องได้รับมาตรฐานสูงสุด
การให้ข้อมูลการปล่อยมลพิษอย่างถูกต้องแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจอย่างรอบรู้และการรักษาความเชื่อมั่นในความยั่งยืนของการขนส่งทางอากาศ
โดยใช้ EcoHub ของ IATA และการเข้าถึงข้อมูลด้านความยั่งยืนอย่างครอบคลุมจะช่วยให้สายการบินต่าง
ๆ มีส่วนร่วมกับ “ฉลากการปล่อยมลพิษเที่ยวบิน” ได้ง่ายขึ้น
และมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ดีที่สุดจะนำไปใช้ประโยชน์ ความร่วมมือกับ EASA จะมุ่งเน้นแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกัน
ลดภาระงานด้านการบริหาร ประหยัดต้นทุนในระยะยาวให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
@กฎระเบียบการติดฉลากลดปล่อยมลพิษเที่ยวบิน
คณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศรับรองการใช้กฎระเบียบที่กำหนดให้ติดฉลากการปล่อยมลพิษเที่ยวบิน
(Flight
Emissions Label: FEL) เมื่อเดือนธันวาคม 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวข้องกับเที่ยวบิน
ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเมื่อจองและเปรียบเทียบเที่ยวบิน











ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น