วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เครือสันธิญารีสอร์ต”โกยตลาด WTM 2025คู่ค้าจองเต็ม4เกาะเต็มข้ามปีQ1/69-ลุยเทรดต่อในจีน+ITB2026

 

กลชัย แดนนี่ สุโกมล รองกรรมการผู้จัดการ เครือสันธิญา รีสอร์ต ในงาน WTM  2025

“เครือสันธิญารีสอร์ต”นำธุรกิจโกยตลาดยุโรปเวทีโลก WTM 2025

คู่ค้าหลักปึกเยอรมัน-อังกฤษ-สแกน-คู่ค้าใหม่ฉลุยบอลติก3ประเทศ

ยอดพักรีสอร์ต4เกาะเต็มข้ามปีQ1/69-ลุยเทรดต่อในจีน+ITB2026

วอนททท.ช่วยปลดล็อกTravelBan-เพิ่ม“ตลาดใหม่+วันจัดเทรด”

ช้อป“THE POWER GIFTIVAL”คิงเพาเวอร์รางน้ำ/ภูเก็ต/สนามบิน

สมัครบัตรCardX KING POWERรับฟรี“ช้อป+กระเป๋า5,990บาท”

คิงเพาเวอร์รางน้ำเปิดลามูนฯบุฟเฟต์ราคาสุดฮ็อต199-299บาท

รมว.ท่องเที่ยวนำททท.ลุยQuickWinปี69ปั๊มรายได้2.8ล้านล้าน

กลุ่มบางจากผนึกรพ.นครธนร่วมการผลิตน้ำมันเครื่องบิน SAF

มหาปรากฏการณ์วิจิตรเจ้าพระยาแสงแห่งสยามแม่ของแผ่นดิน

16วิธีที่จะทำให้การ“นอน”เป็น “ยาที่ดี” ต่อสุขภาพของคนทุกวัย

TCEBผนึก3มิตรใหญ่ชู“SPICE UP THAI FEST”โปรโมทเฟสติวัล

ไทยเนื้อหอมโกยรายได้ธุรกิจถ่ายหนังโลกAFM2025กว่า2พันล้าน

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97  #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #KingPower  #TAT   #บางจาก  #เครือสันธิญารีสอร์ต

ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/1FP7Cbw8He/

ช่วงที่ 1 !! สัมภาษณ์ “กลชัย แดนนี่ สุโกมล” รองกรรมการผู้จัดการ เครือสันธิญา รีสอร์ต เอกชนไทยคว้าความสำเร็จในมหกรรมขายท่องเที่ยวโลก WTM 2025 ที่กรุงลอนดอน การเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าฉลุย ทั้งอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี กรีซ โกยรายได้ยาวถึงสิ้นไตรมาส 1 ปี’69 ส่วน Pre-WTM 2025 “โคเปนเฮเก้น” เดนมาร์ก กับ “สต็อกโฮล์ม” สวีเดน กระแสตอบรับดีเกินคาด กวาดทั้งนักท่องเที่ยวสแกนดิเนเวีย พร้อมตลาดใหม่กลุ่มบอลติก 3 ประเทศ “ลัทเวีย-เอสโทเนีย-ลิโทเนีย” ลุ้นซัมเมอร์ปีหน้า หวังสหราชอาณาจักรปลดล็อก Travel Ban แถบจ.ตราด ทั้งเกาะช้าง เกาะกูด วอน ททท.ช่วยอีกทาง ส่วน “สันธิญา รีสอร์ต” ใส่เกียร์ลุยไม่หยุด เดินสายต่อที่เซี่ยงไฮ้ กวางโจว ต่อด้วย ITB เบอร์ลิน มี.ค.69 แนะภาครัฐขยายตลาดใหม่ และเพิ่มจำนวนวันจัดงาน ดันยอดขายพุ่งสูงกว่านี้แน่นอน

 


“กลชัย แดนนี่ สุโกมล” รองกรรมการผู้จัดการ เครือสันธิญา รีสอร์ต เปิดเผยว่า เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรีสอร์ตที่เข้าร่วมมหกรรมการขายท่องเที่ยวรายการใหญ่ระดับโลก World Travel Market (WTM) 2025 ที่เอ็กเซล กรุงลอนดอน ในคูหาประเทศไทย ร่วมกับเพื่อนร่วมธุรกิจคนไทยมาด้วยกันทั้งหมด 50 ราย สถานการณ์การค้าท่องเที่ยวโดยภาพรวมแล้วประสบความสำเร็จ ตั้งแต่เริ่มเปิดงานจับคู่เจรจากันอย่างคึกคักตลอด วันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2568 ทางเครือสันธิญา รีสอร์ต ได้นัดหมายล่วงหน้าไว้กับคู่ค้าซึ่งทำธุรกิจร่วมกันต่อเนื่องมาตลอดประมาณ 32 ราย ตลาดอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี กรีซ อิสราเอล

บรรยากาศการเจรจาในพื้นที่เครือสันธิญา รีสอร์ต ค่อนข้างคึกคัก วันแรก นอกเหนือจากคู่ค้าที่นัดไว้ล่วงหน้าแล้วยังมีธุรกิจหน้าใหม่เพิ่มเข้ามาเยี่ยมเยือนแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ตอกย้ำถึงแบรนด์ “ท่องเที่ยวประเทศไทย” ยังเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจผู้ประกอบการธุรกิจต่างชาติที่เข้าร่วมงาน WTM 2025 เป็นแรงสนับสนุนอนาคตตลาดยุโรปจะเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยปี 2569 สดใสมากขึ้น

ภาคธุรกิจท่องเที่ยวในยุโรปซึ่งเป็นคู่ค้าได้สะท้อนถึงแนวโน้มตลาดปี 2568-2569 ประเทศไทยยังคงเป็นดาวรุ่งที่ทั้งชาวสหราชอาณาจักร (UK) และยุโรปจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน ผนวกกับยอดจองห้องพักเครือสันธิญา รีสอร์ต ก็เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อันดับ 1 เยอรมัน อันดับ 2 อังกฤษ ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2568 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปี 2569 ส่วนที่เป็นความท้าทายคือการทำตลาดช่วงซัมเมอร์ไตรมาส 2 ปีหน้า แต่สินค้าและบริการของไทยยังคงเนื้อหอมในตลาดยุโรปคือ “พื้นที่ท่องเที่ยวทางฝั่งทะเล” ทั้งอันดามันและอ่าวไทย

           


“สินค้าใหม่” ในงาน WTM 2025 ที่ยุโรปเข้ามาสอบถามเพิ่มคือ “เชียงใหม่” ซึ่งต่อไปจะต้องร่วมมือกันทำโปรแกรม Around Thailand พาขึ้นเหนือไปเชียงใหม่แล้วลงใต้หรือตะวันออกมาเที่ยวทะเล สำหรับความต้องการการท่องเที่ยวขณะนี้ยังคงเป็น 1.ทะเล ภูเก็ต สมุย เขาหลัก ตอนนี้ในอันดามันเกาะต่าง  ๆ ได้รับความนิยมสูงขึ้นต่อเนื่อง เช่น เกาะยาวน้อย หรือทางฝั่งทะเลอ่าวไทย ก็ได้รับความสนใจมากขึ้น เอกชนสามารถทำแพกเกจพ่วงขายเข้าไปได้ 2.ความสวยงามทางธรรมชาติ วิถีชีวิต ความเงียบสงบ

พฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุโรป” ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาเที่ยวเมืองไทยจะเน้น “การบอกต่อ” ชวนกันมาเพิ่มขึ้น แนวโน้มยังคงเติบโตเป็นบวกอย่างต่อเนื่องทั้งปัจจุบันและช่วงต้นปี 2569

สำหรับ “เครือสันธิญา รีสอร์ท” ทั้ง 4 แห่ง คือ เกาะพะงัน เกาะยาวใหญ่ เกาะนาใต้ เกาะช้าง จุดขายโดนมาตลอดคือ “สถาปัตยกรรมไม้สักทองแบบไทย” ได้รับเสียงชื่นชม แล้วจองพักต่อเนื่องทุกปีโดยเฉพาะในงานเทรดโชว์จะมีบริษัทตัวแทนจัดนำเที่ยวมาเยี่ยมพบปะพูดคุยอยู่ตลอดทุกงาน รวมทั้งปัจจัยจาก “สายการบินนานาชาติ” เปิดเที่ยวบินตรงเข้าเมืองไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ “นักท่องเที่ยว/ผู้โดยสาร” มีจำนวนที่นั่งเป็นทางเลือกมากขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวังที่ลูกค้ากังวลคือ “ราคาตั๋วโดยสารภายในประเทศ” ค่อนข้างสูง

“แดนนี่” กล่าวว่า ก่อนงาน WTM 2025 ร่วมเดินทางไปกับ ททท.เพื่อทำการตลาดเจาะลึกประสบความสำเร็จอย่างมากใน “โคเปนเฮเก้น” เดนมาร์ก ซึ่งยังคงเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวใช้บริการโดยเชื่อมั่นบริษัทตัวแทนนำเที่ยวหรือทัวร์ โอเปอเรเตอร์ เสนอขายแพกเกจ ทางลูกค้าที่เป็นเอเย่นต์ของสันธิญา รีสอร์ต จองใช้เป็นประจำจำนวนสูงขึ้นในทางที่ดี แต่ปี 2568 เริ่มมีบางส่วนหันไปเที่ยวเวียดนามจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยในปี 2569 ส่วน “สต็อกโฮล์ม” สวีเดน นักท่องเที่ยวนิยมจองผ่านระบบออนไลน์ ทั้ง บริษัทตัวแทนขายท่องเที่ยวออนไลน์ (OTAs) แพลตฟอร์มต่าง ๆ

โดยสรุปไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย 5 ประเทศ ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป มี “ตลาดใหม่” เพิ่มเข้ามาคือ ประเทศในกลุ่มบอลติกอีก 3 ประเทศ ได้แก่ ลัทเวีย เอสโทเนีย ลิโทเนีย แม้จำนวนจะไม่สูงมาก แต่อัตราการเติบโตดีต่อเนื่อง

 


เอกชนไทยยังมีข้อกังวลบางส่วนเกี่ยวกับ “Travel Ban” ในสหราชอาณาจักรท่อง ถึงเรื่อง “การห้ามเดินทางมายังภาคตะวันออกบางจังหวัดของไทย” คือ จังหวัดตราด ซึ่งมีเกาะช้าง เกาะกูด หรือเส้นทางอื่น ๆ ในตราด แต่โดยภาพรวมแล้วไฮซีซั่นปี 2568 และต้นปี 2569 ยังมีคนเดินทางมาท่องเที่ยว แต่จะต้องลุ้นอีกครั้งช่วงซัมเมอร์ไตรมาส 2 ปี 2569 หากอังกฤษหรือทางสหราชอาณาจักรยังไม่ปลดล็อก Travel Ban ดังกล่าว

 

ดังนั้นจึงขอให้ ททท.เจรจากับฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้อังกฤษปลดล็อก Travel Ban เพื่อทำให้ตลาดสดใสตลอดช่วงซัมเมอร์ปี 2569 บวกกับการสร้างภาพลักษณ์มาตรการความปลอดภัย เพราะนักท่องเที่ยวทุกชาติต่างก็ต้องการมาพักผ่อนอย่างสงบและมีความสุขทุกคน

“แดนนี่” กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการร่วมงานเทรดโชว์ WTM 2025 ตลาดยุโรปแล้ว มีโปรแกรมเดินทางไปทำโร้ดโชว์ต่อในตลาดเอเชีย 2 เมืองใหญ่ กวางโจว เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอัพเดทโปรดักซ์ต่อเนื่องเพื่อให้บริษัทท่องเที่ยวซึ่งเป็นคู่ค้าซึ่งยังคงเป็น 1 ใน 10 ติดอันดับ 8-9 ที่เลือกจุดหมายปลายทางมาเกาะยาวใหญ่ และสันธิญา รีสอร์ต ต่อเนื่องทุกปี

จากนั้นก็เตรียมตัวที่จะเข้าร่วม งานเทรดโชว์ ITB Berlin 2026 ช่วงต้นเดือนมีนาคม 2569 กลับมาทำตลาดในยุโรปอีกครั้ง เพราะเป็นงานใหญ่ระดับโลก ททท.จะขยายพื้นที่ทั้งฮอลล์ 26B เป็นของประเทศไทยเพียงรายเดียว จึงมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ที่จะสร้างแรงดึงดูดให้คนเข้ามาเดินชมและจับคู่ธุรกิจกับธุรกิจของไทยมากน้อยขนาดไหน เพราะปีก่อน ๆ ภายในฮอลล์นี้ยังมี มัลดีฟส์ และประเทศแถบเอเชียรวมอยู่ด้วย คนจึงมาเดินค่อนข้างคึกคัก

ขณะที่งาน “โร้ดโชว์” ททท.จัดต่อเนื่องหลายพื้นที่ด้วยกัน จะมีไปทางโปแลนด์ ฮังการี หรือกลางปีจะไปงาน TOP RASA ฝรั่งเศส และอื่น ๆ เพราะโร้ดโชว์ก็มีความสำคัญ แนะนำ ททท.พิจารณาเพิ่ม 1.ตลาดพื้นที่ใหม่ ๆ 2.เพิ่มจำนวนวันที่เดินทางไปทำโร้ดโชว์ จาก 2 วัน/ประเทศ เป็น 3-4 วัน/ประเทศ โดยปรับโปรแกรมการพบปะคู่ค้าในแต่ละพื้นที่เลือกเจาะตามเมืองหลักที่มีความหวังจะขยายตลาดได้แน่นอน แล้วก็สามารถทำได้ตลอดทั้งปี

 

แล้วก็มีงานเทรดโชว์ใหญ่ระดับประเทศอีก 1 งาน คือ TTM+ :Thailand Travel Mart Plus 2026 กำหนดจัดที่พัทยา แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่/เดือน กับสถานที่จัดให้ชัดเจน ในฐานะเอกชนจึงอยากจะฝากให้ ททท.ทำอย่างรวดเร็วขึ้นอีกสักนิด ทางเอกชนพร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ต่อไป

ฟังข่าวต้นชั่วโมง



ข่าวที่ 1-ช้อป“THE POWER GIFTIVAL”คิงเพาเวอร์รางน้ำ/ภูเก็ต/สนามบิน

 

ช้อปเลย !!ทริปนี้... ถ้าอยากช้อปของขวัญ "ได้ใหญ่" กว่าใคร ต้องมาที่ “THE POWER GIFTIVAL” คิง เพาเวอร์ เทศกาลช้อปแบบเวอออร์ส่งท้ายปี วันนี้ -30 พฤศจิกายน 2568 ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ภูเก็ต และ คิง เพาเวอร์ ท่าอากาศยานที่ร่วมรายการ

 

 ชวนทุกคนมาช้อปของขวัญฉบับ SMART GIVER - ที่คนให้จ่ายน้อย แต่คนรับได้มาก! ไปกับดีลส่งท้ายปี ที่รับรองว่า แฮปปี้แบบเวอออร์ ทั้งผู้ให้และผู้รับ

 

1.ช้อปน้ำหอม เครื่องสำอาง และแว่นตา ลดสูงสุด 20% เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ

พิเศษ!สมาชิก POWER PASS ON-TOP 5%

 

2.ช้อปแฟชั่น นาฬิกา และเครื่องประดับ

-ก่อนช้อป อย่าลืมซื้อ CASH CARD

-ซื้อ CASH CARD 10,000 บาท

-รับฟรี GIFT CARD 4,000 บาท(เฉพาะแผนกแฟชั่น นาฬิกา และเครื่องประดับที่ร่วมรายการ)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://kp.group/AA4blg

 

ข่าวที่ 2 -สมัครบัตรCardX KING POWERรับฟรี“ช้อป+กระเป๋า5,990บาท”

 

สมัครบัตรเครดิต CardX KING POWER PLATINUM Mastercard วันนี้ ช้อปฟรี! สูงสุด 200 บาทและรับฟรี! กระเป๋าเดินทาง มูลค่า 5,990 บาท

 

ช้อปฟรี! สูงสุด 200 บาท :

-รับ E-Purse 100 บาท เงินคืนเข้าบัญชีสมาชิก เมื่อสมัครบัตรเครดิต CardX KING POWER PLATINUM Mastercard

 

-ยังไม่เคยเป็นสมาชิก POWER PASS รับเพิ่ม E-Purse 100 บาท พร้อมสถานะสมาชิกระดับ NAVY และโปรโมชั่นสมัครสมาชิกประจำเดือน เมื่อสมัครและได้รับอนุมัติบัตรเครดิตวันนี้– 31 ธ.ค. 2568

 

รับฟรี! กระเป๋าเดินทาง Wonder Turquoise 31 ใบ มูลค่า 5,990 บาท

-เมื่อสมัครบัตรเครดิต CardX KING POWER PLATINUM Mastercard เป็นบัตรหลักใบแรก ผ่านช่องทางดิจิทัล (CardX Application)

 

-สมัครและได้รับอนุมัติบัตรเครดิต วันนี้– 31 ธ.ค. 2568 เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมผ่านบัตรเครดิต 10,000 บาทขึ้นไป และสมัครรับ e-Statement ภายใน 30 วัน นับจากบัตรเครดิตอนุมัติ พบสิทธิพิเศษ มากกว่าที่เคยเจอ

 

-รับส่วนลดสูงสุด 20% เมื่อใช้จ่ายที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา

-พิเศษ! สมาชิกระดับ SCARLET รับส่วนลดสูงสุด 15% (จากปกติ 10%)

-รับคะแนน POINTX สูงสุด x3* เมื่อใช้จ่ายที่ คิง เพาเวอร์ ทุกสาขา (x5 ในเดือนเกิด)

-รับคะแนน POINTX x3* เมื่อใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวและร้านอาหารภายในประเทศ

-รับคะแนน POINTX x2* เมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศ

-รับสิทธิจากMastercard Travel Rewards รับเครดิตเงินคืนจากร้านค้าชั้นนำกว่า 500 ร้านค้าทั่วโลก

-ฟรี! ห้องรับรองภายในสนามบิน (สำหรับสมาชิกระดับ SCARLET ขึ้นไป

 

 

ข่าวที่ 3-คิงเพาเวอร์รางน้ำเปิดลามูนฯบุฟเฟต์ราคาสุดฮ็อต199-299บาท

 

คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชวนเช็คอินความอร่อยที่ “ห้องลามูน ภัตตาคารรามายณะ” ​วันนี้ -14 ธันวาคม 2568 ร่วม อิ่มอร่อย มื้อใหญ่กับบุฟเฟต์นานาชาติ และกุ้งเผาเพียง 199 บาท (จากปกติราคา 500 บาท)​

 

“อร่อย เต็มอิ่ม ได้ทุกวัน​” ไม่เว้นวันหยุดราชการ เปิดให้ทุกคนได้อิ่มวันละ  4 รอบ รับประทานได้เต็มอิ่มรอบละ 1 ชั่วโมง 45 นาที ในราคาฮ็อตสุด ๆ ดังนี้

 

รอบที่ 1 เวลา 11.00 - 12.45 น. 299 บาท/คน

รอบที่ 2 เวลา 13.00 - 14.45 น. 299 บาท/คน ​

รอบที่ 3 เวลา 15.00 - 16.45 น. 199 บาท/คน

รอบที่ 4 เวลา 17.00 - 18.45 น. 299 บาท/คน

 

“เด็ก” ที่มีส่วนสูงต่ำกว่า 80 เซนติเมตร รับประทานฟรี! ส่วน “เด็ก” ที่มีส่วนสูงตั้งแต่ 80 เซนติเมตรขึ้นไป คิดค่าบริการราคาปกติของรอบเวลาที่เลือกเข้ามารับประทาน

สอบถามข้อมูลเพิ่มหรือ สำรองที่นั่ง  โทร. 0 2677 8888 ต่อ 5702, 5703​

 

ข่าวที่ 4-รมว.ท่องเที่ยวนำททท.ลุยQuickWinปี69ปั๊มรายได้2.8ล้านล้าน

 

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือกับผู้แทนจากภาคเอกชนและหน่วยงานหลักด้านการท่องเที่ยว เร่งรัดการดำเนินนโยบาย "Quick Big Win" โดยมีนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายนรพล ตันติมนตรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบิน ทั้งผู้แทนสมาคมสายการบินประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมโรงแรมไทย

 

ปี 2569 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ ททท.ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประเทศไม่ต่ำกว่า 2.8 ล้านล้านบาท จาก “ตลาดต่างประเทศ” ทำรายได้ 1.63 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 36 ล้านคน “ตลาดในประเทศ” ทำรายได้ 1.17 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 214 ล้านคน-ครั้ง

 

รมว.อรรถกร กล่าวว่าได้เห็นความตั้งใจของเอกชนท่องเที่ยวของไทยพร้อมร่วมมือวางนโยบายปี 2569 ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก จึงพร้อมรับฟังและทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เดินหน้าเร่งด่วน “มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านการเดินทางทางอากาศ” ซึ่งปัจจุบันจะเกิดประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจของประเทศ และในอนาคตระยะยาวจะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงได้ และถือเป็นสัญญาณที่ดีในการผนึกกำลังกันผลักดันการท่องเที่ยวเป็นพลังฟื้นฟูและสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน

 

“นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าล่าสุด เป็นตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขับเคลื่อนเสนอแนวคิด “Value over Volume” ทำการตลาดเชิงรุกด้วย “ขบวนการแห่งการร่วมสร้างอนาคต” เชิญชวนทุกภาคส่วนหันมาร่วมสร้าง “New Thailand” กับ ททท.ทำให้ท่องเที่ยวยุคใหม่ของประเทศสำเร็จได้ด้วยการทำให้ความนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเมืองไทยแล้วกลับไปอย่างประทับใจ

 

โดยเน้นเรื่องการนำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก้าวข้ามวิธีทำการตลาดแบบเน้นจำนวนคน (Mass Tourism) สู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม (Premium Destination” ด้วย Amazing 5-Economy ได้แก่ 1.Wellness Economy 2.Sub-culture Economy 3.Night Economy 4.Tax-free Economy และ 5.Prompt-pay Economy

 

วางแนวทางปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้า กระบวนการสื่อสารและการส่งเสริมการตลาดด้วยกลยุทธ์ 6S ได้แก่ Smart Experience, Soundness with Wellness, Segmentation for Competition, Story to Tell, Sustainable Tourism และ Safety and Security

 

ข่าวที่ 5-กลุ่มบางจากผนึกรพ.นครธนการผลิตน้ำมันเครื่องบินSAF

 

นายนิพนธ์ เลิศทัศนีย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการคณะผู้บริหาร บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF)  นำทีมกลุ่มบริหาร นายอธิษฐ์ ชินันท์ธนาศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานคลังน้ำมันและระบบส่งทางรถยนต์ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด (BFPL) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือการจัดการน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว กับ บริษัท โรงพยาบาลนครธน จำกัด (มหาชน) ที่มีนางเยาวเรศ ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานบริหาร และ พญ.ศิเรมอร ทองสิมา ผู้อำนวยการสายงานแพทย์

 

โดยเร่งเดินหน้าลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค “ตัดวงจรน้ำมันทอดที่ใช้แล้ว” ด้วยการรวบรวมน้ำมันทอดใช้แล้วในพื้นที่และจากกิจกรรมของโรงพยาบาล  มาขายให้ทาง BSGF ผ่านโครงการ Fry to Fly นำไปผลิตเป็น “น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF :Sustainable Aviation Fuel) หนุนภาคเอกชน ขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความยั่งยืน ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สุขภาพประชาชนที่ดี และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อระบบพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวอย่างยั่งยืน

 

ทั้งกลุ่มบริษัทบางจาก และโรงพยาบาลนครธน ยังได้ร่วมรณรงค์ขอความร่วมมือบุคลากรในโรงพยาบาลและพื้นที่โดยรอบ ไม่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ และไม่ทิ้งน้ำมันที่ผ่านการใช้แล้ว เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีและรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน และสื่อสารให้ความรู้ถึงอันตรายของ “สารโพลาร์ในน้ำมัน” ซึ่งเป็นสาเหตุโรคร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบและโรคมะเร็ง ตามที่มีข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2567 ระบุปัจจุบันในไทยมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเพิ่มขึ้นถึงวันละ 400 ราย ดังนั้นความร่วมมือครั้งนี้จึงช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ งบประมาณและเวลาการรักษาผู้ป่วยได้ด้วย

 

BSGF มุ่งยกระดับการพัฒนาและผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) จากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ผ่านโครงการ “Fry to Fly” โดยเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม

 

BFPL เดินหน้าพันธกิจด้านโลจิสติกส์เชื้อเพลิงอย่างรับผิดชอบ โดยร่วมจัดเก็บและขนส่งน้ำมันใช้แล้ว สู่กระบวนการผลิต SAF อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

กลุ่มบางจากร่วมมือกับทางโรงพยาบาลนครธนครั้งนี้ สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมของภาคธุรกิจ พร้อมจับมือกันมุ่งใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สร้างประโยชน์ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชน และคุณภาพชีวิตที่ดีของสังคม ทำให้โลกมีความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้นทั้งปัจจุบันและอนาคต

 

          ช่วงที่ 2 ห้วงแห่งเวลาการมาร่วมชมมหาปรากฏการณ์ “Vijit Chaophraya :แสงแห่งสยาม แม่ของแผ่นดิน” วันนี้ -23 ธ.ค.2568 ตื่นตาประทับใจกับ แสง สี เสียง โดรนแปรอักษร ตลอดริมสองฝั่งโค้งน้ำเจ้าพระยา 15 จุด แล้วฟัง “16 วิธีนอนให้เป็นยา” ที่ดีต่อสุขภาพทุกวัย ต่อด้วยข่าวดี ๆ ข่าวแรก “TCEBร่วม3พันธมิตร” ลุยโครงการ SPICE UP THAI FEST โปรโมทเทศกาลไทย ข่าวที่สอง “ไทยเนื้อหอม” โกยรายได้ธุรกิจกองถ่ายในงาน American Film Market กว่า 2,130 ล้านบาท

 

ท่องเที่ยว –ชมมหาปรากฏการณ์วิจิตรเจ้าพระยาแสงแห่งสยามแม่ของแผ่นดิน

 

ชวนท่องเที่ยวงาน Vijit Chao Phraya 2025” มหาปรากฏการณ์แสดงแสง สี เสียง สุดยิ่งใหญ่ วันนี้– 23 ธันวาคม 2568 ทุกวัน 18.00 – 22.00 น. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ได้เนรมิตมหาปรากฏการณ์การแสดง แสง สี เสียง แห่งปีริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด “แสงแห่งสยาม แม่ของแผ่นดิน” เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็น “แม่ของแผ่นดิน”

 

ชมการแสดงแสง สี สุดล้ำสมัย สวยงามตระการตาเรียงรายไปตามโค้งน้ำ ทั้ง สะพาน วัด อาคารประวัติศาสตร์ และแลนด์มาร์กใหม่ 15 จุดแสดง แต่ละจุดสะท้อนอัตลักษณ์ของพื้นที่ใช้เทคโนโลยีแสง สี เสียง สวยงามแปลกตาแตกต่างกันไป ดังนี้

 

 

สะพานพระราม 8 ภายใต้แนวคิด “พระมหากรุณา สายธาราสู่รามา 8” ถ่ายทอดความงดงามของสายน้ำผ่านการแสดงเลเซอร์ประกอบ Light & Sound วันละ 6 รอบ ตั้งแต่เวลา 19.00–21.30 น.

 

ปากคลองบางกอกน้อย–ปากคลองดุสิต (โรงพยาบาลศิริราช) ภายใต้แนวคิด “สายธารา                   พระเมตตาสู่ขุนเขา”

 

พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน (โรงพยาบาลศิริราช)  กับแนวคิด “สายธารแห่งเวลา                   มหาธาราสู่ปวงชน” ถ่ายทอดเรื่องราวความผูกพันของสายน้ำและพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่หล่อเลี้ยง                 ผู้คนสองฝั่งเจ้าพระยา

 

อาคารสำนักงานราชนาวิกสภา กองทัพเรือ จัดแสดงในแนวคิด “Might of the Royal Thai Navy มหานุภาพ ราชนาวีไทย” ด้วยการแสดง Light & Sound ผสานเทคนิคพิเศษ สะท้อนพลังแห่งสายน้ำและกองทัพเรือไทยอันทรงเกียรติ

 

สวนนาคราภิรมย์ ดื่มด่ำกับแนวคิด “Chao Phraya Rhapsody บทกวีแห่งเจ้าพระยา” ที่ถ่ายทอดความงามของแม่น้ำผ่านบทเพลงแห่งแสง

 

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร จัดแสดงภายใต้แนวคิด “Dawn of Siam อรุณรุ่งแห่งมหานครสยาม” เนรมิตแสงยามค่ำคืนให้เปล่งประกายดั่งอรุณรุ่งแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

ป้อมวิไชยประสิทธิ์ ถ่ายทอดพลังแห่งผู้พิทักษ์สายน้ำในแนวคิด “Guardians of the Sea ผู้พิทักษ์แห่งท้องทะเล” 

 

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กับแนวคิด “Lamp of Kindred Spirit ธรรมประทีปแห่งกัลยาณมิตร” พร้อมการแสดง Light & Sound และสื่อประสมสุดพิเศษ

 

สะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ (สะพานพระพุทธยอดฟ้า) จัดแสดงภายใต้แนวคิด “Threads of Glory สายใยแห่งความรุ่งเรือง” ด้วยเทคโนโลยีแสงสี เสียงสุดล้ำสมัย ไลท์ แอนด์ ซาวนด์ ผสานเทคโนโลยีพิเศษ พร้อมการแสดงโดรนสุดอลังการกว่า 500–1,000 ลำ ภายใต้แนวคิด “แสงแห่งสยาม แม่ของแผ่นดิน” พร้อมจะส่องสว่างเหนือน่านน้ำเจ้าพระยาในค่ำคืนพิเศษ ด้วยการแสดงจากโดรน 500-1,000 ลำ ดังนี้

 

-ไฮไลต์การแสดงโดรน 500 ลำ นักท่องเที่ยวสามารถชมได้ วันที่ 21, พฤศจิกายน และ วันที่ 5, 12, 19 ธันวาคม 2568  วันละ 1 รอบ ทุกวัน ช่วงเวลา 20.45 น.

 

-ไฮไลต์การแสดงโดรน 1,000 ลำ นักท่องเที่ยวสามารถชมได้ วันที่ 15, 22, 28, 29 พฤศจิกายน และ วันที่ 6, 13, 20 ธันวาคม 2568 วันละ 1 รอบ ทุกวันช่วงเวลา 20.45 น.

 

สะพานพระปกเกล้า จัดแสดงแนวคิด “Luminary Golden Threads สายใยทองแห่งสยาม” สื่อถึงความรุ่งเรืองของชาติ ส่วนบริเวณ ตึกร้าง (ซอยล้ง 1919) ถ่ายทอดมนต์เสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์ผ่านแนวคิด “Siam Ghostly Heritage  สยามวิญญาณรัตติกาล” ด้วยเทคนิค Light on Balloon ที่เล่นแสงและเงาอย่างมีมิติ

 

วัดแม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์) ภายใต้แนวคิด “Beacon of Ambition แสงไฟแห่งความรุ่งเรือง”

 

RIVER CITY BANGKOK กับแนวคิด “Thailand Land of Smiles เมืองไทย เมืองแห่งรอยยิ้ม” ถ่ายทอดรอยยิ้มแห่งสยามที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

 

ไอคอนสยาม (ICONSIAM) ได้จัดแสดงต้นคริสต์มาสยิ่งใหญ่สุดภายใต้แนวคิด “The Thai-conic Lighting Symphony” พร้อมการแสดง ICONIC Multimedia Water Feature จัดขึ้นวันละ 3 รอบ เติมเต็มบรรยากาศแห่งความสุขริมสายน้ำเจ้าพระยา

 

ปั้นจั่น / เครนก่อสร้างทางน้ำ บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด เป็นจุดการแสดงปิดท้าย ภายใต้แนวคิด “Crystal of Life ดวงแสงแห่งการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” Art Installation สื่อถึงพลังงานแห่งความหวังและความงดงามของการท่องเที่ยวสีเขียว ที่จะเปล่งประกายไปพร้อมกับสายน้ำแห่งชีวิต

 

สุขภาพ –16วิธีทำให้การ “นอน” เป็น “ยาที่ดี” ต่อสุขภาพคนทุกวัย

 

“อาการนอนไม่หลับ” เป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งกายและใจ หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลต่อการทำงาน ความสามารถในการจดจำ อารมณ์ ลองทำให้การ “นอน” เป็น “ยา” ที่ดี ด้วย 16 วิธี

 

1. จัดเวลานอนให้สม่ำเสมอ -การนอนและตื่นเวลาเดิมทุกวันจะช่วยให้ร่างกายสร้างวงจรการนอนสมดุล ควรหลีกเลี่ยงงีบกลางวันเกิน 30 นาที เพราะอาจทำให้หลับยากขึ้นตอนกลางคืน

 

2. เลิกสูบบุหรี่ เลิกดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ -สารนิโคตินอาจรบกวนวงจรการนอนได้ แม้เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์จะทำให้ง่วงในช่วงแรก แต่จะทำให้คุณตื่นกลางดึกและนอนไม่หลับต่อ

 

3. เปลี่ยนสภาพแวดล้อมในห้องนอน -ที่นอนแข็งหรือนิ่มเกินไป อากาศในห้องเย็นหรือร้อน อากาศไม่ถ่ายเท อาจทำให้รู้สึกไม่สบายและตื่นระหว่างคืน ลองปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมจะได้หลับที่ดีขึ้น

 

4. เปลี่ยนท่านอน -เลือกท่านอนที่เหมาะสมจะช่วยลดปวดอาการกล้ามเนื้อหรือปัญหาทางกายภาพที่อาจส่งผลต่อคุณภาพการนอน

 

5. กินอาหารว่างที่ไม่หนักเกินไป -อาหารบางชนิดที่มีทริปโตเฟน เช่น กล้วยและโยเกิร์ต อาจช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและส่งเสริมการนอนหลับในบางกรณี

 

6. อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเบา ๆ -ช่วยให้สมองผ่อนคลาย ควรเลือกหนังสือที่มีเนื้อหาเบาสมอง ไม่เครียดหรือตื่นเต้นเกินไป

 

7. งดการใช้หน้าจอต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอที่มีแสงสีฟ้าก่อนนอน รบกวนวงจรการนอน

 

8. ไม่ใช้เตียงทำกิจกรรมอื่น -หลีกเลี่ยงการทำงานหรือดูโทรศัพท์บนเตียง เพราะสมองจดจำว่าเตียงนอนไม่ใช่ที่พักผ่อน

 

9. ไม่ควรมีเสียงหรือแสงรบกวน -ที่มืดสนิทและเงียบสงบช่วยให้หลับสนิทมากขึ้น

 

10. ออกกำลังสม่ำเสมอ -ช่วงเช้าหรือบ่าย ช่วยลดความเครียด และกระตุ้นการนอนที่มีคุณภาพ หลีกเลี่ยงออกกำลังกายหนักก่อนนอน อาจทำให้ร่างกายตื่นตัวเกินไป

 

11. นอนให้พอเพียงกับร่างกายต้องการ-เฉลี่ย 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และหลีกเลี่ยงการฝืนเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายเครียดสะสม

 

12. หลีกเลี่ยงความพยายามที่จะหลับ -ยิ่งพยายามบังคับให้ตัวเองหลับมากเท่าไร ยิ่งทำให้เครียดและหลับยากขึ้น ควรปล่อยตัวให้สบายและทำใจให้ผ่อนคลายก่อนเข้านอน

 

13. วิตกกังวลกลัวนอนไม่หลับ -การวิตกกังวลถึงการนอนไม่หลับจะทำให้สมองตื่นตัว ควรใช้วิธีทำสมาธิหรือฝึกการหายใจเพื่อลดความกังวล

 

14. กิจกรรมช่วยผ่อนคลาย -เช่น วาดภาพ งานฝีมือ อาจช่วยให้รู้สึกสงบและช่วยเข้านอนให้ง่ายขึ้น

 

15. เปลี่ยนแปลงเวลาในการนอน -หากมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ควรปรับเวลานอนแบบค่อยเป็นค่อยไป สร้างตารางเวลานอนอย่างสม่ำเสมอ

 

16. ฝึกกรรมฐาน (สมาธิ) -เช่น หายใจลึก ๆ อาจช่วยลดความเครียดปรับปรุงคุณภาพการนอนได้

 

ฟังข่าวท้ายชั่วโมง

 

ข่าวแรก TCEBผนึก3มิตรใหญ่ชู“SPICE UP THAI FEST”โปรโมทเฟสติวัล

 

            ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB” เปิดเผยว่า ทีเส็บเปิดตัวแคมเปญ “SPICE UP THAI FEST” ร่วมกับ 3 พันธมิตรหลัก ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สร้างแม่เหล็กดึงดูดนักทั่วโลกเดินทางเข้ามาไทยเพื่อร่วมงานเฟสติวัล โดย “การบินไทย” จะมอบตั๋วเครื่องบินไป-กลับ 55 ที่นั่ง เชิญชวนผู้โชคดีได้มาสัมผัสประสบการณ์เฟสติวัลและอัตลักษณ์แท้จริงในไทย  โดยจะเปิดให้นานาชาติเข้าร่วมกิจกรรมระหว่าง15 พฤศจิกายน 2568 – 18 มกราคม 2569 

 

ด้วยการใช้ “เครือข่ายร้านอาหารไทย” ที่กระจายอยู่ทั่วโลก (Thai Restaurant Global Network) 14 สาขา ตั้งเป้านำร่อง 14 พื้นที่ ได้แก่ ออสเตรเลีย กัมพูชา ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ลาว มาเลเซีย จีน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม มุ่งเน้นใช้เครือข่ายร้านอาหารไทยสื่อสารประชาสัมพันธ์ส่งเสริมอัตลักษณ์ไทย เชิญชวนผู้คนในแต่ละประเทศเลือกไทยเป็นจุดหมายปลายทาง

           

โดยเลือกใช้กลยุทธ์การตลาด “อินฟลูเอนเซอร์” (Influencer Marketing) ซึ่งปัจจุบันเป็นเครื่องมือสื่อสารสำคัญที่มีบทบาทต่อโลก ผนวกเข้ากับ “เครือข่ายร้านอาหารไทยทั่วโลก” นับเป็นตัวแทนประเทศถ่ายทอดเรื่องราวงานเฟสติวัลไทยในเวทีโลก ร่วมกับทั้ง 4 พันธมิตร ร่วมมือกันส่งเสริมและยกระดับงานเฟสติวัลไทยสู่สายตานานาชาติ

 

ดร. ศุภวรรณ กล่าวว่า “SPICE UP THAI FEST” คือการนำอุตสาหกรรไมซ์ไทยออกเดินทางครั้งใหม่แสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรทั่วโลกใช้เสน่ห์ไทยทั้ง เครือข่ายร้านอาหารที่มีอยู่ทั่วโลก กับวัฒนธรรม เชื่อมโยงผู้คน ความรู้ และโอกาสใหม่ ๆ เข้าด้วยกัน ในยุคที่การสื่อสารเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทีเส็บจะทำมากกว่า “การจัดงานเทศกาล” เพิ่มช่องทางเชื่อมโยงการสื่อสารผ่านร้านอาหารไทย ตอนนี้กลายเป็น “จุดศูนย์กลางของแฟนเบสทั่วโลก” ที่หลงใหล อาหารไทย ศิลปวัฒนธรรมไทย และวิถีชีวิตแบบไทย

 

ส่วน “งานเทศกาล” จะใช้เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศช่วยยกระดับงานเทศกาลของไทยสู่สากลขึ้นชั้นงานระดับนานาชาติ สร้างเอกลักษณ์เป็นจุดขายอุตสาหกรรมไมซ์และการท่องเที่ยวบนเวทีโลก

 

“แคมเปญ Spice Up Thai Fest จะเปิดให้ลูกค้าที่รับประทานตามร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่เข้าร่วมโครงการ สแกน QR Code นำเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ www.SpiceUpThaiFest.tceb.or.th โดยถ่ายภาพและบรรยายความรู้สึกเกี่ยวกับอาหารไทยและอัตลักษณ์ความเป็นไทย จากนั้นก็เช็คอินบนแพลตฟอร์ม เพื่อลุ้นรับตั๋วเครื่องบินการบินไทยรวมกว่า 55 รางวัล เดินทางมาร่วมสัมผัสประสบการณ์งานเฟสติวัลไทยในเมืองไทย

 

นักเดินทางนานาชาติสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 – 18 มกราคม 2569 และจะประกาศผู้ได้รับรางวัลวันที่ 22 มกราคม 2569 ติดตามแคมเปญได้ทาง www.SpiceUpThaiFest.tceb.or.th

 

ข่าวที่สอง ไทยเนื้อหอมโกยรายได้ธุรกิจถ่ายหนังโลกAFM 2025กว่า2พันล้าน

 

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า กรมการท่องเที่ยวนำทีมเปิดคูหานิทรรศการในงาน American Film Market : AFM 2025 ระหว่างวันที่ 11-15 พฤศจิกายน 2568 ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา โดยเน้นการเข้าร่วมงานในส่วน Location expo มุ่งโปรโมทความพร้อมเมืองไทยเป็นจุดหมายลายทางแหล่งถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก

 

ตลอด 2 วันแรก วันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2568  มีผู้เข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโลเกชั่นการถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทยกับมาตรการอินเซ็นทีฟอย่างต่อเนื่องมากกว่า 50 ราย คาดการณ์การจับคู่เจรจาธุรกิจจะสร้างรายได้ให้ประเทศประมาณ 2,130 ล้านบาท  จากตลาด 2 กลุ่ม คือ

 

กลุ่มที่ 1 ผู้ผลิตภาพยนต์สนใจมาซ้ำ ที่เคยถ่ายทำในเมืองไทยแล้วและต้องการกลับเข้ามาถ่ายทำในเมืองไทยอีกเพราะได้รับเงินคืนจากมาตรการ 30%

 

กลุ่มที่ 2 ผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหม่จากสหรัฐอเมริกา สนใจเข้ามาถ่ายทำหนังแนวสัตว์ประหลาด อาหาร และมวยไทย เพราะเชื่อมั่นฝีมือทีมงานไทยและอินเซ็นทีฟเรื่องการจ่ายเงินคืนจริงตามมาตรการของรัฐบาลไทย

 

ภายในงานดังกล่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้นำผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย 15 บริษัท เข้าร่วมงานเพื่อจับคู่เจรจาธุรกิจซื้อขายภาพยนตร์ไทยด้วย เช่น ผู้ผลิตภาพยนตร์ไทย บริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ สตูดิโอ และผู้ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในเมืองไทย  

 

ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.

 

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

“Carbon Markets Club-MEX”ผนึกตลาดคาร์บอนมาเก๊า-ไทย ลุยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

  “ Carbon Markets Club - MEX ”ผนึกตลาดคาร์บอนมาเก๊า-ไทย เพิ่มศักยภาพตลาดคาร์บอนเอเชีย-ดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ   เรื่องโดย... # เพ็ญรุ่ง...