IATAบี้กรอบเวลาแผนSTIPลงทุนขนส่ง-การบินยั่งยืนในยุโรป
แนะทบทวนน้ำมันSAFเพิ่ม3เรื่อง“สร้างตลาด-ราคา-เทคโลยี”
เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT #เที่ยวกับกู๋ #IATA #SAF
IATA ขานรับกรรมาธิการยุโรป
ประกาศแผนลงทุนการขนส่งทางอากาศอย่างยั่งยืน “STIP” ยื่นขอ
“กรอบเวลา” สร้างมาตรฐานสำคัญเกิดรูปธรรมจริง แนะทบทวนเพิ่ม “EU
ETS &Refuel” และการให้น้ำหนักการใช้น้ำมันการบินยั่งยืน SAF 3 เรื่อง
“การสร้างตลาดโปร่งใส-กลไกราคาแข่งขันได้-เป็นกลางทางเทคโลยี”
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International
Air Transport Association :IATA) รายงานว่า ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรปออกประกาศ
“แผนการลงทุนด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน” (the European
Commission’s release of the Sustainable Transport Investment Plan
:STIP) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนเดินหน้า
“เร่งรัดการขนส่งทางอากาศลดปล่อยคาร์บอน” โดยแผนดังกล่าวมุ่งแก้ไขจุดอ่อนที่มีมายาวนานหลายประการเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านการบินของสหภาพยุโรปกับการลดคาร์บอนยังคงจำเป็นต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมต่อไป
“วิลลี่ วอลช์” ผู้อำนวยการใหญ่
IATA กล่าวว่ายินดีที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ตระหนักถึงความท้าทายทางการตลาดที่เกิดจากข้อบังคับของการใช้น้ำมันอากาศยานที่ยั่งยืน
(Sustainable Aviation Fuel : SAF) ซึ่งมีข้อบกพร่องมาตั้งแต่ต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง “ช่องว่างราคา” ระหว่างเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนกับเชื้อเพลิงทั่วไป
และความจำเป็นเรื่องสนับสนุนการลงทุนอย่างเข้มแข็ง พร้อมขยายแนวทางสนับสนุน SAF
ภายใต้ระบบการซื้อขายลดปล่อยมลพิษของสหภาพยุโรป (EU ETS : EU Emissions Trading System) มีผลสำรวจ SAF
สามารถซื้อขายได้และกลไกการจองพร้อมข้อเรียกร้อง การทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ต้องปรับปรุงการเข้าถึงใบรับรองความยั่งยืนผ่านฐานข้อมูลสหภาพ (Union
Database : UDB) และต้องมุ่งส่งเสริมข้อปฏิบัติการ SAF เพื่อประสานความร่วมมือกันระดับโลก ภายใต้ 2 ส่วน
คือ
ส่วนที่ 1 คำสั่งด้านพลังงานหรือ “EU RED” (Renewable
Energy Directive)
ส่วนที่ 2 โครงการชดเชยและลดคาร์บอนสำหรับการบินระหว่างประเทศ หรือ CORSIA (Carbon Offsetting and
Reduction Scheme for International Aviation) ที่พัฒนาโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ
(ICAO)
“วิลลี วอลช์” ย้ำว่า IATA
พร้อมจะทำงานอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อแก้ไขช่องว่างต่าง
ๆ และเพื่อให้มั่นใจว่า STIP ได้นำเสนอกรอบการทำงานสอดคล้องและพร้อมในการลงทุน
จึงขอให้คณะกรรมาธิการยุโรป “ชี้แจงกรอบเวลา” การทำให้มาตรการสำคัญ ๆ
เกิดเป็นรูปธรรมจริง โดยพิจารณาทบทวน “EU ETS และ Refuel” เพื่อให้สามารถดำเนินการทางการตลาดและการแทรกแซงอื่น
ๆ ได้ทันท่วงทีและเหมาะสม
ผลักดันอุตสาหกรรมการบินมุ่งปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกรอบนโยบายสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมและขอบเขตความท้าทายนี้อย่างแท้จริง
ประกาศของคณะกรรมาธิการยุโรปครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่
IATA จะต้องติดตามแนวทางปฏิบัติจะทำให้กลายเป็นจริงได้อย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลว่า “แผนการลงทุนด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน หรือ STIP” ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังสำคัญของอุตสาหกรรมการบิน ไออาร์ตาจึงหวังให้ครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น
“ทบทวนโครงการริเริ่มความยั่งยืน” ด้านการบินของสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะนำไปสู่โครงการลดคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จมากขึ้นในที่สุด
โดยมีพื้นที่การขับเคลื่นของ STIP
ที่ยังคงมีพื้นที่ส่วนที่น่ากังวลอยู่อีก 3 เรื่อง
ได้แก่ :
● การส่งเสริมการรับรอง
SAF Book-and-Claim ในยุโรป :
ขณะนี้ไออาร์ตา /IATA
รับทราบถึงประกาศคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ตระหนักถึงศักยภาพของกลไกที่ช่วยให้สามารถรับรอง
SAF ซื้อขายได้ รวมทั้งทางเลือกในการรับรอง Book-and-Claim
เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านอุปทาน SAF ตามท่าอากาศยานต่าง
ๆ ในยุโรป
ซึ่งระบบดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนในโรงงานผลิต
SAF นอกเหนือจากการส่งเสริมความสามัคคีและความเชื่อมโยงในภูมิภาค
ยังต้องมีเรื่องสร้างสนามแข่งขันอย่างเท่าเทียมกันให้ผู้ประกอบการการจากภูมิภาคต่าง
ๆ ทั่วยุโรปด้วย
ระบบนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนในยุโรป
เนื่องจากกลไกความยืดหยุ่นภายใต้โครงการ “ReFuelEU Aviation” และกฎระเบียบการขอคืนภาษี
SAF ภายใต้โครงการ EU ETS มีความคลาดเคลื่อน
จึงควรนำการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่จำเป็นตามคำสั่ง EU ETS นำมาใช้ในระหว่างการทบทวนครั้งต่อไป
เพื่อให้ขอคืนภาษี SAF ได้ทั่วทั้งสหภาพยุโรป
โดยมีสิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ
การดำเนินการตามหนังสือและขอคืนภาษีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของ
“กลไกตัวกลาง” ที่เสนอไว้ในการปรับปรุงฐานข้อมูลสหภาพหรือ UDB ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน และควรเร่งดำเนินการดังกล่าวให้มีเป็นไปได้จริง
● แนวทางให้น้ำหนักความสำคัญกับการพิจารณาด้าน
“อุปสงค์” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งโดยจะต้องให้การยอมรับ “ผู้ประกอบการการบิน” ในฐานะผู้ใช้ปลายทาง
ผนวกกับให้ความสำคัญลำดับต้น ๆ กับปัญหาของแต่ละสนามบินอย่างถี่ถ้วน ผลักดัน STIP
ให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะผู้ประกอบการอากาศยานจำเป็นต้องมีตลาด SAF
ที่คาดการณ์ได้ และมีราคาความโปร่งใสชัดเจน เพื่อวางแผนบูรณาการใช้ SAF
เข้ากับการดำเนินงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันผู้ประกอบการการบินต้องเผชิญกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน
(SAF) สูงขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล แม้ STIP จำเป็นต้อง “เพิ่มการลงทุน” ในโรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืน
แต่ STIP ควรให้ความสำคัญกับ “การสร้างตลาด” น้ำมันดังกล่าวอย่างโปร่งใสและเปิดกว้าง
ส่งเสริมทั้ง “อุปทานและอุปสงค์” อย่างเท่าเทียมกันให้มากขึ้น บนฐานข้อมูลสหภาพที่แข็งแกร่งนั้นก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความพยายามเดินหน้าทำครั้งนี้ด้วย
ดังนั้น IATA
จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการ เร่งดำเนินการ “ปรับปรุงข้อปฏิบัติ”
ด้าน “การสร้างตลาด”กับ “กลไกราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน” โดย IATA และสมาชิกสายการบินทั่วโลก พร้อมจะมีส่วนร่วมสนับสนุนทุกปัจจัยที่จำเป็นในการดำเนินงานครั้งนี้
เพื่อให้มั่นใจว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลลัพธ์ดีที่สุดต่อไป
● “การสนับสนุน
SAF” ที่เป็นกลางทางเทคโนโลยี จะเป็น
“กุญแจสำคัญ” สร้างความมั่นใจการลงทุนผลิต SAF ในยุโรปที่มีความหลากหลาย
ถึงแม้ STIP จะยอมรับบทบาทของเชื้อเพลิงชีวภาพ
แต่ยังคงให้ความสำคัญกับ e-SAF (เป็นเชื้อเพลิงการบินสังเคราะห์แบบยั่งยืนผลิตจากไฮโดรเจน
(H₂) และ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) โดยใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในการผลิต)
โดยอ้างอิงถึงข้อจำกัดด้านวัตถุดิบ ตามรายงานล่าสุดของ IATA เกี่ยวกับความพร้อมของวัตถุดิบ แสดงให้เห็นว่ายุโรปมีศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างมากกับวัตถุดิบที่ยั่งยืน
ซึ่งรวมถึงกากของเสียขั้นสูงและของเสียจากกระบวนการผลิต
แนวทาง “ความเป็นกลางทางเทคโนโลยี” คือสิ่งจำเป็นที่จะสนับสนุนทั้งเชื้อเพลิงชีวภาพ
และ e-SAF เพื่อเพิ่มศักยภาพ SAF ทั้งหมดได้
แล้วก็มีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายภายในปี 2593 ตั้งการลดคาร์บอนไว้
500 ล้านตัน ส่วนการจำกัดการสนับสนุนเฉพาะ e-SAF เพียงอย่างเดียว อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถขยายขนาดและความคุ้มค่าการใช้งาน
SAF ทั่วทั้งทวีป ซึ่งจะส่งผลทำให้แนวทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ล่าช้าตามมาด้วย




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น