วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

IATAบี้กรอบเวลาแผนSTIPลงทุนการบินยั่งยืนในยุโรปแนะทบทวนน้ำมันSAF3เรื่อง“สร้างตลาด-ราคา-เทคโลยี”

IATAบี้กรอบเวลาแผนSTIPลงทุนขนส่ง-การบินยั่งยืนในยุโรป

แนะทบทวนน้ำมันSAFเพิ่ม3เรื่อง“สร้างตลาด-ราคา-เทคโลยี”


สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศเกาะติดแผนลงทุนขนส่งในยุโรปขอเพิ่มน้ำมันการบิน SAF 3 เรื่อง

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #IATA #SAF

 

IATA ขานรับกรรมาธิการยุโรป ประกาศแผนลงทุนการขนส่งทางอากาศอย่างยั่งยืน “STIP” ยื่นขอ “กรอบเวลา” สร้างมาตรฐานสำคัญเกิดรูปธรรมจริง แนะทบทวนเพิ่ม EU ETS &Refuel” และการให้น้ำหนักการใช้น้ำมันการบินยั่งยืน SAF 3 เรื่อง “การสร้างตลาดโปร่งใส-กลไกราคาแข่งขันได้-เป็นกลางทางเทคโลยี”

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association :IATA) รายงานว่า ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรปออกประกาศ “แผนการลงทุนด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน” (the European Commission’s release of the Sustainable Transport Investment Plan :STIP) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนเดินหน้า “เร่งรัดการขนส่งทางอากาศลดปล่อยคาร์บอน” โดยแผนดังกล่าวมุ่งแก้ไขจุดอ่อนที่มีมายาวนานหลายประการเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านการบินของสหภาพยุโรปกับการลดคาร์บอนยังคงจำเป็นต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติมต่อไป




“วิลลี่ วอลช์”  ผู้อำนวยการใหญ่ IATA กล่าวว่ายินดีที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ตระหนักถึงความท้าทายทางการตลาดที่เกิดจากข้อบังคับของการใช้น้ำมันอากาศยานที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ซึ่งมีข้อบกพร่องมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง “ช่องว่างราคา” ระหว่างเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนกับเชื้อเพลิงทั่วไป และความจำเป็นเรื่องสนับสนุนการลงทุนอย่างเข้มแข็ง พร้อมขยายแนวทางสนับสนุน SAF ภายใต้ระบบการซื้อขายลดปล่อยมลพิษของสหภาพยุโรป (EU ETS : EU Emissions Trading System) มีผลสำรวจ SAF สามารถซื้อขายได้และกลไกการจองพร้อมข้อเรียกร้อง การทำให้ผู้ประกอบการเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ต้องปรับปรุงการเข้าถึงใบรับรองความยั่งยืนผ่านฐานข้อมูลสหภาพ (Union Database : UDB) และต้องมุ่งส่งเสริมข้อปฏิบัติการ SAF เพื่อประสานความร่วมมือกันระดับโลก ภายใต้ 2 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 คำสั่งด้านพลังงานหรือ “EU RED” (Renewable Energy Directive)

ส่วนที่ 2 โครงการชดเชยและลดคาร์บอนสำหรับการบินระหว่างประเทศ หรือ CORSIA (Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation) ที่พัฒนาโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)

“วิลลี วอลช์” ย้ำว่า IATA พร้อมจะทำงานอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อแก้ไขช่องว่างต่าง ๆ และเพื่อให้มั่นใจว่า STIP ได้นำเสนอกรอบการทำงานสอดคล้องและพร้อมในการลงทุน จึงขอให้คณะกรรมาธิการยุโรป “ชี้แจงกรอบเวลา” การทำให้มาตรการสำคัญ ๆ เกิดเป็นรูปธรรมจริง โดยพิจารณาทบทวน “EU ETS และ Refuel เพื่อให้สามารถดำเนินการทางการตลาดและการแทรกแซงอื่น ๆ ได้ทันท่วงทีและเหมาะสม ผลักดันอุตสาหกรรมการบินมุ่งปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี  2593 ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกรอบนโยบายสอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมและขอบเขตความท้าทายนี้อย่างแท้จริง

ประกาศของคณะกรรมาธิการยุโรปครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่ IATA จะต้องติดตามแนวทางปฏิบัติจะทำให้กลายเป็นจริงได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกังวลว่า “แผนการลงทุนด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน หรือ STIP” ยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังสำคัญของอุตสาหกรรมการบิน ไออาร์ตาจึงหวังให้ครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น “ทบทวนโครงการริเริ่มความยั่งยืน” ด้านการบินของสหภาพยุโรปอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะนำไปสู่โครงการลดคาร์บอนที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จมากขึ้นในที่สุด



โดยมีพื้นที่การขับเคลื่นของ STIP ที่ยังคงมีพื้นที่ส่วนที่น่ากังวลอยู่อีก 3 เรื่อง ได้แก่ :

การส่งเสริมการรับรอง SAF Book-and-Claim ในยุโรป :

ขณะนี้ไออาร์ตา /IATA รับทราบถึงประกาศคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ตระหนักถึงศักยภาพของกลไกที่ช่วยให้สามารถรับรอง SAF ซื้อขายได้ รวมทั้งทางเลือกในการรับรอง Book-and-Claim เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านอุปทาน SAF ตามท่าอากาศยานต่าง ๆ ในยุโรป

ซึ่งระบบดังกล่าวจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการลงทุนในโรงงานผลิต SAF นอกเหนือจากการส่งเสริมความสามัคคีและความเชื่อมโยงในภูมิภาค ยังต้องมีเรื่องสร้างสนามแข่งขันอย่างเท่าเทียมกันให้ผู้ประกอบการการจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วยุโรปด้วย

ระบบนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนในยุโรป เนื่องจากกลไกความยืดหยุ่นภายใต้โครงการ “ReFuelEU Aviation” และกฎระเบียบการขอคืนภาษี SAF ภายใต้โครงการ EU ETS มีความคลาดเคลื่อน จึงควรนำการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่จำเป็นตามคำสั่ง EU ETS นำมาใช้ในระหว่างการทบทวนครั้งต่อไป เพื่อให้ขอคืนภาษี SAF ได้ทั่วทั้งสหภาพยุโรป

โดยมีสิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ การดำเนินการตามหนังสือและขอคืนภาษีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของ “กลไกตัวกลาง” ที่เสนอไว้ในการปรับปรุงฐานข้อมูลสหภาพหรือ UDB ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน และควรเร่งดำเนินการดังกล่าวให้มีเป็นไปได้จริง

แนวทางให้น้ำหนักความสำคัญกับการพิจารณาด้าน “อุปสงค์” เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งโดยจะต้องให้การยอมรับ “ผู้ประกอบการการบิน” ในฐานะผู้ใช้ปลายทาง ผนวกกับให้ความสำคัญลำดับต้น ๆ กับปัญหาของแต่ละสนามบินอย่างถี่ถ้วน ผลักดัน STIP ให้เกิดเป็นรูปธรรม เพราะผู้ประกอบการอากาศยานจำเป็นต้องมีตลาด SAF ที่คาดการณ์ได้ และมีราคาความโปร่งใสชัดเจน เพื่อวางแผนบูรณาการใช้ SAF เข้ากับการดำเนินงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบันผู้ประกอบการการบินต้องเผชิญกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (SAF) สูงขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล แม้ STIP จำเป็นต้อง “เพิ่มการลงทุน” ในโรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานที่ยั่งยืน แต่ STIP ควรให้ความสำคัญกับ “การสร้างตลาด” น้ำมันดังกล่าวอย่างโปร่งใสและเปิดกว้าง ส่งเสริมทั้ง “อุปทานและอุปสงค์” อย่างเท่าเทียมกันให้มากขึ้น บนฐานข้อมูลสหภาพที่แข็งแกร่งนั้นก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความพยายามเดินหน้าทำครั้งนี้ด้วย

ดังนั้น IATA จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการ เร่งดำเนินการ “ปรับปรุงข้อปฏิบัติ” ด้าน “การสร้างตลาด”กับ “กลไกราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยั่งยืน” โดย IATA และสมาชิกสายการบินทั่วโลก พร้อมจะมีส่วนร่วมสนับสนุนทุกปัจจัยที่จำเป็นในการดำเนินงานครั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลลัพธ์ดีที่สุดต่อไป


“การสนับสนุน SAF” ที่เป็นกลางทางเทคโนโลยี จะเป็น “กุญแจสำคัญ” สร้างความมั่นใจการลงทุนผลิต SAF ในยุโรปที่มีความหลากหลาย ถึงแม้ STIP จะยอมรับบทบาทของเชื้อเพลิงชีวภาพ แต่ยังคงให้ความสำคัญกับ e-SAF (เป็นเชื้อเพลิงการบินสังเคราะห์แบบยั่งยืนผลิตจากไฮโดรเจน (H) และ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO) โดยใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในการผลิต) โดยอ้างอิงถึงข้อจำกัดด้านวัตถุดิบ ตามรายงานล่าสุดของ IATA เกี่ยวกับความพร้อมของวัตถุดิบ แสดงให้เห็นว่ายุโรปมีศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างมากกับวัตถุดิบที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงกากของเสียขั้นสูงและของเสียจากกระบวนการผลิต

แนวทาง “ความเป็นกลางทางเทคโนโลยี” คือสิ่งจำเป็นที่จะสนับสนุนทั้งเชื้อเพลิงชีวภาพ และ e-SAF เพื่อเพิ่มศักยภาพ SAF ทั้งหมดได้ แล้วก็มีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายภายในปี 2593 ตั้งการลดคาร์บอนไว้ 500 ล้านตัน ส่วนการจำกัดการสนับสนุนเฉพาะ e-SAF เพียงอย่างเดียว อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถขยายขนาดและความคุ้มค่าการใช้งาน SAF ทั่วทั้งทวีป ซึ่งจะส่งผลทำให้แนวทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ล่าช้าตามมาด้วย

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

“Carbon Markets Club-MEX”ผนึกตลาดคาร์บอนมาเก๊า-ไทย ลุยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

  “ Carbon Markets Club - MEX ”ผนึกตลาดคาร์บอนมาเก๊า-ไทย เพิ่มศักยภาพตลาดคาร์บอนเอเชีย-ดันเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ   เรื่องโดย... # เพ็ญรุ่ง...